ลูกซัด มีประโยชน์เเละสรรพคุณ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ลูกซัด มีประโยชน์เเละสรรพคุณ  (อ่าน 3 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Chaiworn998
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 21212


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มกราคม 01, 2019, 09:28:04 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


ลูกซัด
ชื่อสมุนไพร  ลูกซัด
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น  ไม่มีข้อมูล
ชื่อวิทยาศาสตร์   Trigonella foenum-graecum L.
ชื่อสามัญ  Fenugreek , Methi
วงศ์ LEGUMINOSAE (FABACEAE) - PAPILIONIODEAE
ถิ่นกำเนิด
ลูกซัดเป็นพืชที่มีถิ่นเกิดในแถบเมติเตอร์เรเนียน และมีการกระจัดกระจายประเภทไปในประเทศอินเดีย จีน รวมทั้งประเทศแอฟริกา ได้แก่ อียิปต์ , เอธิโอเปีย ในตอนนี้สามารถ พบได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลกอีกทั้งในเอเชีย แอฟริกา และยุโรปโดยส่วนใหญ่นิยมใช้เมล็ดของลูกซัดซึ่งมีกลิ่น เฉพาะตัว เป็นเครื่องเทศในการทำกับข้าว โดยเฉพาะในอาหรับและก็ประเทศอินเดีย ส่วนแหล่งปลูกเพื่อการค้าขายที่สำคัญ ดังเช่น อินเดีย อียิปต์ ตูนีเซีย โมร็อกโก เอธิโอเปียฝรั่งเศส ประเทศตุรกี แล้วก็ จีน
ลักษณะทั่วไป
ลูกซัดจัดเป็นไม้ล้มลุกอายุปีเดียว ลำต้นตั้งตรง สูงได้ถึง 60 เซนติเมตร รากแก้วขนาดใหญ่ใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับ หูใบขนาดเล็ก ก้านใบยาว 1-4 หรือ 1-6 เซนติเมตร ศูนย์กลางสั้น ใบย่อยรูปไข่กลับหรือขอบขนาด กว้าง 0.5-2 เซนติเมตร ยาว 1.5-4 ซม. ดอกผู้เดียวออกที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว สีเหลือง ยาว 1-1.5 ซึม ฝักรูปขอบขนาน กว้าง 2-4 เซนติเมตร ยาว 5-19 เซนติเมตร ผิวเกลี้ยง ในฝักมีเม็ด 10-20 เม็ด เมล็ดแก่สีน้ำตาลอ่อน หรือสีเหลืองทอง เมล็ดมีขนาดเล็ก ขนาดกว้าง 3 มิลลิเมตร ยาว 4 มิลลิเมตร หนา 1 มม. มีร่องกึ่งกลางเมล็ด มีกลิ่นฉุนส่วนตัว เม็ดมีรสฝาด มีกลิ่นหอมยวนใจ
การขยายพันธุ์
ลูกซัดสามารถแพร่พันธุ์ได้โดยการใช้เม็ด แล้วก็การปักชำ โดยมีวิธีการเพาะเมล็ดและก็ใช้กิ่งปักชำ รวมทั้งขั้นตอนการปลูกเช่นเดียวกับพืชชนิดอื่นๆปกติ
องค์ประกอบทางเคมี
เมื่อศึกษาเล่าเรียนทางด้านองค์ประกอบทางเคมีพบว่าสาระสำคัญที่เจอในลูกซัดมีgalactomannan ปริมาณร้อยละ 14-15 น้ำมันระเหยยาก (fixed oil) มีรสขมและกลิ่นเหม็น น้ำมันระเหยง่ายร้อยละ 0.02 เจอสารกรุ๊ปAlkaloids ตัวอย่างเช่น trigonelline , สารกรุ๊ป saponin ดังเช่น diosgenin, yamogenin, tigogenin, neotigogenin, Graecunin A-G sarsapogenin smilgenin trigofoenside A trigofoenoside B,C trigofoenoside D trigofoenoside F,G yuccagenin, gitogenin สารกรุ๊ปflaronoids อย่างเช่น vitexin, orientin, quercetin, luteolin kaempferol กรดอะมิโนชื่อ 4-hydroxyisoleucine

