RENOVATE รับตกแต่งออกแบบสำนักงาน ร้านกาแฟ ภายนอก ทำร้านร้านเล็บ มีภาพจำลอง3D ติด

[Navaphon11991]

Advertisement

ให้บริการ - ค่าผลิต คิดตามจำนวนเฟอร์นิเจอร์ในแบบ ไม่มีขั้นต่ำ
Renovate, Innovate,  ออกแบบร้านกาแ�ออกแบบคอนโด ร้านกาแฟ ภายใน ทำร้านเครื่องสำอางค์ มีภาพจำลอง3D ติดต่อ เรามีสำนักงาน 2 สาขาที่กรุงเทพ และหัวหิน
งานออกแบบปรับปรุงห้องชุดพักอาศัย
โครงการ : NOBLE ORA ซ.ทองหล่อ
style : MODERN CLASSIC

พื้นที่ใช้สอย : 70 ตร.ม.
ค่าออกแบบ : 390 บ./ตร.ม.
ขั้นตอนออกแบบเสร็จสิ้น กำลังดำเนินการผลิต


 
ชงกาแฟให้กลมกล่อม
กาแฟอาราบิก้า ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea arabica L. จัดอยู่ในสกุลเข็ม (RUBIACEAE)
ต้นกาแฟอาราบิก้า เป็นพืชท้องถิ่นของทวีปอัฟริกา รอบๆประเทศเอธิโอเปีย แม้กระนั้นชาวอาหรับเป็นชาติแรกที่นำกาแฟมาชงดื่ม ก็เลยทำให้ชื่อภาษาละตินของกาแฟใช้คำว่า “อาราบิก้า” (arabica) เป้าหมายถึงชาวอาหรับ โดยต้นกาแฟจัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ที่มีความสูงของต้นราวๆ 2-4 เมตร ในปัจจุบันเพาะปลูกกันมากในเขตร้อนชื้นและครึ่งหนึ่งเย็น
ใบกาแฟอาราบิก้า ใบเป็นใบคนเดียว ออกเรียงตรงกันข้าม รูปแบบของใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบแหลมน้อย ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างโดยประมาณ 8-12 เซนติเมตร และยาวราว 15-20 ซม. แผ่นใบเรียบเป็นเงา บางคราวเป็นคลื่น มีหูใบอยู่ระหว่างก้านใบ
ดอกกาแฟอาราบิก้า มีดอกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบดอกไม้เป็นสีขาว ติดกันเป็นหลอด ดอกมีกลิ่นหอมหวน
ผลกาแฟอาราบิก้า ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ปนรูปทรงกลม โดยผลอ่อนจะเป็นสีเขียว แม้กระนั้นเมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีแดงข้อดีของกาแฟอาราบิก้า คือ มีกลิ่นหอมและสารกาแฟสูง ทำให้เมื่อดื่มแล้วรู้สึกได้ถึงความคล่องแคล่ว สดชื่น โดยกาแฟจำพวกนี้จะมีปริมาณของคาเฟอีนต่ำ เป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง มีความหอมไม่ด้อยกว่าใครกันแน่ เพียงยังไม่มีชื่อเสียงเท่าไรนัก ด้วยเหตุว่าขาดการช่วยส่งเสริมและการโฆษณาที่ดี ในประเทศไทยมีการปลูกกาแฟชนิดนี้กันมากมายทางภาคเหนือบนดอยสูง
กาแฟโรบัสต้า ชื่อสามัญ Robusta coffee
ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea canephora Pierre ex A.Froehner (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Coffea robusta L.Linden)
