เสาวรส สรรพคุณเเละประโยชน์

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เสาวรส สรรพคุณเเละประโยชน์  (อ่าน 38 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
komgrit1989
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19840


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: ธันวาคม 25, 2018, 08:01:30 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement



เสาวรส
ชื่อสมุนไพร  เสาวรส
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น  สุคนธรส (ภาคกลาง) , กะทกรกฝรั่ง กะทกรกสีดา , กะทกรกยักษ์ (ทั่วไป)
ชื่อวิทยาศาสตร์            Passiflora edulis Sims. (พันธุ์สีม่วง)
Passiflora edulis f. flavicarpa O. Deg. (พันธุ์สีเหลือง)
ชื่อสามัญ  Passion fruit  , Yellow granadilla , Jamaica honey-suckle
วงศ์      Passifloraceae
ถิ่นกำเนิด 

เสาวร มีบ้านเกิดในทวีปอเมริกาใต้ในประเทศบราซิลปารากวัย และประเทศอาร์เจนตินา แล้วมีการกระจายประเภทโดยการนำเสาวรสไปปลูกเพื่อผลดีทางด้านการค้าในหลายประเทศทั่วทั้งโลก เป็นต้นว่า ประเทศอินเดีย นิวซีแลนด์ อินโดนีเซียเปอร์โตริโก สาธารณรัฐโดมินิกัน สหรัฐอเมริกาออสเตรเลีย อิสราเอล คอสตาริกา แอฟริกาใต้ประเทศโปรตุเกสรวมถึงประเทศแถบสมุทรแคริบเบียนรวมทั้งแอฟริกาตะวันออก
สำหรับในประเทศไทย เสาวรสถูกนำเข้ามาทดสอบปลูกครั้งแรกในภาคเหนือ โดยประมาณปี พ.ศ. 2498 เดี๋ยวนี้ เจอปลูกมากในภาคเหนือ แล้วก็ภาคตะวันออก ในแถบจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยอง รวมทั้งชลบุรี
 
