ประวัติความเป็นมาสมาพันธ์บอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่มีมาอย่างยาวนาน และก็โด่งดั่ง

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติความเป็นมาสมาพันธ์บอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่มีมาอย่างยาวนาน และก็โด่งดั่ง  (อ่าน 7 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FootBallteng9340
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 28


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มกราคม 07, 2019, 04:31:57 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฟุตบอล คลับ เกิดขึ้นคราวแรกในช่วงต้นทศวรรษ 1870 เมื่อบุคลากรการรถไฟกรุ๊ปหนึ่งได้ริเริ่มตั้งขึ้นทีมบอลขึ้นมา ซึ่งพวกเขาใช้ชื่อว่า เดอะ แลงค้างเชียร์ แอนด์ ยอร์คเชียร์ เรียลเวย์ บอล คลับ รวมทั้งถัดมาได้กลายเป็น นิวตัน ฮีธ ในปี 1878 โดยพวกเขาพยายามร่วมบอลลีกถึงสองครั้งแต่ว่าก็ล้มเหลว เนื่องจากไม่มีชมรมใดให้การเกื้อหนุน แต่ว่าท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้รับการยอมรับเมื่อบอลลีกมีการแบ่งออกเป็นสองดิวิชั่นในเวลาถัดมาไม่นาน
Newton Heath in 1892

เกมลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ นิวตัน ฮีธ คือ ดารมพ่ายต่อ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-4 แม้กระนั้นชัยชนะนัดแรกก็มาถึงเร็วนี้ๆ เมื่อพวกเขาจัดแจงกระหน่ำเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ไปได้ถึง 10-1 แม้กระนั้นต่อจากนั้นกลุ่มกลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อคว้าชัยชนะได้เพียงแต่ 6 จาก 30 นัดเพียงแค่นั้น จนกระทั่งทำให้พวกเขาตกไปอยู่ในอับดับบ๊วยของตาราง แต่พวกเขาก็รอดการตกชั้นได้ หลังจากที่เอาชนะสมอลล์ ฮีธ ไปได้ 5-2 ที่สนาม บรามอลล์เลน
แต่ในปีถัดมาทีมยังคงเล่นแย่ดังเดิมและจำต้องตกชั้นไปสุดท้าย โดยแม้จะมีการยุบลีก และตั้งมาใหม่ แม้กระนั้นกลุ่มก็มีปัญหาสำหรับเพื่อการร่วมลีกอีกรอบ เนื่องด้วยสถานะทางด้านการเงินที่ไม่ดีนัก ก่อนที่จะพวกเขาจะล้มละลายเมื่อเข้าปี 1902 โชคดีที่มีผู้อำนวยการโรงกลั่นเบียร์สดที่ชื่อจอห์น เดวี่ส์ มาลงทุนกับสโมสร ทำให้เขากลายเป็นผู้อำนวยการและก็ประธานสมาพันธ์ในตอนท้าย แล้วต่อจากนั้นกลุ่มก็แปลงชื่อมาเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้
แล้วก็อีกไม่นาน เออร์เนสต์ แมกนัลล์ ก็ถูกแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของทีมในปี 1903 โดย แมกนัลล์ ได้นำพาไต่ขึ้นมาจากดิวิชั่น 2 ได้ และก็จากสไตล์การเล่นที่รวดเร็ว แล้วก็ สวยสดงดงาม ในฤดูกาล 1907-08 "ปีศาจแดง" ก็สามารถคว้าแชมป์ลีกมายังถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชมรม แถมในปีต่อมาพวกเขายังครอบครองแชมป์เอฟเอ คัพ ไปครองได้อีกต่างหาก