ต้นกาแฟโรบัสต้า ลำต้นเติบโตมาจากรากแก้ว มีลักษณะเป็นข้อและปล้อง โคนใบจะอยู่ตามข้อของลำต้น เมื่อต้นโตขึ้นใบจะหลุดล่วงไป โคนใบมีตา 2 ชนิด คือ ตาบนและก็ตาล่าง ตาบนจะแตกกิ่งออกมาเป็นกิ่งกิ้งก้านที่ 1 ลักษณะเป็นกิ่งนอนขนานกับพื้นดินมีข้อและก็ข้อ แต่ละข้อจะมีกลุ่มตาดอกที่จะติดเป็นผลกาแฟถัดไป ส่วนตาล่างจะแตกออกเป็นกิ่งตั้ง กิ่งจะตั้งตรงขึ้นไปราวกับลำต้น และไม่ติดผล แม้กระนั้นสามารถสร้างกิ่งกิ้งก้านที่ให้ดอกผลได้ ซึ่งเรียกเป็นกิ่งกิ้งก้านที่ 1 ด้วยเหมือนกัน และก็กิ่งแขนงที่ 1 ยังสามารถแตกกิ่งแขนงต่อไปได้อีกเป็นกิ่งแขนงที่ 2 รวมทั้งกิ่งแขนงที่ 2 ก็สามารถแตกเป็นกิ่งกิ้งก้านที่ 3 ได้อีก โดยกิ่งกิ้งก้านเหล่านี้จะเกิดในลักษณะเป็นคู่สลับเยื้องกันบนลำต้นหรือกิ่งตั้ง เมื่อมีการตัดลำต้นกาแฟ ตาล่างบนลำต้นจะแตกกิ่งตั้งมา กิ่งก็จะแตกเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 1, 2 และก็ 3 จากนั้นก็จะมีการสร้างดอกแล้วก็ผลกาแฟถัดไป โดยต้นกาแฟนั้นจะสามารถเพาะพันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเมล็ด
ใบกาแฟ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว กำเนิดที่ข้อเป็นคู่ตรงข้ามกัน โคนใบและหลายใบเรียวแหลม ส่วนขอบใบหยักเป็นคลื่น ตรงกลางใบกว้าง ผิวใบเรียบนุ่มเป็นมัน มีปากใบอยู่ด้านท้องใบ แต่ละใบจะมีปากใบราว 3 ล้านถึง 6 ล้านรู โดยปากใบโรบัสต้าจะมีขนาดเล็กกว่าปากใบของกาแฟอาราบิก้า แต่จะมีมากไม่น้อยเลยทีเดียวกว่า อายุใบราว 250 วัน ส่วนก้านใบนั้นมีขนาดสั้น
ดอกกาแฟ ธรรมดาแล้วดอกกาแฟจะออกเป็นดอกลำพังบริบูรณ์เพศ มีกลีบดอกไม้โดยประมาณ 4-9 กลีบ ส่วนกลีบเลี้ยงมี 4-5 ใบ มีเกสร 5 อัน รวมทั้งมีรังไข่ 2 ห้อง ในแต่ละห้องของรังไข่จะมีไข่ 1 ใบ ผลกาแฟจึงมีเมล็ด 2 เม็ด ดอกจะออกเป็นกลุ่มๆรอบๆโคนใบบนข้อของกิ่งแขนงที่1, 2 หรือ 3 กลุ่มดอกแต่ละข้อจะมีดอกราวๆ 2-20 ดอก ดอกจะออกมาจากกิ่งแขนงจากข้อที่อยู่ใกล้กับลำต้นออกไปหาปลายกิ่งกิ้งก้าน ปกติแล้วต้นกาแฟจะออกดอกตามข้อของกิ่ง ข้อที่ออกดอกออกผลแล้วในปีถัดไปก็จะไม่มีดอกและก็ให้ผลอีก
ผลกาแฟ ผลมีลักษณะเป็นทรงรี ก้านผลสั้น ผลดิบเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีส้ม แล้วก็สีแดง ผลกาแฟจะประกอบด้วยเปลือก เนื้อที่มีสีเหลือง (เมื่อสุกมีรสหวาน) และก็กะลาที่หุ้มห่อเม็ด ตอนระหว่างกะลากับเม็ดจะมีเยื่อบางๆที่หุ้มเมล็ดอยู่ ซึ่งเราเรียกว่า “เยื่อหุ้มเม็ด” ในแต่ละผลจะมี 2 เม็ดแทบกันกันอยู่ ก้านที่ตามติดกันจะอยู่ข้างในมีลักษณะแบน มีร่องกึ่งกลางเม็ด 1 ร่อง ส่วนข้างนอกโค้ง ลักษณะของเมล็ดจะเป็นเมล็ดคนเดียวหรือเม็ดโทน ในบางครั้งหากการผสมเกสรไม่สมบูรณ์ จะมีผลให้ผลติดเม็ดเพียงแค่เม็ดเดียว (คิดเป็นราว 5-10%) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปกลมรีอีกทั้งเมล็ด มีร่องตรงกลาง 1 ร่อง เมล็ดพวกนี้จะเรียกว่า “พีเบอร์รี่“
จุดแข็งของกาแฟโรบัสต้า โดยส่วนมากแล้วเราจะนำกาแฟโรบัสต้ามาผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือเอามาผสมกับกาแฟอาราบิก้าเล็กน้อย เพื่อผลิตเป็นกาแฟคั่วบดให้มีรสชาติที่ต่างกันออกไป สำหรับกาแฟโรบัสต้านั้นมีจุดเด่นในเรื่องของบอดี้ เมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่ม เปียกคอ กาแฟชนิดนี้จะมีจำนวนของคาเฟอีนสูงยิ่งกว่ากาแฟอาราบิก้าเป็น 2 เท่า กาแฟโรบัสต้าในประเทศไทยจะมีการเพาะกันมากทางภาคใต้บนพื้นที่ราบ อาทิเช่นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชแล้วก็จังหวัดชุมพร
