สมุนไพรหญ้าหนวดเเมว มีสรรพคุณดีอย่างไร-เเละสามารถรักษาโรคได้อย่างไร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรหญ้าหนวดเเมว มีสรรพคุณดีอย่างไร-เเละสามารถรักษาโรคได้อย่างไร  (อ่าน 14 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2018, 05:28:54 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


ต้นหญ้าหนวดแมว
ชื่อสมุนไพร  หญ้าหนวดแมว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น  พยับเมฆ (จังหวัดกรุงเทพมหานคร) บางรักป่า (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์), อีตู่ป่าดง (เพชรบุรี) หญ้าหนวดเสือ
ชื่อสามัญ Kidney tea plant, Cat’s whiskers, Java tea, Hoorah grass
ชื่อวิทยาศาสตร์ Orthosiphon aristatus (Blume) Miq.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Orthosiphon grandiflorus Bold. ,Orthosiphon stamineus Benth.
ตระกูล Lamiaceae หรือ Lamiaceae
บ้านเกิด  หญ้าหนวดแมวจัดเป็นพืชป่าในเขตร้อนชื้นมีบ้านเกิดแถวทวีปเอเชียใต้แถบประเทศอินเดีย , บังคลาเทศ , ศรีลังกาแล้วก็ทางตอนใต้ของจีนแล้วมีการกระจายชนิดไปสู่ในประเทศเขตร้อนที่ใกล้เคียง (ในเอเซียอาคเนย์) เช่น ประเทศพม่า ไทย ลาว เขมร มาเลเซีย ฯลฯ ในประเทศไทย มีการนำหญ้าหนวดแมวมาเป็นสมุนไพรรักษาโรคนิ่วและขับปัสสาวะมานานแล้ว จนกว่าในขณะนี้มีการทำการวิจัยเกี่ยวกับต้นหญ้าหนวดแมวว่าสามารถรักษาโรคและสภาวะต่างๆได้มากมายหลายโรคก็เลยทำให้ความนิยมในการใช้ต้นหญ้าหนวดแมวมากขึ้น
ลักษณะทั่วไป   ต้นหญ้าหนวดแมวมีลักษณะ ต้น เป็นไม้พุ่มล้มลุก ขนาดเล็ก เนื้ออ่อน สูง 30-60 ซม. มีอายุหลายปี ลำต้นรวมทั้งกิ่งค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยมเห็นได้ชัดเจน มีสีม่วงแดง และมีขนนิดหน่อย แตกกิ่งก้านสาขามากมาย โคนต้นอ่อนโค้ง ปลายตั้งชัน ตามยอดอ่อนมีขนกระจัดกระจาย ใบเป็นผู้เดียว ออกตรงข้าม สีเขียวเข้ม รูปไข่ หรือรูปสี่เหลี่ยมผ่านหลามตัด ตามเส้นใบมักมีขน กว้าง 2-5 เซนติเมตร ยาว 5-10 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ ขอบของใบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆเว้นเสียแต่ขอบที่โคนใบจะเรียบ มีขนตามเส้นใบด้านบนและด้านล่าง เนื้อใบบาง ก้านใบยาว 2-4.5 เซนติเมตร มีขน ดอก มีสีขาว หรือขาวอมม่วงอ่อน ออกเป็นช่อกระจะตั้ง ที่ปลายยอด เป็นรูปฉัตร ยาว 7-29 ซม. มีดอกย่อยราวๆ 6 ดอก ขนาดดอก 1.5 ซม. ดอกจะบานจากด้านล่างขึ้นไปข้างบน ริ้วประดับรูปไข่ ยาว 1-2 มม. ไม่มีก้าน กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง งอนิดหน่อย ยาว 2.5-4.5 มม. เมื่อได้ผลยาว 6.5-10 มิลลิเมตร ด้านนอกมีต่อมน้ำมันหรือเป็นปุ่มๆกลีบดอกไม้โคนเชื่อมชิดกันเป็นหลอดตรงเล็ก ยาว 10-20 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็นปากสองปาก ปากบนใหญ่กว่า ปากบนมีหยักตื้นๆ4 หยัก โค้งไปทางด้านหลัง ปากข้างล่างตรง โค้งเป็นรูปช้อน เกสรเพศผู้มี 4 อัน เรียงเป็น 2 คู่ คู่ล่างยาวกว่าคู่บนน้อย ก้านเกสรยาว เกลี้ยง ไม่ติดกัน ยื่นยาวออกมานอกกลีบดอกเห็นได้ชัดเสมือนหนวดแมว อับเรณูเป็น 2 พู ข้างบนบรรจบกัน ก้านเกสรเพศเมียเรียวเล็ก ยาว 5-6 ซม. ปลายก้านเป็นรูปกระบอง ปลายสุดมี 2 พู ผลสำเร็จแห้งไม่แตก รูปขอบขนานกว้าง แบน แข็ง สีน้ำตาลเข้ม ขนาดเล็ก ยาวประมาณ 1-2 มม. ผลจะเจริญเป็น 4 ผลย่อยจากดอกหนึ่งดอก ตามผิวมีรอยย่น มีดอกและติดผลราวเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม ถูกใจขึ้นที่ชื้น มีแดดรำไรในป่าขอบลำธาร หรือน้ำตก
การขยายพันธุ์ ต้นหญ้าหนวดแมว เป็นไม้ล้มลุกที่เติบโตได้ดิบได้ดีในดินชื้น คล้ายกับกระเพราและก็โหระพา ก็เลยทนต่อสภาพแห้งได้น้อย ด้วยเหตุผลดังกล่าว การปลูกหญ้านวดแมวควรต้องเลือกสถานที่ปลูกที่ค่อนข้างเปียกชื้นเสมอหรือมีระบบระเบียบให้น้ำอย่างทั่วถึง แต่ว่าในช่วงฤดูฝนสามารถเติบโตได้ทุกพื้นที่
                ทั้งต้นหญ้าหนวดแมวเป็นพืชชอบดินร่วนซุย แล้วก็มีอินทรียวัตถุสูง ด้วยเหตุดังกล่าว ดินหรือแปลงปลูกควรจะเพิ่มเติมอินทรียวัตถุ อาทิเช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ก่อนพรวนผสมกันไปจนกว่าจะเข้ากันแล้วก็กำจัดวัชพืชออกให้หมด
ส่วนการปลูกหญ้าหนวดแมว ปลูกได้ด้วย 2 วิธี คือ

