สอนทำเบเกอรี่ มาการอง ของของหวานสีสันผ่องใส หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ อาหารญี่ปุ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สอนทำเบเกอรี่ มาการอง ของของหวานสีสันผ่องใส หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ อาหารญี่ปุ  (อ่าน 6 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ManUThai2017
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16265


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: ตุลาคม 16, 2018, 10:28:55 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

สอนทำเบเกอรี่ มาการอง ของของหวานสีสันแจ่มใส  หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ สอนทำอาหาร   เรียนทำขนมปัสอนทำขนมไทย, ขนมปัง, เรียนทำเบเกอรี่ เบเกอรี่ฝรั่งเศส
 
เพราะเหตุไรธุรกิจร้านขนมปังถึงน่าลงทุน
สามารถทำผู้เดียวได้ ด้วยเหตุว่าถ้าเราเริ่ม จากการรับขนมจากที่อื่นมาขาย นั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องว่าจ้างผู้ช่วย ซึ่งคนเดียวก็สามารถดูแลร้านได้เอง ทั้งสิ้น ไม่ต้องลงทุนในการจ้างผู้รับจ้าง และวุ่นวายกับคนจำนวนมาก
-ตอนนี้ ร้านเบเกอรี่ นั้น กับ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ ด้วยเหตุว่าคนสมัยใหม่นิยม ไปนั่งตามร้านขนม เพื่อพัก นั่งคุย สนทนากับสหาย หรือนั่งอ่านหนังสือ เพื่อบรรเทา การเปิดร้านขนมแบบเต็มแบบ จึงตอบโจทย์ข้อนี้ได้ แล้วก็ทำรายได้ให้กับธุรกิจได้ อย่างมาก อย่างแน่แท้
-ความชื่นชอบเบเกอรี่ ของคนรุ่นใหม่ ที่มีเวลาน้อย เลือกกินเบเกอรี่เป็น อาหารจานด่วน หรือรองท้อง คนจำนวนไม่น้อยคงจะเคยได้ยินคำว่า “กองทัพจำต้องเดินด้วยท้อง” เมื่อคุณเดินทางไกล หรืออยู่ในชั่วโมงเร่งด่วน ไม่สามารถหาที่นั่งกินอาหารได้ การกินขนมที่ซื้อข้างทาง จะช่วยทำให้คุณคลายหิวไปได้ ก่อนที่จะคุณจะทำธุระเสร็จ แล้วก็ไปกินอาหารมื้อใหญ่ถัดไป
การเตรียมความพร้อมก่อนลงทุนในธุรกิจเบเกอรี่
ก่อนจะลงทุนในธุรกิจอะไรก็ตามก็จะต้องมีการเตรียมพร้อมให้พร้อมกั่น ซึ่งธุรกิจเบเกอรี่โฮมเมดก็ไม่มีความแตกต่างกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ลงทุนจำเป็นต้องพิจารณาถึงความพร้อมก่อนการลงทุน ซึ่งได้แก่
เงินลงทุน
สำคัญเป็นลำดับแรกๆก็เพราะว่าเงินลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ก่อนที่จะมีการผลิตเบเกอรี่เป็นไปด้วยดี จำนวนเงินลงทุนย่อมต่างๆนาๆตามรูปแบบของธุรกิจว่าอยากได้ให้ออกมาในลักษณะใด ซึ่งก็ต้องพินิจพิจารณาและพินิจตามกำลังของตัวอง เนื่องจากด้วยทั่วๆไปแล้วการลงทุนในขั้นแรกจะเน้นหนักไปที่วัสดุปกรณ์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นเงินลงทุนคงที่ แล้วก็จะให้ผลตอบแทนกลับมาภายในเวลาไม่นาน โดยเหตุนั้นควรเลือกใช้เครื่องใช้ไม้สอยที่คุณภาพดี มีการค้ำประกัน แม้จะราคาสูงแม้กระนั้นมั่นอกมั่นใจได้ถึงคุณภาพ
