สมุนไพรหญ้าหนวดเเมว มีสรรพคุณดีอย่างไร-เเละสามารถรักษาโรคได้อย่างไร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรหญ้าหนวดเเมว มีสรรพคุณดีอย่างไร-เเละสามารถรักษาโรคได้อย่างไร  (อ่าน 41 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2018, 09:28:21 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


ต้นหญ้าหนวดแมว
ชื่อสมุนไพร  หญ้าหนวดแมว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น  พยับก้อนเมฆ (จังหวัดกรุงเทพมหานคร) บางรักป่า (ประจวบคีรีขันธ์), อีตู่ป่าดง (เพชรบุรี) หญ้าหนวดเสือ
ชื่อสามัญ Kidney tea plant, Cat’s whiskers, Java tea, Hoorah grass
ชื่อวิทยาศาสตร์ Orthosiphon aristatus (Blume) Miq.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Orthosiphon grandiflorus Bold. ,Orthosiphon stamineus Benth.
วงศ์ Lamiaceae หรือ Lamiaceae
ถิ่นเกิด  หญ้าหนวดแมวจัดเป็นพืชป่าในเขตร้อนชื้นมีถิ่นกำเนิดแถวทวีปเอเชียใต้แถบประเทศอินเดีย , บังคลาเทศ , ศรีลังกาแล้วก็ทางตอนใต้ของจีนแล้วมีการกระจัดกระจายประเภทไปสู่ในประเทศเขตร้อนที่ใกล้เคียง (ในเอเซียอาคเนย์) เช่น เมียนมาร์ ไทย ลาว เขมร มาเลเซีย อื่นๆอีกมากมาย ในประเทศไทย มีการนำหญ้าหนวดแมวมาเป็นสมุนไพรรักษาโรคนิ่วรวมทั้งขับฉี่มานานแล้ว จนกระทั่งในปัจจุบันมีการทำการศึกษาเกี่ยวกับต้นหญ้าหนวดแมวว่าสามารถเยียวยารักษาโรคและก็ภาวการณ์ต่างๆได้มากมายหลายโรคก็เลยทำให้ความนิยมชมชอบสำหรับในการใช้หญ้าหนวดแมวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ลักษณะทั่วไป   ต้นหญ้าหนวดแมวมีลักษณะ ต้น เป็นไม้พุ่มล้มลุก ขนาดเล็ก เนื้ออ่อน สูง 30-60 ซม. มีอายุยาวนานหลายปี ลำต้นและก็กิ่งก้านค่อนข้างจะเป็นสี่เหลี่ยมเห็นได้ชัดเจน มีสีม่วงแดง รวมทั้งมีขนนิดหน่อย แตกกิ่งก้านสาขามากมาย โคนต้นอ่อนโค้ง ปลายตั้งชัน ตามยอดอ่อนมีขนกระจัดกระจาย ใบเป็นลำพัง ออกตรงกันข้าม สีเขียวเข้ม รูปไข่ หรือรูปสี่เหลี่ยมผ่านหลามตัด ตามเส้นใบมักมีขน กว้าง 2-5 เซนติเมตร ยาว 5-10 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆเว้นเสียแต่ขอบที่โคนใบจะเรียบ มีขนตามเส้นใบอีกทั้งด้านบนและก็ด้านล่าง เนื้อใบบาง ก้านใบยาว 2-4.5 เซนติเมตร มีขน ดอก มีสีขาว หรือขาวอมม่วงอ่อน ออกเป็นช่อกระจะตั้งขึ้น ที่ปลายยอด เป็นรูปฉัตร ยาว 7-29 เซนติเมตร มีดอกย่อยประมาณ 6 ดอก ขนาดดอก 1.5 ซม. ดอกจะบานจากข้างล่างขึ้นไปข้างบน ริ้วประดับประดารูปไข่ ยาว 1-2 มิลลิเมตร ไม่มีก้าน กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง งอนิดหน่อย ยาว 2.5-4.5 มิลลิเมตร เมื่อได้ผลสำเร็จยาว 6.5-10 มม. ด้านนอกมีต่อมน้ำมันหรือเป็นปุ่มๆกลีบโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดตรงเล็ก ยาว 10-20 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็นปากสองปาก ปากบนใหญ่กว่า ปากบนมีหยักตื้นๆ4 หยัก โค้งไปทางด้านหลัง ปากข้างล่างตรง โค้งเป็นรูปช้อน เกสรเพศผู้มี 4 อัน เรียงเป็น 2 คู่ คู่ข้างล่างยาวกว่าคู่บนเล็กน้อย ก้านเกสรยาว เกลี้ยง ไม่ติดกัน ยื่นยาวออกมานอกกลีบเห็นได้ชัดเหมือนหนวดแมว อับเรณูเป็น 2 พู ข้างบนบรรจบกัน ก้านเกสรเพศเมียเรียวเล็ก ยาว 5-6 เซนติเมตร ปลายก้านเป็นรูปตะบอง ปลายสุดมี 2 พู ผลได้ผลแห้งไม่แตก รูปขอบขนานกว้าง แบน แข็ง สีน้ำตาลเข้ม ขนาดเล็ก ยาวโดยประมาณ 1-2 มม. ผลจะรุ่งเรืองเป็น 4 ผลย่อยจากดอกหนึ่งดอก ตามผิวมีรอยย่น ออกดอกและติดผลราวกันยายนถึงตุลาคม ถูกใจขึ้นที่เปียกชื้น มีแดดรำไรในป่าขอบลำน้ำ หรือน้ำตก
การขยายพันธุ์ ต้นหญ้าหนวดแมว เป็นไม้ล้มลุกที่เติบโตได้ดิบได้ดีในดินเปียกชื้น คล้ายกับกระเพรารวมทั้งโหระพา ก็เลยทนต่อภาวะแห้งได้น้อย โดยเหตุนี้ การปลูกหญ้านวดแมวควรต้องเลือกสถานที่ปลูกที่ค่อนข้างจะเปียกชื้นเสมอหรือมีระบบระเบียบให้น้ำอย่างทั่วถึง แต่ในฤดูฝนสามารถเติบโตได้ทุกพื้นที่
                ทั้งยังต้นหญ้าหนวดแมวเป็นพืชถูกใจดินร่วนซุย รวมทั้งมีสารอินทรีย์สูง โดยเหตุนี้ ดินหรือแปลงปลูกควรเพิ่มเติมอินทรียวัตถุ อาทิเช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยคอก ก่อนพรวนผสมกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้ากันและก็กำจัดวัชพืชออกให้หมด
ส่วนการปลูกต้นหญ้าหนวดแมว ปลูกได้ด้วย 2 แนวทาง เป็น