Drip : ขั้นตอนการนี้เกิดมาราวๆปี ค.ศ. 1905 ในเยอรมันนีซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1908 ก็ได้เป็นที่รู้จักอย่างมากมายของลูกค้า โดยเฉพาะคนที่ชอบชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน
วิธีการชงกาแฟแบบ Drip : จะทำโดยการใช้น้ำร้อนหรือหยดน้ำร้อนผ่านกาแฟบด แล้วหลังจากนั้นให้ของเหลวผ่านกระดาษกรอกหรือ filter สำหรับที่ใช้ชงกาแฟแบบ drip ลงไปยังภาชนะรองรับ ซึ่งเมื่อผ่าน filter อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีการเสียรสชาติไปบ้างแต่ว่าไม่มากมาย ซึ่งนับว่าเป็นแนวทางที่ง่ายเหมาะสำหรับทำที่บ้านได้ด้วยตัวเอง สามารถใช้ได้กับการชงกาแฟในจำนวนมากกว่า 1 แก้วได้อย่างสบาย โดยจะมีเครื่องต้มกาแฟ ชื่อ drip maker หรือ coffee machine ที่หาซื้อได้อย่างง่ายดาย
French Press : แนวทางการนี้เกิดขึ้นประมาณปี 1850 โดยนักออกแบบชาวอิตาเลียน การชงกาแฟโดยวิธีแบบนี้นั้น ควรจะมีเครื่องชงกาแฟแบบ French press ซึ่งหาซื้อได้อย่างง่ายดายตามท้องตลาด ทำให้ได้รสของกาแฟที่จริงจริงแต่ยังไงก็ไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจกับเศษหรือกากกาแฟที่หลุดลอดออกมานะเพราะเหตุว่านั่น คือเสน่ืห์ของแนวทางนี้ ซึ่งกาแฟที่ได้จะไม่ clean เท่าแบบ Drip ก็ไม่ต้องตระหนกตกใจ
กรรมวิธีการชงกาแฟแบบ French Press : ก็ไม่ยุ่งยาก
ขั้นที่ 1 : พวกเราจะต้องมีกาแฟบดก่อนซึ่งจำต้องใช้กาแฟบดที่หยาบคายหน่อยนะเพราะเหตุว่าถ้าหากเราบดละเอียดมากเลย ผงกาแฟจะหลุดลอดตะแกรงของเครื่องชงได้
ขั้นที่ 2 : เพิ่มเติมผงกายุบดลงไปในเครื่องชง ใช้กาแฟประมาณ 7 กรัม
ขั้นที่ 3 : เติมน้ำร้อนลงไปราวๆ 1/3 ของแก้วรอคอยให้กาแฟซึมน้ำซัก 30-40 วินาที จากนั้นเพิ่มเติมน้ำร้อนเข้าไปจนเต็ม
ขั้นที่ 4 : เอาฝามาปิด อย่าลืมนะก่อนปิดฝาให้ดึงตะแกรงขึ้นจนสุดก่อน ปิดฝาทิ้งเอาไว้ประมาณ 4 นาที
ขั้นที่ 5 : กดตะแกรงลงมาเพื่อดันเศษกาแฟลงไปด้านล่างแล้วหลังจากนั้นก็รินใส่ถ้วยกินได้โดยทันทีเลย
Espresso : แนวทางการนี้เกิดขึ้นราวๆปี ค.ศ. 1901 ในเมืองไม่ลาน ประเทศอิตาลี หลายๆท่านบางทีอาจจะเคยชินกับชื่อนี้เป็นอันมาก รวมทั้งอาจจะมีการเกิดความสับสนราวกับผมในคราวก่อนว่า มันเป็น ชื่อพันธุ์กาแฟ หรือไม่ก็สูตรกาแฟดำที่ชื่อ เอสเปรสโซ่ อันที่จริงแล้ว Espresso ชื่อนี้เป็นแนวทางการชงกาแฟ มาจากภาษาละตินที่หมายความว่า ดัน หรือ กด แล้วก็กาแฟที่ได้จากเครื่องนี้ก็จะเรียกว่า “กาแฟเอสเปรสโซ่” ซึ่งก็จะฯลฯทางของวิธีการทำกาแฟสูตรต่างๆดังเช่นว่า Latte, Mocha, Cappuccino, Macchiato หรือ Espresso con Panna เป็นต้น