  • การปักชำกิ่ง ตัดกิ่งที่ยังไม่ออกดอก ยาวราวๆ 15-20 เซนติเมตร แล้ว เด็ดกิ่งกิ้งก้าน รวมทั้งใบออกด้านโคนกิ่งออก ในความยาวประมาณ 5 เซ็นต์ กับเด็ดยอดทิ้ง ก่อนนำมาปักชำ ซึ่งบางทีอาจปักชำในกระถางหรือปักชำลงแปลงปลูก
  • การหว่านเม็ด นำเม็ดหว่านลงแปลงที่จัดเตรียมไว้ โดยหว่านให้เมล็ดมีระยะห่างกันประมาณ 3-5 ซม. ก่อนให้น้ำ ให้ปุ๋ย และดูแลจนต้นกล้าอายุประมาณ 20-30 วัน หรือสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร ก่อนแยกปลูกลงแปลงต่อไป

ต้นหญ้านวดแมว เป็นพืชที่อยากความชื้นสูง ถ้าขาดน้ำนาน ลำต้นจะเหี่ยวเฉา และตายได้เร็ว ฉะนั้น กล้าต้นหญ้าหนวดแมวหรือต้นที่ปลูกในแปลงแล้ว ต้องมีการให้น้ำขั้นต่ำ 2 วัน/ครั้ง
การเก็บเกี่ยว ต้นหญ้าหนวดแมว แก่เก็บเกี่ยวโดยประมาณ 120-140 วัน หลังปลูก บางทีอาจเก็บเกี่ยวด้วยการถอนทั้งต้นหรือทยอยเด็ดเก็บกิ่งมาใช้ประโยชน์ก็ได้
องค์ประกอบทางเคมี
หญ้าหนวดแมวมีส่วนประกอบทางด้านพฤกษเคมีที่สะดุดตาเป็น สารกลุ่ม phenolic compoundsดังเช่น rosmarinic acid, 3’-hydroxy-5, 6,    7, 4’-tetramethoxyflavone, sinensetin และeupatorin รวมถึง pentacyclic triterpenoid ที่สำคัญเป็น betulinic acid2 นอกจากนี้ยังพบ glucoside orthosiphonin, myoinositol, essential oil, saponin, alkaloid, phytosterol, tannin เจอสารกรุ๊ปฟลาโอ้อวดน ตัวอย่างเช่น sinensetin, 3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxy flavones Potassium Salf ในใบ และHederagenin, Beta-Sitosterol, Ursolic acid ในต้นอีกด้วย
ซึ่งสารในหญ้าหนวดแมวเหล่านี้มีรายงานฤทธิ์ทางสรีรวิทยาและเภสัชวิทยามาก ตัวอย่างเช่น การขับปัสสาวะ ลดระดับกรดยูริค (hypouricemic activity) ป้องกัน ตับ ไต รวมทั้งกระเพาะ ลดระดับความดันเลือด ต่อต้านสารอนุมูลอิสระหรือปฏิกิริยาออกซิเดชัน ต้านทานการอักเสบ เบาหวาน รวมทั้งจุลชีวัน ลดไขมัน (antihyper-lipidemic activity) ลดความอยากรับประทานอาหาร (anorexic  activity)  และก็ปรับสมดุลภูมิคุ้มกันของร่างกาย (immunomodulation)
 
