รีวิว : ภูเขาทับเบิกฤดูฝน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รีวิว : ภูเขาทับเบิกฤดูฝน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด  (อ่าน 25 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Saichonka
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 21399


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2018, 05:57:30 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

ภูทับเบิกหน้าฝน ดีขนาดไหนต้องตามมาดู !!
ภูเขาทับเบิกฤดูฝน อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่ไม่อยากที่จะให้เพื่อนพ้องพลาดจริงๆเพราะนอกจากความสมบูรณ์ที่เราจะได้พบจากความงดงามของหมอกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่หาพบได้ง่ายดายๆก็คือ ความเอื้อเฟื้อของคนไทย ทริปนี้พวกเราอยากจะบอกเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวภูเขาทับเบิกของพวกเราเอง ซึ่งเป็นเลิศในทริปเที่ยวไทยที่เราชอบใจกับผู้คนที่นี่มาก ความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อแบ่งปัน มันสะท้อนให้เห็นสิ่งดีๆที่เรายังสามารถเผชิญในสังคมของไทยได้อยู่ สารภาพเลยว่าการได้เป็นคนรับในครั้งนี้ ทำให้พวกเราอยากเป็นผู้ให้มากยิ่งขึ้นจริงๆ
ถ้าพูดถึงที่เที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์แล้ว ภูทับเบิกเป็นจุดมุ่งหมายแรกที่มั่นใจว่านักเดินทางคนไม่ใช่น้อยอาจจะต้องการไปสัมผัสกับอากาศดีๆตรงนี้ และก็ที่ขึ้นชื่อลือนามอีกสิ่งหนึ่งของภูเขาทับเบิกก็คือ หมอกนั่นเองทริปภูเขาทับเบิกฤดูฝนคราวนี้พวกเราเริ่มเริ่มเดินทางกันจากกรุงเทพด้วยรถทัวร์ กรุงเทพฯ-หล่มสัก มีหลายเวลาให้เลือก เพื่อนฝูงๆสามารถซื้อตั๋วถึงที่กะไว้ขนส่งหมอชิต เดินทางโดยประมาณ 6 ชั่วโมง ด้วยเพชรวิเศษทัวร์ ค่าพาหนะ 300 บาทไม่เกิน เดินทางถึงบขส. หล่มเก่า ราวๆ 04.00 น. ต่อจากนั้นก็กระทำการหารถต่อขึ้นไปยังบนยอดภูเขาทับเบิก แผนจริงๆที่วางไว้คือเหมารถยนต์ของชาวบ้านที่ตลาดผักตรงข้าม บขส. หล่มเก่า เนื่องจากการขึ้นไปยังภูเขาทับเบิกมีสองวิธีให้เลือกเป็น ขับขี่รถขึ้นไปเองและก็อีกทางก็คือเหมารถขึ้นไปเนื่องจากว่าไม่มีรถประจำทาง เพื่อนๆคนใดที่อยากขับรถขึ้นไปเองก็อย่าลืมเช็ครถยนต์ให้ดีเพราะว่าทางขึ้นภูเขาทับเบิกออกจะชันแล้วก็โค้งจำนวนมากจำเป็นต้องเดินทางด้วยความระแวดระวังกัน เพราะจากข่าวมีรถยนต์หลายคันที่เบรคแตกบ้าง รถยนต์เสียบ้าง แหกโค้งบ้าง