Chemex : วิธีการแบบนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1931 ซึ่ง ไม่ค่อยแพร่หลายเยอะแค่ไหน โดย Chemexหมายถึงกรวยชงกาแฟ โดยลักษณะที่คล้ายๆกับการ Drip ที่ใช้น้ำร้อนเทใส่ผงกาแฟรวมทั้งผ่านกระดาษกรองลงไป แม้กระนั้นกรรมวิธีนี้เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ทุกขั้นตอนจะทำด้วยมือตั้งแต่การบดจะไปถึงการเทน้ำร้อนใส่ผงกาแฟ
Cupping : ขั้นตอนการนี้ใช้สำหรับนักชิมกาแฟ หรือ Master Taster โดยก่อนที่จะผู้สร้างกาแฟจะส่งขายไปยังลูกค้าควรจะมีการลองกาแฟก่อน ซึ่งผู้ลองกาแฟก็จะชงกาแฟด้วยวิธี Cupping คือ บดกาแฟที่อยากชิมรสชาติ ดังเช่นว่า กาแฟ 1 ชนิดก็จะคั่ว 3 ระดับเป็น อ่อน กลาง แล้วก็ เข้ม ต่อจากนั้นก็เอามาบดแล้วใส่ผงกาแฟลงในถ้วยแก้ว 3 ถ้วยต่อจากนั้นก็เพิ่มน้ำร้อนลงไป พอถึงขนาดตอนการลอง เค้าก็จะเอาช้อนปาดหรือตักผงกาแฟที่ลอยอยู่ออกรวมทั้งเริ่มกระทำชิมกาแฟได้เลย
สรรพคุณของกาแฟ

• เป็นที่เชื่อกันว่ากาแฟมีสรรพคุณที่ช่วยชูกำลังได้
• จากการศึกษากับนางพยาบาลจำนวน 83,000 คน ที่ไม่เคยสูบบุหรี่ และดื่มกาแฟวันละ 4 แก้ว พบว่า กาแฟสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดการอุดในเส้นเลือดได้ถึง 43%
• ช่วยลดการเกิดโรคตับจากสุรา จากสำรวจพบว่ากาแฟสามารถช่วยลดผลร้ายที่มีต่อตับได้ แต่ในส่วนนี้ยังต้องมีการวิจัยต่อไปว่าสารชนิดใดที่เป็นสารออกฤทธิ์ และมีผลต่อสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดโรคตับแข็งหรือไม่นอกจากแอลกอฮอล์ ส่วนอีกจากการศึกษาที่ทำการศึกษากับผู้ดื่มกาแฟจำนวน 125,000 คน โดยพบว่าการดื่มกาแฟเพียงวันละ 1 แก้ว ก็สามารถทำให้ความเสี่ยงของการเป็นโรคตับแข็งลดลง 20% และถ้าดื่มวันละ 4 แก้ว ก็จะสามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงได้สูงถึง 80%

ขั้นตอนกล้วยๆที่จะเป็นแนวทางสู่บ้านในฝัน
การออกแบบด้วยนักออกแบบนั้นนับเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการสร้างบ้าน นักออกแบบที่เก่ง จะช่วยจัดการกับปัญหาการจัดสรรพื้นที่ ช่วยทำให้บ้านของเรางดงาม มีสไตล์ แถมยังอยู่สบายสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้อาศัยในบ้าน แต่ว่าแม้ต้องการก่อสร้างบ้านข้างหลังเล็ก เน้นการอยู่อาศัยอย่างง่าย การออกแบบบ้านด้วยตนเองเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ จุดเด่นเป็นการสื่อสารกับช่างก่อสร้างให้ได้รู้ถึงความจำเป็นของเราเอง และก็กระบวนการสื่อสารที่ง่ายที่สุดในการก่อสร้างบ้าน นั่นคือการวาดแปลนบ้านนั่นเองครับ สำหรับวันนี้ “บ้านไอเดีย” ขอนำวิธีการดีไซน์บ้านด้วยตัวเองอย่างง่าย โดยจะเน้นไปถึงการจัดสรรพื้นที่ พร้อมด้วยวาดแผนผังแปลนภายในบ้านด้วยตนเอง เพื่อนำแปลนดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วไปให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือบางทีอาจส่งต่อให้นักออกแบบเขียนแบบแปลนมาตรฐาน เพื่อจะได้นำไปต่อยอดเป็นแบบแปลนบ้านใช้งานจริงกันครับผม
