Advertisement
เหงือกปลาหมอชื่อสมุนไพร เหงือกปลาหมอ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น แก้มแพทย์ (สตูล) , อีเกร็ง (ภาคกลาง) , แก้มหมอเล (กระบี่) , นางเกร็ง,จะเกร็ง อื่นๆอีกมากมาย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl. (เหงือกปลาหมอดอกสีขาว)
Acanthus ilicifolius L. var. ilicifolius (เหงือกปลาแพทย์ดอกสีม่วง)
ชื่อสามัญ Sea Holly.
สกุล ACANTHACEAE
บ้านเกิด เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของไทยพวกเราเพราะว่ามีประวัติสำหรับในการนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่ง
เหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นที่โล่งแจ้งแล้วก็มักจะพบได้บ่อยในบริเวณป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เติบโตได้ดิบได้ดีในที่ร่มและก็มีความชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ถูกใจที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้ด้วยเหมือนกัน เหงือกปลาหมอ เจออยู่ 2 จำพวกเป็นประเภทดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบได้ทั่วไปในภาคกลางรวมทั้งภาคตะวันออก ชนิดดอกสีม่วง Acanthus ilicifolius L. พบทางภาคใต้ ทั้งเหงือกปลาหมอยังเป็นจำพวกไม่ขึ้นชื่อของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป- ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงโดยประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 1.5 ซม.
- ใบเหงือกปลาแพทย์ ใบเป็นใบผู้เดียว รูปแบบของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบของใบแล้วก็ปลายใบ ขอบของใบเว้าเป็นช่วงๆผิวใบเรียบวาวลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแถวก้าง เนื้อเรือใบแข็งแล้วก็เหนียว ใบกว้างราว 4-7 ซม. รวมทั้งยาวราวๆ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ก้านใบสั้น
- ดอกเหงือกปลาหมอ มีดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ทั้งนี้สีของดอกขึ้นกับประเภทของต้เหงือกปลาหมอ[/url]เป็น ดอกมีชนิดดอกสีม่วง หรือสีฟ้า แล้วก็ประเภทดอกสีขาว แต่ว่าลักษณะอื่นๆเหมือกันเป็น ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบดอกไม้เป็นท่อปลายบานโต ยาวราวๆ 2-4 ซม. บริเวณกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และก็เกสรตัวเมียอยู่
- ผลเหงือกปลาแพทย์ รูปแบบของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวราวๆ 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ด้านในฝักมีเมล็ด 4 เม็ด
การขยายพันธุ์ เหงือกปลาแพทย์สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและการใช้กิ่งปักชำ แม้กระนั้นวิธีที่เป็นที่ชื่นชอบและสำเร็จผลิตที่ดีหมายถึงการใช้กิ่งปักชำ นำกิ่งที่ไม่แก่และไม่อ่อนจนกระทั่งเหลือเกิน อายุ 1-2 ปี มาชำลงในดินโคลน คอยรดน้ำให้เปียกแฉะ ประมาณ 2 เดือน จะแตกหน่อราก จึงกระทำย้ายปลูก ก่อนปลูกควรจะตระเตรียมแปลงปลูก ระยะปลูก 80x80 ซม. รองตูดหลุมด้วยปุ๋ยธรรมชาติหรือปุ๋ยหมัก ใส่ปุ๋ยคอกหว่านรอบโคนต้นปีละ 2 ครั้งๆละ 1 กิโลกรัม/ต้น ใส่ปุ๋ยบ่อยมากขึ้นในเรื่องที่เก็บเกี่ยวผลผลิตหลายครั้ง ทำให้ต้นเสื่อมโทรม ใบเป็นสีเหลือง กำจัดวัชพืชรักษาแปลงให้สะอาด
หลังปลูก 1 ปี จึงจะเก็บผลิตผล โดยตัดกิ่งให้หมออีกทั้งต้น (โคน) ให้เหลือความยาวครึ่งหนึ่ง เพื่อแตกใหม่ในปีต่อไป กิ่งที่ได้เอามาสับเป็นท่อนๆละ 6 นิ้ว นำไปผึ่งแดดจนถึงแห้งดี หรืออบแห้ง กิ่งและก็ใบสด 3 กก. จะตากแห้งได้ 1 กก. และผลผลิตจากต้นอายุ 1 ปี ปริมาณ 4 ต้น (กอ) จะมีน้ำหนักสด 1 กก.
