โรคต่อททอนซิล มีวิธีรักษาด้วยสมุนไพรอย่างไร เเละสมุนไพรมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคต่อททอนซิล มีวิธีรักษาด้วยสมุนไพรอย่างไร เเละสมุนไพรมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร  (อ่าน 27 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 86


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2018, 06:12:23 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)
โรคต่อมทอนซิลอักเสบเป็นยังไง  ต่อมทอนซิล เป็นอวัยวะที่อยู่ด้านในลำคอ ซึ่งเป็นต่อมคู่ซ้ายขวาใกล้กับโคนลิ้น โดยคือต่อมน้ำเหลืองที่ทำหน้าที่จับสิ่งเจือปนจากของกิน , น้ำกินและการหายใจ เป็นต้นว่า แบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกายเหมือนกองทหารด่านหน้า รวมทั้งบ่อยที่ต่อมทอนซิลมักเกิดการอักเสบขึ้น
ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบติดโรคของต่อมทอนซิลซึ่งเป็นโรคพบมากโรคหนึ่ง พบได้ในทุกอายุ แม้กระนั้นพบบ่อยกว่าในเด็ก และไม่ค่อยเจอในผู้ใหญ่และคนวัยชรา ช่องทางเกิดโรคเสมอกันอีกทั้งในเพศหญิงรวมทั้งเพศชาย  ต่อมทอนซิลอักเสบพบได้อีกทั้งการอักเสบติดเชื้อรุนแรงซึ่งเมื่อเกิดมักมีอาการร้ายแรงกว่า แม้กระนั้นรักษาหายได้ด้านใน 1 - 2 สัปดาห์ แล้วก็อักเสบเรื้อรังที่ชอบเป็นๆหายๆอาการแต่ละครั้งรุนแรงน้อยกว่าจำพวกฉับพลัน แม้กระนั้นมีลักษณะอาการอักเสบรุนแรงซ้อนได้เป็นระยะๆซึ่งนิยามของต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังอย่างเช่น มีต่อมทอนซิลอักเสบเกิดขึ้นอย่างน้อย 7 ครั้งใน 1 ปีที่ล่วงเลยไป หรืออย่างต่ำ 5 ครั้งทุกปีต่อเนื่องกันใน 2 ปีให้หลัง หรืออย่างต่ำ 3 ครั้งทุกปีต่อเนื่องกันใน 3 ปีให้หลัง
ทั้งโรคนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่นเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากกลุ่มโรคติดเชื้อแล้วก็กลุ่มโรคไม่ติดเชื้อโรค ซึ่งในเนื้อหานี้จะขอกล่าวถึงการอักเสบจากโรคติดเชื้อไวรัสและก็เชื้อแบคทีเรียซึ่งเจอได้เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “เบต้า-ฮีโมไลตำหนิกสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ” (Group A beta-hemolytic streptococcus) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สเตรปโตค็อกคัส ไพโอจีเนส” (Streptococcus pyogenes) ซึ่งอาจทำให้คนไข้มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมาได้
สาเหตุของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ การตำหนิดเชื้อที่ต่อมทอนซิลโดยมากมีเหตุที่เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ผ่านเข้าทางปาก โดยต่อมทอนซิลจะช่วยคุ้มครองปกป้องการต่อว่าดเชื้อด้วยการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวออกมาต่อสู้กับเชื้อโรค รวมทั้งเพราะเหตุว่าเป็นภูมิต้านทานด่านแรก ต่อมทอนซิลจึงเป็นอวัยวะที่มีความเสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อโรคมาก
โดยต่อมทอนซิลอักเสบจำนวนมาก เป็นการติดโรคเชื้อไวรัส ซึ่งเจอได้สูงกว่าการติดเชื้ออื่นๆโดยประมาณ 70 - 80% ของต่อมทอนซิลอักเสบทั้งผอง ซึ่งเชื้อไวรัสที่ก่โรคต่อมทอนซิลอักเสบ[/url]มีหลายประเภทเช่น