ทริปนี้เป็นครั้งแรกพวกเราเลยขอตรวจสอบทางด้วยตัวเองก่อนเผื่อมาครั้งต่อๆไปบางทีอาจจะขับขี่รถขึ้นไปเองได้ เลยตกลงใจเหมารถยนต์แต่ว่าด้วยความบังเอิญพบพี่ชาวเขาใจดีที่เอากะหล่ำปลีลงมาขายยังตลาด เลยได้ติดรถขนผักขึ้นไปยังบนยอดภูเขาทับเบิกกับพี่เค้าด้วย พี่เค้าใจดีมากมาย ขับรถเร็วแม้กระนั้นด้วยความชินทางของเค้าเลยทำให้เราสามารถไว้ใจได้แม้ว่ามันจะเสียวๆก็ตาม ฮ่าๆ
ในส่วนที่พักของพวกเรานั้น เราตระเตรียมเต็นท์มาเอง โดยจะเอามากางเต็นท์ถูกจุดกางเต็นท์วิสาหกิจชุมชน ค่ากางแค่ 50บาท ประหยัดมาก จ่ายหลักสิบ ทิวทัศน์หลักล้านจริงๆเป็นดีมากกกกกกกก ผู้ใดกันแน่มาก่อนเลือกที่กางได้ก่อน พวกเรามาตอนเช้ามากเลยได้เลือกที่เป็นคนแรกๆเลย ส่วนสิ่งที่ว้าวสุดๆเมื่อไปถึงคือ หมอกมาต้อนรับเยอะมากกก ถูกใจบบบบ บรรยากาศดี รวมทั้งที่สำคัญคนยังไม่เยอะ
เมื่อเดินทางถึงรอบๆจุดวัดปรอทเลยแวะดูวิวงามๆซึ่งวันนี้เป็นโชคดีของพวกเรามากๆเพราะหมอกมาแน่นมากมาย ที่สำคัญเป็นคนไม่เยอะ ถามคนแถวนั้นมาช่วงเมื่อวานนี้ฝนตกหนักมากมายเลยทำให้คนไม่ค่อยมาท่องเที่ยวรวมทั้งทำให้หมอกในวันนี้มามากมายนั่นเองจุดหลักที่สุดที่อยากให้เพื่อนๆไปดูหมอกกัน ก็คือบริเวณ ไร่ขอบผานั่นเอง จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่เห็นหมอกได้แบบชัดๆแล้วก็ฟินสุด ที่ตรงนี้มีที่พักเป็นข้างหลังกับที่พักแบบเต๊นท์ด้วยนะ ตรงนี้ก็วิวดีนะ แม้กระนั้นรู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเนื่องจากว่าใครกันแน่จะมานี้ก็ได้ เพราะใกล้ๆกันเป็นจุดสำหรับเพื่อชมวิวนั่นเอง ขณะที่มาถึงเป็นพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลย บรรยากาศเลยยังมัวๆเลยมารอชมดวงอาทิตย์ขึ้นกันที่ ไร่ริมเขาหิน มีคนมารอดูกันเยอะพอควร หากคนใดกันแน่คิดว่าไปไม่ถูก ให้เดินตรงไปด้านล่างที่มีที่พักไม่น้อยเลยทีเดียวไร่ริมผาจะอยู่ขอบสุดเลย ระหว่างทางเดินก็อย่าลืมถ่ายภาพ วิวดีเยี่ยม
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันไปยังที่พักของตน ส่วนคนไหนกันแน่ที่ยังไม่ต้องการเข้าที่พักก็มี ไร่กะหล่ำปลีให้ได้เดินชมความสวย ถ่ายภาพเก๋ๆค่าเข้าชมเพียงแค่คนละ 20 บาท
ดูวิวกันเสร็จแล้ว มากางเต็นท์กันต่อดีมากยิ่งกว่า รวมทั้งนี่เป็นวิวที่มองออกมาจากเต็นท์ของเรา ฟินมากบอกแล้วว่าจ่ายหลักสิบ ทิวทัศน์หลักล้าน จริงๆเดินทางกันมาเมื่อยล้าๆยังไม่กินข้าวยามเช้าก็มากินที่นี่ได้ มีห้องอาหารเช้าให้บริการเยอะแยะ มีอีกทั้งข้าวต้ม ขนมปัง ข้าวอาหารตามสั่ง พร้อมบริการให้นั่งท่องเที่ยวกันเลย กินเสร็จและขอพักแอบงีบกันหน่อยนะ เดินทางมาไกล รับประทานข้าวยามเช้ามาอิ่มๆขอแอบไปงีบนิดนึง
