โกศเขมา สรรพคุณเเละประโยชน์

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โกศเขมา สรรพคุณเเละประโยชน์  (อ่าน 4 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Boyzite1011
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15338


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: ธันวาคม 11, 2018, 01:26:07 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement



โกศเขมา
ชื่อสมุนไพร  โกศเขมา
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น โกศหอม (ไทย) , ซังตุ๊ก (จีนแต้จิ๋ว) , ซางจู๋ (จีนกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Atractylodes lancea (Thunb.) DC.
ชื่อสามัญ Atractylodes
วงศ์ Compositae
ถิ่นกำเนิด
โกศขมา [/b]มีถิ่นเกิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนรวมทั้งแมนจูเรีย แถมมณฑลเหอหนาน เจียงซู หูเป่ย ซานตง อันฮุย เจ๋อเจียง เจียงซีเสฉวน อื่นๆอีกมากมาย แหล่งผลิตที่มีคุณภาพเยี่ยมที่สุด เป็น เขตเหอหนาน แต่ว่าแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุด คือ เขตหูเป่ย

ทั้งนี้ โกศเขมา มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และก็รัสเซียโดยมักจะพบต้นหญ้า ในป่า และก็ตามซอกหิน
ลักษณะทั่วไป
โกศเขมา จัดเป็นไม้ล้มลุกอายุนับเป็นเวลาหลายปี สูง30-100 ซม. เหง้าทอดนอนหรือตั้งขึ้น มีรากพิเศษขนาดเท่าๆกันจำนวนไม่ใช่น้อย โดยเหง้าค่อนข้างจะกลมหรือยาว ทรงกระบอกมีกลิ่นหอมหวนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 1-2 เซนติเมตร ผิวมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำ ปุ่มป่ำ เปลือกคล้ายผิวมะกรูด มีสีน้ำตาลอมเทา สีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำตาลแกมดำ มีรอยย่นและก็รอยบิดตามแนวขวาง เนื้อในแน่น เมื่อฝานหัวออกใหม่ๆจะเป็นสีขาวขุ่นที่เนื้อใน แล้วก็มีทาสีแสดของชันน้ำมันอยู่เรี่ยรายทั่วๆไปมีกลิ่นหอมเฉพาะ รสหวานอมขมบางส่วน และเผ็ดร้อน โดยเหง้าใต้ดินนี้เป็นส่วนที่ใช้เพื่อทำยาโดยจะเรียกว่า “โกฐเขมา” ส่วนลำต้นขึ้นโดดเดี่ยวหรือเป็นกลุ่ม ไม่แตกกิ่งหรือแตกกิ่งเฉพาะตอนบน มีขนเหมือนใยแมงมุมนิดหน่อย
ใบเป็นใบโดดเดี่ยว เรียงเวียนแผ่นใบบางคล้ายกระดาษซึ่งมีหลายแบบอย่างแต่ว่าส่วนมากเป็นรูปหอกหยักซี่ฟัน ใบใกล้โดนต้นรูปไข่ กว้าง 5-8 ซม. ยาว 8-12 เซนติเมตร ขอบเรียบหรือหยักแบบขน 3-5 แฉก แฉกข้างรูปรีหรือรูปไข่กลับปนรี แฉกปลายรูปกลม รูปไข่กลับ รูปไข่ หรือรูปรี ก้านใบสั้น ใบรอบๆกึ่งกลางต้นรูปไข่กลับ รูปไข่กลับปนรี รูปรีแคบ หรือรูปใบหอกกลับ