The 1908 championship-winning side

แต่หลังจากที่จบสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เผชิญกับปัญหาจนได้ เมื่อสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กำเนิดใช้การไม่ได้ รวมทั้งนักฟุตบอลบางคนก็อายุมากขึ้น ทำให้ควรจะมีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่โดยการเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลุ่มร่วมเมือง เพื่อขอใช้สนาม เมน โร้ด เป็นสนามเหย้าพร้อมทั้งแต่ง แม็ตต์ บัสบี้ เป็นผู้จัดการทีมชุดนั้นแต่คนไหนกันแน่จะไปทราบได้ว่าชายผู้นี้แหละที่ได้สร้าง "เร้ด เดวิลส์" ให้กลับขึ้นมาผงาดอีกรอบ เมื่อเขาพาทีมที่มีเด็กแคว้นเป็นองค์ประกอบหลักได้แชมป์ลีกในช่วงฤดูกาล 1951-52 และบับต่อจากนั้นมันก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มของสมัย บัสบี้ เบ๊บส์ อันยิ่งใหญ่
แชมป์ลีกในฤดูกาล 1955-56 เป็นของพวกเขา และก็ในบอลยุโรป บัสบี้ ก็สามารถพาทีมลุยเข้ารอบ ยูโรเปี้ยน คัพ และไปถึงรอบรองชนะเลิศ ได้สำเร็จก่อนที่จะไม่เข้ารอบไป แต่ว่ายังดีที่พวกเขาคว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งได้อีกสมัย และก็จะได้กลับมายุโรปใหม่ในปีต่อไป แต่ว่าเหตุกลับไม่เป็นเหมือนอย่างที่คิดเมื่อสมาพันธ์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ เมื่อเครื่องบินโดยสารทีมที่ลงหยุดในกรุงมิวนิค เกิดอุบัติเหตุขณะกำลังบินขึ้นฟ้า ทำให้ผู้เล่นของทีม 8 รายเสียชีวิตทันที แล้วก็โน่นก็เป็นโศกนาฏกรรมที่สะเทือนขวัญที่สุดในวงการกีฬาทั่วโลกในเวลานั้น
the Munich air disaster

ภายหลังสถานะการณ์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น แม็ตต์ บัสบี้ ได้ทำตัดสินใจสร้างกลุ่มขึ้นมาใหม่เพื่อสานฝันที่จะคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ให้ได้ โดยแกนนำยังเป็นนักฟุตบอลที่รอดชีวิตมาจากสถานะการณ์เรือบินตก รวมกับผู้เล่นจากกลุ่มสำรอง, ทีมเยาวชน และก็นัฟุตบอล[/url]ที่ซื้อเข้ามาใหม่ จนกระทั่งทีมเริ่มกลับมาเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ และก็เมื่อฝันร้านร้ายได้ผ่านไปพวกเขาก็กลับมาครองแชมป์ได้อีกทีในถ้วย เอฟเอ คัพ ปี 1963 ซึ่งในฤดูกาลนั้นเองนักฟุตบอลอย่าง จอร์จ เบสต์ ,เดนนิส ลอว์ และก็ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน แจ้งเกิดมาได้สำเร็จ และดูอย่างกับว่าเดี๋ยวนี้จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดตั้งแต่แมื่อริเริ่มตั้งขึ้นสโมสร เมื่อพวกเขาครอบครองแชมป์ลีกมาครองได้ 2 สมัยในรอบ 3 ปีหลัง และก็แน่ๆเป้นหมายต่อไปของพวกเขาย่อมอยู่ที่ ยูโรเปี้ยน