ส่วนต้นทุนอีกอย่างครั้งเรียกกันว่าต้นทุนผันแปร อย่างเช่น ค่าเช่าพื้นที่ ค่าขนส่ง หรือค่าครองชีพที่เปลี่ยนได้ จัดว่าเหล่านี้เป็นเงินลงทุนที่ผู้ลงทุนเองจำต้องจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อสามารถเงินลงทุนสามารถหมุนวนได้อย่างไม่ติดขัด
-วิชาความรู้ความชำนาญ
จำเป็นต้องสำหรับคนที่อยากได้เริ่มธุรกิจเบเกอรี่โฮมเมดมาก เพราะว่าควรทำความเข้าใจถึงใอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้และวัตถุดิบทุกอย่างสำหรับเพื่อการทำเบเกอรี่ ควรจะเรียนรู้ว่าแป้งมีกี่จำพวก น้ำตาลหรือวัตถุดิบตัวอึ่นๆมีคุณลักษณะเช่นไรใช้เป็นส่วนประกอบในเบเกอรี่แต่ละจำพวกเพื่ออะไร นอกเหนือจากนี้ยังต้องฝึกซ้อมแล้วก็เชี่ยวชาญในการทำ เบเกอรี่มากพอที่จะควบคุมคุณภาพรวมทั้งรสชาติได้ เพื่อขนมที่ผลิตมีคุณภาพแล้วก็รสชาติที่เช่นกัน
ในตอนนี้ มีสถานที่เรียนสอนทำเบเกอรีมากมายก่ายกอง เราสามารถเลือกเรียนได้ ได้ตามอยากได้ อีกทั้งสามารถเลือกเฉพาะวิชาที่พอใจได้ ซึ่งส่วนมากหากแม้เขาเรียนเพียงหลักสูตรเดียวก็สามารถนำมาปรับใช้และก็ทำขายได้ในทันที รวมถึงการเรียนสูตรรวมทั้งกระบวนการทำจากเพื่อนฝูงหรือวงศ์ญาติ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะไม่ต้องเลยค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าห้องเรียนกับโรงเรียนสอนทำเบเกอรี่ต่างๆ
-ศึกษาตลาดแล้วก็คู่แข่ง
ผู้สร้างควรศึกษาค้นคว้าถึงสภาวะการตลาดเพื่อแนวทางการทำความเข้าใจสำหรับเพื่อการดำเนินธุรกิจของพวกเรา ควรศึกษาเรียนรู้ว่ากาตลาดเบเกอรี่ในช่วงนั้นๆเป็นยังไง มีกรุ๊ปคู่แข่งจำนวนประมาณกี่ราย และแต่ละรายมีจุดเด่นข้อเสียอะไรบ้าง และพวกเราต้องหาข้อดีของพวกเรา และก็ปรับกลอุบายเพื่อให้สู้กับคู่ปรปักษ์ให้ได้ การ มองหา ร้านขายของสำหรับฝากขายมีความสำคัญมากในการที่จะช่วยทำให้ธุรกิจของพวกเราก้าวไปข้างหน้าหรือจะถอยหลัง ร้านที่เห็นสมควรมีความสนใจเป็นร้านค้าที่อยู่ในย่านชุมชน มีทำเลดี มีที่จอดรถสำหรับลูกค้าไว้พร้อม มีการเคลื่อนของปริมาณลูกค้ารวมทั้งหมุนวนสินค้าทั้งวัน และทางร้านมีลักษณะท่าทางที่จะช่วยเสนอสินค้าของพวกเรา เพื่อไม่ให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเราถูกกักไว้เพื่อรอคอยส่งกลับคืนสิ่งเดียว
-หาแหล่งวัตถุดิบที่เหมาะสมอีกทั้งเรื่องราคารวมทั้งคุณภาพ