ช่อดอกออกเป็นแบบช่อกลุ่มแน่น ออกคนเดียวหรือหลายช่อ ตามปลายกิ่ง วงใบเสริมแต่งมี 5-7 แถวขอบมีขนคล้ายใยแมงมุมนิดหน่อย ปลายมน ใบแต่งแต้มวงนอกรูปไข่ถึงรูปใบหอก กว้าง 2-3 มิลลิเมตรยาว 3-6 มม. ใบประดับประดากึ่งกลางรูปไขถึงรูปไข่ปนรี หรือรูปรี กว้าง 3-4 มม. ยาว 0.6-1 เซนติเมตร ใบตกแต่งวงในรูปรีถึงรูปแถบ กว้าง 2-3 มม. ยาว 1.1-1.2 เซนติเมตร ปลายใบแต่งแต้มในสุดอาจมีสีแดง ด้านบนของฐานดอกแบน มีเกล็ดหนาแน่น ดอกสีขาวเป็นดอกบริบูรณ์เพศ หรือดอกเพศภรรยาที่มีเกสรเพศผู้ลดรูป กลีบเกลี้ยงเป็นขน สีน้ำตาลถึงขาวหมอง มี 1 แถว โคนชิดกันเป็นวง ยาว 7-8 มม. กลีบยาวประมาณ 9 มิลลิเมตร ปลายเป็น 5 หยัก เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดที่หลอดกลีบดอกไม้ รังไข่อยู่ได้วงกลีบ มี 1 ช่อง ก้านยอดเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียเป็นสามเหลี่ยมมีขนนุ่ม เกสรเพศเมีย แยกเป็น 2 แฉก ผลแบบผลแห้งเม็ดล่อน รูปไข่กลับ
การขยายพันธุ์
โกศเขมา สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เหง้า เช่นเดียวกับพืชหัวทั่วๆไป โดยเกฐเขมาสามารถเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 700-2500 เมตร และอุณหภูมิที่สมควร คือ 15-22 องศาเซลเซียส เป็นพืชที่สามารถทนต่ออากาศหนาวเย็นได้ และก็เป็นพืชที่มีการเจริญวัยดีมาก โดยสามารถเติบโตได้ในดินที่หลากหลายอีกทั้งบนเขา ช่องเขา ที่ราบบนเขา ซึ่งต้องการชั้นดินที่ครึ้มแล้วก็ลึก เป็นดินร่วนสมบูรณ์บริบูรณ์ การระบายน้ำดี รังเกียจอุทกภัยขัง แล้วก็จะเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีมากมาย รอบๆพื้นดินที่ไม่สูงนักแล้วก็เป็นดินร่วนปนทราย โกศเขมาออกดอกแล้วก็ได้ผลตั้งแต่มิ.ย.ถึงเดือนตุลาคมแก่การเก็บเกี่ยวโดยประมาณ 2 ปี
ส่วนประกอบทางเคมี โกฐเขมามีส่วนประกอบทางเคมีเป็นน้ำมันระเหยง่ายจำนวนร้อยละ 3.5-5.6 น้ำมันระเหยง่ายนี้มีสารสำคัญเป็น สารเบตา-ยูเดสมอล (beta-eudesmol) สารอะแทร็กครั้งโลดิน (atractylodin), beta-selinene, alpha-phellandrene, สารไฮนีซอล (hinesol) สารเอลีมอล (elemol) รวมทั้งสารอะแทร็กครั้งลอน (atractylon) และ สารกรุ๊ปpolyacetyletylenes อย่างเช่น1-(2-furyl)-E-nonene-3,5-diyne-1,2-diacetata, erythro-(1,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, threo-(1,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, (3E,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, (3Z,5Z,11Z)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, (3E,5Z,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate,(3Z,5E,11E),tridecatriene-7,9-diyne-5,6-diyldiacetate,(1Z)-atractylodin,(1Z)-atractylodinol,(1Z)-acetylatractylodinol(4E,6E,12E)-tetradecatriene-8,10-diyne-1,3-diyl diacetate,4,6,12-tetradecatriene-8,10-diyne-1,3,14-สารกลุ่ม polysacchaccharides อาทิเช่น arabino-3,6-galactans,galacturonic