ที่มา : Wikipedia
นอกเหนือจากนั้น ลูกซัดยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังต่อไปนี้ คุณค่าทางโภชนาการของเม็ดลูกซัดต่อ (100 กรัม) (3.5 ออนซ์)
พลังงาน 1,352 kJ (323 kcal)
คาร์โบไฮเดรต 58 กรัม
เส้นใยอาหาร 25 กรัม
ไขมัน 6.4 กรัม
โปรตีน 23 กรัม
วิตามิน
Thiamine(B 1 ) ไทอะมีน (วิตามิน B1) 0.322 mg
Riboflavin (B 2 ) ไรโบฟลาวิน (วิตามิน B2) 0.366 มก
ไนอาสิน(B 3 ) (วิตามิน B3) 1.64 มก
ไพริดอกซิน (วิตามิน บี6) 0.6 มก
โฟเลต(B 9 ) (วิตามิน B9) 57 ไมโครกรัม
แอสคอบิดเอสิด (วิตามินซี) 3 มก
แร่
แคลเซียม 176 มก.
เหล็ก 34 มก
แมกนีเซียม 191 มก
แมงกานีส 1.23 mg
ฟอสฟอรัส 296 มก
โพแทสเซียม 770 มก
โซเดียม 67 มก
สังกะสี 2.5 มก
องค์ประกอบอื่นๆ
น้ำ 8.8 กรัม
ประโยชน์/สรรพคุณ
ลูกซัดถูกประยุกต์ใช้เป็นเครื่องเทศสำหรับในการทำกับข้าว เพราะให้กลิ่นหอม รวมทั้งมีรสขมเฉพาะบุคคล เป็นรสเสน่ห์ของกินอย่างหนึ่ง ซึ่งลูกซัดจะมีกลิ่นหอมคล้ายขึ้นฉ่ายแม้กระนั้นแรงกว่า รสออกขมนิดๆขมหน่อยๆเมื่อจะใช้เขานำไปคั่วไฟก่อน ไฟจำต้องอ่อนมากๆเพราะลูกซัดเปราะบาง ไหม้ง่าย เมื่อคั่วแล้วจะมีกลิ่นหอมหวนมากยิ่งขึ้น หากคั่วด้วยน้ำมันเมล็ดจะขยายตัว รสออกขมเข้มขึ้น เจือด้วยรสเผ็ดนิดๆและก็ด้วยคุณลักษณะกลิ่นและก็รสดังที่กล่าวถึงแล้ว ลูกซัดก็เลยกลายเป็นส่วนผสมที่สำคัญใน ?ผงกะหยี? อันเป็นเครื่องเทศสากลที่ใช้กันทั่วทั้งโลก และที่คนอินเดียใช้ ลูกซัดสำหรับเพื่อการดองมะม่วง พริก กระเทียมและผักอื่นๆทำเป็น Achar (อาจาด) ที่ใช้เป็นของเคียงของสะเต๊ะ และในอีกหลายๆประเทศก็ยังมีการใช้ลูกซัดมาเป็นส่วนผสมของแป้งเพื่อเตรียมเป็นอาหารชนิดต่างๆยกตัวอย่างเช่น ขนมปัง แป้งพิซซ่า มัฟฟิน แล้วก็ขนมเค้ก รวมทั้งมีการสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาลูกซัดในลักษณะของอาหารสุขภาพ (functional food) รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (dietary supplement) อีกด้วย ในประเทศอินเดียวมีการใช้เม็ดแก้ท้องร่วง รักษาเกาต์ เบาหวานขับน้ำนม กระตุ้นกำหนัด และก็ขับเมนส์ ส่วนในประเทศทางแถบยุโรป จะใช้เมล็ดรักษาโรคเบาหวาน แล้วก็ขับนม
สำหรับสรรพคุณทางยาตามตำรายาไทย: ใช้เมล็ด แก้ท้องเดิน กล่อมเสมหะรวมทั้งอาจมแก้ธาตุพิการแก้ท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ขับฉี่ บำรุงธาตุ ทำให้เจริญอาหาร บดแล้วนำมาใช้พอก ฝี ลดอาการบวม ทาแผลต่างๆแก้อักเสบบวม แก้ไอเรื้อรัง ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
คุณประโยชน์แผนโบราณ ขับเสลด ทำให้ชุ่มชื้น ต่อต้านการอักเสบ ขับระดู ขับน้ำนมข้างหลังคลอดลูก รักษาเบาหวาน ส่วนชาวไทยในโบราณกาลใช้น้ำต้มลูกซัดและเปลือกชะลูดต้มผ้า เพื่อผ้ามีกลิ่นหอมยวนใจรวมทั้งแข็งจับกลีบได้ ซึ่งสารเมือกที่มีในลูกซัดนั่นเองที่ทำให้ผ้าแข็งตัวเป็นเงางาม เดี๋ยวนี้ได้มีการใช้มูกของลูกซัดในการอาบกระดาษมัน และก็ผสมในการทำยาเม็ดเพื่อการแตกตัวของยาดียิ่งขึ้น
แบบอย่าง/ขนาดวิธีการใช้