องค์ประกอบทางเคมี ในใบเจอสาร : alpha-amyrin, beta-amyrin, ursolic acid apigenin-7-O-beta-D-glucuronide, methyl apigenin-7-O-beta-glucuronate campesterol, 28-isofucosterol, beta-sitosterol ในรากพบสาร : benzoxazoline-2-one, daucosterol, octacosan-1-ol, stigmasterol อีกทั้งต้นพบสาร : acanthicifoline, lupeol, oleanolic acid, quercetin, isoquercetin, trigonelline , dimeric oxazolinone
สรรพคุณ ยาสมุนไพรพื้นบ้าน ใช้ ใบ ต้มกับน้ำดื่ม แก้นิ่วในไต ทั้งต้น 10 ส่วน กับพริกไทย 5 ส่วน ทำเป็นยาลูกกลอน แก้โรคกระเพาะ ขับเลือด เป็นยาอายุวัฒนะ ทั้งยังต้น ใช้รักษาแผลฝีหนอง ใช้ ใบรวมทั้งต้น แก้ตกขาว โดยตำเป็นผงละลายน้ำผึ้ง หรือน้ำมันงา ปั้นเป็นลูกกลอนรับประทาน
ตำราเรียนยาไทย ใช้ ใบ รสเค็มกร่อยร้อน ตัดรากฝีข้างใน แล้วก็ด้านนอกทุกประเภท แก้น้ำเหลืองเสีย ช่วยบำรุงรักษารากผม แก้ประป่าดง ใบเป็นยาอายุวัฒนะ รักษาตกขาว , ตกขาวของสตรี ใบสด แก้ไข้ ผื่นคันฝี แก้ฝีทราง หรือใช้ใบสดเอามาตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัด พอกฝี รวมทั้งแผลอักเสบ ต้นและก็เมล็ด มีรสเผ็ดร้อน รักษาฝี แก้โรคน้ำเหลืองเสีย เมล็ด ใช้เป็นยาขับพยาธิ เป็นยาแก้ไอ ขับเลือด แก้ฝี ต้น มีรสเค็มกร่อย ต้นสด รักษาโรคผิวหนังพวกพุพอง น้ำเหลืองเสีย รวมทั้งผื่นคันตามร่างกาย ต้มกินแก้พิษไข้ทรพิษ พิษฝีด้านใน ตัดรากฝีทั้งสิ้น แก้โรคผิวหนัง น้ำเหลืองเสีย เป็นยาอายุวัฒนะ ต้มอาบ แก้พิษไข้หัว แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ตำพอก ปิดหัวฝี แผลเรื้อรัง คั้นเอาน้ำทาหัวบำรุงรากผม ใช้ยับยั้ง/ต้านทานมะเร็ว ช่วยเจริญอาหาร บรรเทาลักษณะของการปวดหัว ราก ใช้รากสด เอามาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้โรคงูสวัด บำรุงประสาท แก้หอบหืด ขับเสลด เหงือกปลาแพทย์ 5 (ราก,ต้น,ใบ,ผล,เมล็ด) มีสรรพคุณช่วยแก้พิษฝี แก้มะเร็ง ช่วยสำหรับการเจริญอาหาร ช่วยทำให้เลือดลดธรรมดา เป็นยาอายุวัฒนะ
รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้- ยับยั้งโรคมะเร็งต้านมะเร็ง นำเหงือกปลาหมอทั้ง 5 ส่วน (ราก,ต้น,ใบ,ผล,เม็ด) มาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
- รักษาประจำเดือนมาเปลี่ยนไปจากปกติ นำต้นมาตำผสมกับน้ำมันงารวมทั้งน้ำผึ้งนำมากิน
- แก้ผื่นคัน นำใบและก็ต้นสดประมาณ 3-4 กำมือเอามาสับต้นน้ำอาบบ่อยๆ 3-4 ครั้ง
- แก้ไข้หนาวสั่น นำต้นมาตำผสมกับขิง
- แก้ผิวแตกหมดทั้งตัว นำทั้งยังต้นของเหงือกปลาแพทย์ 1 ส่วน แล้วก็ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ
- ขับเสมหะ บำรุงประสาท แก้ไอ แก้หืด รักษามุตกิดระดูขาว นำรากมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
- รักษาโรคผิวหนัง ขับน้ำเหลืองเสียแก้แผลผุพอง เป็นฝีเป็นประจำนำต้น ใบแล้วก็เม็ดต้มกับน้ำอาบ
- ปรับแต่งข้ออักเสบ แก้ปวดต่างๆนำใบมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
- ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่อุดตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคลุกเคล้าผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอนไว้รับประทาน
- ช่วยแก้โรคกษัย อาการผอมแห้งเหลืองทั้งตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงรับประทานวันแล้ววันเล่า