acid รวมถึงสารกลุ่มอื่นๆเช่น coumarins (osthol) วิตามินเอ (vetinol) วิตามินบี (thiamine) วิตามินดี(calcifrol) กรดไขมัน (linoleic acid, oleic acid แล้วก็ palmitic acid)ผลดี/สรรพคุณ โกศเขมา เป็นสมุนไพรที่ใช้ในยาหลายตำรับมาก ทั้งยังในตำราแพทย์แผนจีนรวมทั้งแผนไทย มีการรับประกันอยู่ในตำรับยาแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ฉบับคริสต์ศักราช 2000 ในชื่อ Rhimosa atractylodis สำหรับเมืองไทยก็มีการใช้มาก ตัวยาสมุนไพรที่มีการจดทะเบียนยาแผนโบราณของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) มี โกศเขมา ถึง 1,100 ตำรับ
ซึ่งตำราเรียนตามคุณประโยชน์ยาไทยเจาะจงไว้ว่า โกศเขมา มีกลิ่นหอมสดชื่น รสร้อน ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ เป็นยาบำรุงกำลัง แก้โรคเข้าข้อ เป็นยาเจริญอาหาร ยาขับฉี่ แก้โรคในปากในคอ แก้หวัดคัดจมูก แก้ไข้ แก้ไข้รากสาดเรื้อรัง ระงับอาการหอบคล้ายยาอีเฟรดริน
ช่วยขับลม ใช้เป็นยาบำรุง แก้โรคในปากในคอเป็นแผลเน่า แก้เสียดแทงสองราวข้าง แก้จุกแน่น แก้หอบหืด แก้ลมตะกัง แก้เหงื่อออกมาก แก้ขาปวดบวม ขาหมดแรง ปวดข้อ แก้ท้องเดิน นอกจากนี้โกฐเขมายังเป็นหนึ่งในพิกัดโกฐทั้งยัง 5 หีบศพทั้งยัง 7 รวมทั้งโกศทั้ง 9 ส่วนในคุณประโยชน์ยาจีนระบุว่าแพทย์แผนจีนนิยมใช้โกฐเฉมามาก เข้าในยาจีนหลายขนาน ตำรายาจีนว่าใช้แก้อาการท้องเสียท้องเดิน แก้อาการบวมโดยเฉพาะอาการบวมที่ขา แก้ปวดข้อ เหตุเพราะโรคข้ออักเสบ แก้หวัดและแก้โรคตาบอดกลางคืน
ยิ่งกว่านั้นบัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้โกฐเขมาในยารักษาอาการของโรคในระบบต่างๆของร่างกาย รวม 2 ตำรับ คือยารักษากรุ๊ปอาการทางระบบไหลเวียนเลือด (แก้ลม) ปรากฏตำรับ”ยาหอมเทพจิตร” แล้วก็ตำรับ ”ยาหอมนวโกฐ” มีส่วนประกอบของโกฐเขมาอยู่ในพิกัดโกฐทั้ง 9 ร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับมีสรรพคุณสำหรับเพื่อการแก้ลมหน้ามืด แก้อาการหน้ามืด ลายตา ใจสั่น คลื่นไส้ อ้วก แก้ลมจุกแน่นในท้องยารักษากรุ๊ปอาการทางระบบของกิน ปรากฏตำรับ “ยาธาตุบรรจบ” มีส่วนประกอบของโกฐเขมาร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆในตำรับ ใช้บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ อาการอุจจาระธาตุพิการ ท้องเสียจำพวกที่ไม่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการรับเชื้อ
ต้นแบบ/ขนาดวิธีใช้
ในตำรายาหมอแผนจีนกำหนดให้ใช้เหง้าต้ม รับประทานครั้งละ 3-9 กรัม แต่ในบางตำราเรียนก็กำหนดให้ใช้ 5-12 กรัม ส่วนในแบบเรียนยาไทยมักจะใช้เป็นเครื่องยาตามตำรับยา มีวิธีการจัดแจงเหง้าโกศเขมาเพื่อใช้ทำยา 3 แนวทางคือ