ลักษณะทั่วไป
 
เสาวรสจัดเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ ส่วนโคนเป็นไม้เนื้อแข็ง อายุหลายปี สามารถเลื้อยได้ไกลถึง 12 เมตร มีมือเกาะ ใบคนเดียว รูปคล้ายโล่ หรือรูปไข่ ออกเรียงสลับกัน ขอบของใบมักเว้าลึกเป็น 3 พูปลายใบแหลม หรือเรียวแหลม โคนใบกลม หรือรูปหัวใจเว้าตื้น เนื้อใบออกจะเหนียว ขอบของใบจะฟันเลื่อย มีเส้นใบ 3 เส้น ออกจากโคนใบก้านใบยาว 4-4.5 เซนติเมตร ที่ปลายก้านมีต่อม หูใบรูปหอก ขอบเรียบ หรือจะฟันเลื่อย
ดอกเสาวรสจัดเป็นดอกบริบูรณ์เพศ สามารถผสมเกสรด้วยตนเองได้ดิบได้ดี ตัวดอกแทงออกเป็นดอกผู้เดียว ดอกแทงออกบริเวณซอกใบตามเถา ประกอบด้วยกลีบเลี้ยง ภายนอกกลีบเลี้ยงมีสีเขียว ข้างในมีสีขาว และก็กลีบดอกสีครีมอมม่วง 5 กลีบ กลีบเรียงสลับเป็น 2 ชั้นต่อมาข้างในมีฝอยเป็นเส้นล้อมเป็นวงกลมมากมาย โคนฝอยมีสีม่วง ปลายฝอยมีสีขาวกึ่งกลางดอกมีเกสรตัวผู้ 5 อัน ส่วนเกสรตัวเมียมีปลายแยกเป็น 3 แฉก เมื่อบานจะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
ผลเสาวรสออกได้ผลเดี่ยวผลมีทรงกลมหรือรูปไข่ และก็อวบน้ำ ขนาดผลราว 5-7 เซนติเมตร มีน้ำหนักผลราว 35-115 กรัม ขึ้นกับขนาดผล ส่วนสีเปลือกต่างกันตามสายพันธุ์ เป็นต้นว่า พันธุ์สีม่วงจะมีเปลือกสีม่วงเข้ม ส่วนประเภทสีเหลืองจะมีเปลือกสีเหลืองสด เปลือกผลทุกพันธุ์ออกจะดก และก็ วาว ด้านในผลประกอบด้วยเม็ดจำนวนหลายชิ้น
ส่วนประเภทที่เจอในประเทศไทยแล้วก็นิยมปลูกกันมาก มี 3 ชนิด
1. พันธุ์ผลสีม่วง ( Passiflora edulis) ชนิดผลสีม่วงในธรรมชาติพบได้บ่อยในที่สูงโดยประมาณ 1,000-2,000 เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งมีอากาศค่อนข้างจะหนาวเย็นตลอดระยะเวลา ทำให้ผลมีขนาดเล็ก เมื่อผลสุกจะมีสีม่วงเข้มผิวเป็นมัน น้ำจาก ประเภทผลสีม่วง มีรสชาติดีกว่าประเภทผลสีเหลือง มีกรดต่ำสีสวยรวมทั้งหวาน จึงเหมาะกับรับประทาน ผลสดข้อตำหนิของชนิดนี้คือ ค่อนจะอ่อนแอต่อโรค
2. พันธุ์ผลสีเหลือง (Passiflora edulis, var flaicarpa) ชนิดผลสีเหลือง ตามธรรมชาติเจอขึ้นตามพื้นที่สูงในแถบประเทศชายฝั่งทะเลที่มีความสูงตั้งแต่ 800 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ผลมีลักษณะเด่น คือ ผลมีขนาดใหญ่เมื่อผลสุกจะมีสีเหลืองขมิ้น ผิววาว น้ำคั้นของประเภทนี้ มีกรดมากมาย ซึ่งมีpH ต่ำยิ่งกว่า 3 เหมาะกับส่งเข้าโรงงานเพื่อดัดแปลงมากกว่าการ กินผลสด จุดเด่นของจำพวกนี้คือ ได้ผลดกและมีแรงต้านทานโรคและก็แมลงสูงขึ้นยิ่งกว่าประเภทผลสีม่วง
3. ชนิดลูกผสม เป็นจำพวกที่เกิดจากการผสมระหว่างประเภทผลสีม่วงกับชนิดสีเหลือง เพื่อเลือกเฟ้นต้นจำพวกใหม่ ศูนย์รวมลักษณะผลที่เด่นของแต่ละประเภทไว้ ทำให้มีลักษณะผลใหญ่ ได้ผลดก มีเกลื่อนกลาดหุ้มห่อ เมล็ดมากมายเปลือกบาง ต่อต้านโรค รวมทั้งมีช่วงในการให้ผลที่นาน ชนิดนี้จะให้ทั้งยังผลที่มีสีม่วงแล้วก็ผลสีเหลือง สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
 