- แก้อาการร้อนหมดทั้งตัว เจ็บระบบทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอแล้วก็เปลือกมะรุมอย่างละเสมอกัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือบางส่วน หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำเดือดจนถึงงวดแล้วยกลง เมื่อเสร็จให้กลั้นใจกินขณะอุ่นๆจนถึงหมด อาการก็จะ
- รากช่วยแก้และก็ทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้ด้วยเหมือนกัน
- แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ
- ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ทั้งต้นและก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน
- ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย นำมาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายมิจฉาชีพ ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้
ในขณะนี้เหงือกปลาหมอ มีการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาแคปซูลสมุนไพรเหงือกปลาแพทย์ ยาชงสมุนไพรและก็ยาเม็ด มีคุณประโยชน์ใช้รักษาโรคผิวหนังทั้งเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นสมุนไพรที่ใช้สำหรับในการอบตัว คือ การอบตัวด้วยละอองน้ำที่ได้จากการต้มสมุนไพร และก็การอบเปียกแบบเข้ากระโจม โดยเหงือกปลาแพทย์มีสรรพคุณสำหรับรักษาโรคผิวหนัง
นอกเหนือจากนั้นเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งตัวต่างๆเป็นต้นว่า สินค้าเปลี่ยนสีผมแล้วก็สบู่สมุนไพร ฯลฯ
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาฤทธิ์ลดการอักเสบ ทดลองน้ำสกัดจากใบแห้ง ความเข้มข้น 500 มคก./มล. กับหนูขาว พบว่าสารสกัดดังที่กล่าวถึงมาแล้วมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ โดยไปยับยั้งการสร้าง leukotriene B-4 แต่ว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์เป็น serotonin antagonist เมื่อเร็วๆนี้ มีงานค้นคว้าว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจากทั้งต้น ขนาด 500 มคก./มิลลิลิตร มีฤทธิ์ยับยั้ง 5-lipoxygenase activity ด้วยกลไกสำหรับการลดการสร้าง leukotriene B-4 ถึง 64% แล้วก็สารสกัดด้วยน้ำ ขนาด 500 มคก./มล. ลดได้ 44% แล้วก็มีการวิเคราะห์สารสำคัญของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วงที่มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ พบว่าสารนั้นเป็นพวก dimeric oxazolinone ที่มีสูตรส่วนประกอบเป็น 5,5¢-bis-benzoxazoline-2,2¢-dione
ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย มีการทดลองสารสกัดเอทานอล (90%) จากต้นแห้ง (ไม่เคยรู้ความเข้มข้น) กับ Staphylococcus aureus พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ แต่การทดสอบเมล็ดเหงือกปลาหมอ พบว่ามีฤทธิ์ต้านทานเชื้อ S. aureus
ฤทธิ์ต่อต้านการเกิดออกซิเดชั่น มีการทดสอบสารสกัดอัลกอฮอล์จากใบของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วง พบว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์ต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระหลายประเภท ได้แก่ superoxide radical, hydroxyl radical, nitric oxide radical และ lipid peroxide เป็นต้น นอกจากนั้นสารสกัดจากส่วนผลด้วยเมทานอล เมื่อทดลองในหนูถีบจักร พบฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ โดยมีขนาดที่ยับยั้งได้ 50% (IC50)หมายถึง79.67 มคล./มิลลิลิตร และก็เจอฤทธิ์ยั้งการเกิด lipid peroxide โดยขนาดที่ยั้งได้ 50% (IC50)หมายถึง38.4 มคลิตร/มล.