  • ไรโนเชื้อไวรัส (Rhinoviruses) ไวรัสที่นำไปสู่โรคไข้หวัดทั่วๆไป
  • ไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza) เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดใหญ่
  • เชื้อไวรัสพาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza) นำมาซึ่งโรคกล่องเสียงอักเสบรวมทั้งกลุ่มอาการครู้ป
  • ไวรัสเอนเทอร์โร (Enteroviruses) ต้นเหตุของโรคมือเท้าปาก
  • ไวรัสรูบิโอลา (Rubeola) นำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคหัด
  • เชื้อไวรัสอะดีโน (Adenovirus) เชื้อไวรัสที่มักเป็นสาเหตุ ที่มา : wikipedia           ของอาการท้องเดิน
  • เชื้อไวรัสเอ็บสไตน์บาร์ (Epstein-Barr) ที่สามารถทำให้เกิดโรคโมโนนิวคลีโอซิส แม้กระนั้นทอนซิลอักเสบที่เกิดจากแบคทีเรียประเภทนี้จะพบได้ไม่บ่อย
  • รวมทั้งอีกมูลเหตุหนึ่งเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียโดยประมาณ 15 - 20 %

ต้นเหตุของต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อยที่สุดเป็นผลมาจากการเชื้อสเต็ปโตคอคคัสกลุ่ม  ที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดทอนซิลอักเสบแบบเป็นหนอง (exudative tonsil litis)
ลักษณะโรคต่อมทอนซิลอักเสบ โดยปกติโรคต่อมทอนซิลอักเสบมักกำเนิดร่วมกับการอักเสบติดเชื้อของลำคอเสมอ
ลักษณะโรคต่อมทอนซิลอักเสบแยกได้เป็น 2 กรุ๊ปใหญ่ๆคือ

  • กลุ่มที่มีเหตุมาจากเชื้อไวรัส มีลักษณะเจ็บคอเล็กน้อยถึงปานกลาง และไม่เจ็บเยอะขึ้นเรื่อยๆตอนกลืน อาจมีอาการเป็นหวัด น้ำมูกใส ไอ เสียงแหบ จับไข้ ปวดหัวนิดหน่อย ตาแดง บางคนอาจมีอาการท้องเดินหรือถ่ายเหลวร่วมด้วย  การตรวจทานคอจะเจอฝาผนังคอหอยแดงเพียงนิดหน่อย ต่อมทอนซิลอาจโตเล็กน้อยมีลักษณะแดงเพียงเล็กน้อย
  • กลุ่มที่มีสาเหตุจากแบคทีเรีย จะมีลักษณะไข้สูงเกิดขึ้นกระทันหัน หนาวสั่น  ปวดศีรษะ  ปวดเมื่อยตามตัว  อ่อนแรง  ไม่อยากอาหาร  เจ็บคอมากจนกลืนน้ำลายหรือของกินทุกข์ยากลำบาก  อาจมีลักษณะของการปวดร้าวขึ้นไปที่หู  บางคนอาจมีลักษณะของการปวดท้อง  หรือคลื่นไส้แล้วก็มีกลิ่นปากร่วมด้วย  มักจะไม่มีอาการน้ำมูกไหล ไอ  หรือตาแดง  แบบการติดเชื้อจากเชื้อไวรัส

                นอกเหนือจากนี้จะเจอผนังคอหอยแล้วก็เพดานอ่อน  มีลักษณะแดงจัดแล้วก็บวม  ทอนซิลบวมโตสีแดงจัด  รวมทั้งมีแผ่นหรือจุดหนองสีขาวๆเหลืองๆติดอยู่บนต่อมทอนซิล  นอกเหนือจากนี้       ยังบางทีอาจตรวจพบต่อมน้ำเหลืองที่ใต้ขากรรไกรบวมโตและเจ็บ
กระบวนการรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ
การวิเคราะห์โรคต่อมทอนซิลอักเสบ หมอจะวินิจฉัยเบื้องต้นด้วยอาการแสดงรวมทั้งการตรวจลำคอโดยบางทีอาจใช้วิธีการต่อไปนี้

  • ใช้ไฟฉายส่องมองรอบๆลำคอ และบางทีอาจมองบริเวณหูแล้วก็จมูกร่วมด้วย เหตุเพราะเป็นบริเวณที่แสดงอาการติดเชื้อได้เหมือนกัน
  • ตรวจดูผื่นแดงที่เป็นอาการโรคไข้อีดำอีแดงซึ่งมีต้นเหตุจากเชื้อแบคทีเรียตัวเดียวกับกับโรคคออักเสบ
  • ตรวจด้วยการคลำสัมผัสเบาๆที่ลำคอเพื่อดูว่าต่อมน้ำเหลืองบวมหรือเปล่า
  • ใช้เครื่องสเต็ทโทสโคปฟังเสียงจังหวะการหายใจของคนป่วย