1. ตรวจสอบที่ดิน : ก่อนที่จะถึงกับขนาดตอนการออกแบบบ้าน อย่างแรกที่สำคัญมหาศาลเป็นการเรียนรู้แปลงที่ดินของเราเองอย่างระมัดระวัง ที่ดินมีหน้ากว้างกี่เมตร ลึกกี่เมตร ทิศไหนอยู่ด้านไหนบ้าง การสำรวจแนวทางนี้เพื่อให้พวกเราได้วางผังบ้านได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพอากาศ ลมและก็แสงแดด ขนาดของที่ดินยังบอกถึงขนาดและก็ทรงของบ้าน อย่างเช่น มีที่ดิน 40 ตำรวจมัธยม แต่ว่าต้องการพื้นที่ใช้สอย 200 ตำรวจม แน่ๆว่าต้องออกแบบเป็นบ้าน 2 ชั้นเท่านั้น แล้วก็การออกแบบจะต้องเผื่อขอบเขตระยะร่นโดยชอบด้วยกฎหมายกำหนดไว้ (อ่านข้อบังคับระยะร่น)
2. กำหนดสไตล์ : การเลือกสไตล์ของบ้าน เป็นการระบุขอบเขต เป้าหมาย เพื่อจินตนาการของความอยากได้มีความกระจ่างแจ้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนอ่านบางทีอาจขับรถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆพักรีสอร์ท เลิศบ้านเพื่อนฝูง หรือถ้าหากให้สะดวกหน่อยก็เพียงแต่คลิกเข้าชมเว็บไซต์บ้านไอเดีย แบบอย่างบ้านเหล่านี้พวกเราสามารถนำมาประยุกต์ กำหนดกรรมวิธีการออกแบบบ้านในฝันของเราได้ แต่ว่าจำต้องขอย้ำให้ทราบกันก่อนว่า เราสามารถนำดีไซน์มาดัดแปลงได้ แต่ไม่สามารถที่จะไปจำลองแบบได้นะครับ เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านหรือเจ้าของแบบโดยตรง โดยปกติแล้วสไตล์ของบ้านมีค่อนข้างจะหลากหลาย อีกทั้งไทยประยุกต์ , Vintage , Loft , Minimal , Tropical , หรืออาจเลือกเอกลักษณ์ของบ้านจากต่างประเทศ เป็นต้นว่า บ้านสไตล์ทัสคานี ฯลฯ ทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องมีส่วนประกอบที่แบบเดียวกัน ไม่มีความจำเป็นต้องเป๊ะ พวกเราบางทีอาจประสมประสานรวมแต่ละสไตล์ เลือกจุดที่ถูกใจเอามาประยุกต์ใช้เพื่อให้เปลี่ยนเป็นสไตล์ของเราเองได้เหมือนกันครับผม พบเจอตรงไหน ถ่ายภาพเก็บไว้ หรือถ้าถูกใจตัวอย่างแบบบ้านในเว็บไซต์บ้านไอเดีย ก็อาจจะเซฟลิงค์เก็บไว้ เผื่อตอนใช้งานจริงจะได้ค้นหาข้อมูลพบ การเลือกสไตล์บ้านที่ดี นอกเหนือจากความนิยมส่วนตัวแล้ว สถานที่ก่อสร้างเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรออกแบบบ้านให้สมควร คล้ายคลึงหรือมองกับสถานที่ ชุมชนที่พักอาศัยด้วยขอรับ
3. เขียนความอยากได้ลงไป : ก่อนที่จะมีการวางแบบสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก คือการวิเคราะห์ความจำเป็น ขั้นตอนนี้จำเป็นที่จะต้องสนทนากันทั้งครอบครัว มีสมาชิกกี่คน อยากได้อะไรบ้าง อยากได้แบบไหน มีเฉียง ระเบียงระเบียง มีกี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ เป็นคนมักจะทำครัวหรือไม่ ห้องนั่งเล่น ห้องดูทีวี ห้องทำงาน ปัญหาพวกนี้แต่ละบ้านย่อมมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจำเป็นหลักพื้นฐาน เป็นต้นว่า ปริมาณห้องนอน ส้วม ฯลฯ