  • การปักชำกิ่ง ตัดกิ่งที่ยังไม่ออกดอก ยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ต่อจากนั้น เด็ดกิ่งแขนง รวมทั้งใบออกด้านโคนกิ่งออก ในความยาวประมาณ 5 เซ็นต์ พร้อมทั้งเด็ดยอดทิ้ง ก่อนเอามาปักชำ ซึ่งอาจปักชำในกระถางหรือปักชำลงแปลงปลูก
  • การโปรยเมล็ด นำเมล็ดหว่านลงแปลงที่เตรียมไว้ โดยหว่านให้เม็ดมีระยะห่างกันประมาณ 3-5 ซม. ก่อนให้น้ำ ใส่ปุ๋ย รวมทั้งดูแลจนถึงต้นกล้าอายุประมาณ 20-30 วัน หรือสูงราวๆ 10-15 เซนติเมตร ก่อนแยกปลูกลงแปลงถัดไป

ต้นหญ้านวดแมว เป็นพืชที่อยากได้ความชื้นสูง ถ้าเกิดขาดน้ำนาน ลำต้นจะเหี่ยว รวมทั้งตายได้เร็วทันใจ ด้วยเหตุนี้ กล้าหญ้าหนวดแมวหรือต้นที่ปลูกเอาไว้ภายในแปลงแล้ว จะต้องมีการให้น้ำอย่างต่ำ 2 วัน/ครั้ง
การเก็บเกี่ยว หญ้าหนวดแมว มีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 120-140 วัน ข้างหลังปลูก บางทีอาจเก็บเกี่ยวด้วยการถอนทั้งยังต้นหรือทยอยเด็ดเก็บกิ่งมาใช้ประโยชน์ก็ได้
องค์ประกอบทางเคมี
ต้นหญ้าหนวดแมวมีองค์ประกอบทางด้านพฤกษเคมีที่เด่นเป็น สารกรุ๊ป phenolic compoundsตัวอย่างเช่น rosmarinic acid, 3’-hydroxy-5, 6,    7, 4’-tetramethoxyflavone, sinensetin และก็eupatorin รวมถึง pentacyclic triterpenoid ที่สำคัญเป็น betulinic acid2 ยิ่งกว่านั้นยังพบ glucoside orthosiphonin, myoinositol, essential oil, saponin, alkaloid, phytosterol, tannin พบสารกรุ๊ปฟลาโม้น ดังเช่น sinensetin, 3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxy flavones Potassium Salf ในใบ และHederagenin, Beta-Sitosterol, Ursolic acid ในต้นอีกด้วย
ซึ่งสารในหญ้าหนวดแมวกลุ่มนี้มีรายงานฤทธิ์ทางสรีรวิทยาและเภสัชวิทยามากมายก่ายกอง ตัวอย่างเช่น การขับเยี่ยว ลดระดับกรดยูริค (hypouricemic activity) ป้องกัน ตับ ไต และก็กระเพาะอาหาร ลดความดันโลหิต ต่อต้านสารอนุมูลอิสระหรือปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน ต้านการอักเสบ เบาหวาน และจุลชีวัน ลดไขมัน (antihyper-lipidemic activity) ลดความอยากรับประทานอาหาร (anorexic  activity)  และปรับสมดุลภูมิคุ้มกันของร่างกาย (immunomodulation)
 