ถ้าเกิดพบผนังคอหอยและต่อมทอนซิลมีลักษณะแดงเพียงนิดหน่อยหรือเปล่าแน่ชัด ก็มักเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการต่อว่าดเชื้อไวรัส   หากต่อมทอนซิลบวมโต แดงจัด แล้วก็มีแผ่นหรือจุดหนองติดอยู่บนทอนซิล  ก็มักจะเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้ออนุภาคบีตาฮีโมโลติกสเตรปโตค็อกคัส กรุ๊ปเอ  ในรายที่ยังไม่แน่ใจหมอบางทีอาจจำต้องกระทำตรวจค้นเชื้อจากบริเวณคอหอยและก็ต่อมทอนซิล  โดยใช้วิธีที่เรียกว่า "rapid strep test" ที่สามารถรู้ผลได้ในไม่กี่นาที ถ้าหากผลการตรวจคลุมเครือ  ก็บางทีอาจต้องกระทำเพาะเชื้อซึ่งจะรู้ผลใน 1-2 วัน

การดูแลรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ หมอจะให้การรักษาตามสาเหตุที่เจอ คือ

  • เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อไวรัส ก็จะให้การรักษาแบบทะนุถนอมตามอาการ ยกตัวอย่างเช่น ยาลดไข้ แก้ไอ แก้หวัด ไม่มีการให้ยายาปฏิชีวนะ เพราะเหตุว่าไม่อาจจะทำลายเชื้อไวรัสได้ ซึ่งลักษณะของโรคชอบหายได้ข้างใน 1 อาทิตย์
  • มีต้นเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย เว้นเสียแต่ให้ยาบรรเทาตามอาการแล้ว ก็จะให้ยาปฏิชีวนะรักษาด้วย ยกตัวอย่างเช่น เพนิซิลลินวี (Penicillin V) อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) อีริโทรไมซิน (Erythromyin)  อาการมักดีขึ้นข้างหลังรับประทานยาปฏิชีวนะ 48-72 ชั่วโมง  โดยแพทย์จะให้กินยาสม่ำเสมอจนถึงครบ 10 วัน เพื่อคุ้มครองป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามมา

ดังนี้การกินยาปฏิชีวนะควรต้องรับประทานให้ครบตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าแบคทีเรียถูกกำจัดจนหมด เพราะเหตุว่าเชื้อแบคทีเรียที่กำจัดไม่หมดอาจจะส่งผลให้การตำหนิดเชื้อห่วยลงหรือแพร่ไปยังส่วนอื่นของร่างกาย นอกจากนี้ในเด็กยังเสี่ยงเกิดภาวะแทรก ได้แก่ การต่อว่าดเชื้ออย่างหนักที่ไต และก็ไข้รูมาติกซึ่งเป็นการติดเชื้อบริเวณลิ้นหัวใจร่วมกับมีไข้ตามมาได้
นอกนั้นยังมีวิธีการผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออก (tonsillectomy) ซึ่งเป็นแนวทางรักษาทอนซิลอักเสบที่เป็นซ้ำหลายหน หรือทอนซิลอักเสบเรื้อรัง หรือทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่สนองตอบต่อการดูแลรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเพียงแค่นั้น โดยพิจารณาได้จากลักษณะที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้

  • ทอนซิลอักเสบมากยิ่งกว่า 7 ครั้งในรอบหนึ่งปี
  • ทอนซิลอักเสบมากยิ่งกว่า 4-5 ครั้งในรอบหนึ่งปีเป็นระยะเวลา 2 ปีให้หลัง
  • ทอนซิลอักเสบมากยิ่งกว่า 3 ครั้งในรอบหนึ่งปีเป็นระยะเวลา 3 ปีให้หลัง

ยิ่งไปกว่านี้ แพทย์ยังอาจใช้การผ่าตัดทอนซิลในกรณีที่ต่อมทอนซิลอักเสบนำมาซึ่งการก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ยากจะรักษาตามมา เป็นต้นว่า