4. กำหนดขนาด : เมื่อรู้ความจำเป็นแล้ว ระบุขนาดพื้นที่ใช้สอยของแต่ละห้องลงไป อยากให้กว้าง ยาว กี่เมตร การกำหนดขนาดแต่ละห้องจะช่วยทำให้สามารถพินิจพิจารณาหาพื้นที่ใช้สอยรวมทั้งสิ้นได้ ผลวิเคราะห์นี้จะทำให้การออกแบบบ้านชัดแจ้งเพิ่มขึ้น รวมถึงยังช่วยทำให้พวกเราทราบอีกว่า เราควรจะก่อสร้างบ้านกี่ชั้นถึงจะเหมาะสม ถ้ามีที่ดินอยู่แล้วจำเป็นจะต้องออกแบบให้สอดคล้องกับที่ดิน แม้กระนั้นแม้ยังไม่มีที่ดิน การกำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอย จะมีผลให้เราหาซื้อที่ดินได้ตามขนาดที่อยาก การกำหนดขนาดนี้ยังสามารถนำไปอิงกับการวัดราคาก่อสร้างได้อีกด้วยขอรับ
5. ระบุตำแหน่ง แนวทาง : การออกแบบแผนผังบ้านที่ดีควรออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อการพักอาศัยด้านในภายเป็นไปอย่างเหมาะควรที่สุด โดยรวมแล้วจะคิดถึงทิศทางของแดด และทิศทางลม โดยแดดจะส่องมากมายในทิศตะวันตก ทิศใต้ ห้องที่ต้องการแสงสว่างมากมาย เป็นห้องที่อยากกำจัดความชุ่มชื้น ได้แก่ ส้วม ครัว ห้องล้าง ส่วนห้องที่ต้องการแสงสว่างเพียงพอเหมาะสม ดังเช่นว่า ห้องนอน , ห้องนั่งเล่น , ห้องทำงาน , ห้องดูหนัง เพราะถ้าเกิดแสงสว่างมากเกินความจำเป็นอาจหมายคือความร้อนที่มากขึ้นเช่นเดียวกันครับ
6. สำหรับทิศทางลม ลมมีสองแนวทางหลัก ทิศเหนือรวมทั้งทิศใต้ขึ้นกับฤดูกาล (ทิศใต้มีลมเข้า 8-9 เดือน ทิศเหนือ 2-3 เดือน) ซึ่งหากอ้างอิงร่วมกับทิศทางแดด แดดทางด้านทิศใต้จะออกจะแรงเกือบจะตลอดวัน ส่วนทิศเหนือแดดจะร่มแทบตลอดวัน คนประเทศไทยจึงนิยมสร้างบ้านให้หันหน้าไปทางทิศเหนือ แม้กระนั้นก็มีเยอะๆเช่นกันที่เลือกหันหน้าไปทางด้านทิศใต้ เพื่อต้องการรับกระแสลมเกือบจะตลอดทั้งปี ดังนี้ก็มิได้เป็นความจำกัดแต่อย่างใด เพราะเหตุว่าการใช้แรงงานของแต่ละบ้านนั้นแตกต่าง บางคนบางทีอาจดีไซน์เพื่อย้ำการใช้ข้างบ้าน , ข้างหลังบ้าน ก็ขึ้นกับการใช้งานจริงด้วยขอรับ
7. ลองวาด : วัสดุเบื้องต้นที่สุดที่ใช้ในการวาดแปลนหมายถึงดินสอ + กระดาษ A4 หรือคนอ่านถนัดใช้เครื่องไม้เครื่องมือใดก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ ทั้งวาดด้วยมือหรือใช้ซอฟต์แวร์มาช่วยก็สามารถทำเป็นเหมือนกันครับผม หลักการวาดแปลน วาดเป็นมุมภาพ 2D โดยให้ระลึกถึงการมองภาพที่เอามาจากบนหลังคาบ้าน ซึ่งอาจจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับเครื่องหมายรากฐานกันสักนิด ดังเช่นว่า ประตู หน้าต่าง ส่วนห้องอื่นๆสามารถวาดเป็นสี่เหลี่ยมในแบบห้องทั่วไป ทั้งนี้แม้นักอ่านไม่เข้าใจสัญลักษณ์ ก็ไม่เป็นปัญหาใด เพียงวาดและก็เขียนคำชี้แจงประกอบร่วมด้วย ให้พอติดต่อสื่อสารได้ตรงกัน เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปคุยกับช่างรับเหมาได้แล้วครับ
 
ข้อควรจะรู้ก่อนการสร้างบ้าน