 
 ส่วนประกอบทางเคมีของสารพฤกษเคมีในหญ้าหนวดแมว (a)    rosmarinic acid, (b)  3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxyflavone, (c) eupatorin, (d) sinensetin, (e) betulinic acid
                 
     Tannin ที่มา: Wikipedia                      Myo-inositol   ที่มา: Google
คุณประโยชน์  หญ้าหนวดแมวเป็นสมุนไพรที่คนไทยได้ประยุกต์ใช้รักษาโรคมานานแล้ว โดยมีสรรพคุณตามตำราไทยเป็นใบมีรสจืดชืด ใช้เป็นยาชงแทนใบชา กินขับปัสสาวะ ขับนิ่ว แก้โรคไต และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว แล้วก็ไขข้ออักเสบ แก้คลื่นเหียนอาเจียน แก้ถุงน้ำดีอักเสบ ทุเลาอาการไอ แก้หนองใน ราก ขับฉี่ ขับนิ่ว ทั้งยังต้น แก้โรคไต ขับเยี่ยว รักษาโรคกระษัย รักษาโรคปวดตามสันหลัง แล้วก็บั้นเอว รักษาโรคนิ่ว แก้โรคหนองใน รักษาโรคเยื่อจมูกอักเสบ ล้างสารพิษในไต
ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันนั้น มีผลการศึกษาค้นคว้าวิจัยบอกว่า ต้นหญ้าหนวดแมวมีสรรพคุณ

  • ความดันเลือดสูง ต้นหญ้าหนวดแมวทำให้ความดันโลหิตต่ำลง แล้วก็ยังสามารถลดสภาวะเส้นโลหิตหดตัวได้ด้วย ก็ยิ่งทำให้ไม่เป็นอันตรายในคนป่วยกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น
  • การต่อว่าดเชื้อระบบฟุตบาทเยี่ยว โรคนี้หมอมักเสนอแนะให้ผู้เจ็บป่วยกินน้ำมากมายๆโดยยิ่งไปกว่านั้นในระยะเริ่มต้นหากกินน้ำมากมายๆก็จะช่วยให้หายได้โดยไม่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ การดื่มน้ำมากมายๆเสมือนเป็นการช่วยทำให้เชื้อโรคถูกขับออกไทยจากระบบทางเดินเยี่ยวไปเรื่อยยิ่งขับออกเร็วมากเท่าใดอาการของโรคก็จะหายเร็วมากยิ่งกว่าเดิมแค่นั้นถ้าเชื้อสะสมอยู่ในระบบทางเท้าฉี่ก็จะทำการกระตุ้นการหลั่งสารกลุ่ม cytokines โดยเฉพาะ interleukin 6  ที่ได้ผลทั้งยังเฉพาะที่ในระบบทางเท้าปัสสาวะรวมทั้งกระทบไปทั่วร่างกาย (systemic effect) เป็นนำไปสู่การปวด อักเสบ แล้วก็เป็นไข้ได้ ต้นหญ้าหนวดแมวก็ยังสามารถช่วยลดการอักเสบ ปวด ไข้ และก็คุ้มครองป้องกันมิให้เชื้อติดตามเนื้อเยื่อระบบทางเท้าปัสสาวะ เชื้อก็จะหลุดออกไปกับน้ำเยี่ยวได้เร็วขึ้น
  • เบาหวาน หญ้าหนวดแมวทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดลดน้อยลงเพราะเหตุว่ายั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี α-glucosidase แล้วก็  α-amylase  และก็ลดพิษจากการได้รับเดกซ์โทรสจำนวนสูง จึงสามารถประยุกต์ใช้ในคนป่วยเบาหวานได้อย่างปลอดภัยรวมทั้งตำรายาโบราณยังอาจใช้รักษาโรคเบาหวานได้ด้วย
  • นิ่ว ต้นหญ้าหนวดแมวเป็น hypourecimic agent คือขับกรดยูริกออกจากกระแสโลหิต ลดการเกิดนิ่วจากกรดยูริกได้ ทั้งยังยังลดการบิดเจ็บในไตที่เกิดจากนิ่ว calcium oxalate ได้ด้วย
  • โรคมะเร็ง หญ้านวดแมวเป็นพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็งหลายประเภทรวมทั้งลดการสร้างเส้นโลหิตใหม่ไม่ให้แตกออกไปเลี้ยงก้อนเนื้อมะเร็ง ก็เลยให้ผลดีสำหรับเพื่อการร่วมประเวณีษามะเร็งได้
  • ท่อปัสสาวะตีบแคบ หญ้าหนวดแมวนับว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มากสำหรับเพื่อการช่วยขับปัสสาวะในคนไข้ที่มีปัญหาในเรื่องท่อเยี่ยวตีบแคบซึ่งเจอได้ย่อยในคุณผู้หญิงสูงวัย เนื่องจากทำให้กล้ามเนื้อเรียบของท่อปัสสาวะคลายตัว
ต้นแบบ/ขนาดการใช้ ตามตำรายาไทยเจาะจงได้ว่า

