ราชพฤกษ์เป็นสมุนไพรที่นำมารักษาโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ราชพฤกษ์เป็นสมุนไพรที่นำมารักษาโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์  (อ่าน 36 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
01adxz45
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 19


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2018, 03:20:22 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อท้องถิ่นอื่น : คูน (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกึ่งกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, [url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url][/color] (ภาคกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)
ประเภทนี้หนังสือเรียนข้างหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงแค่ระดับชนิดย่อยหมายถึงCassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชจำพวกนี้เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ถึงกับขนาดกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดจากกิ่งแก่ที่หลุดร่วงไป แต่ว่าเมื่อต้นอายุมากขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่เป็นปุ่มปม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ ซม. ศูนย์กลางใบยาว ๒๐-๓๐ ซม. ใบย่อยรูปไข่ปนรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ ซม. ยาว ๒-๕ เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมาก ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่แล้วก็แข็ง ไม่แตกกิ่งก้านสาขา ยาว ๕-๑๖ เซนติเมตร เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว กลายเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยกลายเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ เซนติเมตรราชพฤกษ์ มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มิลลิเมตรกลีบดอกไม้รูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มิลลิเมตร ยาว ๒๕-๓๕มม. โคนกลีบเป็นก้านยาวราว ๓ มิลลิเมตร  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ปริมาณยาวไม่เท่ากัน รังไข่เรียว ขนคลุมบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ ซม. ยาว ๒๐-๖๐ เซนติเมตร แขวนลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ หมดจด ไม่มีขน ไม่แตก มีเม็ดเยอะแยะ รวมทั้งรูปแบนแทบกลม สีน้ำตาลวาว
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ต้น (T) สูงราว 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ หมดจด สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขน ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยราว 4-12 คู่
ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อห้อยระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ มีดอกแบบสมมาตรด้านข้าง มีกลีบดอกไม้ 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบดอกไม้บนสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ แล้วก็มีเปลือกแข็ง ด้านในมีฝาผนังแบนสีน้ำตาล กันเป็นห้องแล้วก็มีเม็ดห้องละ 1 เม็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เม็ด มีเนื้อหุ้มนิ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนแล้วก็แบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วๆไป มีมากมายทางภาคเหนือ นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับรวมทั้งปลูกข้างถนนเพื่อความสวย
การปลูกและก็ขยายพันธุ์
ปลูกได้ไม่ยากแล้วก็เจริญวัยได้ในดินดูเหมือนจะทุกประเภท แต่ว่าจะชอบดินร่วนปนทราย เพาะพันธุ์ด้วยการเพาะเม็ดรวมทั้งตอนกิ่ง
[/b]
คุณประโยชน์ทางยา
รสรวมทั้งคุณประโยชน์ในตำราเรียนยา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาอาการไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งโสโครกออกจากร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคกุฏฐัง แก้กลากเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักหัว
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้มาลาเรียและก็ระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้ไข้จับสั่นรวมทั้งเป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องเดิน และช่วยเร่งคลอด
ราชพฤกษ์เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยรีบคลอด รักษาอาการท้องเสีย
กระพี้ รสเมา ใช้แก้โรครำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเบื่อ ใช้กินเป็นยาระบาย ช่วยทุเลาอาการแน่นหน้าอก ฟอกหรือชำระน้ำดี แก้ลมเข้าข้อและขัดข้อ
เปลือกฝัก รสเฝื่อนฝาดเมา ทำให้แท้งลูก ขับรกที่ค้าง และก็ทำให้อ้วก
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งมวล ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามบนใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำดื่มแก้โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับสมอง แก้เส้นเอ็นทุพพลภาพ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคขี้กลากโรคเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะ เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในลำไส้ ระบายท้อง
เม็ด ช่วยกระตุ้นให้อ้วก เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ วิธีและจำนวนที่ใช้
แก้อาการท้องผูก โดยการเอาเนื้อในฝักแก่หนักราวๆ 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือเล็กน้อย ดื่มก่อนนอนหรือเช้าตรู่ก่อนรับประทานอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะกับคนที่ท้องผูกเป็นประจำ รวมทั้งสตรีตั้งท้องก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะอาหาร โดยใช้ฝักราว 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดและก็เหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/[/b]



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