สถานที่ตั้งบ้าน จุดสำคัญของสถานที่ตั้งบ้านนั้นเป็นความสำคัญขั้นแรกที่พวกเราจำเป็นต้องคิดก่อนจะก่อสร้างบ้าน เนื่องจากเราจำเป็นจะต้องนึกถึงการเดินทางระหว่าง บ้านไปยัง ที่ทำงาน,สถานศึกษา ,ตลาด,ศุนย์กิจการค้า,สถานีรถไฟฟ้า,ราคาที่ดิน เป็นต้น ในอดีตสมัยทำเลที่ดีคือทำเลที่ต้องอยู่กลางเมืองเนื่องมาจากระบบรถสาธารณะยังไม่ครอบคลุมเสมือนอย่างตอนนี้ ทำให้ผู้คนต่างก็ไปกลุ่มกันอยู่ในเมืองเพียงอย่างเดียว ผิดกับตอนนี้ที่ทำเลที่ตั้งที่ดีคือทำเลที่อยู่ไกล้รถไฟฟ้า, ก่อนที่พวกเราจะคิดถึงการผลิตบ้านเราควรต้องมองหารอบๆที่เราสามาถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะพวกนี้ได้อย่างสะดวกที่สุด รวมถึงความปลอดภัยของย่านที่อยู่ที่จำต้องไม่ดูเปลี่ยวกระทั่งเหลือเกิน ในค่ำคืนอีกด้วย อาทิเช่นการซื้อบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านบางครั้งก็อาจจะรู้สึกอุ่นใจกว่าการสร้างบ้านเดียวที่แต่ละหลังตั้งอยู่ห่างกันจำนวนไม่ใช่น้อยเป็นต้น แล้วก็อย่าคาดหมายกับแผนการต่างๆที่ยังไม่เคยทราบว่าจะกำเนิดเมื่อใดหรือกำเนิดจริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้เรื่องยกตัวอย่างเช่น บริเวณนั้นจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ๆผ่าน ทางด่วน หรือ ถนนหนทางผ่าน เพราะเราไม่บางทีอาจยืนยันได้ว่ามันจะกำเนิดเมื่อไหร่(นอกจากการซื้อเพื่อเก็งกำไร) ควรที่จะเลือกจากภาวะเดี๋ยวนี้ที่ยอดเยี่ยม จะดีกว่าครับ
จะกลบดินสูงแค่ไหนดีนะ อันนี้เป็นปริศนายอดฮิตก่อนการสร้างบ้านอย่างยิ่งจริงๆ บางบุคคลบอก 50 ซม บ้างก็ว่า 30 ซึม ก็พอแล้วบางคนบอก 1 เมตรไปเลย แล้วจริงๆมันควรจะถมมากแค่ไหนหละ คำตอบของประเด็นนี้คือ สุดแต่ความชื่นชอบครับผมไม่มีการกำหนดที่แน่นอนเพียงแต่มันจะต้องสูงกว่าระดับถนนคอนกรีตหรือถนนลาดยางหน้าบ้านเรา ราวๆ 50 ซึม ก็พอเพียง แต่หากถนนหน้าบ้านเป็นถนนดินแดงก็ให้เพิ่มความสูงของระดับดินกลบเป็น 1 มัธยมเพื่อเป็นการรองรับความสูงของถนนหนทางที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากการลาดยางหรือตัดถนนคอนกรีตในอนาคตนั้นเอง อีกต้นสายปลายเหตุนึงคือระดับน้ำท่วมสูงสุดในรอบๆนั้น ถ้าเกิดสามารถหาข้อมูลได้พวกเราก็ควรกลบที่ดินให้สูงยิ่งกว่าระดับดังกล่าวข้างต้นประมาณ 50 ซม.ขึ้นไป
การถมดินเพื่อสร้างบ้านเจ้าของบ้านจำต้องเผื่อการยุบตัวของดินด้วยนะครับ เป็นเพื่มจำนวนดินกลบสูงขึ้นไปอีก 30 % เพื่อเผื่อให้ดินได้เซ็ตตัวหรือยุบตัว นั้นเอง ได้แก่ จะถมดินสูง 50 ซึม แต่ให้กลบดินไว้ที่ระดับ65 ซมนั้นเอง และควรกลบดินไว้ก่อนจะมีการสร้างบ้านอย่างต่ำ 4-6 เดือนยิ่งทิ้งเอาไว้ผ่านหน้าฝนซักครั้งจะยิ่งทำให้ดินแน่นมากขึ้นทำให้ลดปัญหาดินทรุดข้างหลังก่อสร้างบ้านได้อย่างดีเยี่ยม