  • ใช้ขับปัสสาวะ
  • ใช้กิ่งกับใบหญ้าหนวดแมว ขนาดกลาง ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินความจำเป็น ล้างสะอาด เอามาผึ่งในที่ร่มให้แห้ง นำมา 4 กรัม หรือ 4 จับมือ ชงกับน้ำเดือด 1 ขวดน้ำปลา (750 ซีซี.) เช่นเดียวกันชงชา ดื่มต่างน้ำตลอดวัน กินนาน 1-6 เดือน
  • ใช้ต้นกับใบวันละ 1 กอบมือ (สด 90- 120 กรัม แห้ง 40- 50 กรัม ) ต้มกับน้ำกิน ทีละ 1 ถ้วยชา (75 ซีซี.) วันละ 3 ครั้ง ก่อนที่จะกินอาหาร
  • ใช้แก้นิ่ว/ขับนิ่ว ให้นำใบอ่อน (ไม่ใช่ดอก) ขอบต้นหญ้าหนวดแมว ประมาณ 2-3 ใบ (ควรเก็บช่วงที่หญ้าหนวดแมวกำลังออกดอก) มาหั่นเป็นท่อนโดยประมาณ 2-3 ซม. ตากแดดให้แห้งแล้วนำมาชงกับน้ำร้อน (ราว 2 กรัมต่อน้ำร้อน 1 แก้ว) ปิดฝาทิ้งไว้ 5-10 นาที ใช้ดื่ม วันละ 3-4 ครั้ง
  • แก้อาการคลื่นเหียน อาเจียน แบบเรียนยาให้ใช้ใช้ทั้งใบ รวมทั้งกิ่งต้มน้ำรวมกับสารส้ม ดื่มวันละ 3 ครั้ง ก่อนที่จะรับประทานอาหาร

การเล่าเรียนทางพิษวิทยา การเรียนทางเภสัชวิทยาของหญ้าหนวดแมวส่วนใหญ่จะมีด้านฤทธิ์การขับฉี่แล้วก็ฤทธิ์สำหรับการรักษานิ่ว เป็นต้นว่า