  • ภาวการณ์หยุดหายใจขณะกำลังนอนหลับ (นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการนอนกรมเพราะเหตุว่าต่อมทอนซิลโต)
  • หายใจลำบาก (ด้วยเหตุว่าต่อมทอนซิลโตมากจนถึงอุดกั้นทางเท้าหายใจ)
  • กลืนทุกข์ยากลำบาก โดยเฉพาะเมื่อกลืนเนื้อหรือของกินชิ้นหนาๆ
  • เป็นฝีที่ใช้ยาปฏิชีวนะแล้วยังไม่ดีขึ้น
  • มีต่อมทอนซิลโตข้างเดียว ซึ่งบางทีอาจเป็นอาการของโรคโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ต่อมทอนซิล)

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ  การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลบ่อยมากหรือเรื้อรังอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆดังเช่นว่า เกิดภาวะหยุดหายใจขณะที่กำลังหลับ หายใจติดขัด การติดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เนื้อเยื่อโดยรอบ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะนำมาซึ่งโรคต่างๆตามมา ได้แก่  ในกลุ่มที่มีต้นเหตุมาจากเชื้อไวรัส ส่วนมากจะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนผู้ที่ลักษณะโรคร่วมกับป่วยหวัด  ไข้หวัดใหญ่  ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ภูมิแพ้ หูชั้นกึ่งกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ  ปอดอักเสบ เป็นต้น และก็ในกลุ่มที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

  • เชื้ออาจขยายไปยังรอบๆใกล้เคียง ทำให้เป็นหูชั้นกลางอักเสบ จมูกอักเสบ ภูมิแพ้ ปอดอักเสบ ฝีที่ต่อมทอนซิล
  • เชื้ออาจเข้ากระแสเลือดแพร่กระจายไปยังที่ต่างๆ ทำให้เป็นข้ออักเสบประเภทฉับพลัน กระดูกอักเสบเป็นหนอง  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • ทำให้มีการเกิดปฏิกิริยาภูเขามิต้านตัวเอง (autoimmun reaction) กล่าวคือภายหลังติดโรคแบคทีเรียชนิดนี้ ร่างกายจะสร้างสารภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อขึ้นมา แล้วไปก่อปฏิกิริยาต้านเนื้อเยื่อของตนเอง นำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรง ได้แก่ ไข้รูมาติก (มีการอักเสบของข้อแล้วก็หัวใจ ถ้าเกิดปลดปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจจะส่งผลให้กำเนิดโรคลิ้นหัวใจทุพพลภาพ หัวใจวายได้) แล้วก็ หน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน (เป็นไข้ บวม ฉี่สีแดง อาจจะส่งผลให้เกิดภาวะไตวายได้) โรคแทรกซ้อนเหล่านี้มักเกิดข้างหลังทอนซิลอักเสบ 1-4 สัปดาห์

สำหรับไข้รูมาติก ได้โอกาสเกิดขึ้นราวปริมาณร้อยละ 0.3-3 ของผู้ที่ไม่ได้รับการดูแลและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างแม่นยำ แต่ดังนี้การคุ้มครองภาวะแทรกซ้อนรุนแรงดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถทำเป็นกล้วยๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (แม้ว่าอาการจะดีขึ้นหลังรับประทานยาได้ 2-3 วันไปแล้วก็ตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เหมือนกับในโรคไข้หวัดทั่วไปและในไข้หวัดใหญ่คือ เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายและก็เสลด (รวมทั้งสารคัดเลือกหลั่งอื่นๆ) ของผู้เจ็บป่วย และก็จะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังที่กล่าวถึงแล้วจากคนป่วย จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดเลือกหลั่งจากจมูกแล้วก็โพรงปากดังเช่นว่า น้ำมูก น้ำลายคนไข้ และก็จากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดเลือกหลั่งดังที่กล่าวถึงแล้ว

  • มีต่อมต่อมทอนซิลโตด้านเดียว ซึ่งบางทีอาจเป็นอาการของโรคโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ต่อมทอนซิล)

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ  การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลบ่อยหรือเรื้อรังบางทีอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆดังเช่นว่า เกิดภาวะหยุดหายใจขณะที่กำลังนอนหลับ หายใจติดขัด การติดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เยื่อรอบๆ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆตามมา ยกตัวอย่างเช่น  ในกรุ๊ปที่มีสาเหตุจากไวรัส จำนวนมากจะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนคนที่ลักษณะโรคร่วมกับป่วยหวัด  ไข้หวัดใหญ่  ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน อย่างเช่น ภูมิแพ้ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ  ปอดอักเสบ ฯลฯ และก็ในกลุ่มที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังนี้