 
 โครงสร้างทางเคมีของสารพฤกษเคมีในหญ้าหนวดแมว (a)    rosmarinic acid, (b)  3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxyflavone, (c) eupatorin, (d) sinensetin, (e) betulinic acid
                 
     Tannin ที่มา: Wikipedia                      Myo-inositol   ที่มา: Google
สรรพคุณ  หญ้าหนวดแมวเป็นสมุนไพรที่คนประเทศไทยได้ประยุกต์ใช้รักษาโรคมานานแล้ว โดยมีคุณประโยชน์ตามตำราไทยเป็นใบมีรสจืดชืด ใช้เป็นยาชงแทนใบชา กินขับฉี่ ขับนิ่ว แก้โรคไต แล้วก็กระเพาะปัสสาวะอักเสบ แก้เมื่อย รวมทั้งไขข้ออักเสบ แก้คลื่นเหียนอาเจียน แก้ถุงน้ำดีอักเสบ ทุเลาอาการไอ แก้โรคหนองใน ราก ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว ทั้งยังต้น แก้โรคไต ขับปัสสาวะ รักษาโรคกระษัย รักษาโรคปวดตามสันหลัง และบั้นท้าย รักษาโรคนิ่ว แก้หนองใน รักษาโรคเยื่อจมูกอักเสบ ล้างสารพิษในไต
ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันนั้น มีผลการศึกษาเรียนรู้บอกว่า หญ้าหนวดแมวมีคุณประโยชน์

  • ความดันเลือดสูง หญ้าหนวดแมวทำให้ความดันเลือดลดลง แล้วก็ยังสามารถลดภาวะหลอดเลือดหดตัวได้ด้วย ก็ยิ่งทำให้ไม่เป็นอันตรายในคนป่วยกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น
  • การตำหนิดเชื้อระบบฟุตบาทปัสสาวะ โรคนี้หมอมักแนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากมายๆโดยเฉพาะในระยะเริ่มแรกแม้กินน้ำมากๆก็จะสามารถช่วยทำให้หายได้โดยไม่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ การกินน้ำมากมายๆราวกับเป็นการช่วยให้เชื้อโรคถูกขับออกไทยจากระบบทางเดินปัสสาวะไปเรื่อยๆยิ่งขับออกเร็วมากเท่าใดลักษณะโรคก็จะหายเร็วขึ้นมากเท่านั้นหากเชื้อสะสมอยู่ในระบบทางเดินฉี่ก็จะเป็นตัวกระตุ้นการหลั่งสารกลุ่ม cytokines โดยยิ่งไปกว่านั้น interleukin 6  ที่ได้ผลทั้งเฉพาะที่ในระบบฟุตบาทฉี่และกระทบไปทั่วร่างกาย (systemic effect) คือนำไปสู่การปวด อักเสบ และมีไข้ได้ หญ้าหนวดแมวก็ยังสามารถช่วยลดการอักเสบ ปวด ไข้ แล้วก็คุ้มครองไม่ให้เชื้อเกาะติดเนื้อเยื่อระบบทางเท้าปัสสาวะ เชื้อก็จะหลุดออกไปกับน้ำปัสสาวะได้เร็วขึ้น
  • เบาหวาน หญ้าหนวดแมวทำให้น้ำตาลในกระแสโลหิตลดลงเพราะยั้งเอนไซม์ α-glucosidase รวมทั้ง  α-amylase  รวมถึงลดพิษจากการได้รับกลูโคสจำนวนสูง ก็เลยสามารถนำมาใช้ในคนไข้โรคเบาหวานได้โดยสวัสดิภาพและตำราเรียนยาโบราณยังบางทีอาจใช้รักษาโรคเบาหวานได้ด้วย
  • นิ่ว ต้นหญ้าหนวดแมวเป็น hypourecimic agent คือขับกรดยูริกออกจากกระแสโลหิต ลดการเกิดนิ่วจากกรดยูริกได้ ทั้งยังยังลดการบิดเจ็บในไตที่เกิดจากนิ่ว calcium oxalate ได้ด้วย
  • โรคมะเร็ง ต้นหญ้านวดแมวเป็นพิษต่อเซลล์ของมะเร็งหลากหลายประเภทรวมทั้งลดการผลิตหลอดเลือดใหม่ไม่ให้แตกออกไปเลี้ยงก้อนเนื้อโรคมะเร็ง จึงได้ผลดีสำหรับการร่วมรักษาโรคมะเร็งได้
  • ท่อเยี่ยวตีบแคบ ต้นหญ้าหนวดแมวถือว่าเป็นสมุนไพรที่เป็นประโยชน์มากมายสำหรับการช่วยขับปัสสาวะในผู้เจ็บป่วยที่มีปัญหาในเรื่องท่อปัสสาวะตีบแคบซึ่งเจอได้ย่อยในคุณผู้หญิงสูงอายุ ด้วยเหตุว่าทำให้กล้ามเนื้อเรียบของท่อปัสสาวะคลายตัว
รูปแบบ/ขนาดวิธีการใช้ ตามตำรายาไทยเจาะจงได้ว่า