การขยายพันธุ์
 
[url=https://www.disthai.com/17031928/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AA]เสาวรส
สามารถเติบโตได้ดีในลักษณะของอากาศของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเขตอากาศเย็นทางภาคเหนือ หรือเขตอากาศร้อนเปียกชื้นทางภาคกลางแล้วก็ ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย การรักษาไม่ยุ่งยาก แต่ว่าได้ผลผลิตต่อไร่สูง
ส่วนการขยายพันธุ์เสาวรสสามารถแพร่พันธุ์ได้จากต้นกล้าที่เพาะเมล็ด รวมถึงต้นกล้าที่ได้จากการปักชำหรือการตอนเถา แต่ว่าโดยมากนิยมปลูกจากเม็ดมากที่สุด โดยมีวิธีการดังนี้
การเตรียมเมล็ด เม็ดที่ใช้เพาะกล้า ควรเลือกจากผลเสาวรสที่มีผลขนาดใหญ่ ผลมีความสมบูรณ์ เปลือกผลวาววาว ไม่มีรอยกัดแทะของแมลง โดยนำเม็ดมาใส่ผ้าขาวบางแล้วค่อยนำไปขยี้ให้น้ำ และก็เยื่อหุ้มห่อเมล็ดหลุดออกจากเม็ด แล้วนำเมล็ดมาล้างชำระล้าง ก่อนที่จะนำเมล็ดมาตากผึ่งแดดให้แห้ง นาน 5-7 วัน เก็บพักไว้ภายในที่ร่มนาน 1-2 เดือน ค่อยนำมาเพาะ ภายหลังพักเม็ดไว้ 1-2 เดือนแล้ว ก่อนเพาะให้นำเม็ดมาแช่น้ำไว้ 1 คืน การเพาะเมล็ดบางทีอาจเพาะในถุงเพาะชำได้โดยตรง หรือหยอดเพาะในกระบะเพาะก่อน และก็หลังจากนั้นจึงค่อยแยกลงเพาะต่อในถุงเพาะชำได้
การเตรียมแปลงปลูก การปลูกเสาวรสในแปลงใหญ่ปริมาณหลายต้นจำเป็นที่จะต้องจัดแจงแปลงก่อน โดยการไถลูกพรวนดิน 1-2 รอบ พร้อมกำจัดวัชพืชออกให้หมด จากนั้น ขุดหลุมปลูกขนาดประมาณ 30 เซนติเมตร โดยให้ลึกราว 30 ซม. ระยะห่างระหว่างแถว และระยะห่างระหว่างต้นหรือหลุม ราว 2-3 เมตร แล้วหลังจากนั้น ปลดปล่อยหลุมผึ่งแดดไว้ 3-5 วัน
ขั้นตอนการปลูก ก่อนปลูก ให้โรยก้นหลุมด้วยปุ๋ยธรรมชาติ 3-5 กำมือ รวมทั้งปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 โดยประมาณ 1 ถือมือ ก่อนคลุกหน้าดินลงผสม ก่อนฉีกถุงดำออก แล้วนำต้นกล้าเสาวรสลงปลูกในหลุม พร้อมกลบดินให้แน่นพอควร แล้วหลังจากนั้น นำไผ่มาปักข้างหลุม เพื่อให้ลำต้นอิงเติบโตสักระยะ
แนวทางการทำค้าง เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเสาวรสเป็นไม้เถาเลื้อย จึงควรเกาะเลื้อยตามวัสดุต่างๆการเตรียมค้าง ควรจัดเตรียมข้างหลังการขุดหลุมปลูกเสร็จหรือทำร่วมกับการขุดหลุมปลูก หรือบางทีอาจทำหลังการปลูก แม้กระนั้นพึงระวังไม่ให้ต้นพันธุ์มีอันตรายระหว่างที่ทำค้าง
การเตรียมค้างทำได้โดยการใช้เสาคอนกรีตหรือเสาไม้มาฝังใกล้กับต้นเสาวรสตามแนวยาวของแถว หลังจากนั้น ใช้ลวดกางโยงแต่ละเสาตามแนวยาว แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยขึงโยงตัดตามแนวขวางให้เป็นตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดโดยประมาณ 50×50 ซม.
 