  • เชื้ออาจแพร่กระจายไปยังบริเวณใกล้เคียง ทำให้เป็นหูชั้นกลางอักเสบ จมูกอักเสบ ภูมิแพ้ ปอดอักเสบ ฝีที่ทอนซิล
  • เชื้อบางทีอาจเข้ากระแสโลหิตแพร่ขยายไปยังที่ต่างๆ ทำให้เป็นข้ออักเสบประเภทเฉียบพลัน กระดูกอักเสบเป็นหนอง  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูไม่ต้านตนเอง (autoimmun reaction) กล่าวอีกนัยหนึ่งภายหลังจากติดเชื้อโรคแบคทีเรียประเภทนี้ ร่างกายจะสร้างสารภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อขึ้นมา แล้วไปก่อปฏิกิริยาขัดขวางเนื้อเยื่อของตน นำมาซึ่งโรคแทรกรุนแรง ยกตัวอย่างเช่น ไข้รูมาติก (มีการอักเสบของข้อแล้วก็หัวใจ แม้ปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจจะส่งผลให้เกิดโรคลิ้นหัวใจพิการ หัวใจวายได้) รวมทั้ง หน่วยไตอักเสบกระทันหัน (เป็นไข้ บวม เยี่ยวสีแดง อาจจะก่อให้เกิดภาวะไตวายได้) โรคแทรกเหล่านี้มักกำเนิดข้างหลังต่อมทอนซิลอักเสบ 1-4 อาทิตย์