การซื้อวัตถุดิบสำหรับเฉพาะวิธีการทำเบเกอรี่ ย่อมทำให้ได้วัตถุดิบที่แพงถูกกว่าซื้อตามห้างสรรพสินค้าทั่วๆไป และยังคงได้อุปกรณ์สำหรับเพื่อการทำเบเกอรี่อย่างสมบูรณ์
รูปแบบของธุรกิจร้านขนมปัง อาชีพอิสระ รายได้ดี
-รับขนมจากที่อื่นมาขาย
Bakery ยี่ห้อ HOME ของมหาวิทยาลัยราชภัฎ สวนดุสิต เป็นตัวอย่างสุด Classic ของ ร้านขนมปัง ลักษณะนี้ พวกเราจะมองเห็นคนนำขนมยี่ห้อ HOME มาเดินขายดังที่ต่างๆหรือจัดโต๊ะขายก็ตาม รูปแบบนี้เป็นต้นแบบที่เริ่มง่าย เพียงแค่ไปรับขนม แล้วก็นำมาตั้งขาย ไม่ต้องจมทุนไปกับการซื้อเครื่องอบของหวาน ไม่ต้องเปลืองแรงทำ และก็ขนมที่ขายอร่อยแน่นอน
- ทำขนมขายเอง
ถ้าเกิดคุณมีเงินทุนมากขึ้นมาหน่อย และก็เคยไปเรียนทำ Bakery มา หรือมั่นใจในฝีมือ ธุรกิจร้านขนมปังชนิดนี้ จะทำเงินได้มากกว่า เนื่องจากพวกเราไม่ต้องไปรับของหวาน มาจากที่อื่นๆ ซึ่งมีต้นทุนที่ซื้อมา แพงกว่าขนมที่พวกเราทำเองอย่างแน่แท้ แต่ก็จะต้องทดลองชั่งน้ำหนักมองว่า เงินทุนที่ลงเพิ่มไป จะคุ้มกับรายได้ที่ได้เพิ่มขึ้นมาหรือไม่
- ร้านขนมปังพร้อมที่นั่ง แบบเต็มแบบอย่าง
ถ้าไม่อยากขายเพียงแค่ Bakery สิ่งเดียว และรู้สึกว่าขนมที่ทำขึ้นมา มีดีกว่าแค่จะเป็นร้านทั่วๆไป ก็เปิดร้านเบเกอรี่พร้อมที่นั่ง แบบเต็มรูปแบบได้เลย เพราะว่าราคาของหวานจะขายได้แพงกว่า 2 แบบแรก โดยมีเป้าหมาย ให้เป็นจุดสำหรับเพื่อนัดพบ สำหรับผู้ที่มาทานขนม นั่งคุยกัน หรือนั่งอ่านหนังสือ ซึ่งกับ Lifestyle ของคนสมัยใหม่ด้วย
 
สูตรคัพเค้ก
คัพเค้กช็อกโกแลต
เอาใจคนรักช็อกโกแลตด้วยคัพเค้กช็อกโกแลต เบเกอรี่สุดคลาสสิกถูกใจทุกเพศทุกวัย เต็มอิ่มไปกับเนื้อช็อกโกแลตเน้น ๆ ทั้งเนื้อคัพเค้กรสช็อกโกแลต สอดไส้ช็อกโกแลตกานาช และโปะครีมช็อกโกแลตฟรอสติ้งด้านบนอีกด้วย เห็นแบบนี้ต้องจัดสักชิ้นแล้ว
ส่วนผสม คัพเค้ก
- ดาร์กช็อกโกแลตสับ 6 ช้อนโต๊ะ
 - ผงโกโก้ 1/3 ถ้วย
 - กาแฟร้อน 3/4 ถ้วย
 - แป้งขนมปัง 3/4 ถ้วย
 - น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
 - เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
 - เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
 - น้ำมันพืช 6 ช้อนโต๊ะ
 - ไข่ไก่ 2 ฟอง
 - น้ำส้มสายชู 2 ช้อนชา
 - กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
ส่วนผสม ช็อกโกแลตกานาช
- ดาร์กช็อกโกแลตสับ 4 ช้อนโต๊ะ
 - เฮฟวี่ครีม 1/4 ถ้วย
 - น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม ครีมช็อกโกแลตฟรอสติ้ง
- เนยจืด 1+1/4 ถ้วย (อุณหภูมิห้อง)
 - น้ำตาลไอซิ่ง 1 ถ้วย
 - ผงโกโก้ 3/4 ถ้วย
 - เกลือป่น
 - แบะแซ 3/4 ถ้วย
 - กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
