Advertisement
ชื่อสมุนไพร พญายอชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น เสลดพังพอนตัวเมีย , พญาบ้องทอง พญาปล้องดำ (ภาคกึ่งกลาง) , พญาปล้องคำ (ลำปาง) , ผักมันไก่ , ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่) , โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง) , ชิงเจี้ยง หนิ่วซิ้วฮวา (ภาษาจีนกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees
ตระกูล ACANTHACEAE
บ้านเกิด สมุนไพรพญายอเป็นสมุนไพรเขตร้อน อย่างเช่นทวีปแอฟริกา บราซิล และก็อเมริกา กึ่งกลาง ส่วนในทวีปเอเชียมีการกระจัดกระจายในประเทศอินโดนีเซีย ไทย ประเทศพม่า ลาว เขมร ฯลฯ แล้วก็เป็นสมุนไพรที่มีแพทย์พื้นเมืองประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย จีน ใช้รักษาผื่นผิวหนัง แมลงสัตว์กัดต่อย งูกัด แมงป่องต่อย มาตั้งแต่ในอดีตกาลแล้ว ส่วนในประเทศไทยพบมากขึ้นตามป่าเบญจพรรณ หรือเจอปลูกกันตามบ้านทั่วไป ทั่วทุกภาคของประเทศ พญายอ หรือ เสลดพังพอนตัวเมียมีชื่อคล้องจองกัน ซึ่งก็คือ เสลดพังพอนตัวผู้ แม้กระนั้นไม่เหมือนกันตรงที่เสลดพังพอนเพศผู้มีหนาม สรรพคุณอ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมียและเพื่อไม่ให้งงงันระหว่างสมุนไพร 2 ประเภทนี้ จึงเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ"
ลักษณะทั่วไปพญายอ จัดเป็นพรรณไม้พุ่มปนเถาหรือไม้พุ่มคอยเลื้อย มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ใบเป็นใบคนเดียว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆรูปแบบของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราวๆ 2-3 ซม. รวมทั้งยาวราว 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ ดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกประมาณ 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกไม้เชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปากหมายถึงปากล่างและก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกไม้เป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกไม้นั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน ออกดอกในตอนประมาณเดือนตุลาคมถึงม.ค. ผลได้ผลสำเร็จแห้งแล้วก็แตกได้ รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้โดยประมาณ 0.5 ซม. ก้านสั้น ด้านในผลมีเม็ดประมาณ 4 เมล็ด
การขยายพันธ์ การขยายพันธุ์พญายอนั้นสามารถได้ 2 แนวทางหมายถึงการปักชำรวมทั้งการแยกเหง้ากิ่งก้านสาขาไปปลูก แต่ว่าส่วนใหญ่ชอบใช้วิธีการใช้กิ่งปักชำโดยเลือกกิ่งที่บริบูรณ์ไม่มีโรค ไม่แก่ หรือเปล่าอ่อนเกินไป ตัดกิ่งประเภทให้มีความยาว 6-8 นิ้ว แล้วก็มีตาบนกิ่งประมาณ 1-3 ตา ให้มีใบคงเหลืออยู่ที่ปลายยอด โดยประมาณ 1/3 ของกิ่ง ทาปูนแดงบริเวณรอยตัดของตัวการ และก็กิ่งพันธุ์เพื่อคุ้มครองป้องกันเชื้อรา ปักชำลงในถุงที่มีเป็นดินร่วนคละเคล้าทราย (จะช่วยทำให้อัตราการออกรากของกิ่งชำสูง รวมทั้งสะดวกสำหรับในการย้ายต้นไปปลูก) โดยปักชำกิ่งลงในวัสดุปลูกลึกโดยประมาณ 3 นิ้ว แล้วก็ปักให้เอียง 45 องศา รดน้ำให้เปียกและก็รักษาความชุ่มชื้นให้เพียงพอต้องระวังอย่าให้กิ่งชำถูกแสงอาทิตย์มาก กิ่งปักชำจะออกรากด้านใน 3-4 สัปดาห์ แล้วใช้ช้อนขุดหรือเสียมแซะกิ่งชำลงปลูกภายในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม กลบ รดน้ำหลังจากปลูกโดยทันที