การใช้ลูกซัดในปัจจุบันเป็นการใช้ในการบริโภคในลักษณะของเครื่องเทศ และอาหารมากกว่า การใช้สำหรับเพื่อการเป็นยารักษาโรคเนื่องจากว่าขนาดสำหรับเพื่อการใช้ยารักษาโรคนั้นก็ยังไม่มีรายงานการศึกษาที่บ่งชัดถึงขั้นการใช้ที่เหมาะสมแล้วก็มีความปลอดภัยที่แน่ๆ
การเรียนทางเภสัชวิทยา
มีการศึกษาฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในสัตว์ทดลอง อีกทั้งธรรมดาแล้วก็ถูกรั้งนำให้เป็นโรคเบาหวาน โดยพบว่าในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย alloxan เมื่อฉีดสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 0.06 0.2 0.5 และก็ 1 ก./กก. แล้วก็สารสกัด 70% เอทานอลจากใบ ขนาด 0.8 ก./กิโลกรัม เข้าทางช่องท้อง และป้อนสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 1 2 และ 8 ก./กก. มีผลลดน้ำตาลในเลือดของหนู ยาต้มแล้วก็สารสกัด 95% เอทานอลจากเมล็ด ขนาด 0.5 มล./ตัว สารสกัด 95% เอทานอลจากเม็ด ขนาด 250 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แล้วก็สารสกัดอัลกอฮอล์จากเมล็ด ขนาด1 2 แล้วก็ 4 ก./กิโลกรัม มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในหนูที่ถูกรั้งนำให้บาหวานด้วย alloxan ได้เหมือนกัน
ลูกซัดมีผลเสริมฤทธิ์ของยารักษาเบาหวานโดยเมื่อให้ผงเมล็ดลูกซัดร่วมกับยา glicazide พบว่าลูกซัดจะเสริมและก็เพิ่มช่วงเวลาการออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของยาในหนูแรทธรรมดา หนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นโรคเบาหวานด้วย alloxan monohydrate รวมทั้งในกระต่ายธรรมดา โดยไม่ทำให้มีการเกิดการชักเพราะว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ สารสกัดเอทานอล ขนาด 500 มก./กก. เมื่อให้ร่วมกับยาglibenclamide แก่หนูแรทปกติรวมทั้งหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย streptozotocin จะมีผลเสริมฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดเช่นกันผงเมล็ด ขนาด 15 กก. ส่งผลลดน้ำตาลในเลือดและก็อินซูลินของผู้ป่วย เมื่อทดลองด้วยแนวทางวัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร (Meal tolerance test) เมื่อให้คนเจ็บ จำนวน 15 คน ทานอาหารที่ผสมผงเม็ดลูกซัดที่กำจัดไขมัน ปริมาณ 100 กรัมนาน 10 วัน พบว่าระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือดลดลง คนป่วย อายุระหว่าง38-54 ปี ปริมาณ 10 คน ที่รับประทานอาหารซึ่งผสมผงเม็ดลูกซัด ขนาด 25 ก. โดยแบ่งเป็นขนาดเท่าๆกัน กินวันละ2 มื้อ เป็น ตอนกลางวันแล้วก็เย็น นาน 15 วัน พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดน้อยลง โดยลูกซัดมีผลลดระดับน้ำตาลในพลาสมา เพิ่มการใช้เดกซ์โทรส รวมทั้งเพิ่ม insulin receptor บนเม็ดเลือดแดง ทำให้เพิ่มแรงต้านทานต่อเดกซ์โทรส และเมื่อให้คนเจ็บ จำนวน 60 คน ทานอาหารที่ผสมผงเม็ดลูกซัดในขนาดเดียวกันนี้ นาน 24 สัปดาห์ พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินในคนป่วยลดลงด้วยเหมือนกัน
การเรียน
 