  • มีสารฤทธิ์ขับฉี่ ทดลองป้อนทิงเจอร์ของสารสกัดจากใบด้วยเอทานอลร้อยละ 50 และปริมาณร้อยละ 70 ให้หนูแรทพบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 50 มีฤทธิ์ขับปัสสาวะแล้วก็ขับโซเดียมได้ดีมากยิ่งกว่าสารสกัดด้วยเอทานอลความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 70 แม้กระนั้นขับโปแตสเซียมออกได้น้อยกว่า ยิ่งกว่านั้นสารสกัดด้วยเอทานอลจำนวนร้อยละ 50 ยังมีฤทธิ์ขับกรดยูริคก้าวหน้ามากมาย รวมทั้งพบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 50 มีปริมาณสารสำคัญ เป็นต้นว่า sinesetine, eupatorine, caffeic acid รวมทั้ง cichoric acid สูงกว่าสารสกัดด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 70 แต่ว่ามีสาร rosemarinic acid น้อยกว่า
  • ฤทธิ์สำหรับการรักษานิ่ว มีการเล่าเรียนฤทธิ์สำหรับการรักษานิ่วในทางเดินเยี่ยวส่วนบนของต้นหญ้าหนวดแมวเปรียบเทียบกับการดูแลรักษามาตรฐานด้วยไฮโดรคลอไรไธอาไซด์ และก็โซเดียมไบคาร์บอเนต พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับหญ้าหนวดแมวมีการเคลื่อนของนิ่วรอบๆกระดูกกระเบนเหน็บมากกว่า และก็ช่วยลดการใช้ยารับประทานแก้ปวดได้มากกว่ากลุ่มที่ใช้ยามาตรฐาน แม้กระนั้นไม่แตกต่างกันอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ คนป่วยที่ได้รับต้นหญ้าหนวดแมวจะมีความดันเลือดต่ำลงน้อย ในช่วงเวลาที่กรุ๊ปที่ได้ยามาตรฐานจะมีความดันเลือดลดลงอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ คนป่วยที่ได้รับหญ้าหนวดแมวจะมีชีพจรในระยะต้น (วันที่ 3 ของการทดสอบ) เร็วขึ้น แม้กระนั้นไม่เจอความเคลื่อนไหวของระดับโปแตสเซียมในเลือด กลุ่มที่ได้ยามาตรฐานจะมีเม็ดเลือดแดงในเยี่ยวในวันที่ 30 ของการทดสอบลดลง การเปลี่ยนแปลงของความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะทั้งสองกรุ๊ปไม่ได้ต่างอะไรกัน เวลาที่เจอผลกระทบในกลุ่มที่ใช้ต้นหญ้าหนวดแมวน้อยกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยามาตรฐาน แม้กระนั้นไม่ต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกเหนือจากนี้ มีรายงานผลของการรักษานิ่วในไตในคนไข้ที่ให้กินยาต้มที่เตรียมจากใบต้นหญ้าหนวดแมวแห้ง ความเข้มข้นร้อยละ 0.5 ขนาด 300 มล. ครั้งเดียว ติดต่อกันเป็นเวลานาน 1-10 เดือน พบว่า 9 ราย มีการตอบสนองทางสถานพยาบาลที่ดี พบว่าปัสสาวะของคนป่วยมีทิศทางเป็นด่างมากขึ้น ซึ่งชี้แนะว่าน่าจะช่วยลดการเกิดนิ่วจากกรดยูริคได้

นอกเหนือจากนี้ยังมีการทำการศึกษาในต่างแดนของฤทธิ์สำหรับเพื่อการบรรเทาและก็รักษาอาการของโรคต่างๆดังต่อไปนี้