เพิ่มเติมพลังกันเสร็จก็มาถึงช่วงเวลาของกาแฟซึ่ง ร้านขายกาแฟดีๆก็มีอยู่รอบๆลานกลางเต๊นท์วิสาหกิจเลย ส่วนอาหารเย็นก็อาจเป็นอะไรไปไม่ได้เว้นแต่หมูกระทะ อาหารประจำชาติของเรา เพราะว่าในเย็นวันนั้นมีฝนตกลงมาบางส่วน บวกกับไอของความหนาว บอกเลยว่ามื้อนี้จะต้องหมูกระทะ ร้านหมูกระทะก็มีอยู่รอบๆลานกางเต็นท์ด้วยเหมือนกัน ปกติจะมีบริการส่งถึงเต็นท์ แม้กระนั้นเนื่องแต่ฝนตก เราเลยจำเป็นต้องไปนั่งกินที่ร้าน กินเสร็จก็กลับมาพักที่เต็นท์ในแผนที่วางไว้เราจะไปยังเขาค้อ แต่ยังไม่ทราบเลยว่าจะเดินทางไปอย่างไร ยังคงไม่แน่นอนในทริป แต่ในระหว่างที่เดินลงจากจุดวัดอุณหภูมิ ก็มีรถคันนึงที่ขับผ่าน พร้อมเปิดกระจกถามคำถามว่า น้องจะไปไหน พวกเราและเพื่อนฝูงเลยกล่าวว่าจะไปข้างล่างตรงทางแยกเข้าสวนภูหินร่องกล้า พี่เค้าก็เลยให้ติดรถยนต์ขึ้นมาด้วย
เมื่อขึ้นรถรวมทั้งไต่ถามกัน สรุปว่าพี่เค้ากำลังจะออกเดินทางไปเขาค้อ เลยได้ติดรถยนต์พี่เค้าไปยังเขาค้อเลย ดีเลิศมาก พี่เค้ามากันเป็นครอบครัว มีพ่อแม่ ลูก สวยและมีน้ำใจมากมายๆที่ให้พวกเราติดรถยนต์ไปด้วย คนไหนกันแน่ที่ชื่นชอบผลไม้สดๆหรือผักจากคนภูเขาแบบสดๆทางลงภูทับเบิกจะมีขายผลทั้งผลไม้แล้วก็ผักให้เพื่อนๆได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปอย่างแน่แท้ ผักและก็ผลไม้บางจำพวกเรายังไม่ทราบจะมาก่อน ดังเช่นว่า ทิซซ่าไข่ เซี้ยนท้อ เห็นแล้วหลังจากนั้นก็ยังมึนงงๆว่ามันเป็นผลไม้อะไร 555
ต่อจากนั้นจุดหมายถัดไปของพวกเราก็เลยแปลงเป็นสวนภูหินร่องกล้าพร้อมด้วยพี่ๆใจดีแล้วก็ครอบครัว อุทยานแห่งชาติภูเขาหินร่องกล้า ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ อ.ด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอ นครไทย จังหวัดพิษณุโลก แล้วก็ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นอีกเส้นทางนึงที่สามารถไปยังเขาค้อได้โดยไม่ต้องลงไปยังอำเภอหล่อสัก มีจุดชมวิวชื่อลานหินปุ่ม จำเป็นต้องเดินเท้าเข้าไปราวๆกิโลกว่าๆเหนื่อยใช้ได้เลยนะ ในแผนนี้เป็นจะปราบแค่ยอดภูเขาทับเบิก ผลสุดท้ายได้มาเป็นผู้พิชิตลานหินปุ่มซะด้วย คุ้มมากทางนี้ถ้าหากเดินครบรอบใหญ่จะผ่านสถานที่สำหรับท่องเที่ยวหมายถึงหลุมฝังศพทหาร ลานหินปุ่ม หน้าผาชูธง ลานอเนกประสงค์ กว่าจะถึงลานหินปุ่มก็เดินชมวิวด้านข้างไปด้วยถือว่าใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง กลางทางมีเด็กน้อยคนภูเขามานั่งเล่นอยู่รอบๆน้ำตก เพื่อนพ้องๆสามารถขอถ่ายรูปได้นะคะ น้องสวยทุกคน