สำหรับไข้รูมาติก ได้โอกาสเกิดขึ้นโดยประมาณร้อยละ 0.3-3 ของคนที่มิได้รับการดูแลและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้อง แต่ว่าทั้งนี้การคุ้มครองภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงดังกล่าวข้างต้นสามารถทำเป็นกล้วยๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (ถึงแม้ว่าอาการจะดีขึ้นกว่าเดิมข้างหลังกินยาได้ 2-3 วันไปและตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เหมือนกันกับในโรคหวัดทั่วๆไปและก็ในโรคไข้หวัดใหญ่เป็น เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายแล้วก็เสลด (รวมทั้งสารคัดเลือกหลั่งอื่นๆ) ของคนเจ็บ และก็จะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจากผู้ป่วย จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งจากจมูกและก็โพรงปากดังเช่นว่า น้ำมูก น้ำลายผู้เจ็บป่วย และก็จากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดหลั่งดังที่กล่าวถึงมาแล้ว
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ
ฟ้าทะลายขโมย ชื่อวิทยาศาสตร์ Andropraphis paniculata (Burm.f.) Wall. EX Nees ชื่อพ้อง Justicia paniculata Burm.f. ชื่อตระกูล Acanthaceae สรรพคุณ: แบบเรียนยาไทย: มีการใช้ส่วนเหนือดินเก็บก่อนที่จะมีดอก เพื่อรักษาไข้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ดับพิษร้อน หยุดอักเสบในอาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ขับเสมหะ ลดบวม แก้ติดเชื้อ รูปแบบรวมทั้งขนาดการใช้ยา:.ทุเลาอาการเจ็บคอ                   กินครั้งละ 3-6 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังรับประทานอาหารแล้วก็ก่อนนอน ทุเลาอาการหวัด รับประทานทีละ 1.5-3 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารแล้วก็ก่อนนอน  องค์ประกอบทางเคมี: สารชนิดแลคโตน andrographolide,neoandrographolide,deoxyandrographolide, deoxy-didehydroandrographolide สารกลุ่มฟลาโม้น ดังเช่น aroxylin, wagonin, andrographidine A 
จากการเล่าเรียนสมรรถนะของสารสกัดจากฟ้าทะลายขโมยในคนป่วยระบบทางเท้าหายใจส่วนบนไม่ร้ายแรง  223 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่รับประทานสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร 200 มิลลิกรัมต่อวัน รวมทั้งอีกกลุ่มกินยาหลอกเป็นระยะเวลา 5 วัน ซึ่งจะวัดผลด้วยการคาดการณ์อาการจากตัวผู้เจ็บป่วยเองในด้านต่างๆดังเช่น อาการไอ เสลด มีน้ำมูก ปวดศีรษะ มีไข้ เจ็บคอ อาการอ่อนเพลียง่าย รวมทั้งอุปสรรคต่อการนอน ผลพบว่า  2 กลุ่มมีอาการดีตั้งแต่เริ่มกระทั่งจบการทดลอง แต่ว่ากลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากฟ้าทะลายมิจฉาชีพเห็นผลได้อย่างชัดเจนในช่วงวันที่ 3-5 มากยิ่งกว่ากรุ๊ปที่กินยาหลอก อย่างไรก็ดี ยังพบผลกระทบเล็กน้อยในอีกทั้ง 2 กลุ่ม จากการทดลองก็เลยมั่นใจว่าฟ้าทะลายมิจฉาชีพบางทีอาจช่วยรักษาหรือทุเลาอาการติดเชื้อโรคในทางเดินหายใจตอนแรก
โตงเตง ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Physalis angulata  L. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ : Physalis minima ชื่อสามัญ :   Hogweed, Ground Cherry ชื่อตระกูล :   SOLANACEAE คุณประโยชน์โตงเตง : หนังสือเรียนยาไทย ผลรสเปรี้ยวเย็น แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ฝีในคอ แก้อักเสบในคอ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ตำพอกแก้ปวดบวม
ส่วนประโยชน์ที่สำคัญของโทงเทงที่ ใช้รักษาอาการทอนซิลอักเสบ โดยหมอประจำถิ่นนั้นจะใช้ต้นตำให้แหลกละลายกับเหล้า เอาสำลีชุบเอาน้ำยาใช้อมไว้ข้างแก้ม กลืนน้ำผ่านคอครั้งละนิด แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือที่เรียกว่าต่อมน้ำลายอักเสบ แก้ฝีในคอ ใช้แก้อาการอักเสบในคอเจริญ หรือผู้ที่แพ้แอลกอฮอล์ก็ใช้ละลายกับน้ำส้มสายชูแทน ใช้ภายในแก้ร้อนในอยากกินน้ำ ใช้ภายนอกแก้ฟกบวมอักเสบทำให้เย็น รวมทั้งอีกหนังสือเรียนยาหนึ่งบอกว่าแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ให้ใช้ต้นนี้สดๆ(หรืออย่างแห้งก็ใช้ได้) 3 หัว แผ่น ฝักชุบน้ำตาล 2 แผ่น ใส่น้ำ 1 ถ้วย ต้มให้เหลือครึ่งถ้วย รับประทานครั้งเดียวหมด เด็กก็กินลดลงตามส่วน จากการรักษาผู้ป่วยร้อยกว่าราย บางคนกิน 4-10 ครั้งก็หาย บางคนรับประทานต่อเนื่องกันถึง 2 เดือนก็เลยหาย
ปลาไหลเผือก ชื่อวิทยาศาสตร์ :  EURYCOMA LONGIFOLIA Jack. ตระกูล : SIMAROUBACEAE สรรพคุณทางยา : ราก ต้านโรคมะเร็ง รักษาโรคอัมพาต ช่วยขับถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้ท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ลักษณะการเจ็บคอ วิธีการใช้ตามตำราไทย : ต่อต้านโรคมะเร็ง ช่วยขับถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้อาการท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ลักษณะการเจ็บคอ นำรากแห้งโดยประมาณ 8-15 กรัม เอามาต้มเอาน้ำก่อนที่จะรับประทานอาหารทุกตอนเช้าแล้วก็เย็น (2 เวลา)
เอกสารอ้างอิง

  • พรพิมล พฤกษ์ประเสริฐ.(2550). การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน. ใน ประยงค์ เวชวนิชสนอง และวนพร อนันตเสรี. กุมารเวชศาสตร์ทั่วไป (หน้า214-216).หน่วยผลิตตำราคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ทอนซิลอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่324.คอลัมน์สารานุภาพทันโรค.เมษายน.2549
  • ศ.พญ.นวลอนงค์ วิศิษฎสุนทร.คออักเสบและตอ่มทอนซิลอกัเสบปัญหาของหนูน้อย.ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.
  • ทอนซิลอักเสบ-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม. http://www.disthai.com/[/b]
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “ทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 410-413.
  • วิทยา บุญวรพัฒน์.”โทงเทง” หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.หน้า284.
  • ฟ้าทะลายโจร.ฐานข้อมูลเครื่องยา.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • โทงเทง สมุนไพรหยุดการอักเสบในลำคอ.ศูนย์ข้อมูลสมุนไพร.สถาบันวิจัยสมุนไพร.กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.


Tags : โรคต่อมทอนซิลอักเสบ



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