  • การขับเยี่ยว (diuresis) ปัจจุบันนี้พบว่าเนื้อเยื่อบุผิวของกระเพาะปัสสาวะ (uroepithelial tissue) ที่มีตัวรับขอบ ที่มีตัวรับของ adenosinereceptor ทั้ง A1 A2A A2B และก็ A3    สาระสำคัญในหญ้าหนวดแมวมีกลไกการทำงานที่สำคัญเป็น กระตุ้น adenosine receptor จำพวก A1    receptor แต่ว่าก็ให้ฤทธิ์ที่เกี่ยวเนื่องถึง adenosine receptor อีก 3 จำพวกด้วย ทำให้กล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะหดตัวแต่ว่ากล้ามเนื้อเรียบของท่อปัสสาวะ (urethra) คลายตัวซึ่งเอื้อต่อการขับเยี่ยว จึงน่าจะเป็นกลไกที่นำมาใช้ชี้แจงการขับฉี่ได้
  • นิ่วในไต (urolithiasis) เป็นโรคที่ยังนับว่าเป็นปัญหาอยู่มากมายรวมทั้งยังไม่เคยรู้กลไกที่กระจ่าง ยาแผนโบราณใช้หญ้าหนวดแมวในการรักษานิ่ว Gao และก็คณะชี้ให้เห็นประสิทธิภาพของต้นหญ้าหนวดแมวสำหรับการปรับแก้นิ่วที่เกิดขึ้นจากผลึกของ calcium oxalateในเยื่อไตของหนูทดลอง โดยการทำให้สาร biomarker กว่า 20 ประเภทที่เปลี่ยนไปเมื่อไตบาดเจ็บจากผลึกของ calcium oxalate สามารถคืนกลับสู่สภาวะปกติได้การทำงานของสารในหญ้าหนวดแมวคาดว่าน่าจะผ่านหลายกลไกในลักษณะ multiple metabolicpathways โดยยิ่งไปกว่านั้นเมแทบจะอลิซึมของพลังงานต่างๆกรดอะมิโน taurine hypotaurine purine รวมทั้ง citrate cycle นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่าการขับฉี่บางทีอาจเป็นการช่วยละลายนิ่วรวมทั้งขับออกมากับเยี่ยวง่ายดายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยขับกรดยูริคและก็คุ้มครองปกป้อง  uric acid stone formation
  • การต่อว่าดเชื้อของระบบทางเท้าปัสสาวะ (urinary tract infection, UTI) เมื่อนำหญ้าหนวดแมวมาใช้ในระบบทางเท้าเยี่ยว ผลประโยชน์ที่น่าดึงดูดเป็น นอกจากจะขับเยี่ยวที่ช่วยให้ลักษณะของการต่อว่าดเชื้อแล้ว ยังสามารถลดการยึดติดของเชื้อประเภท uropathognicEscherichia coli กับเซลล์กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เชื้อถูกขับออกไปจากระบบทางเดินเยี่ยวได้ง่ายและก็เร็วขึ้น นอกเหนือจากนี้คุณลักษณะสำหรับเพื่อการต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน ที่จะลดความตึงเครียดจากภาวะขบวนการออกซิเดชัน (oxidative stress) ก็เลยลดการเจ็บที่เกิดจากปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันสำคัญคือ lipid peroxidation ทำให้ลดการเกิดแผลเป็น (scar formation) ได้
  • การต้านอักเสบ (anti-inflammation) สารสกัดจากใบหญ้าหนวดแมว  (chloroform extract) มีคุณลักษณะตามอักเสบเจริญ ก็เลยมีการประยุกต์ใช้ใน rheumatoid arthritis gout แล้วก็โรคอันเป็นผลมาจากการอักเสบต่างๆกลไกหนึ่งของสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมวที่ลดการอักเสบเป็นยั้ง cytosolic phospholipaseA2a (cPLA2a) ทำให้การสลาย phospholipid ต่ำลงสาร eupatorin และ sinensetin ยับยั้งการแสดงออกของยีน iNOS แล้วก็ COX-2 ทำให้การสังเคราะห์ nitric oxide และก็ PGE2 ลดน้อยลงเป็นลำดับ นอกเหนือจากสารกรุ๊ป phenolic compounds หมายถึงeupatorin และก็sinensetin แล้วสารกลุ่ม diterpines ในต้นหญ้าหนวดแมวก็สามารถยั้งการสังเคราะห์ nitric oxide ได้ด้วยเหมือนกัน ยิ่งกว่านั้นยังลดการสังเคราะห์ tumornecrosis factor a อีกด้วย สันนิษฐานว่ากลไกการต้านอักเสบผ่าน transcription factor ที่ชื่อ STAT1a
  • การลดไข้ (antipyretic activity)สารสกัดจากต้นหญ้าหนวดแมวมีคุณลักษณะลดการเกิดไข้ได้ขึ้นรถสำคัญที่ออกฤทธิ์คือ rosmarinic acid,sinensetin, eupatorin และก็ tetramethoxy-flavone ข้อดีที่นอกเหนือจากการต้านทานอักเสบรวมทั้งลดไข้แล้วยังช่วยลดของกินปวดได้อีกด้วย31 ซึ่งอาการอักเสบ ไข้แล้วก็ปวดจะพบได้ทั่วไปสำหรับในการติดเชื้อโรคของระบบทางเดินฉี่
  • สภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycaemia) การใช้ต้นหญ้าหนวดแมวในคนไข้โรคเบาหวานคงจะมีความปลอดภัยสูงเนื่องมาจากสารสกัดหญ้าหนวดแมว สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของตัวทดลองที่เป็นโรคเบาหวานได้ โดยยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี a-glucosidase เพิ่มการแสดงออกของยีนอินซูลินและก็คุ้มครองป้องกันความเป็นพิษที่เกิดขึ้นจากการรับเดกซ์โทรสขนาดสูงๆ(high glucosetoxicity) โดยผ่านการเติมหมู่ฟอสเฟตให้กับphosphatidylino-sitol 3-kinase (PI3K)

เมื่อทำสกัดแยกสาร sinensetin ออกมาทดลองฤทธิ์การขัดขวางเอนไซม์ a-glucosidase แล้วก็a-amylase ก็พบว่าคุณภาพของสารบริสุทธิ์sinensetin สำหรับเพื่อการยับยั้งเอนไซม์ a-glucosidase สูงกว่าสารสกัดหญ้าหนวดแมว (ethanolic extract) ถึง 7 เท่า ด้วยค่า IC50 พอๆกับ 0.66 และก็ 4.63 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร เป็นลำดับ ในขณะที่คุณภาพของsinensetin สำหรับการยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี a-amylase สูงยิ่งกว่าสารสกัดหญ้าหนวดแมวถึง 32.5 เท่า ด้วยค่า IC50 พอๆกับ 1.13 แล้วก็ 36.7 มก.ต่อมิลลิลิตรเป็นลำดับ จึงคาดการณ์ว่าสาร sinensetin บางทีอาจเป็นสารสำคัญประเภทหนึ่งในการออกฤทธิ์ของต้นหญ้าหนวดแมวสำหรับเพื่อการต้านทานโรคเบาหวานประเภทที่ไม่สังกัดอินซูลิน (non-insulin-dependent diabetes) ได้