การเก็บเกี่ยว ควรจะเก็บใบขนาดกึ่งกลาง ที่ไม่แก่หรืออ่อนกระทั่งเหลือเกิน โดยให้ใช้แนวทางการตัดต้นเหนือระดับผิวดินโดยประมาณ 10 ซม. ภายหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ตัวการเดิมยังสามารถแตกหน่อแตกกิ่งเติบโตได้อีก รวมทั้งสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไปได้
การรักษา ในระยะ 1-2 เดือนแรก ควรจะรดน้ำทุกวัน ถ้าเกิดแดดแรงควรจะรดน้ำเช้าตรู่-เย็น เมื่ออายุ 2 ข้างขึ้นไปแล้วอาจให้น้ำวันเว้นวัน ในฤดูฝนถ้ามีฝนตกบางทีอาจจะไม่ต้องให้น้ำ พญายอสามารถเติบโตเจริญในดินทุกชนิดที่มีการระบายน้ำได้ดี แต่ว่าชอบดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำดีเยอะที่สุด ชอบอากาศร้อนเปียกชื้น ขึ้นได้ดีทั้งที่มีแดด(แดดไม่จัด) แล้วก็ที่ร่ม
ส่วนประกอบทางเคมี รากของพญายอ ประกอบด้วยสาร Lupeol, B-Sitosterol, Stigmasterol และก็มีการทดสอบพบว่าสารสกัดด้วยสารละลายบิวทานอล (butanol) จากใบของพญายอ มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (flavonoid) สามารถหยุดอาการอักเสบได้ สารฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ลดการอักเสบสารกลุ่ม Monoglycosyl diglycerides ตัวอย่างเช่น 1, 2- di-O-linolenoyl-3-O-β-D-Galactopyranosyl-sn-glycerol แล้วก็สารกลุ่ม Glycoglycerolipids จากใบมีฤทธิ์ยั้งไวรัสเริมและก็งูสวัด
นอกนั้นพญายอ ยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพมากกว่า 20 จำพวก โดยเป็นสารเคมีจากพืชที่มีความหมายต่อชีวิต อย่างเช่น Stigmaster, Lupeol, B-Sitosterol Belutin, Myricyl alcohol รวมทั้งสารสกัดที่ได้จากเมทานอลในประเทศไทย 6 ชนิด C-Glycosyl flavones อย่างเช่น Vitexin, Isovitexin, Schaftoside, Isomoll-pentin, 7-0-B-Glucopyranoside, Orientin, Isori-entin และก็สารสกัดได้จากต้นแล้วก็ใบได้สาร Gluco-sides 5 จำพวก (1) Cerebrosides แล้วก็ Monoacylmonogalactosyl glycerol สาร Triga-lactosyl และก็ Digalactosyl diglycerides 4 สาร 8 ประเภท สกัดได้จากส่วนเหนือดินสดด้วยคลอโรฟอร์มคือ Chlorophyll A, Chlorophyll B, แล้วก็ Phacoph-orbide A แล้วก็สารประกอบที่มีซัลเฟอร์ 4 ประเภท Clinamide A-C, 2-Cis- entadamide A และก็สารประกอบที่พบมาก่อน 3 จำพวก Entadamide A, Entadamide C แล้วก็ Trans 3 methylsulfinyl-2-propenol
ผลดี / สรรพคุณ สรรพคุณของพญายอตามตำรายาไทยบอกว่า ใบ – ใช้ทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน แก้อาการผิดสำแดง แก้เจ็บคอ เจ็บปก แผลในปาก คางทูม รักษาโรคบิด ไข่ดัน รักษาแผลไฟลุก น้ำร้อนลวก รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ผื่นคัน แก้ฝี แก้พิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย รักษาโรคหัด ราก - ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน แก้เมื่อยบั้นท้าย บำรุงกำลัง แก้ผิดสำแดง ส่วนทั้ง 5 (ทั้งยังต้น) - ใช้ถอนพิษ โดยยิ่งไปกว่านั้นพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ตะขาบ แมลงป่อง รักษาอาการอักเสบ งูสวัด ผื่นคัน แผลน้ำร้อนลวก ดีซ่าน รักษาแผลสด แผลเรื้อรัง แก้ปวดบวม เคล็ดลับปวดเมื่อย บวมช้ำ ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังมีการผลิตยาที่มีส่วนประกอบของพญายอหลายอย่าง เป็นต้นว่า ครีมพญายอ ใช้ทุเลาอาการของโรคเริม และ งูสวัด ยาป้ายปากพญายอให้รักษาแผลในปาก (aphthaus ulcer) โลชั่นพญายอ ใช้บรรเทาอาการผดผื่นคัน ลมพิษ ตุ่มคัน เป็นต้น
ต้นแบบ / ขนาดการใช้- ทาบริเวณที่แมลงสัตว์กัดต่อยเป็นผื่นคัน
o - ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตำขยี้ทาบริเวณที่เป็นแผลที่แพ้ จะยุบหายได้ประสิทธิภาพที่ดี
o ใช้ใบตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟเผา แผลจะแห้ง
o นำใบมาตำให้ละเอียดผสมกับสุรา ใช้พอกรอบๆที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก มีคุณประโยชน์ดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี
- รักษาอาการอักเสบ ถอนพิษ รักษาแผลร้อนในในปาก เริม งูสวัด
o ใช้ใบเสมหะพังพอนตัวเมียสด 10-20 ใบ (เลือกใบสีเขียวเข้มสดเป็นเงาไม่อ่อนไม่แก่จนถึงเกินความจำเป็น)เอามาตำผสมกับสุราหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำดื่มหรือเอาน้ำทาแผลแล้วก็เอากากพอกแผล
o ใช้ใบเสลดพังพอน 1,000 กรัม หมักใน alcohol 70 % 1,000 ซีซี. หมักไว้ 7 วัน นำมากรองแล้วเอาไประเหยให้เหลือ 500 ซีซี. เพิ่ม glycerine pure ลงไปพอๆกับปริมาณที่ระเหยไป (500 ซีซี.) นำน้ำยาเสมหะพังพอนกรีเซอรีนที่ได้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก ทำลายพิษต่างๆ
- ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำอย่างรอบคอบ ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนหัวผู้ป่วยประมาณ 30 นาที อาการไข้และลักษณะของการปวดหัวจะหายไป
- ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (กินอาหารแสลงไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดนำมาต้มรับประทานทีละราวๆ 2 ช้อนแกง
- ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวราว 10 ใบ กลืนเอาแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง
- แก้คางทูม ด้วยการกางใบสดราวๆ 10-15 ใบ ตำให้รอบคอบผสมกับสุราโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป และลักษณะการเจ็บปวดจะหายไปด้านใน 30 นาที
- ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบเอามาโขลกผสมกับเกลือรวมทั้งเหล้า ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนยาทุกเช้าแล้วก็เย็น
ส่วนการใช้พญายอรักษาอาการเนื่องจากแมลงกัดต่อย และก็เริมตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขนั้น ให้ใช้ใบขยี้ทาบริเวณที่ถูกแมลง สัตว์ กัดต่อย หรือเป็นเริมแล้วก็สำหรับครีม ที่มีสารสกัดพญายอปริมาณร้อยละ 4 – 5 รวมทั้งสารละลาย (สำหรับป้ายปาก) ที่มีสารสกัดพญายอในกลีเซอรีนร้อยละ 2.5 – 4 รวมทั้งโลชัน ที่มีสารสกัดพญายอร้อยละ 1.25 ให้ใช้ ทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 5 ครั้ง