ลานหินปุ่มในวันนั้น เนื่องจากเราท่องเที่ยวภูเขาทับเบิกฤดูฝน อากาศมันเลยครึ้มๆตลอดระยะเวลาเลยได้ภาพมาแบบครึ้มๆภายหลังจากไปชมลานหินปุ่มแล้วนั้น จุดถัดไปใกล้ๆกัน ก็คือ หน้าผายกธง ชึ่งเป็นหน้าผาที่มีอยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500 เมตร เป็นหน้าผาชัน สามารถเห็นวิวได้ไกล
หลังจากเดินกันมาเหนื่อยๆได้รูปงามๆกันแล้วจุดเช็คอินต่อไปของพวกเราก็คือวัดเขาหินแอบซ่อนแก้ว วัดชื่อดังจากจังหวัดเพชรบูรณ์ไปไหว้พระแล้วก็ทำบุญสุนทานกันที่นี่ ดูความงดงามของเจดีย์พระธาตุหน้าผาแอบซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมแปลง เจดีย์ที่ตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระเบื้องนานัปการสี เครื่องประดับ พลอย สร้อย กำไล จานชามเครื่องเบญจรงค์ สวยมากมายจริงๆรวมถึง อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 ท่าน งามมากมายๆเช่นเดียวกัน
ไหว้พระทำบุญสุนทานกันเสร็จแล้วอีกหนึ่งสถานที่ที่จะจำเป็นมากก็คือ ค๊อฟฟี่ช็อป pinolatte เชื่อว่าคนที่ไปเที่ยวเขาค้อน้อยคนหนักที่จะไม่เคยทราบร้านขายกาแฟที่นี้ ด้วยบรรยากาศและสถานที่ของร้าน มองเห็นทิวทัศน์เทือกเขาและก็ยังเห็นวัดพระธาตุหน้าผาแอบซ่อนแก้วยังชัดเจน เลยเป็นร้านค้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ยิ่งวันที่อากาศดีๆไปเช้าตรู่แล้วมีหมอกขึ้นมาต้อนรับ วิวยิ่งดีมากขึ้นไปอีก เรียกว่าเป็นจุดสำหรับชมวิวมหาชนของเขาค้อได้เลยนะ
ทางร้านก็ไม่พลาดที่จะถ่ายภาพงามๆมาฝากเพื่อนๆกันอย่างไม่ต้องสงสัย ที่นี่มีบริการอาหารด้วยนะ สำหรับที่ผู้ใดกันกำลังหิวแต่อยากดูวิวก็มีของกินบริการค่ะ ของกินโดยมากจะเป็นของกินฝรั่งนะ ราคาก็ออกจะเอาเรื่องอยู่ ชมทิวทัศน์ไหว้พระเสร็จก็ถึงเวลาจะต้องบอกลาครอบครัวพี่ๆที่ใจดีกันแล้ว เพราะการมาเที่ยวภูเขาทับเบิกฤดูฝนในครั้งนี้มีเวลาเที่ยวออกจะน้อย เนื่องด้วยวันลาจะหมดแล้ว เลยมีเวลาแค่เสาร์ อาทิตย์ จึงจำเป็นต้องกลับไวกันสักหน่อย ฮ่าๆแม้กระนั้นเจอหมอกภูทับเบิกขนาดนั้นพวกเราถือว่าทริปนี้คุ้มมากมายแล้วละ พวกเราเดินทางกลับโดยใช้รถทัวร์อย่างเดิม แต่ว่าเปลี่ยนแปลงจุดขึ้นรถมาขึ้นที่เขาค้อแทน
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เที่ยวสิงคโปร

Tags : เที่ยวเกาหลี,เที่ยวญี่ปุ่น,เที่ยวสิงคโปร



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