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่เกี่ยวกับการเพิ่มภูมิคุ้มกัน มีการนำสารสกัดน้ำอย่างหยาบจากรากของเหงือกปลาหมอมาทำให้กึ่งบริสุทธิ์ โดยแนวทาง gel filtration (Sephadex G-25) เพื่อเล่าเรียนฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันที่มีต่อ mononuclear cell (PMBC) ของคนปกติ 20 ราย โดยวัดผลการเรียนรู้จาก H3-thymidine uptake พบว่าสารสกัดครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์ของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วง ที่ความเข้มข้นต่ำ (10 มคกรัม/มิลลิลิตร) สามารถกระตุ้นการแบ่งตัวของ lymphocytes ได้สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (P < 0.05)
การเรียนรู้ทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษและก็การทดลองความเป็นพิษ เมื่อให้สารสกัดลำต้นแห้งด้วยปิโตรเลียมอีเทอร์ ขนาดความเข้มข้น 5 ซีซี/จานเพาะเชื้อ ไม่ทำให้มีการเกิดการก่อกลายพันธุ์ ใน Salmonella typhimurium TA98 รวมทั้ง TA100 แม้กระนั้นเมื่อให้สารสกัดด้วยน้ำจากส่วนรากกับหนูเพศเมียขนาด 2.7 และ 13.5 ก./กก. ตรงเวลา 12 เดือน เจอความเป็นพิษต่อตับในหนูทดลอง
หลักฐานความเป็นพิษ และยังมีการศึกษาวิจัยเกี่ยววกับการทดลองความเป็นพิษของเหงือกปลาแพทย์อีกหลายชิ้นระบุว่า เมื่อฉีดสารสกัดพืชทั้งยังต้นด้วยเอทานอล (90%) เข้าทางช่องท้องของหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้หนูตายเป็นปริมาณกึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากกว่า 1 ก./กก. ส่วนสารสกัดใบด้วยเมทานอลและน้ำ (1:1) ฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรเพศผู้ ค่า LD50 มีค่ามากกว่า 1 ก./กิโลกรัม และสารสกัดจากใบร่วมกับต้นด้วยเมทานอลและก็น้ำ (1:1) ฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรเพศผู้ด้วยเหมือนกัน ค่า LD50 เท่ากับ 750 มก./กก. สารสกัดจากต้นด้วยเมทานอลและก็น้ำ (1:1) ค่า LD50 มีค่ามากกว่า 1 ก./กิโลกรัม เมื่อกรอกสารสกัดใบร่วมกับก้านใบ ลำต้น รากแห้ง ด้วยน้ำหรือน้ำร้อน หรือฉีดเข้าท้องของหนูถีบจักร (ไม่เจาะจงขนาด) ไม่กระตุ้นให้เกิดพิษ รวมทั้งเมื่อกรอกสารสกัดรากแห้งด้วยน้ำให้หนูถีบจักร ในขนาด 0.013 มิลลิกรัม/สัตว์ทดลอง ไม่พบพิษ ทั้งยังมีการเรียนรู้ถึงพิษของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วงแบบฉับพลันและก็แบบครึ่งทันควันในหนูจำพวกสวิส โดยใช้ส่วนสกัดจากใบแล้วก็รากแยกกัน ในขนาดความเข้มข้นต่างๆพบว่า สารสกัดดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นไม่มีพิษอย่างฉับพลัน แม้กระนั้นการใช้เหงือกปลาแพทย์ในขนาดสูงๆเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เป็นผลข้างเคียงต่อระบบฟุตบาทฉี่ได้ รวมถึงมีการทดลองนำสารสกัดจากรากเหงือกปลาหมอกับ mononuclear cell (PMBC) ของคนในหลอดทดสอบโดยใช้สารสกัดอย่างหยาบคาย พบว่าสารสกัดดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ขนาด 100 มคก./มิลลิลิตร เป็นพิษต่อ PBMC (P< 0.05) แต่ว่าเมื่อนำสารสกัดหยาบคายมาทำให้ครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์โดยวิธี gel filtration (Sephadex G-25) พบว่าสารสกัดครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์ที่ได้ไม่เป็นพิษต่อ PMBC ที่เลี้ยงไว้ในหลอดทดลองแม้ว่าจะใช้ในความเข้มข้น 1,000 มคก./มล.
การต้านการฝังตัวของตัวอ่อน ให้สารสกัดเอทานอล (90%) ขนาด 100 มก./กก. กับหนูขาวที่ท้อง พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ต้านทานการฝังตัวของตัวอ่อนคำแนะนำ/ข้อควรไตร่ตรอง แม้ในการศึกษาเรียนรู้ทางด้านพิษวิทยาแล้วก็การทดลองความเป็นพิษของเหงือกปลาแพทย์จำพวกดอกสีม่วงแล้วก็จำพวกดอกสีขาว จะส่งผลการเรียนชี้ว่า ไม่มีพิษแต่ว่าแต่ การใช้สมุนไพรเหงือกปลาหมอก็คล้ายกับการใช้สมุนไพรจำพวกอื่นซึ่งก็คือ ไม่สมควรใช้ในขนาดและก็จำนวนที่สูง และก็ใช้เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เนื่องจากอาจจะเป็นผลให้กำเนิดความไม่ดีเหมือนปกติหรือผลข้างเคียงต่อระบบต่างๆของร่างกายได้
เอกสารอ้างอิง- เอมอร โสมนะพันธุ์ 2543. สมุนไพรและผักพื้นบ้านกับโรคเอดส์และโรคฉวยโอกาส ในโครงการสัมมนาวิชาการ เรื่อง การดูแลผู้ติดเชื้อเอดส์ด้วยสมุนไพรและผักพื้นบ้าน, 19-21 เมษายน 2543 ณ. ห้องประชุมตะกั่วป่า โรงแรมเจ.บี. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หน้า 1-26.