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาฤทธิ์ลดการอักเสบ สารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบให้ทางปากหนูขาว จะลดการอักเสบของอุ้งเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำโดย carrageenan แล้วก็ลดการอักเสบของถุงลมหนูขาวที่รั้งนำให้เกิดโดยฉีดลมแล้วก็น้ำมันละหุ่ง (1-3) แต่ว่าถ้าหากใช้แนวทางทาสารสกัดที่ผิวหนังจะไม่สามารถที่จะลดน้ำหนองของถุงลมหนูได้ สารสกัดเอ็นบิวทานอล ขนาด 270 มก./กิโลกรัม จะลดอาการบวมของอุ้งเท้าหนูได้เท่าๆกับแอสไพรินขนาด 100 มิลลิกรัม/กก. (2) เมื่อใช้ 5% ของพญายอในรูป cold cream สารสกัดเอทานอล 95% และก็สารสกัดเอทานอลในน้ำ ทาเฉพาะที่ให้หนูขาว สามารถลดหนองและก็การเกิด granuloma ได้ 50.98%, 50.10% รวมทั้ง 48.30% ตามลำดับ สารสกัดเอทานอลจากใบ ขนาด 20 มคก./มิลลิลิตร ส่งผลต่อ cytokines ที่เกิดในขั้นตอนการอักเสบ คือ ยับยั้ง interleukin-1-b แต่ว่าไม่อาจจะยับยั้ง interleukin-6 แล้วก็ tumor necrosing factor-a
ฤทธิ์รักษาโรคงูสวัด นำสารสกัดจากใบ
พญายอความเข้มข้นต่างๆมาตรวจ DNA hybridization และ plaque reduction assay พบว่า ขนาด 1:2,000 และก็ 1:1,200 ตามลำดับ จะยับยั้งเชื้อไวรัส Varicella zoster ก่อนไปสู่เซลล์ได้ 50% ขนาด 1:6,000 และก็ 1:4,800 ตามลำดับ จะฆ่าเชื้อโรคเชื้อไวรัส Varicella zoster ในเซลล์ ขนาดมากกว่า 1:18,000 รวมทั้ง 1:9,600 ตามลำดับ สามารถทำลายเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster โดยตรงได้ 50% จะเห็นว่าเมื่อเชื้อไปสู่เซลล์แล้วฤทธิ์สำหรับการยับยั้งไวรัสต่ำลง
คนป่วยโรคงูสวัด ปริมาณ 51 ราย ได้รับการรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอเปรียบเทียบกับยาหลอกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ตามชนิดของยา และให้ยาเรียงสลับแบบสุ่ม คนไข้ทุกรายมาพบหมอภายใน 48 ชม.ภายหลังมีลักษณะอาการ โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 7-14 วัน ตราบจนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าคนเจ็บหวานใจษาด้วยสารสกัดใบพญายอแผลจะเป็นสะเก็ดด้านใน 3 วัน และก็หายข้างใน 7-10 วัน มีมากไม่น้อยเลยทีเดียวกว่ากลุ่มหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ หรูหราความปวดต่ำลงเร็วกว่า และไม่เจอผลกระทบอะไรก็แล้วแต่
ฤทธิ์ต้านทานเริม สารสกัดน้ำจากใบ มีฤทธิ์ต่อต้านไวรัส Herpes simplex type 1 และ type 2 โดยตรงก่อนที่เชื้อไวรัสจะเข้าสู่เซลล์ และสารสกัดจากใบความเข้มข้นตั้งแต่ 1:1,200 นาน 30 นาที สามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อ HSV 2 โดยตรงก่อนเพาะเลี้ยงลงเซลล์ สารสกัดเมทานอลและสารสกัดน้ำจากใบไม่สามารถที่จะยับยั้งเชื้อไวรัส HSV-2 แล้วก็ HSV-1, HSV-2 ในเซลล์ ตามลำดับ