ทิศทางแดดลม กับ การวางตำแหน่งบ้าน ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยอาจจะมีความรู้สึกว่าไอ้เรื่องพวกนี้ มันจะสำคัญอะไรมากมายก่ายกองนักจะปลูกบ้านตรงไหนมันก็มีลมทั้งนั้นล่ะ รวมทั้งที่สำคัญพวกเราก็เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดวันอยู่แล้วมองไม่เห็นมีอะไรน่าวิตก คนไหนกันกำลังมีความนึกคิดอย่างงี้มั้งขอรับ ถ้าหากมีชี้แนะว่าให้อ่านประเด็นนี้ก่อนแล้วค่อยมาคิดอีกทีนะครับ
เพราะอะไรต้องมองทิศทางแดด-ลม ก่อนการวางตำแหน่งบ้าน เพราะว่าเราอาจไม่ได้อยากต้องการนอนในห้องนอนที่แสนจะร้อนในตอนกลางคืนหรือต้องอุดอู้อึดอัดอยู่ในบ้านที่ไม่มีลมระบายเลย เรื่องพวกนี้ออกจะละเอียดลออ มีข้อสังเกตุหลายประเภทสำหรับเพื่อการวางตำแหน่งบ้านเพื่อบ้านทั้งยังหลังเป็นบ้านที่อยู่อย่างสบาย สุขสบาย รวมทั้งลดการใช้พลังงาน
ปกติแดดของบ้านเราจะวิ่งเป็นแนวตะวันออกแล้วอ้อมโค้งไปด้านใต้ก่อนที่จะตกในทิศตะวันตก จะทำให้ทิศใต้ไปจนกระทั่งทิศตะวันตกได้รับแสงสว่างสูงที่สุดของวันคือตั้งแต่หลังเที่ยงตรงไปจนถึงห้านาฬิกาเย็น ด้านนี้จะต้องเป็นส่วนหลังบ้านรวมทั้งส่วนซักล้างหรือกิจกรรมอื่นที่อยากได้แสงจำนวนไม่ใช่น้อยๆส่วนทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงอ่อนๆในช่วงเวลาเช้ารวมทั้งแสงจะแรงมากเพียงช่วง 10 โมงเช้าจนถึงเที่ยงตรงซึ่งก็เพียง 3 ดู ยิ่งทิศเหนือแล้วยิ่งได้รับแดดน้อยที่สุด 2 ด้านนี้ก็เลยเหมาจะวางตำแหน่งของห้องพักผ่อนที่อยากได้แสงสว่างรบกวนน้อย ตัวอย่างเช่น ห้องนอนและห้องนั่งเล่น
เรานิยมวางแนวด้านแคบของตัวบ้านหันไปทางทิศทางรับแดด เพื่อให้ฝาผนังที่รับแดดมีน้อยที่สุด ทำให้ผนังสามาถดูดกลืนความร้อนในจำนวนน้อยและก็ทำให้ภายในบ้านไม่ร้อนจนเหลือเกินในเวลากลางคืน เนื่องจากว่าธรรมชาติของผนังปูนนั้นจะดูดความร้อนเมื่อแดดส่องและจะถ่ายเทความร้อนออกมาในช่วงเวลากลางคืน โดยเหตุนี้ถ้าผนังบ้านถูกแดดตะวันตกน้อยก็จะทำให้ความร้อนที่จะถ่ายออกมาช่วงเวลากลางคืนมีน้อยเหมือนกัน
ส่วนลมนั้นลมประจำฤดูของบ้านเราจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งจะพัดพาอากาศหนาวจากจีนมาในตอนหน้าหนาว และก็ จากทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่จะพัดพาความชุ่มชื้นจากทะเลมาในฤดูร้อนและก็ฤดูฝน บ้านที่ดีด้านยาวของบ้านจำเป็นที่จะต้องหันเข้าพบทิศทางลมเพื่อลมธรรมชาติพัดเข้าตัวบ้านเพื่อระบายความร้อนออกไปให้ได้มากที่สุดและก็ส่งผลให้มัธยัสถ์ค่าไฟฟ้าสำหรับแอร์ในบ้านเป็นต้น
 
 
ออกแบบ เพื่อนำเสนอห้าง
โครงการ : ร้านอาหาร / เครื่องดื่ม
style : cottage style

พื้นที่ใช้สอย : 40 ตร.ม.
ค่าออกแบบ : 220 บ./ตร.ม.


รับทำออกแบบ Design & RE-NOVATE BUILD มีจำลอง3D ติดต่อ
สาขากทม. 098 292 4496 หัวหิน 094 982 2636

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : [url=http://www.alldecorate.com/][url]http://www.alldecorate.com/[/url]

Tags : ออกแบบเคาน์เตอร์,รับตกแต่งร้านกาแฟ,รับออกแบบร้านอาหาร