  • ใช้ขับปัสสาวะ
  • ใช้กิ่งกับใบหญ้าหนวดแมว ขนาดกึ่งกลาง ไม่แก่หรืออ่อนกระทั่งเหลือเกิน ล้างสะอาด เอามาผึ่งในที่ร่มให้แห้ง เอามา 4 กรัม หรือ 4 จับมือ ชงกับน้ำเดือด 1 ขวดน้ำปลา (750 ซีซี.) เช่นกันชงชา ดื่มต่างน้ำตลอดทั้งวัน กินนาน 1-6 เดือน
  • ใช้ต้นกับใบวันละ 1 กอบมือ (สด 90- 120 กรัม แห้ง 40- 50 กรัม ) ต้มกับน้ำกิน ครั้งละ 1 ถ้วยชา (75 ซีซี.) วันละ 3 ครั้ง ก่อนที่จะรับประทานอาหาร
  • ใช้แก้นิ่ว/ขับนิ่ว ให้นำใบอ่อน (ไม่ใช่ดอก) ขอบหญ้าหนวดแมว โดยประมาณ 2-3 ใบ (ควรจะเก็บช่วงที่หญ้าหนวดแมวกำลังมีดอก) มาหั่นเป็นท่อนโดยประมาณ 2-3 เซนติเมตร ตากแดดให้แห้งแล้วนำมาชงกับน้ำร้อน (ประมาณ 2 กรัมต่อน้ำร้อน 1 แก้ว) ปิดฝาทิ้งเอาไว้ 5-10 นาที ใช้ดื่ม วันละ 3-4 ครั้ง
  • แก้อาการคลื่นเหียน อ้วก หนังสือเรียนยาให้ใช้ใช้ทั้งยังใบ แล้วก็กิ่งต้มน้ำรวมกับสารส้ม ดื่มวันละ 3 ครั้ง ก่อนกินอาหาร

การเรียนรู้ทางพิษวิทยา การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของหญ้าหนวดแมวส่วนใหญ่จะมีด้านฤทธิ์การขับเยี่ยวรวมทั้งฤทธิ์ในการรักษานิ่ว ยกตัวอย่างเช่น

  • มีสารฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทดสอบป้อนทิงเจอร์ของสารสกัดจากใบด้วยเอทานอลจำนวนร้อยละ 50 รวมทั้งจำนวนร้อยละ 70 ให้หนูแรทพบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 50 มีฤทธิ์ขับเยี่ยวและก็ขับโซเดียมได้ดีมากว่าสารสกัดด้วยเอทานอลความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 70 แม้กระนั้นขับโปแตสเซียมออกได้น้อยกว่า นอกจากนี้สารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 50 ยังมีฤทธิ์ขับกรดยูริคเจริญมาก รวมทั้งพบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจำนวนร้อยละ 50 มีปริมาณสารสำคัญ ดังเช่นว่า sinesetine, eupatorine, caffeic acid รวมทั้ง cichoric acid สูงกว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจำนวนร้อยละ 70 แต่ว่ามีสาร rosemarinic acid น้อยกว่า
  • ฤทธิ์สำหรับในการรักษานิ่ว มีการศึกษาฤทธิ์สำหรับเพื่อการรักษานิ่วในทางเดินฉี่ส่วนบนของต้นหญ้าหนวดแมวเปรียบเทียบกับการรักษามาตรฐานด้วยไฮโดรคลอไรไธอาไซด์ แล้วก็โซเดียมไบคาร์บอเนต พบว่าคนเจ็บที่ได้รับหญ้าหนวดแมวมีการขับเคลื่อนของนิ่วบริเวณกระดูกกระเบนเหน็บมากกว่า และก็ช่วยลดการใช้ยารับประทานแก้ปวดได้มากกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยามาตรฐาน แม้กระนั้นไม่ได้ต่างอะไรกันอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ ผู้ป่วยที่ได้รับต้นหญ้าหนวดแมวจะมีความดันโลหิตลดลงนิดหน่อย ตอนที่กลุ่มที่ได้ยามาตรฐานจะมีความดันเลือดลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คนไข้ที่ได้รับหญ้าหนวดแมวจะมีชีพจรในระยะเริ่มต้น (วันที่ 3 ของการทดสอบ) เร็วขึ้น แต่ว่าไม่เจอความเคลื่อนไหวของระดับโปแตสเซียมในเลือด กลุ่มที่ได้ยามาตรฐานจะมีเม็ดเลือดแดงในฉี่ในวันที่ 30 ของการทดสอบลดน้อยลง ความเคลื่อนไหวของความถ่วงจำเพาะของฉี่ทั้งคู่กรุ๊ปไม่ต่างอะไรกัน ตอนที่พบผลข้างเคียงในกรุ๊ปที่ใช้หญ้าหนวดแมวน้อยกว่ากลุ่มที่ใช้ยามาตรฐาน แม้กระนั้นไม่ได้มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกเหนือจากนี้ มีรายงานผลของการรักษานิ่วในไตในคนเจ็บที่ให้รับประทานยาต้มที่เตรียมจากใบต้หญ้าหนวดแมว[/url]แห้ง ความเข้มข้นร้อยละ 0.5 ขนาด 300 มล. ครั้งเดียว ติดต่อกันนาน 1-10 เดือน พบว่า 9 ราย มีการตอบสนองทางสถานพยาบาลที่ดี พบว่าฉี่ของคนป่วยมีลัษณะทิศทางเป็นด่างเพิ่มขึ้น ซึ่งแนะนำว่าน่าจะช่วยลดการเกิดนิ่วจากกรดยูริคได้


    ยิ่งกว่านั้นยังมีการทำการศึกษาในต่างถิ่นของฤทธิ์ในการบำบัดรักษาและรักษาลักษณะโรคต่างๆดังต่อไปนี้