คนเจ็บโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชายและก็หญิงจำนวน 27 คน ได้รับการรักษาด้วยครีมจากสารสกัดเอทานอลจากใบพญายอ 5% (dilution 1:4,800) เปรียบเทียบกับการดูแลและรักษาด้วยยา acyclovir cream ปริมาณ 26 คน แล้วก็ยาหลอก 24 คน โดยทาแผลวันละ 4 ครั้ง ติดต่อกัน 6 วัน พบว่า คนเจ็บที่ได้รับการดูแลรักษาด้วยครีมพญายอ และก็ acyclovir cream แผลเป็นสะเก็ดในวันที่ 3 และหายภายในวันที่ 7 แตกต่างจากแผลของผู้เจ็บป่วยที่ใช้ยาหลอก จะเป็นสะเก็ดในวันที่ 4–7 รวมทั้งหายในวันที่ 7-14 หรือเป็นเวลายาวนานกว่านั้น ครีมพญายอไม่ก่อให้เกิดอาการอักเสบ ระคายเคือง ตอนที่ acyclovir cream ทำให้แสบ
คนไข้โรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ประเภทเป็นซ้ำ จำนวน 56 ราย ได้รับการดูแลรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอ เปรียบการดูแลรักษากับยา acyclovir cream ปริมาณ 54 คน รวมทั้งยาหลอก 53 คน ทาตุ่มหรือแผลวันละ 4 ครั้ง ตรงเวลา 6 วัน พบว่ากลุ่มที่รักษาด้วยยาจากสารสกัดพญายอแผลจะเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน และก็หายข้างใน 7 วัน ไม่มีอาการแสบแผล และไม่มีความต่างจากการดูแลและรักษาด้วย acyclovir cream แม้กระนั้นยา acyclovir cream จะก่อให้แสบแผล (13)
ฤทธิ์แก้ปวด เมื่อให้ส่วนสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบ ขนาด 30, 90, 270, 540, 810 รวมทั้ง 2,430 มก./กก. แก่หนูถีบจักรทางปาก จะลดการบิดตัวของหนูที่ถูกรั้งนำโดยกรดอะซีติค และเพิ่มการซึมผ่านของฝาผนังเส้นโลหิต เป็นสัดส่วนกับขนาดของส่วนสกัด ส่วนสกัดเอ็นบิวทานอลขนาด 90 มก./กก. จะมีความแรงพอๆกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก./กก. สำหรับในการลดการบิดตัว แต่ว่าจะมีความแรงน้อยกว่าสำหรับการลดการซึมผ่านผนังเส้นเลือด เมื่อให้สารสกัดนี้โดยการฉีดเข้าช่องท้อง ไม่ทำให้เห็นว่ามีฤทธิ์ยับยั้งปวดเมื่อใช้วิธี hot water bath และก็ให้ส่วนสกัดคลอโรฟอร์มจากใบขนาดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วทางปากหนูถีบจักร ไม่มีผลลดการบิดตัวของหนูเช่นเดียวกัน
นอกเหนือจากนี้ พญายอมีสารออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ในหลอดทดลองรวมทั้งมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย สารสกัดจากใบด้วยเอทธิลอะซิเตทเข้มข้น 1.39-6.31 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร สามารถยับยั้ง Bacillus cereus และก็ candida albican สาร Flavonoids และก็ Phenolic compounds ในสมุนไพรทุกชนิด ยั้งแบคทีเรียได้ไพเราะมี Carbonyl group และ
พญายอยังมีฤทธิ์ต่อต้านพิษงู: มีการเรียนพบว่าสารสกัดพญายอมีฤทธิ์คุ้มครองทําลายเซลล์เยื่อแผล แต่ไม่มีฤทธิ์ยับยั้งพิษต่อระบบประสาทของงูเห่า ที่มีต่อNeuromuscular transmission
การเรียนทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษและก็การทดสอบความเป็นพิษ การทดสอบความเป็นพิษพบว่า สารสกัดเอ็นบิวทานอลมีค่า LD50 13.4 กรัม/กิโลกรัม 48 ชั่วโมง ข้างหลังให้ทางปาก และก็มีค่า 3.4 ก./กิโลกรัม เมื่อฉีดเข้าท้อง การให้สารสกัดวันแล้ววันเล่าเป็นเวลา 6 อาทิตย์ ไม่มีผลต่อการเติบโตของหนูขาว แต่ว่าพบน้ำหนักไธมัเศร้าใจลงตอนที่น้ำหนักตับมากขึ้น