Advertisement
การเช่าที่ดินเพื่อทำธุรกิจในระยะยาว เมื่อมีการก่อสร้างตึก ที่ทำการ หรือแม้ว่าจะปลูกบ้านลงไปในที่ดินแล้ว ต่อมาเมื่อการเช่าสิ้นสุดลง ก็เลยมีคำถามที่ต้องถามหลังจากนั้นว่า คนใดจะเป็นเจ้าของตึก ตึก ที่ทำการ หรือ บ้านที่ผู้เช่าได้ปลูกสร้าง ในมุมของผู้ให้เช่ายอมจะต้องมีความรู้สึกว่า ในเมื่อมีการก่อสร้างในที่ดินของผู้ให้เช่าแล้ว ตึก อาคาร สำนักงาน หรือบ้าน ย่อมเป็นของผู้ให้เช่าโดยเป็นส่วนควบของที่ดินที่เช่า ในมุมของผู้เช่าก็มองว่า ผู้เช่าได้ใช้สิทธิเช่าเพื่อมาสร้าง ตึก ตึก ที่ทำการหรือบ้าน ในระหว่างที่เช่า จึงการปลูกสร้างอาคาร ตึก ที่ทำการหรือ บ้านโดยมีสิทธิ สิ่งก่อสร้างดังกล่าวจึงเป็นของผู้เช่า นอกเหนือจากนี้ ยังมีหลักสำคัญตามว่า ผู้เช่าจะต้องออกมาจากที่ดินที่เช่าหรือไม่ ก็เลยมีการฟ้องร้องกันระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่า โดย ศาลได้ตัดสินคดีแล้วว่า สิ่งปลูกสร้างของผู้เช่า เป็นของผู้เช่าไม่ตกเป็นของผู้ให้เช่า แม้กระนั้นผู้เช่าต้องรื้อถอนออกไปจากที่ดินที่เช่า รวมทั้งหัวข้อต่อมา ผู้เช่าจำต้องออกมาจากที่ดินที่เช่า และการที่ผู้เช่าอยู่ในที่ดินที่เช่านับจากเวลาจบช่วงเวลาเช่าแล้ว ย่อมเป็นการอยู่โดยละเมิดสิทธิของผู้ให้เช่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้เช่าต้องใช้ค่าชดเชยให้แก่ผู้ให้เช่า รวมทั้งออกมาจากที่ดินของผู้ให้เช่า ข้อพิสูจน์มี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4260/2550 เดิมที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของ ท. ต่อมาผู้จัดการมรดกของ ท. ได้ทำสัญญาให้ ธ. เช่าที่ดินมีกำหนด 20 ปี การที่ ธ. ปลูกสร้างตึกแถวลงบนที่ดิน จึงไม่ถือว่าเป็นส่วนควบกับที่ดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 146 โจทก์ซื้อที่ดินมาจากผู้จัดการมรดกของ ท. ระหว่างอายุสัญญาเช่า โจทก์จึงไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกแถว แต่เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าที่ดิน ธ. ย่อมหมดสิทธิในที่ดินต้องรื้อถอนตึกแถวออกไป เว้นแต่ ธ. ยินยอมให้ตึกแถวตกเป็นของโจทก์ ตึกแถวย่อมกลายเป็นส่วนควบของที่ดินและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามมาตรา 144 วรรคสอง เมื่อโจทก์ได้รับมอบสิทธิในตึกแถวแล้ว ตึกแถวย่อมกลายเป็นส่วนควบของที่ดินและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามมาตรา 144 วรรคสอง แต่ ธ. ซึ่งเป็นเจ้าของตึกแถวไม่มีอำนาจให้เช่าห้องพิพาทเกินกำหนดระยะเวลาการเช่าที่ดิน เมื่อสัญญาเช่าที่ดินครบกำหนดแล้ว ระยะเวลาการเช่าห้องพิพาทส่วนที่เกินกว่านั้นย่อมไม่ตกมายังโจทก์ตามมาตรา 569 เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะให้จำเลยอยู่ในห้องพิพาทอีกต่อไป แต่จำเลยไม่ยอมออกไป จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
ด้วยเหตุดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าอย่างไรผู้ให้เช่าผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิเหนือที่ดินตามหลักกรรมสิทธิ์ บุคคลภายนอกย่อมไม่มีสิทธิ์ดีกว่าเจ้าของที่ดิน
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
ทนายความเชียงใหม่เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง :
[url]https://www.นพนภัสทนายความเชียงใหม่.com/[/url]
Tags : ทนายความเชียงใหม่,ทนายความเชียงใหม่,ทนายเชียงใหม่