องค์ประกอบทางเคมี
 
ในน้ำเสาวรสพบสาระสำคัญ ตัวอย่างเช่น Carotenoid (ติดอยู่โรทีนอยด์) Pectin methyhesterase (โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี เพคทนเมทิลเอสเตอเรส) Catalase (ค้างทาเลส) Leucine (ลิวซีน) Valine (วาลีน) Tyrosine (โทโรซีน) Prline (โพรลีน) Threonine (ทรีโอนีน) Glycine (ไกลซีน) Aspertic acid (กรดแอสพาร์ทิก) Arginine (อาร์จินีน) Lysine (ไลซีน) Alkalod (อัลคาลอยด์) ส่วนคุณค่าทางโภชนาการของเสาวร
ประโยชน์/สรรพคุณ
เมล็ดพร้อมเยื่อห่อเมล็ดนำมาคั้นหรือปั่นเป็นน้ำผลไม้ดื่ม ให้รสเปรี้ยวจัด หรือปั่นผสมกับผลไม้อื่นที่มีรสหวาน เพื่อเพิ่มความหวาน อาทิเช่น ประเทศทางแถบอเมริกาใต้นิยมนำเยื่อห่อหุ้มเม็ด และก็เปลือกมาปั่นผสมกับน้ำตาล ได้เครื่องดื่มที่เรียกว่า refresco หรือใช้ผสมกับน้ำผลไม้จำพวกอื่น ได้แก่ น้ำผลแอปเปิ้ล น้ำส้ม น้ำสัปปะรด น้ำพีช ฯลฯ โดยอัตราการผสมน้ำเสาวรสราว 5 หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมสดชื่นแล้วก็รสชาติที่ดี ซึ่งเป็นที่นำยมกันอย่างแพร่หลายในต่างถิ่น เพราะว่านอกเหนือจากทำให้เครื่องดื่มมีกลิ่นหอมสดชื่นและรสที่ดีขึ้นแล้ว ยังมีคุณค่าทางของกินสูง รวมทั้งน้ำเสาวรสยังสามารถใช้ประโยชน์แต่งกลิ่นรวมทั้งรสของไอติม ขนมเค้ก เยลลี่ เชอร์เบท พาย ลูกอมเหล้าองุ่น ฯลฯ
แล้วก็เยื่อหุ้มห่อเมล็ดยังดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่น เสาวรสผง แยมเสาวรส แล้วก็เยลลี่เสาวรส ส่วนเปลือกเสาวรสมีคาร์โบไฮเดรต และก็โปรตีนสามารถนำมาตากแห้งหรือใช้สดเป็นอาหารเลี้ยงโค ควาย แกะแพะ และหมู ได้
นอกนั้นยังมีการนำเสาวรสเอามาสกัดสารสำหรับเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง โดยยิ่งไปกว่านั้นโลชั่นที่มีไว้สำหรับบำรุงผิว ด้วยเหตุว่าประกอบด้วยสารที่สามารถสะท้อนรังสียูวีได้ รวมทั้งในงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยได้กำหนดไว้ว่า เสาวรสอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ธาตุ วิตามินและไฟเบอร์ ในขณะที่เสาวรส 100 กรัม ให้พลังงานแค่เพียง 51-60แคลอรีเพียงแค่นั้น รวมทั้งเสาวรส100 กรัม ให้วิตามินซีถึง 30 มก. การกินเสาวรสเป็นประจำแล้วจะห่างไกลจากหวัด และยังช่วยให้มีภูมิต้านทานโรคที่แข็งแรง
เสาวรสดีต่อการขับถ่าย เนื่องจากว่ามีเส้นใยสูง จึงสามารถช่วยขจัดคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ อีกทั้งยังช่วยขับสารพิษในไส้ คุ้มครองป้องกันโรคมะเร็งลำไส้อีกด้วย
เสาวรสบำรุงสายตาได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินเอ แล้วก็ยังมีสารฟลาโวนอยด์อย่างเบต้าแคโรทีนและก็คริบโทแซนทินเบต้า(cryptoxanthin-ß) ซึ่งสารพวกนี้มีคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ ควบคู่ไปกับวิตามินเอที่ช่วยทำนุบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี
ส่วนสรรพคุณตามตำรายาไทยกำหนดไว้ว่า ยอด สามารถรับประทานเป็นผักสด แต่จะมีรสขมเล็กน้อยอาจเอามาจิ้มน้ำพริกหรือนำไปแกงยอดเสาวรสก็ได้ แก่นไม้ ใช้เป็นยาควบคุมธาตุ ทำลายพิษ รวมทั้งใช้รักษาบาดแผล ราก แก้ไข้ รักษาผื่นคัน และรักษาโรคกามโรค โดยนำรากไปต้มน้ำใบ เอามาตำแล้วคั้นเอาแต่น้ำ กินเป็นยาถ่ายพยาธิได้ ดอกขับเสมหะ แก้ไอ ผลแก่ ใช้คั้นเอาน้ำดื่มเป็นน้ำผลไม้ช่วยลดไขมันในเลือดเป็นยาระบาย รวมทั้งยังมีคุณประโยชน์ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดความดับเลือด แล้วก็โรคกระเพาะฉี่อักเสบ
รูปแบบ / ขนาดการใช้
โดยทั่วไปแล้ว มักจะนำเสาวรสสุกมาทำเป็นน้ำผลไม้หรือใช้รับประทานสดๆก็สามารถได้ประโยชน์จากสารออกฤทธิ์ต่างๆของเสาวรสแล้วส่วนในค้านการนำมาใช้เป็นสมุนไพรก็มีการมาใช้ เป็นต้นว่า นำรากเสาวรสไปต้มแล้วใช้ดื่มช่วยแก้ไข้ รักษาตามโรค แก้ผื่นคัน หรือนำใบมาต้มกับน้ำใช้รับประทานสามารถใช้เป็นยาถ่ายพยาธิได้ หรือจะใช้เนื้อในของผลสุกมาทำเป็นน้ำผลไม้ดื่ม จะช่วยลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิตรวมทั้งช่วยให้ระบายได้ เป็นต้น
การเรียนทางเภสัชวิทยา
 
ในการทดลองฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลอง (in vitro) พบว่า สารสกัดเอทานอล 80% จากเนื้อหุ้มห่อเม็ดของเสาวรสอีกทั้งประเภทผลสีม่วงและผลสีเหลืองมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเมื่อทดสอบด้วยวิธี 2,2-azino-bis (3-ethylbenzthiazoline-6-sulphonic acid) decolorization assay (ABTS assay), H2O2 scavenging assay และก็ 2,2-diphenyl-1-picrylhydrazyl radical scavenging capacity assay (DPPH assay) จากผลการศึกษาเรียนรู้ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นแสดงให้เห็นว่า น้ำเสาวรสมีคุณค่าทางโภชนาการรวมทั้งมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ เหมาะกับใช้เป็นเครื่องดื่มเพื่อคนรักการดูแลสุขภาพ ใยอาหารส่วนที่ไม่ละลายน้ำ (insoluble fiber-rich fraction) จากเม็ดเสาวรสมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด เมื่อทดลองผสมลงในของกินที่มีไขมันสูง (hypercholesterolemic diet) จำนวน 5% แล้วก็ใช้เลี้ยงหนู แฮมสเตอร์นาน 30 วันพบว่า ไตรกลีเซอไรด์และก็คอเลสเตอรอลในเลือดและก็ในตับหนูลดน้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจัง และพบว่ามีไขมันในน้ำดีรวมทั้งในอุจจาระที่ขับถ่ายออกมามากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม และสำหรับการป้อน น้ำคั้นเสาวรสประเภทเปลือกสีเหลืองให้แก่หนูแรทขนาด 1,000 มิลลิกรัม/กก. วันละ 2 ครั้ง นานต่อเนื่องกัน 28 วัน มีผลลดค่าไขมันรวมทั้ง LDL (low-density lipoprotein) ใน เลือดและก็เพิ่มค่า HDL (high-density lipoprotein) นอกจากนี้ยังส่งผลลดค่า thiobarbituric acid reactive substance (TBARS) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึง การเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมัน (lipid peroxidation) ชี้ให้เห็นว่าเม็ดเสาวรสรวมทั้งน้ำจากส่วนเยื่อหุ้มเม็ดมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด และต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันของไขมันได้ นอกเหนือจากนั้นการป้อนส่วนเนื้อห่อเม็ดของเสาวรสชนิดเปลือกสีเหลืองให้แก่หนูแรทที่มีความดันโลหิตสูง ขนาดวันละ 5 – 8 กรัม/กก. นานติดต่อกัน 5 วัน ส่งผลทำให้ค่าความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวน้อยลง และพบว่าระดับglutathione ในเยื่อไตสูงขึ้น รวมทั้งสามารถยับยั้งการเกิดสาร TBARS เห็นผลการทดลองดังที่กล่าวถึงแล้วทำให้เห็นว่าส่วนเนื้อห่อหุ้มเม็ดของเสาวรสมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตและก็ฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ
 