1. ตากแห้ง โดยแช่เหง้โกศเขมา[/url]ในน้ำชั่วประเดี๋ยว เพื่อนุ่มลง แล้วหั่นเป็นแว่นหนาๆนำไปตากให้แห้ง จะจับตัวได้ยารสเผ็ดขม อุ่น จะให้สรรพคุณ ขับความชื้นเสริมระบบการย่อยของอาหารแก้ความชุ่มชื้นกระทบส่วนกลาง (จุกเสียด อึดอัดลิ้นปี่ คลื่นไส้ เบื่อข้าว ท้องเดิน) แก้ปวดข้อและก็กล้ามเนื้อ บรรเทาลักษณะของการมีไข้หวัดจากลมเย็นหรือความชื้น (ป่วยไข้ หนาวๆร้อนๆปวดหัว เมื่อยตัว)
2. ผัดรำข้าวสาลี โดยนำรำข้าวสาลีใส่ลงในกระทะตั้งไฟปานกลางจนควันขึ้น แล้วนำเหง้าโกศเขมาตากแห้งใส่ลงไป คนอย่างรวดเร็วจนถึงผิวของตัวยาเป็นสีเหลืองเข้ม นำออกจากเตา แล้วร่อนเอารำข้าวสาลีออก ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นจะก่อให้ความเผ็ดลดน้อยลง แต่เนื้อยาจะนุ่มนวลขึ้น และก็มีกลิ่นหอม จะให้คุณประโยชน์ ช่วยรักษาอาการของม้ามรวมทั้งกระเพาะปฏิบัติงานไม่สัมพันธ์กัน (กระเพาะปฏิบัติหน้าที่ย่อยของกินจนได้สารจำเป็นต้อง ส่วนม้ามปฏิบัติหน้าที่ลำเลียงสารจำเป็นนี้ไปใช้ทั่วร่างกาย) แก้เสลดข้น แก้ต้อหิน แก้ตาบอดช่วงเวลาค่ำคืน
3. ผัดไหม้เกรียม โดยนำเหง้าโกศเขมาตากแห้งใส่กระทะ ผัดโดยใช้ไฟปานกลาง จนกระทั่งเปลือกนอกมีสีน้ำตาลไหม้ ประพรมน้ำน้อย แล้วผัดต่อโดยใช้ไฟอ่อนๆจนถึงตัวยาแห้ง นำออกมาจากเตา ตั้งทิ้งเอาไว้ให้เย็นแล้วร่อนเอาเศษเล็กๆจะได้ตัวยารสออกเผ็ด จะให้สรรพคุณ ช่วยทำให้การทำงานของลำไส้แข็งแรง แก้ท้องเดินเป็นหลัก ใช้รักษาอาการท้องเสียเนื่องจากม้ามพร่อง โรคบิดเรื้อรัง
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ การเรียนรู้ฤทธิ์ของสารสกัดเหง้าโกฐเขมา และน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากเหง้า เป็น β-eudesmol ต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก และช่วงเวลาที่ทำให้กระเพาะอาหารว่างในหนูเม้าส์เพศผู้ ที่ถูกกระตุ้นด้วย atropine, dopamine รวมทั้ง 5-hydroxytryptamine (5-HT)โดยให้สารสกัดโกฐเฉมาในขนาด 500 หรือ 1000 มก./โลและก็ β-eudesmol ขนาด 50 หรือ 100 มก./กก. รวมทั้งยามาตรฐาน itopride hydrochloride ขนาด 10 หรือ 50 มก./กิโล ผลของการทดลองพบว่าสารสกัดโกฐเฉมามีฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก แล้วก็ทำให้ของกินเคลื่อนผ่านกระเพาะเร็วขึ้น ในหนูที่ถูกกระตุ้นด้วยdopamine ขนาด 1 มก./กิโลกรัม และสารสกัดโกฐเฉมาในขนาด 1000 มก./กิโลกรัม และ β-eudesmol ขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโล มีฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็กในหนูที่ถูกกระตุ้นด้วยatropine แม้กระนั้นไม่มีผลต่อระยะเวลาที่ทำให้กระเพาะว่างนอกนั้นสารสกัดโกฐเขมาในขนาด 500 หรือ 1000 มก./โล รวมทั้ง β-eudesmol ขนาด 25, 50 หรือ 100 มก./โล มีฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก แล้วก็ทำให้ของกินเคลื่อนผ่านกระเพาะอาหารเร็วขึ้น ในหนูที่ถูกกระตุ้นด้วย 5-HT ขนาด 