  • ความดันเลือดสูง (Hypertension) สารสกัดต้นหญ้าหนวดแมว สามารถลดสภาวะเส้นเลือดหดรัด (vasoconstriction) ด้วยการยับยั้งตัวรับ alpha 1 adrenergic และก็ angiotensin 1 จึงคงจะไม่เป็นอันตรายในคนไข้ความดันโลหิตสูง นอกเหนือจากการที่จะปลอดภัยในคนเจ็บความดันเลือดสูงแล้วยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์สำหรับเพื่อการรักษาความดันเลือดสูงได้ด้วย คาดว่าสารสำคัญที่ออกฤทธิ์มาจากกรุ๊ป diterpenes และก็ methylripario-chromene A
  • พิษต่อเซลล์มะเร็ง (cytotoxicity)ต้นหญ้าหนวดแมวที่สกัดด้วยแนวทาง supercritical carbon-dioxide ได้ผลที่น่าดึงดูด สำหรับการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยความเข้มข้นที่ยั้งการเจริญของเซลล์ (inhibitory concemtration) ได้ 50 % คือค่า IC50 ต่ำเพียงแต่ 28 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร เมื่อเล่าเรียนลงไปในระดับเซลล์ก็พบว่าทำให้เซลล์ตายในลักษณะ apoptosis ที่สามารถมองเห็น nuclearcondensation แล้วก็ความแปลกของเยื่อไมโตคอนเดรียได้อย่างแจ่มแจ้ง เมื่อกระทำสกัดสาร eupatorin มาทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งหลายๆชนิดก็ให้ค่า    IC50  ในระดับตำเป็นไมโครโมล่าร์ ด้วยการขัดขวางวงจรการแบ่งเซลล์ ระยะ G2/M phase จุดเด่นที่เหนือยาเคมีบรรเทาในปัจจุบันคือ eupatorin ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ปกติ
  • การต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (anti-oxidation) สารสกัดต้นหญ้าหนวดแมวสามารถลดสารอนุมูลอิสระ ดังเช่นว่า การลดปฏิกิริยา lipid peroxidation ทำให้เยื่อเซลล์ทนแล้วก็แข็งแรง จึงลดการเกิดรอยแผลของระบบทางเดินเยี่ยวได้  นอกจากลดการเกิดปฏิกิริยา lipid peroxidation แล้วยังสามารถลดการเกิด hydrogen peroxide ได้อีกด้วย ทำให้เซลล์รอดพ้นจากการตายแบบ apoptosis ด้วยการเพิ่มการแสดงออกของยีน  Bcl-2  พร้อมด้วยลดการแสดงออกของยีน Bax42  Ho และคณะตรวจสอบและลองใช้วิธีultrasound-assisted extraction (UAE) มาช่วยสำหรับเพื่อการสกัดสารจากหญ้าหนวดแมวทำเป็นสารสกัดที่มีฤทธิ์ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันดีขึ้น โดยพบสารrosmarinic  acid,  kaempferol-rutinoside  รวมทั้งsinesetine อยู่ในสารสกัดดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา เมื่อฉีดสารสกัดด้วยน้ำร้อนจากใบรวมทั้งลำต้นเข้าช่องท้องหนูแรทเพศผู้แล้วก็เพศภรรยา หนูเม้าส์เพศผู้และก็เพศภรรยา เจอความเป็นพิษปานกลาง   เมื่อป้อนสารสกัดเดียวดันนี้ให้กับหนูแรททั้งคู่เพศแต่ละวันติดต่อกัน 30 วัน ไม่เจอความเคลื่อนไหวของน้ำหนักตัว ค่าการตรวจทางชีวเคมีในเลือด และพยาธิภาวะของอวัยวะสำคัญเมื่อดูด้วยตาเปล่า  แล้วก็เมื่อเรียนความเป็นพิษในระยะยาวนาน 6 เดือน โดยการป้อนหนูแรทด้วยยาชงด้วยน้ำร้อน ซึ่งมีความแรงเท่ากันกับ 11.25, 112.5 และก็ 225 เท่าของขนาดที่ใช้ในคนเจ็บโรคนิ่วในท่อไต ไม่เจอความแตกต่างของการเจริญเติบโต  การกินอาหาร ลักษณะด้านนอกหรือความประพฤติปฏิบัติที่ผิดปกติ แล้วก็ค่าการตรวจทางวิชาชีวเคมีในเลือดเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม นอกจากปริมาณเกร็ดเลือดจะมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อใช้ยาในขนาด 18 กรัม/โล/วัน พบว่าระดับโซเดียมในเลือดในกลุ่มทดลองทุกกลุ่ม โปแตสเซียมในหนูเพศเมีย แล้วก็คอเลสเตอรอลในหนูเพศผู้ จะมีระดับต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุม   ยิ่งกว่านั้น เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดจากหญ้าหนวดแมว ติดต่อกันเป็นเวลานาน 6 เดือน เทียบกรุ๊ปควบคุม พบว่า หนูทุกกลุ่มมีการเจริญวัยและก็รับประทานอาหารได้ใกล้เคียงกัน ไม่เจอความไม่ดีเหมือนปกติในระบบเลือดวิทยาและความแปลกของอวัยวะภายใน ส่วนการตรวจผลทางชีวเคมีพบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดทุกขนาดหรูหราโซเดียมต่ำลงยิ่งกว่ากลุ่มควบคุม แต่ระดับโปแตสเซียมมีลักษณะท่าทางสูงขึ้น ในหนูเพศผู้ที่ได้รับสารสกัด 0.96 กรัม/กิโลกรัม/วัน จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยของตับแล้วก็ม้ามมากกว่ากรุ๊ปควบคุม อย่างไรก็ตามการตรวจทางจุลพยาธิสภาพไม่เจอความไม่ปกติที่เซลล์ตับและอวัยวะอื่นๆนอกจากการโป่งพองของกรวยไตในหนูขาวที่ได้รับสารสกัด 4.8 กรัม/กิโลกรัม/วัน ที่มีจำนวนเพิ่มมากกว่ากรุ๊ปควบคุม  กล่าวโดยสรุปสารสกัดหญ้าหนวดแมวมีพิษน้อย  แต่ว่าจะต้องรอติดตามวัดระดับโซเดียมและก็โปแตสเซียมถ้าใช้ติดต่อกันนาน
ข้อเสนอ/ข้อควรปฏิบัติตาม