การเรียนรู้ทางสถานพยาบาล
การเล่าเรียนฤทธิ์

 
ต่อต้านอนุมูลอิสระของน้ำคั้นเสาวรสในกรุ๊ปอาสาสมัครคนวัยแก่ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) ที่มีสุขภาพดีและไม่มีภาวะของโรคร้ายแรงปริมาณ 60 คน ทั้งเพศชายและก็หญิง โดยให้อาสาสมัครดื่ม น้ำคั้เสาวรส[/url]อีกทั้งจากพันธุ์ผลสีม่วงแล้วก็ผลสีเหลืองวันละ 1 แก้ว (ประมาณ 125 มล.) ภายหลังจากกิน ข้าวกลางวัน นานต่อเนื่องกัน 4 สัปดาห์เก็บตัวอย่างเลือดของอาสาสมัครอีกทั้งตอนก่อนและก็ข้างหลังกินน้ำคั้น เสาวรส เพื่อตรวจวัดค่าทางวิชาชีวเคมีในเลือดรวมทั้งเปรียบเทียบผลของการเปลี่ยน ผลจากการศึกษาพบว่า การดื่มน้ำคั้นเสาวรสทั้งประเภทผลสีม่วงรวมทั้งสีเหลืองมีผลทำให้จำนวนวิตามินเอและวิตามินอีในร่างกาย เพิ่มสูงขึ้น แล้วก็ส่งผลเพิ่มแนวทางการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการต้านทานการเกิดอนุมูลอิสระ ตัวอย่างเช่น superoxide dismutase (SOD) และ catalase ยิ่งไปกว่านี้ยังมีผลยั้งการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวพัน ในขั้นตอนการอักเสบคือ interleukin-6 (IL-6) แล้วก็ tumor necrosing factor-α (TNF-α) อีกด้วย
ส่วนการศึกษาทางคลินิกอีกชิ้นหนึ่งกล่าวว่าการทดลองโดยให้อาสาสมัคร 9 คน(ทั้งยังชายและก็หญิง) ที่มีอายุระหว่าง 20-35 ปี กินแคปซูลสารสกัดน้ำหรือชา (เข้มข้น 10%) จากส่วนใบเสาวรส วันละ 4 แคปซูลก่อนอน ติดต่อกันเป็นเวลานาน 1 สัปดาห์ พบว่าไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างอาสาสมัครกลุ่มที่ระบบประทานแคปซูลเสาวรสแล้วก็กรุ๊ปที่ได้รับยาหลอกในเรื่องผลของการนอนหลับ กลับพบว่าอาสาสมัครกลุ่มที่ระบบประทานแคปซูลเสาวรสบางรายมีค่าโปรตีนรวมทั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวกับการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ไตและก็ตับเพิ่มสูงขึ้นดังเช่น bilirubin, uric acid, creatinine phosphokinase แล้วก็ glutamic-oxaloacetic transaminase
 