ไม่เจอความแปลกต่ออวัยวะอื่นๆและไม่มีอาการไม่ประสงค์อื่นๆส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัม/กิโลกรัม (หรือเสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัม/โล) เมื่อป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ ไม่ทำให้เกิดอาการพิษใดๆก็ตามรวมทั้งเมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบขนาด 270 มิลลิกรัม/กิโล และ 540 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ทุกๆวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเติบโต แม้กระนั้นน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในตอนที่น้ำหนักตับมากขึ้น ไม่เจอความแปลกต่ออวัยวะอื่น และไม่พบอาการไม่พึงปรารถนาใดๆ
ข้อแนะนำ / ข้อควรคำนึง พญายอก็เหมือนกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆเป็น ควรที่จะใช้ในจำนวนที่พอดิบพอดีไม่สมควรใช้มากจนเกินความจำเป็นหรือนานจนกระทั่งเกินความจำเป็นด้วยเหตุว่าบางทีอาจเป็นผลกระทบต่อร่างกายได้ และหากแม้ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล และก็ให้ผลการดูแลและรักษาที่ดี แต่ในปัจจุบันวิธีนี้ไม่ได้รับความนิยมแล้ว เพราะจะทำความสะอาดแผลได้ยาก รวมถึงอาจจะก่อให้แผลติดโรคและเป็นหนองกระทั่งลุกลามไปยังรอบๆอื่นได้
เอกสารอ้างอิง- เสลดพังพอนตัวเมีย.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุ์กรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.
- ฉัตรชัย สวัสดิไขย,สุรศักดิ์ อิ่มเอี่ยม.พญายอ.คอลัมน์ยาน่ารู้.วารสารศูนย์การศึกษาแพยทศาสตร์คลินิกโรงพยาบาลพระปกเกล้า.ปีที่35. ฉบับที่1.มกราคม-มีนาคม 2561.หน้า106-110
- สมชาย แสงกิจพร เครือวัลย์ พลจันทร ปราณี ธวัชสุภา ปราณี จันทเพ็ชร. การรักษาผู้ป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยยาสารสกัดของใบพญายอ. วารสารกรมการแพทย์ 2536;18(5):226-31
- ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม.“พญาปล้องทอง”. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 521-522.
- Alam A, Ferdosh S, Ghafoor K, Hakim A, Juraimi AS, Khatib A, et al. Clinacanthus nutans: A review of the medicinal uses, pharmacology and phytochemistry. AsianPac J Trop Med 2016:9: 402-9.
- Thamaree S, Rugrungtham K, Ruangrungsi N, Thaworn N, Kemsri W. The inhibitory effects of extracts of some herbal medicines on the production of proinflammatory cytokines by in vitro stimulated humam blood cells. Thai J Pharm Sci 1998;22(3):S47. http://www.disthai.com/[/b]
- พญายอ.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
- Panyakom K. Strutcural elucidation of bioactive compounds of clinacanthusnutans (Burm. f.) lindau leaves [disserta-tion]. Nakhon Rathchasima. SuranareeUniversity of Technology; 2006.
- ชุตินันท์ กันตสุข. การทดสอบเบื้องต้นเพื่อหาฤทธิ์ยับยั้งไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพลกซ์ของสารสกัดสมุนไพรไทยบางชนิด. วิทยานิพนธ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2534.