จนกระทั่งสุดท้ายความฝันของ แม็ตต์ บัสบี้ ก็เป็นจริง เมื่อ ลูกทีมของเขา ไล่ถล่มเอาชนะ เบนฟิก้า กลุ่มโด่งดังของเมืองฝอยทองคำซึ่งนำกองทัพมาโดย ยูเซบิโอ นักฟุตบอลชื่อก้องโลก ไปได้ที่สนามเวมบลีย์ ด้วยสกอร์ 4-1 และคว้าชัยชนะถ้วยสโมสรใบใหญ่สุดของยุโรปไปได้อย่างงดงาม ก่อนที่จะ บัสบี้ จะวางมือในเวลาต่อมาซึ่งนั่นดูเหมือนกับว่าจะเป็นจุดแปลงของทีมอีกครั้ง เมื่อตอนทศวรรษที่ 1970 วิลฟ์ แม็คกินเนสส์, แฟร้งค์ โอ ฟาร์เรลล์ แล้วก็ ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ ที่เข้ามารับงานต่อจากเซอร์บัสบี้ ต่างก็ทำผลงานได้ตกต่ำกระทั่งทีมจำต้องตกชั้นลงไปเล่นในดิวิชั่น 2 ในเวลาไม่นาน
ช่วงทศวรรษ 80 ภายหลังที่ ยูไนเต็ด กลับมาขึ้นมาในลีกสูงสุดอีกที พวกเขาก็ยังสร้างผลงานได้ไม่เป็นที่น่าประทับใจนัก ทำให้ทางเบื้องบนได้ตัดสินใจที่จะดึงตัว รอน แอ๊ตกินสัน เข้ามาคุมทีมแทนที่ของ เดฟ เซ็กซ์ตัน ในปี 1981 โดยบิ๊กรอน ได้นำนักฟุตบอลใหม่หลายคนเข้ามาสู่กลุ่ม โดยเฉพาะในรายของ ไบรอัน ร็อบสัน กองกลางผู้ดีอังกฤษที่เขาจ่ายเงินกว่า 1.5 ล้านปอนด์ หรือโดยประมาณ 105 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตัวนั้นถือว่าเป็นการซื้อที่เป็นสถิติการย้ายทีมของเกาะอังกฤษในขณะนั้นเลย แม้กระนั้นจากนั้น ร็อบสัน ก็ชี้ให้เห็นว่าเขาเล่นได้คุ้มตัวทุกเพนนี แต่ว่าความเคลื่อนไหวในรั่ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็ยังไม่หยุดลงเพียงนี้ เมื่อทางบอร์ดบริหารได้เห็นเหมือนกันว่า การครองแชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย นั้นไม่พอต่อสโมสรระดับนี้ ส่งผลให้ตำแหน่งผู้จัดการทีม ยูไนเต็ดเปลี่ยนมือมาจาก แอ๊ตกินสัน ไปสู่ผู้จัดการทีมฟุตบอลคนใหม่ที่ชื่อว่า อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
Alex Ferguson in 1986

งานชิ้นใหม่ของ "เฟอร์กี้" ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขาจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่มากมาย แล้วก็ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้กุนซือคนก่อนอย่าง แอ๊ตกินสัน จะต้องกระเด็นตกเก้าอี้ไป แน่ๆว่าเพียงแค่แชมป์เอฟเอ คัพ สิ่งเดียวไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความทะเยอทะยานแล้วก็สิ่งที่มีความต้องการของสมาคมยักษ์ใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ แล้วก็งานนี้ของ "เฟอร์กี้"ก็ดูท่าจะจะต้องเจอกับความยากลำบาก เมื่อยุคนั้น หงส์แดง อริตัวฉจากของกลุ่มกำลังครอบครองความยิ่งใหญ่ในประเทศอยู่ โดยมี อาร์เซน่อล แล้วก็ เอฟเวอร์ตัน เป็นอีกสองทีมที่สูสี
18 เดือนแรกของ เฟอร์กี้ นั้นก็ดูเหมือนผ่านไปได้อย่างราบรื่นเมื่อ ยูไนเต็ด จบซีซั่นอันดับสองของลีกในปี 1988 ด้อยกว่าแค่ ลิเวอร์พูล ทีมเดียวเพียงแค่นั้น แต่ว่าหลังจากจุดสูงสุดครั้งนั้น ภูติผีแดง ต้องกลับมาประสบพบปัญหาอีกรอบ ความแพ้พ่ายเสียหาย 1-5 รวมถึงการพ่ายต่อเพื่อนพ้องร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในพฤศจิกายน 1989 ซึ่งโน่นเป็นเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดกระแสเรียกร้องให้ปลดเขาออกมาจากตำแหน่ง โดยปีนั้นจบปีด้วยชั้น 11 ของตาราง