4 มิลลิกรัม/กิโลกรัมหรือ 5-HT3 receptor agonist จากงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยนี้จึงสรุปว่าสารสกัดโกฐเขมาและก็น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากโกฐเฉมา คือ β-eudesmolทำให้ของกินเขยื้อนผ่านกระเพาะอาหารเร็วขึ้น แล้วก็กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ผ่านกลไลการยั้ง dopamine D2 receptor และก็ 5-HT3 receptor สามารถนำมาปรับปรุงยารักษาอาการท้องอืดเฟ้อ อาการอ้วก อึดอัดแน่นจากของกินที่อยู่ในกระเพาะอาหาร รักษาโรคกระเพาะ ซึ่งมีเหตุมาจากเส้นประสาทของกระเพาะอาหารถูกทำลาย (gastroparesis) ส่งผลให้กล้ามกระเพาะเมื่อยล้า ทำให้ไม่สามารขับของกินให้ผ่านไปยังส่วนต้นของไส้ (duodenum) ได้ ก็เลยมีอาหารเหลือหลงเหลือในกระเพาะอาหาร
 
ฤทธิ์ต้านทานการปวด
 การทดลองในหนูพบว่า สาร β-eudesmol มีฤทธิ์ต้านปวดโดยยับยั้ง nicotinc Ach receptor channels ที่neuromuscular junction และพบว่ามีผลต่อกล้ามเนื้อของหนูที่เป็นโรคเบาหวานมากกว่าหนูปกติ
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ สาร β-eudesmol , atractylochromene , 2-(2E0-3,7-dimethyl-2,6-octadienyl -6-methyi-2,5-cyclohexadiene-1,4-dione , 2-(2’E)-3’7’-dimethyl-2’6’-octadienyl-4-methoxy-6-methylphenol,(3Z,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diynyl-1-0-(E)-fenulate มีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี 5-lipoxygenase และก็cyclooxygenase-1
ฤทธิ์ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ สารสกัดจากเหง้าของโกฐเขมาเมื่อป้อนให้หนูแรทสายพันธุ์ sprague-dawley ซึ่งถูกรั้งนำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารโดยใช้กรด acetic acid กระทำเก็บเลือด รวมทั้งเซลล์เยื่อกระเพาะอาหารของหนู วัดระดับของ epidermal growth factor (EGF), trefoil factor 2 (TFF2), tumor necrosis factor-α(TNF-α), interleukin 6, 8 (IL-6, เจ๋ง แล้วก็ prostaglandin E2 (PGE2) ที่เกิดขึ้น โดยใช้เคล็ดลับ (ELISA) รวมทั้งวัดการแสดงออกของ mRNA ดังเช่นว่า EGF, TFF2, TNF-α รวมทั้ง IL-8 ในกระเพาะอาหาร จะถูกวิเคราะห์โดยใช้เคล็ดวิธี real-time-PCR ผลการทดสอบพบว่าการเช็ดกทำลายจากกรดของเซลล์เยื่อกระเพาะอาหารต่ำลงและก็ยังยั้งการผลิตสารที่เกี่ยงงอนข้องกับการอักเสบดังเช่นTNF-α, IL-8, IL-6, และ PGE2รวมทั้งมีฤทธิ์ปกป้องรักษากระเพาะโดยเพิ่มการแสดงออกของ mRNA ของ EGF, TFF2เพิ่มการสร้างEGF, TFF2
ฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน สารสกัดน้ำที่มีสาร polysaccharides ที่มีน้ำตาลเชิงคนเดียวเป็น galacturonic acid มีฤทธิ์กระตุ้นระบบปกป้องในหนูที่ติดโรครา Candida albicans ทำให้หนูรอดชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็สารกรุ๊ป arabino-3,6-galactan มีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิต้านทานในหนู
ฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร สารสกัดน้ำมีฤทธิ์ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้นสารสำคัญเป็นสารกรุ๊ป polyacetylenes
ฤทธิ์ต้านการขาดออกซิเจนภายในร่างกาย สารสกัดอะซิโตนมีฤทธิ์ต้านทานการขาดออกสิเจนภายในร่างกายหนูถีบจักรเนื่องจากสารโปแตสเซียมไซยาไนด์ สาระสำคัญเป็น β-eudesmol
ฤทธิ์แก้ท้องเฟ้อเฟ้อ ฤทธิ์เพิ่มช่วงเวลาที่ทำให้กระเพาะอาหารว่าง ของน้ำมันหอมระเหยจากเหง้าโกฐเฉมา ในหนูแรทเพศผู้ สายพันธุ์วิสตาร์ ที่อยู่ในภาวะเครียด และผลของฮอร์โมนที่ควบคุมรูปแบบการทำงานของกระเพาะอาหารและไส้ ซึ่งหลั่งจากต่อมไฮโปธาลามัส หรือ corticotropin-releasing factor (CRF) ทดลองโดยป้อนน้ำมันหอมระเหยจากเหง้า ในขนาดต่างๆเป็น 30,60 แล้วก็ 120 mg/kg ต่อวัน แก่หนูตรงเวลา 7 วัน พบว่าไม่มีผลเปลี่ยนแปลงตอนที่ทำให้กระเพาะว่างในหนูธรรมดา แม้กระนั้นมีผลทำให้เพิ่มระยะเวลาที่ทำให้กระเพาะอาหารว่างได้ในหนูที่มีภาวการณ์เครียด น้ำมันหอมระเหยสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมน motilin (MTL) และก็ gastrin (GAS) แล้วก็ลดระดับ somatostatin (SS) รวมทั้ง CRF อย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยพบว่ากลไกสำคัญเกี่ยวกับระดับฮอร์โมน คือยับยั้งการหลั่ง CRF ซึ่งผลกลุ่มนี้ทำให้เพิ่มระยะเวลาที่ทำให้กระเพาะว่างเร็วขึ้น จึงลดอาการเจ็บป่วยท้อง ท้องขึ้นเฟ้อจากความเคร่งเครียดในหนู (สภาวะเครียดทำให้การทำงานของกระเพาะอาหารและก็ไส้น้อยลง)
การศึกษาทางพิษวิทยา
การทดสอบพิษเฉียบพลันของสารสกัดเหง้าด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (คิดเป็น 1,786 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) และก็ให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่พบอาการเป็นพิษ
ข้อเสนอ/ใจความระวัง
1. คนเจ็บที่มีอาการท้องเสีย ที่มีอุจจาระหล่นเป็นน้ำ ควรที่จะใช้โกศเขมาด้วยความระวัง
2. สตรีท้องและสตรีให้นมบุตรควรขอความเห็นแพทย์ และผู้เชียวชาญก่อนใช้เพราะว่ายังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยในสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร
3. อาการใกล้กันที่พบได้ในคนที่ใช้  โกศเขมาเป็น อ้วก อ้วก ปากแห้ง แล้วก็มีกลิ่นปาก
4. ไม่ควรใช้โกฐเฉมาในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นหรือใช้เป็นเวลานานเพราะเหตุว่าอาจส่งผลต่อระบบต่างๆของร่างกายได้
หนังสืออ้างอิง
1. วิทยา บุญวรพัฒน์.“โกฐเขมา”.หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยมากในประเทศไทย. หน้า 102.