ในอาสาสมัครสุขภาพแข็งแรงที่กินแคปซูลผงใบลูกซัดขนาด 2.5 ก. วันละ 2 ครั้ง นาน 3 เดือน พบว่าไม่เป็นผลลดน้ำตาลในเลือด เมื่อให้คนธรรมดา จำนวน 6 คน กินตำรับอาหารที่ผสมผงเมล็ดลูกซัดดิบ เมล็ดต้น แล้วก็เมล็ดกำลังผลิออก จำนวน 12.5 กรัม วันละครั้งเป็นอาหารเช้า หรือให้รับประทานตำรับยาซึ่งมลูกซัด[/url] และ guar gum พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงเมล็ด ขนาด 25 ก. ยางที่สกัดจากเมล็ด (gum) ขนาด 5 ก. และก็ใบ ขนาด 150 กรัม ส่งผลลดน้ำตาลในเลือดของคนธรรมดาได้ เมื่อให้อาสาสมัครชายร่างกายแข็งแรงอายุ 20-30 ปี ปริมาณ 20 คน รับประทานสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 40 มิลลิกรัม/กก.พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง 13.4 ภายหลังจากได้รับสารสกัด 4 เซนติเมตร โดยมีผลใกล้กันนิดหน่อย ดังเช่น รู้สึกหิวปัสสาวะบ่อย แล้วก็เวียนหัว
 