 - ช็อกโกแลตละลาย 1 ถ้วย
วิธีทำคัพเค้กช็อกโกแลต
1. ทำช็อกโกแลตกานาชโดยใส่ดาร์กช็อกโกแลตสับ เฮฟวี่ครีม และน้ำตาลไอซิ่งลงในชามทนความร้อน นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 20-30 วินาที นำออกมาคนให้เข้ากัน นำไปแช่เย็นประมาณ 30 นาที
 2. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้
 3. วางเรียงพิมพ์มัฟฟินบนถาดรองอบ เตรียมไว้
 4. ทำคัพเค้กโดยใส่ดาร์กช็อกโกแลตสับและผงโกโก้ลงในชามผสม เทกาแฟร้อนลงไปคนจนละลาย นำไปแช่เย็นประมาณ 20 นาที
 5. ผสมแป้งขนมปัง น้ำตาลทราย เกลือป่น และเบคกิ้งโซดาให้เข้ากัน
 6. ใส่น้ำมันพืช ไข่ไก่ น้ำส้มสายชู และกลิ่นวานิลลาลงไปในส่วนผสมช็อกโกแลตกานาชที่เย็นแล้วคนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยใส่ส่วนผสมแป้งลงไปคนให้เข้ากัน
 7. หยอดส่วนผสมคัพเค้กลงในพิมพ์มัฟฟิน 3/4 ของถ้วย ตามด้วยช็อกโกแลตกานาชประมาณ 1 ช้อนชา นำเข้าไปอบประมาณ 17-19 นาที นำออกมาพักไว้บนตะแกรงประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วนำออกมาจากพิมพ์มัฟฟินแล้วพักทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง
 8. ทำครีมช็อกโกแลตฟรอสติ้งโดยใส่เนยจืด น้ำตาลไอซิ่ง ผงโกโก้ และเกลือป่นลงในเครื่องตีประมาณ 30 วินาที ตีจนเนื้อเนียน ใส่แบะแซและกลิ่นวานิลลาลงไปตีให้เข้ากันประมาณ 5-10 วินาที ใส่ช็อกโกแลตละลายลงไปตีให้เข้ากันประมาณ 10-15 วินาที นำไปบีบตกแต่งบนหน้าคัพเค้กให้สวยงามก่อนเสิร์ฟ


เค้กไวท์ช็อกโกแลต
ถ้าเอียนกับดาร์กช็อกโกแลตก็ลองเปลี่ยนมาทำไวท์ช็อกโกแลตบ้างก็ได้ ขอนำเสนอเค้กไวท์ช็อกโกแลต สูตรจาก คุณน้องซาแมนต้า สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เค้กเนื้อแน่นใส่ไวท์ช็อกโกแลตแซมดาร์กช็อกโกแลตตัดเลี่ยน กินกับกาแฟตอนเช้าก็แจ่ม
ส่วนผสม เค้กไวท์ช็อกโกแลต
• เนยจืด 125 กรัม
 • ไวท์ช็อกโกแลต 150 กรัม
 • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 130 กรัม
 • ผงฟู 1 ช้อนชา
 • เกลือป่น 1/3 ช้อนชา
 • ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 2 ฟอง
 • น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม
 • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
 • ไวท์ช็อกโกแลตและดาร์กช็อกโกแลต อย่างละ 80 กรัม (สับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ) สำหรับใส่ในส่วนผสมเค้กเมื่อได้ผสมเสร็จแล้ว
 • อัลมอนด์สไลซ์ (สำหรับโรยหน้าเค้ก) 50 กรัม
วิธีทำเค้กไวท์ช็อกโกแลต
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส และร่อนแป้งสาลีกับเกลือป่น และผงฟูเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