แต่ว่าภายหลังจากสถานะการณ์นั้นทั้งหมดทุกอย่างก็ดูเปลี่ยนไป และหากว่าพวกเรามาดูกันความสำเร็จในปัจจุบันต้องนับว่าการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดของกระดานอสุรกายแดงที่ปลดปล่อยให้ เฟอร์กูสันดำเนินการพิสูจน์ฝีมือต่อนั้นเป็นเรื่องที่ถูกที่สุด ซึ่งประตูชัยของมาร์ค โรบินส์ ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในม.ค. 1990 เปรียบได้เสมือนดั่งเป็นการปลุก "เร้ด เดวิลส์"ให้กลับสู่ยุคทองของสมาพันธ์อีกรอบ
ซึ่งแชมป์แรกของพวกเขาภายใต้การนำทีมของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็มีต้นเหตุจากการคว่ำ คริสตัล พาเลซ ในรอบชิงชนะเลิศ นัดรีเพลย์ ศึกเอฟเอ คัพ จากนั้นในปี 1991 ถ้วยใบลำดับที่สองก็ตามมาติดๆเมื่อ ยูไนเต็ด ปราบยักษ์ใหญ่จาก ประเทศสเปน อย่าง บาร์เซโลน่า ไปได้ในนัดหมายชิงชนะเลิศศึก คัพ วินเนอร์ส คัพ ที่ร็อตเตอร์ดัม ได้สำเร็จ
อย่างไรก็แล้วแต่ เฟอร์กี้ นั้นก็ทราบดีว่าตำแหน่งแชมป์ลีกที่เขายังทำไม่ได้นั้นเป็นวัตถุประสงค์สูงสุดของกลุ่มในช่วงเวลานั้น แต่พวกเขาก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกทีเมื่อในปี1992 เมื่อพวกเขาถูก ลีดส์ ยูไนเต็ด แซงแย่งแชมป์ไปแบบพลิกความมุ่งมาด โดยที่ปีเดียวกันทีมก็มีถ้วยรางวัลปลอบใจติดมือมา 1ใบคือ ลีก คัพ

เดือนพฤศจิกายน 1992 การเข้ามาของ เอริก คันโตน่า ก็เปรียบเหมือนเป็นตัวต่อตัวสุดท้ายของ เฟอร์กี้ สำหรับเพื่อการไล่ล่าแชมป์ ที่อสุรกายแดง รอมานานถึง 26 ปี โดยทีมสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพในปี 1993 มาครองได้สำเร็จ และก็หลังจากวันนั้นทีมก็เปล่งประกายของการเป็นกลุ่มฟุตบอลที่ดีสุดในประเทศอีกรอบ เมื่อพวกเขาคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ในปี 1994 ได้อบบต่อเนื่องแถมยังเกือบเป็นทริปเบิ้ลแชมป์ด้วย ถ้าไม่เพราะความปราชัยในนัดชิงชนะเลิศถ้วย ลีก คัพ
แต่จากการขาด เอริก คันโตน่า ในช่วงฤดูกาลถัดมา เหตุเพราะติดโทษแบนจากการไปมีเรื่องมีราวกับแฟนบอลพาเลซ ซึ่งนั้นก็ดูเหมือนจะมีผลกระทบครั้งใหญ่ต่อการพลาดดับเบิ้ลแชมป์อีกยุคของกลุ่ม เมื่อ ยูไนเต็ดพลาดท่าในลีกต่อ กางล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในเกมในที่สุด รวมทั้งต่อด้วยการพ่ายให้กับ เอฟเวอร์ตัน ในเกมนัดหมายชิงแชมป์ เอฟเอ คัพ ในไม่กี่สัปดาห์ต่อมา พอถึงตอนซัมเมอร์ปี 1995 บรรดาผอง เร้ด อาร์มี่ ก็จะต้องช็อกกับเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ เฟอร์กี้ จัดแจงเปลี่ยนกลุ่มครั้งใหญ่ ด้วยการขายผู้เล่นชั้นยอดอย่างพอล อินซ์, มาร์ค ฮิวจ์ส และก็ อังเดร แคนเชลสกี้ส์ ออกมาจากกลุ่มเวลาไล่เลี่ยกันแล้วหันมาใช้งานบรรดาดาวรุ่งรุ่นใหม่ของกลุ่มอย่าง เดวิด เบ็คแฮม, สองญาติเนวิลล์, พอล สโคลส์ และก็ นิคกี้ บัตท์