  • สำหรับคนที่เป็นโรคไตหรือโรคหัวใจ ไม่ควรใช้สมุนไพรต้นหญ้าหนวดแมว เพราะสมุนไพรจำพวกนี้มีสารโพแทสเซียมสูงมาก หากไตไม่ดีเหมือนปกติก็จะไม่อาจจะขับโพแทสเซียมออกมาได้ นำมาซึ่งโทษต่อร่างกายอย่างร้ายแรง และก็ยังมีฤทธิ์สำหรับเพื่อการขับเยี่ยวให้ออกมามากยิ่งกว่าปกติ รวมทั้งเกรงว่าขนาดของโพแทสเซียมที่สูงมากนั้น บางทีก็อาจจะไปกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วแตกต่างจากปกติ ก็เลยอาจทำให้เกิดผลเสียต่อโรคหัวใจได้
  • การกางใบชองต้นหญ้าหนวดแมวไม่สมควรใช้การต้ม ให้ใช้การชง แล้วก็ควรจะใช้ใบอ่อน เนื่องจากใบแก่จะมีความเข้มข้นอาจจะก่อให้มีฤทธิ์กดหัวหัวใจ
  • การเลือกต้นประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพร ควรเลือกต้นที่มองแข็งแรง แข็งและก็ดก ไม่อ่อนแขวนลงมา ลำต้นมองอวบเป็นเหลี่ยม ต้นมีสีม่วงสีแดงเข้ม รวมทั้งดูได้จากใบที่มีสีเขียวเข้มวาวรวมทั้งใหญ่
  • การใช้สมุนไพรหญ้าหนวดแมวเพื่อรักษานิ่วจะได้ผลลัพธ์ที่ดีก็เมื่อใช้กับนิ่วก้อนเล็กๆแม้กระนั้นจะไม่เป็นผลกับก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่
  • สมุนไพรต้นหญ้าหนวดแมว ไม่ควรใช้ร่วมกับยาแอสไพริน เพราะเหตุว่าต้นหญ้าหนวดแมวจะมีผลให้ยาแอสไพรินไปจับกล้ามเนื้อหัวใจมากเพิ่มขึ้น
  • ผลข้างเคียงของต้นหญ้าหนวดแมว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับคนปกติที่ไม่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อน โดยอาการที่บางทีอาจพบได้คือ ใจสั่น หายใจลำบาก ด้วยเหตุดังกล่าวการใช้สมุนไพรป



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