- Hoult JRS, Houghton PJ, Laupattarakesem P. Investigation of four Thai medicinal plants for inhibition of pro-inflammatory eicosanoid synthesis in activated leukocytes. J Pharm Pharmacol Suppl 1997;49(4):218.
- Ghosh, A. et al. 1985. Phytochemistry, 24( : 1725-1727. http://www.disthai.com/[/b]
- จงรัก วัจนคุปต์. การตรวจหาสมุนไพรที่มีอำนาจทำลายเชื้อแบคทีเรีย. Special Project Chulalongkorn Univ, 2495.
- เหงือกปลาหมอ.ฐานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
- Nair, A.G.R. and Pouchaname, V. 1987. J. Indian Chem Soc. 64(4) : 228-229.
- Bhakuni DS, Dhawan BN, Garg HS, Goel AK, Mehrotra BN, Srimal RC, Srivastava MN. Bioactivity of marine organisms:part VI-screening of some marine flora from Indian coasts. Indian J Exp Biol 1992;30(6):512-7.
- Laupattarakesem P, Houghton PJ, Hoult JRS. An evaluation of the activity related to inflammation of four plants used in Thailand to treat arthritis. J Ethnopharmacol 2003;85:207-15
- Bunyapraphatsara N, Srisukh V, Jutiviboonsuk A, et al. Vegetables from the mangrove areas. Thai J Phytopharm 2002;9(1):1-12
- Minocha, P.K. and Tiwari, K.P. 1981. Phytochemistry, 20: 135-137.
- ชุลี มาเสถียร ผ่องพรรณ ศิริพงษ์ จงรักษ์ เพิ่มมงคล. ฤทธิ์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันของสารสกัดจากรากเหงือกปลาหมอที่มีต่อ lymphocytes ของคนในหลอดทดลอง. Bull Fac Med Tech Mahidol Univ 1991;15(2):104.
- D’Souza L, Wahidulla S, Mishra PD. Bisoxazolinone from the mangrove Acanthus ilicifolius. Indian J Chem, Sect B: Org Chem Incl Med Chem 1997;36B(11):1079-81.
- เหงือกปลาหมอดอกขาว.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
- Babu BH, Shylesh BS, Padikkala J. Antioxidant and hepatoprotective effect of Acanthus ilicifolius. Fitoterapia 2001;72(3):272-7.
- เหงือกปลาหมอดอกม่วง.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานสมุนไพรคณะเภสัชมหาวิทยาลัยมหิดล.
- Srivatanakul P, Naka L. Effect of Acanthus ilicifolius Linn. in treatment of leukemic mice. Cancer J (Thailand) 1981;27(3):89-93.
- ปิยวรรณ ญาณภิรัต สุนันทา จริยาเลิศศักดิ์ จงรักษ์ เพิ่มมงคล และคณะ. การศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับพิษของสมุนไพรเหงือกปลาหมอในหนูขาว. วารสารโรคมะเร็ง 530;13(1):158-64.
- Piyaviriyakul S, Kupradinun P, Senapeng B, et al. Chronic toxicity of Acanthus ebracteatus Vahl. in rat. Poster Session 6th National Cancer Conference, Bangkok, Dec. 3-4, 2001.
- Nakanishi K, Sasaki SI, Kiang AK, et al. Phytochemical survey of Malaysian plants. Preliminary chemical and pharmacological screening. Chem Pharm Bull 1965;13(7):882-90.
- Jongsuwat Y. Antileukemic activity of Acanthus ilicifolius. Master Thesis, Chulalongkorn University, 1981:151pp.
- Rojanapo W, Tepsuwan A, Siripong P. Mutagenicity and antimutagenicity of Thai medicinal plants. Basic Life Sci 1990;52:447-52.