ยิ่งกว่านั้นยังมีงานศึกษาวิจัย
 
ปริมาณหนึ่งกระทำทดสอบโดยให้สตรี ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรดื่มชาที่มีส่วนผสมของลูกซัด ผลลัพธ์ที่ได้ เป็น มีสัญญาณบ่งชี้ถึงปริมาณน้ำนมที่เพิ่มขึ้นของแม่ในกลุ่มทดลองอย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้บริโภคชาที่มีส่วนผสมของลูกซัด ก็เลยอาจกล่าวได้ว่า ของกินเพิ่มน้ำนมที่มีส่วนผสมของลูกซัดอาจช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม รวมทั้งมีส่วนช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวเด็กในพักหลังคลอดได้ด้วย อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่กระจ่างแจ้งทางด้านการแพทย์เกี่ยวกับลูกซัดที่สัมพันธ์กับการเพิ่มปริมาณนมในสตรีที่ให้นมลูกยังคงมีจำกัดและนักวิจัยยังบอกว่าจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
 
การเรียนทางพิษวิทยา
ลูกซัด การทดลองความเป็นพิษ ยาต้มจากใบ สารสกัดน้ำจากใบ หรือสารสกัดเอทานอล:น้ำจากเมล็ดเมื่อฉีดเข้าทางท้องหนูแรท และหนูเม้าส์ มีค่าLD50 พอๆกับ 4 ก./กก. 1.9 ก./กก. แล้วก็ 1ก/กิโลกรัม เป็นลำดับ เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารกสัดน้ำจากใบพบว่ามีค่า LD50 พอๆกับ 10 กรัม/กิโลกรัม สารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์จากเม็ด เมื่อทดลองในกระต่ายและก็หนูแรทมีค่า LD50 มากยิ่งกว่า 2 รวมทั้ง 5ก./กิโลกรัม ตามลำดับ
การรับประทานเมล็ดลูกซัด ขนาด 25 กรัม/วัน ไม่นำไปสู่พิษ การเล่าเรียนความเป็นพิษในคนป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 60 คน โดยให้รับประทานอาหารที่เสริมผงเม็ดลูกซัด 25 ก. นาน 24 อาทิตย์ พบว่าไม่เป็นพิษต่อตับแล้วก็ไต และไม่เจอความไม่ปกติของค่าทางโลหิตวิทยา แม้กระนั้นหรูหรายูเรียในเลือดลดลงภายหลังจากรับประทาน 12 สัปดาห์
พิษต่อเซลล์ สารสกัดน้ำจากเมล็ด ความเข้มข้น 0.3 มก./มล. เป็นพิษต่อเซลล์ตับของหนูแรท โดยการทำให้เกิดความไม่ดีเหมือนปกติของไครโมโซม
พิษต่อตัวอ่อน ไม่เจอความเป็นพิษต่อตัวอ่อน เมื่อป้องผงเม็ดแห้ง ขนาด 175 มก./กก. ให้แก่หนูแรทที่ตั้งท้อง เมล็ด ขนาด 2 ก./ตัว ไม่เป็นผลทำให้หนูแรทแท้ง
มีรายงานผู้ป่วยที่การเกิดอาการแพ้จากการสูดดมผงเม็ดลูกซัด โดยทำให้น้ำมูกไหลมากมาย หอบแล้วก็หมดสติ และคนไข้ที่เกิดอาการแพ้จากการรับประทานเครื่องแกง ที่มีลูกซัดเป็นส่วนผสม โดยมีอาการหลอดลมบีบเกร็ง หอบ และก็ท้องเสีย และจะเสริมให้แพ้มากมายในผู้ป่วยที่แพ้ถั่วดินด้วย ในผู้ป่วยที่เป็นหอบหืดเรื้อรังซึ่งใช้ผลเม็ดลูกซัดสำหรับแก้รังแค พบว่าทำให้หนังศีรษะหมดความรู้สึก หน้าบวม และหอบ
 