  • การขับฉี่ (diuresis) ปัจจุบันนี้พบว่าเนื้อเยื่อบุผิวของกระเพาะปัสสาวะ (uroepithelial tissue) ที่มีตัวรับขอบ ที่มีตัวรับของ adenosinereceptor  A1 A2A A2B รวมทั้ง A3    สาระสำคัญในหญ้าหนวดแมวมีกลไกการทำงานที่สำคัญเป็น กระตุ้น adenosine receptor ประเภท A1    receptor แม้กระนั้นก็ให้ฤทธิ์ที่เกี่ยวเนื่องถึง adenosine receptor อีก 3 จำพวกด้วย ทำให้กล้ามเรียบของกระเพาะปัสสาวะหดตัวแต่กล้ามเนื้อเรียบของท่อเยี่ยว (urethra) คลายตัวซึ่งเอื้อต่อการขับฉี่ ก็เลยน่าจะเป็นกลไกที่ประยุกต์ใช้ชี้แจงการขับปัสสาวะได้
  • นิ่วในไต (urolithiasis) เป็นโรคที่ยังถือว่าเป็นปัญหาอยู่มากและยังไม่เคยทราบกลไกที่กระจ่าง ยาแผนโบราณใช้หญ้าหนวดแมวในการรักษานิ่ว Gao และก็ภาควิชาบ่งบอกถึงศักยภาพของต้นหญ้าหนวดแมวสำหรับการแก้ไขนิ่วที่เกิดขึ้นมาจากผลึกของ calcium oxalateในเยื่อไตของตัวทดลอง โดยทำให้สาร biomarker กว่า 20 ชนิดที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อไตเจ็บจากผลึกของ calcium oxalate สามารถกลับสู่ภาวการณ์ปกติได้การปฏิบัติงานของสารในหญ้าหนวดแมวคาดว่าน่าจะผ่านหลายกลไกในลักษณะ multiple metabolicpathways โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมเกือบจะอลิซึมของพลังงานต่างๆกรดอะมิโน taurine hypotaurine purine รวมถึง citrate cycle นอกเหนือจากนั้นยังมีรายงานเพิ่มอีกว่าการขับฉี่บางทีอาจเป็นการช่วยละลายนิ่วรวมทั้งขับออกมากับปัสสาวะง่ายดายมากยิ่งขึ้น ทั้งช่วยขับกรดยูริครวมทั้งคุ้มครอง  uric acid stone formation
  • การติดเชื้อของระบบฟุตบาทเยี่ยว (urinary tract infection, UTI) เมื่อนำหญ้าหนวดแมวมาใช้ในระบบทางเดินปัสสาวะ ผลพลอยได้ที่น่าดึงดูดคือ นอกจากจะขับเยี่ยวที่ช่วยให้ลักษณะของการต่อว่าดเชื้อแล้ว ยังสามารถลดการยึดติดของเชื้อจำพวก uropathognicEscherichia coli กับเซลล์กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เชื้อถูกขับออกไปจากระบบฟุตบาทฉี่ได้ง่ายแล้วก็เร็วขึ้น นอกจากนั้นคุณลักษณะสำหรับในการต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน ที่จะลดความเครียดจากสภาวะออกซิเดชัน (oxidative stress) ก็เลยลดการเจ็บที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาออกซิเดชันสำคัญเป็น lipid peroxidation ทำให้ลดการเกิดแผลเป็น (scar formation) ได้
  • การต้านอักเสบ (anti-inflammation) สารสกัดจากใบต้นหญ้าหนวดแมว  (chloroform extract) มีคุณสมบัติตามอักเสบเจริญ ก็เลยมีการนำมาใช้ใน rheumatoid arthritis gout และก็โรคอันเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการอักเสบต่างๆกลไกหนึ่งของสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมวที่ลดการอักเสบคือยั้ง cytosolic phospholipaseA2a (cPLA2a) ทำให้การสลาย phospholipid ลดน้อยลงสาร eupatorin และ sinensetin ยับยั้งการแสดงออกของยีน iNOS และ COX-2 ทำให้การสังเคราะห์ nitric oxide และ PGE2 ลดลงเป็นลำดับ เว้นเสียแต่สารกรุ๊ป phenolic compounds  คือ eupatorin และก็sinensetin แล้วสารกรุ๊ป diterpines ในต้นหญ้าหนวดแมวก็สามารถยั้งการสังเคราะห์ nitric oxide ได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านี้ยังลดการสังเคราะห์ tumornecrosis factor a อีกด้วย คาดคะเนว่ากลไกการต้านอักเสบผ่าน transcription factor ที่ชื่อ STAT1a
  • การลดไข้ (antipyretic activity)สารสกัดจากต้นหญ้าหนวดแมวมีคุณลักษณะลดการเกิดไข้ได้ขึ้นรถสำคัญที่ออกฤทธิ์เป็น rosmarinic acid,sinensetin, eupatorin รวมทั้ง tetramethoxy-flavone ข้อดีที่นอกเหนือจากการต่อต้านอักเสบและลดไข้แล้วยังช่วยลดอาหารปวดได้อีกด้วย31 ซึ่งอาการอักเสบ ไข้และก็ปวดจะมักพบสำหรับในการติดเชื้อของระบบฟุตบาทฉี่
  • ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycaemia) การใช้หญ้าหนวดแมวในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานน่าจะมีความปลอดภัยสูงเนื่องมาจากสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมว สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของตัวทดลองที่เป็นโรคเบาหวานได้ โดยยั้งเอนไซม์ a-glucosidase เพิ่มการแสดงออกของยีนอินซูลินและก็คุ้มครองปกป้องความเป็นพิษที่เกิดจากการรับกลูโคสขนาดสูงๆ(high glucosetoxicity) โดยผ่านการเติมหมู่ฟอสเฟตให้กับphosphatidylino-sitol 3-kinase (PI3K)

เมื่อกระทำสกัดแยกสาร sinensetin ออกมาทดลองฤทธิ์การยับยั้งเอนไซม์ a-glucosidase และก็a-amylase ก็พบว่าความสามารถของสารบริสุทธิ์sinensetin สำหรับในการยับยั้งเอนไซม์ a-glucosidase สูงขึ้นมากยิ่งกว่าสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมว (ethanolic extract) ถึง 7 เท่า ด้วยค่า IC50 พอๆกับ 0.66 และก็ 4.63 มก.ต่อมิลลิลิตร เป็นลำดับ ระหว่างที่คุณภาพของsinensetin สำหรับในการยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี a-amylase สูงกว่าสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมวถึง 32.5 เท่า ด้วยค่า IC50 เท่ากับ 1.13 แล้วก็ 36.7 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตรตามลำดับ จึงคาดการณ์ว่าสาร sinensetin บางทีอาจเป็นสารสำคัญชนิดหนึ่งสำหรับในการออกฤทธิ์ของต้นหญ้าหนวดแมวสำหรับการต้านโรคเบาหวานชนิดที่ไม่ขึ้นกับอินซูลิน (non-insulin-dependent diabetes) ได้