 2. ละลายเนยจืดและไวท์ช็อกโกแลตเข้าด้วยกันด้วยไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที นำออกมาคนผสมให้ละลายเข้ากันแล้วนำเข้าไมโครเวฟต่ออีก 20 วินาที นำออกจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น เตรียมไว้
 3. ตีไข่ไก่ด้วยความเร็วสูงสุด ประมาณ 1 นาที เติมน้ำตาลทรายแดงลงไปแล้วตีด้วยความเร็วปานกลาง ประมาณ 2 นาที
 4. เทส่วนผสมเนยกับไวท์ช็อกโกแลตละลายใส่ลงไป ตีต่อด้วยความเร็วต่ำแค่พอเข้ากัน ตามด้วยกลิ่นวานิลลา ตีพอเข้ากัน แบ่งใส่แป้งครึ่งหนึ่งลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำแค่พอเข้ากันแล้วใส่แป้งที่เหลือลงไปตีแค่พอเข้ากันแล้วรีบหยุด
 5. ใส่ไวท์ช็อกโกแลตและดาร์กช็อกโกแลตสับลงไป ใช้พายยางคนให้ส่วนผสมเข้ากัน เทส่วนผสมใส่พิมพ์ ใช้พายปาดหน้าเค้กให้เรียบและโรยหน้าด้วยอัลมอนด์สไลซ์
 6. นำเข้าเตาอบ อบนานประมาณ 20-25 นาทีหรือจนกว่าเค้กจะสุก
 
 
ที่ไปที่มาของขนมสีสันแจ่มใส มาการูนหรือมาการอง (Macaroon)
มาการูน หรือ มาการอง (Macaroon) ของหวานรูปวงกลมสัญชาติประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีชีวิตชีวาสดใส สอดไส้ตรงกลาง ชวนให้น่าอร่อย กำลังได้รับความนิยมอย่างมากมายแล้วก็ประสบพบเห็นกันได้เยอะแยะตามห้าง ร้านเบเกอรี่ หรือในโรงแรมประเทศไทยเดี๋ยวนี้
 คนใดกันจะทราบบ้างว่าต้นกำเนิดที่จริงจริงของของหวานทรงกลมสีสันแจ่มใสที่น่ากินนี้เป็นของหวานที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี มาจากคำว่า "Maccaone หรือ Maccherone" ในภาษาอิตาลี มาการองหรือมาการูน เปิดตัวหนแรกในปี คริสต์ศักราช 1553 โดยเชฟหญิงชาวอิตาลีที่มีนามว่า Catherine de Medicis ในงานมงคลสมรสของเธอกับ Duc d'Orleans หรือกษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 ของประเทศฝรั่งเศส ในอีก 21 ปีถัดมานั่นเอง
มาการองหรือมาการูน เริ่มต้นเป็นขนมที่สร้างขึ้นมาง่ายๆจากอัลมอนต์ น้ำตาลและไข่ขาวแค่นั้น ซึ่งเป็นของที่มีราคาไม่แพงแล้วก็มีคุณค่าทางอาหาร มีการบันทึกไว้ว่าหลานสาวของ Catherine de Medicis แล้วก็ชาวประเทศฝรั่งเศสใช้กินเพื่อประทังชีวิตในสมัยข้าวยากหมากแพง
จนตราบเท่าช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เค้าหน้าของ มาการองหรือมาการูน ก็เปลี่ยนไปเป็นของหวานที่มีสีสันบาดตา รวมทั้งเอามาการูนสองแผ่นมาเกาะติดกันโดยมีไส้ "chocolate panache (ช็อกโกแล็ตผสมครีม)" โดย Pierre Desfontaines หลายชายของ Louis Ernest Laduree (Laduree pastry and Salon de the,rue Royale) ร้านเบเกอรี่มีชื่อในฝรั่งเศส