ข้อเสนอแนะ/ข้อควรปฏิบัติตาม

1. ไม่ชี้แนะให้คนที่แพ้ของกินจำพวกถั่วทานลูกซัด เพราะถั่วลูกซัดเป็นพืชตระกูลถั่ว ถึงแม้จะจัดเป็นเครื่องเทศก็ตาม
2. หญิงมีท้องไม่ควรทานถั่วลูกซัด ด้วยเหตุว่าถั่วลูกซัดอาจเข้าไปกระตุ้นการยุบตัวของมดลูกได้
3. ต้องระวังการใช้ลูกซัดร่วมกับยารักษาเบาหวาน ได้แก่ ยาในกลุ่ม sulfonylureas ยกตัวอย่างเช่น chlorpropamide, glibencamide, glipizide, gliclazide, gliquidone และก็ glimepiride เนื่องจากว่าลูกซัด บางทีอาจไปเสริมฤทธิ์ของยา
4. อาจมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงมากเกินความจำเป็น ดังนั้นถ้าคนป่วยเบาหวาน จะกินลูกซัด ควรปรึกษาแพทย์รวมทั้งอยู่ภายใต้คำเสนอแนะของแพทย์อย่างใกล้ชิด
5. ควรระมัดระวังสำหรับในการใช้ร่วมกับยาสลายลิ่มเลือด อาทิเช่น warfarin หรือสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านการรวมตัวของเกร็ดเลือด ได้แก่ กระเทียม หรือแปะก๊วย เพราะบางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเลือดได้
6. ลูกซัดบางทีอาจมีผลนำมาซึ่งการก่อให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆได้ อาทิเช่น ท้องเสีย ท้องไส้ป่วนปั่น เรอ มีแก๊สในท้อง หรือปัสสาวะมีกลิ่นเหมือนเมเปิลไซรัป
7. แม้ว่ายังไม่มีรายงานการใช้ในสตรีมีท้องและก็ให้นมบุตร แม้กระนั้นสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร แม้กระนั้นสตรีท้องควรรอบคอบสำหรับเพื่อการใช้ เพราะลูกซัดมีผลลดน้ำตาลในเลือด นอกจากนั้นยังมีรายงานศึกษาเรียนรู้ว่า สารสกัดน้ำ 95% เอทานอล รวมทั้งเมทานอลจากเมล็ด มีฤทธิ์กระตุ้นมดลูกของหนูที่กำลังมีท้อง เพราะฉะนั้น อาจมีผลก่อให้เกิดแท้งลูกได้ ด้วยเหตุดังกล่าวควรจะขอความเห็นหมอและผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้รวมถึงไม่สมควรใช้ในปริมาณมาก และก็สม่ำเสมอเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆ
 
เอกสารอ้างอิง

  • ธิดารัตน์ จันทร์ดอน.ลูกซัด...เครื่องเทศมีประโยชน์.จุลสารข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.ปีที่35.ฉบับที่1 ตุลาคม.2560
  • Chan HT, So LT, Li SW, Siu CW, Lau CP, Tse HF. Effect of herbal consumption on time in therapeutic range of warfarin therapy in patients with atrial fibrillation. J Cardiovasc Pharmacol. 2011;58(1):87-90.
  • นันทวัน บุณยะประภัศร อรนุช โชคชัยเจริญพร.บรรณาธิการ.สมุนไพรไม้พื้นบ้าน เล่ม 4 กรุงเทพฯ:บริษัท ประชาชน จำกัด,2543:740 หน้าhttps://www.disthai.com/[/color]
  • นิจศิริ เรืองรังสี เครื่องเทศ.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.2542:206 หน้า.
  • อรัญญา ศรีบุศราคัม.ลูกซัด...แก้เบาหวาน.จุลสารข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.ปีที่ 27.ฉบับที่1 ตุลาคม.2552.หน้า4-11
  • El Bairi K, Ouzir M, Agnieszka N, Khalki L. Anticancer potential of Trigonella foenum graecum: cellular and molecular targets. Biomed Pharmacother 2017;90:479-91.
  • ลูกซัด..ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีEthan M. Natural standard herb and supplement reference: evidence-based clinical reviews. New York: Elsevier Mosby; 2005.
  • Lu FR, Shen L, Qin Y, Gao L, Li H, Dai Y. Clinical observation on Trigonella foenum-graecum L. total saponins in combination with sulfonylureas in the treatment of type 2 diabetes mellitus. Chin J Integr Med. 2008;14(1):56-60.
  • Nagulapalli VKC, Swaroop A, Bagchi D, Bishayee A. A small plant with big benefits: fenugreek (Trigonella foenum-graecum Linn.) for disease prevention and health promotion. Mol Nutr Food Res. 2017;61(6):1-26.
  • Izzo AA, Di Carlo G, Borrelli F, Ernst E. Cardiovascular pharmacotherapy and herbal medicines: the risk of drug interaction. Int J Cardiol. 2005;98(1):1-14.
  • Lambert JP, Cormier J. Potential interaction between warfarin and boldo-fenugreek. Pharmacotherapy. 2001;21(4):509-12.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