  • ความดันเลือดสูง (Hypertension) สารสกัดต้นหญ้าหนวดแมว สามารถลดภาวะหลอดเลือดหดรัด (vasoconstriction) ด้วยการขัดขวางตัวรับ alpha 1 adrenergic และก็ angiotensin 1 จึงคงจะไม่เป็นอันตรายในคนป่วยความดันโลหิตสูง นอกเหนือจากการที่จะไม่มีอันตรายในคนไข้ความดันโลหิตสูงแล้วยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาความดันโลหิตสูงได้ด้วย คาดว่าสารสำคัญที่ออกฤทธิ์มาจากกรุ๊ป diterpenes และ methylripario-chromene A
  • พิษต่อเซลล์มะเร็ง (cytotoxicity)หญ้าหนวดแมวที่สกัดด้วยแนวทาง supercritical carbon-dioxide ได้ผลที่น่าสนใจ สำหรับเพื่อการยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากด้วยความเข้มข้นที่ยับยั้งการเจริญของเซลล์ (inhibitory concemtration) ได้ 50 % เป็นค่า IC50 ต่ำเพียงแต่ 28 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร เมื่อเรียนรู้ลงไปในระดับเซลล์ก็พบว่าทำให้เซลล์ตายในลักษณะ apoptosis ซึ่งสามารถมองเห็น nuclearcondensation และก็ความเปลี่ยนไปจากปกติของเยื่อไมโตคอนเดรียได้อย่างชัดเจน เมื่อกระทำการสกัดสาร eupatorin มาทดลองความเป็นพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็งหลายๆประเภทก็ให้ค่า    IC50  ในระดับตำเป็นไมโครโมล่าร์ ด้วยการขัดขวางวงจรการแบ่งเซลล์ ระยะ G2/M phase จุดเด่นที่เหนือยาเคมีบำบัดในตอนนี้คือ eupatorin ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ปกติ
  • การต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (anti-oxidation) สารสกัดต้นหญ้าหนวดแมวสามารถลดสารอนุมูลอิสระ ดังเช่น การลดปฏิกิริยา lipid peroxidation ทำให้เยื่อเซลล์ทนทานรวมทั้งแข็งแรง ก็เลยลดการเกิดแผลของระบบทางเท้าปัสสาวะได้  นอกจากลดการเกิดปฏิกิริยา lipid peroxidation แล้วยังสามารถลดการเกิด hydrogen peroxide ได้อีกด้วย ทำให้เซลล์รอดพ้นจากการถึงแก่กรรมแบบ apoptosis ด้วยการเพิ่มการแสดงออกของยีน  Bcl-2  กับลดการแสดงออกของยีน Bax42  Ho แล้วก็แผนกทดสอบการใช้วิธีultrasound-assisted extraction (UAE) มาช่วยสำหรับเพื่อการสกัดสารจากต้นหญ้าหนวดแมวทำได้สารสกัดที่มีฤทธิ์ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันดีขึ้น โดยพบสารrosmarinic  acid,  kaempferol-rutinoside  แล้วก็sinesetine อยู่ในสารสกัดดังที่กล่าวถึงแล้ว

การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา เมื่อฉีดสารสกัดด้วยน้ำร้อนจากใบรวมทั้งลำต้นเข้าช่องท้องหนูแรทเพศผู้และก็เพศเมีย หนูเม้าส์เพศผู้รวมทั้งเพศภรรยา พบความเป็นพิษปานกลาง   เมื่อป้อนสารสกัดเดียวดันนี้ให้กับหนูแรททั้งคู่เพศทุกเมื่อเชื่อวันติดต่อกัน 30 วัน ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว ค่าการตรวจทางชีวเคมีในเลือด รวมทั้งพยาธิสภาพของอวัยวะสำคัญเมื่อดูด้วยตาเปล่า  แล้วก็เมื่อศึกษาความเป็นพิษในระยะยาวนาน 6 เดือน โดยการป้อนหนูแรทด้วยยาชงด้วยน้ำร้อน ซึ่งมีความแรงเสมอกันกับ 11.25, 112.5 แล้วก็ 225 เท่าของขนาดที่ใช้ในคนเจ็บโรคนิ่วในท่อไต ไม่พบไม่เหมือนกันของการเติบโต  การกินของกิน ลักษณะภายนอกหรือความประพฤติปฏิบัติที่ไม่ดีเหมือนปกติ และก็ค่าการตรวจทางวิชาชีวเคมีในเลือดเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม เว้นเสียแต่จำนวนเกร็ดเลือดจะเพิ่มขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อใช้ยาในขนาด 18 กรัม/โล/วัน พบว่าระดับโซเดียมในเลือดในกลุ่มทดลองทุกกรุ๊ป โปแตสเซียมในหนูเพศภรรยา และคอเลสเตอรอลในหนูเพศผู้ จะหรูหราน้อยกว่ากลุ่มควบคุม   นอกนั้น เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดจากหญ้าหนวดแมว ติดต่อกันนาน 6 เดือน เปรียบกลุ่มควบคุม พบว่า หนูทุกกรุ๊ปมีการเติบโตแล้วก็รับประทานอาหารได้ใกล้เคียงกัน ไม่เจอความไม่ปกติในระบบเลือดวิทยาแล้วก็ความผิดแปลกของอวัยวะภายใน ส่วนการตรวจผลทางวิชาชีวเคมีพบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดทุกขนาดมีระดับโซเดียมต่ำลงยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม แต่ว่าระดับโปแตสเซียมมีแนวโน้มสูงขึ้น ในหนูเพศผู้ที่ได้รับสารสกัด 0.96 กรัม/กิโลกรัม/วัน จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยของตับและม้ามมากยิ่งกว่ากลุ่มควบคุม อย่างไรก็แล้วแต่การตรวจทางจุลพยาธิภาวะไม่พบความผิดแปลกที่เซลล์ตับแล้วก็อวัยวะอื่นๆยกเว้นการโป่งพองของกรวยไตในหนูขาวที่ได้รับสารสกัด 4.8 กรัม/กิโลกรัม/วัน ที่มีจำนวนเพิ่มมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม  กล่าวโดยย่อสารสกัดหญ้าหนวดแมวมีพิษน้อย  แต่จำต้องคอยติดตามวัดระดับโซเดียมรวมทั้งโปแตสเซียมถ้าหากใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน
ข้อเสนอแนะ/ข้อควรคำนึง

  • สำหรับคนที่เป็นโรคไตหรือโรคหัวใจ ไม่สมควรใช้สมุนไพรต้นหญ้าหนวดแมว เพราะสมุนไพรชนิดนี้มีสารโพแทสเซียมสูงมาก ถ้าเกิดไตผิดปกติก็จะไม่อาจจะขับโพแทสเซียมออกมาได้ ส่งผลให้เกิดโทษต่อสุขภาพร่างกายอย่างร้ายแรง และก็ยังมีฤทธิ์สำหรับการขับปัสสาวะให้ออกมามากยิ่งกว่าปกติ และเกรงว่าขนาดของโพแทสเซียมที่สูงมากนั้น อาจจะไปกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วผิดปกติ ก็เลยบางทีอาจมีผลเสียต่อโรคหัวใจได้
  • การใช้ใบชองต้นหญ้าหนวดแมวไม่สมควรใช้การต้ม ให้ใช้การชง และควรใช้ใบอ่อน เพราะเหตุว่าใบแก่จะมีความเข้มข้นอาจทำให้มีฤทธิ์กดหัวหัวใจ
  • การเลือกต้นนำมาใช้เป็นยาสมุนไพร ควรจะเลือกต้นที่ดูแข็งแรง แข็งรวมทั้งดก ไม่อ่อนแขวนลงมา ลำต้นมองอ้วนเป็นเหลี่ยม ต้นมีสีม่วงสีแดงเข้ม แล้วก็มองได้จากใบที่มีสีเขียวเข้มวาวและก็ใหญ่
  • การใช้สมุนไพรหญ้าหนวดแมวเพื่อรักษานิ่วจะได้ผลลัพธ์ที่ดีก็เมื่อใช้กับนิ่วก้อนเล็กๆแม้กระนั้นจะไม่ได้เรื่องกับก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่
  • สมุนไพรต้นหญ้าหนวดแมว ไม่ควรใช้ร่วมกับยาแอสไพริน เพราะว่าหญ้าหนวดแมวจะทำให้ยาแอสไพรินไปจับกล้ามเนื้อหัวใจเยอะขึ้นเรื่อยๆ
  • ผลข้างเคียงของต้นหญ้าหนวดแมว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับคนปกติที่ไม่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อน โดยอาการที่บางทีอาจพบได้เป็น ใจสั่น หา



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