กระบวนการทำมาการองโดยประมาณคือ การผสมไข่ขาว น้ำตาลทราย แล้วก็อัลมอนด์ล้วนๆบดละเอียดจนเป็นผุยผงเหมือนแป้ง เรียกส่วนประกอบนี้ว่า เมอแรงก์ (meringue) ตักเมอแรงก์ใส่กรวยแล้วบีบลงบนถาดอบเป็นชิ้นกลมๆขนาดเล็ก และถูกตากทิ้งเอาไว้สักพักและหลังจากนั้นก็ค่อยนำเข้าเตาอบ ออกมาเป็นฝามาการอง (Shell) แล้วทำไส้สอดไว้กึ่งกลาง
 วิธีการทำมาการองต้นตำรับ แตกต่างกันตั้งแต่วิธีจัดแจงเมอแรงก์แบบที่นิยมทำกันในขณะนี้ กระบวนการทำมาการองแบบเจ้าตำรับนั้นจำเป็นต้องใช้แนวทางตระเตรียมเมอแรงก์แบบ "เฟรนช์ เมอแรงก์ (French Meringue)" เป็นการตีไข่ขาวกับน้ำตาลแบบไม่ต้องต้ม ใช้มือเบาๆตีไปเรื่อยซึ่งเป็นแนวทางดั้งเดิมที่คนฝรั่งเศสทำมาเมื่อร้อยปีที่ผ่านมา ร้านค้ามาการองที่โด่งดังในปัจจุบันของฝรั่งเศสก็ยังคงใช้แนวทางดั้งเดิมนี้อยู่ แม้กระนั้นเดี๋ยวนี้คนโดยมากไม่มีผู้ใดทำแล้ว เนื่องจากวิธีทำยุ่งยากกว่าวิธีต้มน้ำตาลด้วยความร้อนซึ่งจะทำให้ผิวของมาการองต่างกัน แล้วก็แบบดั้งเดิมจำเป็นต้องใช้เวลาตากที่อุณหภูมิห้องอย่างต่ำ 3 ชั่วโมงถึงจะนำเข้าอบได้ ตอนที่วิธีต้มน้ำตาล ทิ้งเอาไว้เพียงแต่ 15 นาที ก็นำเข้าเตาอบได้เลย
มาการองสมัยปัจจุบันนิยมต้มน้ำตาลทรายที่อุณหภูมิ 118 องศาเซลเซียส ซึ่งเมื่อรวมกับไข่ขาวจะมีความแน่นรวมทั้งคงตัวช่วยไม่ให้ผิวหน้ามาการองแตกจากการอบ ผิวเรียบงาม แม้กระนั้นไม่มีความอ่อนนุ่มพอๆกับวิธีตีน้ำตาลทราย ไข่ขาวและก็ผงอัลมอนด์ให้ขึ้นฟูเบาๆซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความชำนิชำนาญ
กระบวนการทำมาการองต้นตำรับแบบ เฟรนช์ เมอแรงก์ ทำให้ได้ตัวฝามาการอง (Shell) ซึ่งผิวสัมผัสด้านนอกจะกรอบบางๆกัดนิดเดียวจะเจอความอ่อนนุ่มของเนื้อเชลล์เกือบจะละลายในปากผสมกลมกลืนไปกับรสชาติของไส้
ลักษณะเฉพาะของมาการองอีกจุดหมายถึง"ชายอุบายฝรั่งเศส (skirt)" เป็นส่วนที่เป็นรอยหยักๆบริเวณรอบๆขอบเชลล์ ซึ่งเกิดขึ้นจากส่วนประกอบแล้วก็การอบที่สมควร หากอบแล้วไม่มีสเกิร์ตเกิดขึ้น ตัวเชลล์จะแปลงเป็นขนมผิงที่กรอบทั้งชิ้น
|
ขมป้งบ้านครูแอน อร่อย การันตี เรียนแล้วทำเป็น ชัวร์
|
อยากทำขนมเค้กเป็น อยากทำขนมอร่อยๆ เรียนกับครูแอนเลย
|
ทำขนมเค้กกินเอง ขนมปัง เบเกอรี่ บ้านครูแอน สอนเป็นกันเอง เรียนจบต้องทำเป็นให้จงได้
}
คอร์สแต่งหน้าเค้ก ไส้ขนมปัง เปิดร้านเบเกอรี่ (สอนส่วนตัว) อร่อยเหาะ

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : [url=http://www.annann201.com/][url]http://www.annann201.com/
[/url]

Tags :  เบเกอรี่, ทำเบเกอรี่,สอนทำอาหารญี่ปุ่น



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