- “พญาปล้องทอง”. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). หน้า 88.
- Kittisiripornkul S, Bunyapraphatsara, N, Tanasomwong W, Satayavivad J. The antiinflammatory action and toxicological studies of Clinacanthus nutans. การประชุม Princess Congress I, 10-13 Dec 1987, กรุงเทพฯ:AC-5.
- Cherdchu C, Poopyruchpong N, Adchari-yasucha R, Ratanabanangkoon K. The absence of antagonism between extracts of Clinacanthus nutans Burm. and Naja naja siamensis venom. Southeast Asian J Trop Med Public Health 1977;8:249-54.
- Thamaree S, Rugrungtham K, Ruangrungsi N, Thaworn N, Kemsri W. The inhibitory effects of extracts of some herbal medicines on the production of proinflammatory cytokines by in vitro stimulated humam blood cells. Thai J Pharm Sci 1998;22(3):S47.
- Sangkitporn S, Balachandra K, Bunjob M. Chaiwat S, Dechatiwongse Na-Ayudhaya T, Jayavasu C. Treatment of Herpes zoster with Clinacanthus nutans (Bi Phaya Yaw) extract. J Med Assoc Thai 1995;78(11):624-7.
- Dampawan P, Huntrakul C, Reutrakul V, Raston CL, White AH. Constituents of Clinacanthus nutans and crystal structureof Lup-20(29)-Ene-3-One. J Sci Soc Thailand 1977; 3: 14-26.
- พญายอ.สมุนไพรที่มีการใช้ในสาธารณสุขมูลฐาน.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
- วิทยา บุญวรพัฒน์. “เสลดพังพอนตัวเมีย”. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. หน้า 562.
- ชื่นฤดี ไชยวสุ ทวีผล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา เครือวัลย์ พลจันทร ปราณี ชวลิตธำรง สุทธิโชค จงตระกูลศิริ. การศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดจากใบเสลดพังพอนและใบพญายอต่อเชื้อ Herpes simplex virus type-2 ในหลอดทดลอง. วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2535;34(4):153-8.
- Dechatiwongse T, Sakkarat S, ShuypromA, Pattamadilok D, Bansiddhi J, Water-man PG, et al. Chemical constituents of the leaves of Clinacanthus nutans Lindau.Thai Journal of Phytopharm 2001;8(1):1.
- Satayavivad J, Bunyapraphatsara N, Kittisiripornkul S, Tanasomwang W. Analgesic and anti-inflammatory activities of extract of Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau. Thai J Phytopharm 1996;3(1):7-17.
- Thawaranantha D, Balachandra K, Jongtrakulsiri S, Chavalittumrong P, Bhumiswasdi J, Jayavasu C. In vitro antiviral activity of Clinacanthus nutans on Varicella-zoster virus. Siriraj Hosp Gaz 1992;44(4):285-91.
- Yoosook C, Bunyapraphatsara N, Boonyakiat Y, Kantasuk C. Anti-Herpes simplex virus activities of crude water extracts of Thai medicinal plants. Phytomedicine 1999;6(6): 411-9.
- Tanasomwang W. The screening of anti-inflammatory action of Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau : a critical evaluation of carrangeenan-induced hind paw edema model. MS Thesis, Mahidol Univ, 1986.
- Yoosook C, Panpisutchai Y, Chaichana S, Santisuk T, Reutrakul V. Evaluation of anti-HSV-2 activities of Barleria lupulina and Clinacanltus nutans. J Ethnopharmacol 1999;67:179-87.
- Suntararuks S, Satayavivad J, Vongsakul M, Wanichanon C, Thiantanawat A, Akanimanee J. The study of immunologic effects of Clinacanthus nutans extract in male Wistar rats. The Fourth Princess Chulabhorn International Science Congress Chemicals in the 21st Century, 28 Nov–2 Dec 1999, Bangkok, Thailand: P-24.
Tags : พญายอ