ข้อแนะนำ / ข้อควรไตร่ตรอง
 
1. การรับประทานเสาวรสอาจก่อให้เป็นผลข้างๆ อาทิเช่น ตาลายหัว รู้สึกสับสน กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไป เส้นเลือดอักเสบ บางรายเจอกล่าวว่ามีอาการอ้วก อาเจียน ง่วงซึม หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นเปลี่ยนไปจากปกติ
2. จากการทดสอบในหลอดทดลอง (in vitro) น้ำคั้นเสาวรสมีฤทธิ์ยับยั้ง เอนไซม์CYP450 ประเภทCYP3A4 เมื่อทดลองบนเซลล์human liver microsomes ดังนั้นจำเป็นต้องระแวดระวัง การกินน้ำคั้นเสาวรสร่วมกับกรุ๊ปแผนปัจจุบันที่จะต้องอาศัยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีดังที่กล่าวถึงแล้วในกระบวนการเผาผลาญยา
3. หญิงมีครรภ์ไม่สมควรรับประทานเสาวรสเหตุเพราะสารเคมีบางตัวในเสาวรสอาจก่อให้มดลูกหดตัว
4. ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดกินเสาวรสขั้นต่ำ 2 อาทิตย์ เนื่องจากเสาวรสอาจมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางซึ่งบางทีอาจไประงับฤทธิ์ยาสลบหรือยาตัวอื่นต่อสมองในตอนผ่าตัดแล้วก็ภายหลังจากผ่าตัดได้
 

เอกสารอ้างอิง

  • ศุภวัชร สิงห์ทอง, เสนีย์ เครือเนตร, ศุภพงษ์ อาวรณ์. ผลของน้ำเสาวรสต่อการต้านอนุมูลอิสระและต้าน การอักเสบในผู้สูงอายุและในหลอดทดลอง. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย; 2557. Report No. RDG5420047.
  • การใช้สมุนไพร.กระดานถาม-ตอบ สำนักงานข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดล.ธิดารัตน์ จันทร์ดอน.ผลไม้โครงการหลวงกับงานวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพ.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • "Passion Fruit: Background, Nutrition, Preparation". Exotic Fruit for Health. 25 August สืบค้นเมื่อ 18 September 2011.
  • เสาวรส/กะทกรกฝรั่ง สรรพคุณและการปลูกเสาวรส.พืชเกษตรดอทคอมพิชานันท์ ลีแก้ว . เสาวรส ผลไม้สำหรับผู้รักสุขภาพ. สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.https://www.disthai.com/[/b]
  • เสาวรส.ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.Mallhi TH, Sarriff A, Adnan AS, Khan YH, Qadir MI, Hamzah AA, et al. Effect of fruit/vegetable-drug interactions on CYP450, OATP and p-glycoprotein: A systematic review. Trop J Pharm Res. 2015;14(10):1927-35.
  • de Souza Mda S, Barbalho SM, Damasceno DC, Rudge MV, de Campos KE, Madi AC, et al. Effects of Passiflora edulis (yellow passion) on serum lipids and oxidative stress status of Wistar rats. J Med Food. 2012;15(1):78-82.
  • Patel SS. Morphology and pharmacology of Passiflora edulis: a review. J Herb Med Toxicol. 2009;3(1):1-6
  • Konta EM, Almeida MR, do Amaral CL, Darin JD, de Rosso VV, Mercadante AZ. Evaluation of the antihypertensive properties of yellow passion fruit pulp (Passiflora edulis Sims f. flavicarpa Deg.) in spontaneously hypertensive rats. Phytother Res. 2014;28(1):28-32.
  • Chau CF, Huang YL. Effects of the insoluble fiber derived from Passiflora edulis seed on plasma and hepatic lipids and fecal output. Mol Nutr Food Res. 2005;49(เจ๋ง:786-90
  • Tala Y, Anavia S, Reismana M, Samachb A, Tirosha O, Aron M, et al. The neuroprotective properties of a novel variety of passion fruit. Journal of Functional Foods 2016;23:359- 69.
  • Hidaka M, Fujita K, Ogikubo T, Yamasaki K, Iwakiri T, Okumura M, et al. Potent inhibition by star fruit of human cytochrome P450 3A (CYP3A) activity. Drug Metab Dispos. 2004;32(6):581-3




GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