2. นพมาศ สุนทรเจริญก้าวหน้าความยินดี.โกฐเฉมา จุลสารข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ปีที่28 .ฉบับที่ 3 เมษายน 2554.หน้า17-19
3. ชยันต์ พิเขียรสุนทร แม้นมาส ชวลิต วิเชียร จีรวงศ์.คำอธิบายตำราพระโอสถพระนารายณ์.กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์อมรินทร์.2542 https://www.disthai.com/[/b]
4. “โกฐเฉมา Atractylis”. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.หนังสือสมุนไพรสวนสิรีต้นไม้. หน้า 217.
5. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2546. ประเมินผลงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยด้านพิษวิทยา ของสถาบันวิจัยสมุนไพร เล่ม 1.สถานที่พิมพ์การศาสนา:กรุงเทพมหานคร.
6. โกศเขมา.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก http://www.thaicrudedrug.com/main.php?action=viewpaye&pid=27
7. Yu KW, Kiyohara H, Matsumoto T, Yang HC, Yamada H. lntestinal immune system modulating poly-saccharides from rhizomes of Atractylodes lancea. Planta Med 1998;64(เจ๋ง:714-9.
8. Kimura Y, Sumiyoshi M. Effects of an Atractylodes lancea rhizome extract and a volatile component beta-eudesmol on gastrointestinal motility in mice. J Ethnopharmacology. 2012;141:530-536.
9. Yu Y, Jia T-Z, Cai Q, Jiang N, Ma M-Y, Min D-Y, et al. Comparison of the anti-ulcer activity between the crude and bran-processed Atractylodes lancea in the rat model of gastric ulcer induced by acetic acid. J Ethnopharmacology. 2015;160:211-218.
10. Nakai Y, Kido T,Hashimoto K, Kase Y, Sakakibara l, Higuchi M, Sasaki H. Effect of the rhizomes of Atractylodes lancea and its constituents on the delay of gastric emptying. J Ethnopharmacol 2003;84(1):51-5.
11. Lehner MS, Steigel A, Bauer R. Diacetoxy-substituted polyacetyenes from Atractylodes lancea. Phyto-chemistry 1997;46(6):1023-8
12. Resch M, Heilmann J,Steigel A, Bauer Rauer R. Futher phenols and polyacetyenes from the rhizomes of Atractylodes lancea and their anti-inflammatory activity. Planta Med 2001;67(5):437-42.
13. Zhang H, Han T, Sun L-N, Huang B-K, ChenY-F, Zheng H-C, et al. Regulative effects of essential oil from Atractylodes lancea on delayed gastric emptying in stress-induced rats. Phytomedicine. 2008;15:602–611.
14. Chiou LC, Chang CC. Antagonism by β-eudesmol of neostigmine-induced neuromudcular failure in mouse diaphragms. Eur J Pharmacol 1992;216(2):199-206.
15. Kimura M, Nojima H, Muroi M, Kimura l. Mechanism of the blocking action of β-eudesmol on the nicotic acetylcholine receptor channel in mouse skeletal muscles. Neuropharmacology 1991;30(เจ๋ง:835-41.
16. Kimura M, Tanaka K, Takamura Y, Nojima H, Kimura l, Yano S, Tanaka M. Structural componets of beta-eudesmol essential for its potentiating effect on succinylcholine-induced neuromuscular blockade in mice. Biol Pharm Bull 1994;17(9): 1232-40.
17. Yamahara J, Matsuda H, Naitoh Y, Fujimura H, Tamai Y. Antianoxic action and active constituents of atractylodis lanceae rhizome. Chem Pharm Bull 1990;38(7):2033-4.
18. Lnagaki N, Komatsu Y, Sasaki H, Kiyohara H, Yamada H, lshibashi H, Tansho S, Yamaguchi H, Abe S, Acidic polysaccharides from rhizomes of Atractylodes lancea as protective principle in Candida-lnfected mice. Planta Med 2001;67(5):428-31.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