เรื่องนี้ที่อังกฤษมีการกล่าวถึงกันเป็นอย่างมากถึงพฤติกรรมของ เฟอร์กี้ ครั้งนี้ แต่ว่าบรรดาดาวรุ่งทั้งหลายแหล่ก็ช่วยลบคำดูถูกและเสียงก่นด่าทอให้กับนายจ้าง ด้วยการนำภูติผีแดง ครองดับเบิ้ลแชมป์ยุคที่ 2 ได้เป็นกลุ่มแรกของประเทศ ในปี 1997 ยูไนเต็ด ยังคงรักษาตำแหน่งทีมลำดับต้นๆของประเทศไว้ได้ถัดไป แต่ว่าเมื่อจบฤดูกาลพวกเขาก็จำเป็นต้องพบกับการสูญเสียนักฟุตบอลประสิทธิภาพไปอีกหนึ่งรายภายหลังที่ เอริก คันโตน่าประกาศล่ำลาสังเวียนอย่างช็อกคนอีกทั้ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ในช่วงฤดูกาลถัดมา ถึงแม้พวกเขาจะนำลิ่วเป็นหัวหน้าฝูงกระทั่งไปสู่ตอนโค้งสุดท้าย แม้กระนั้นจากอาการบาดเจ็บของนักฟุตบอลตัวหลักหลายราย ทำให้ อาร์เซน่อล ที่เดินหน้าคว้าแชมป์ 10 เกมติด แซงหน้าเข้าป้ายครองแชมป์ไปอย่างเจ็บแสบรวมทั้งนอกนั้นไอ้ปืนใหญ่ ยังตีเสมอสถิติดับเบิ้ลแชมป์ 2ยุคได้ด้วย ภายหลังเอาชนะ นิวค้างสเซิ่ล ยูไนเต็ด คู่ชิงในเอฟเอ คัพไปได้เสร็จ
United players parade the UEFA Champions League trophy
United players parade the UEFA Champions League trophy.
1998-99 ฤดูที่ได้ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ลูกหนังอังกฤษ แล้วก็คาดว่าจะอยู่ในความทรงจำของชาวแฟน อสุรกายแดง ไปอีกนานเท่านาน เมื่อ เฟอร์กี้ ทุ่มเงินจำนวน 27 ล้านปอนด์ หรือโดยประมาณ 2,025 ล้านบาท ในคว้า 3 ดาวเตะตัวใหม่อย่างดไวท์ ยอร์ค, ยาป สตัม รวมทั้ง เยสเปอร์ บลอมควิสต์ มาเสริมกองทัพ และเงินทุกเพนนีที่นายสิบไปเมื่อต้นฤดูกาลนั้นก็ถูกตอบแทนด้วยผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหวัง เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประกาศความยิ่งใหญ่ให้ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขาไม่ใช่แค่สุดยอดสโมสรในระดับประเทศเพียงแค่นั้น เมื่อพวกเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิคยักษ์ใหญ่จากเยอรมัน ได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษบาดเจ็บในศึก ยูโรเปี้ยน คัพ พร้อมกับคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ได้อย่างน่าพิศวง
สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นความทรงจำที่ดีของทีมไปอีกนานเท่านาน แม้กระนั้นแม้กระนั้นที่จริงแล้วโลกลูกหนังนั้นก็ไม่อาจจะมาหยุดกับการบรรลุเป้าหมายในสมัยก่อนได้เลย ซึ่งเฟอร์กูสัน เองก็รู้เรื่องนี้ดี ทำให้เขาเริ่มที่จะถ่ายเลือดใหม่อีกรอบ ซึ่งแม้กระทั้ง เดวิดเบ็คแฮม ที่เคยเป็นกำลังสำคัญของทีมก็ยอดเยี่ยมในคนที่จำเป็นต้องออกมาจากถิ่น โอลด์แทร็ฟฟอร์ดไป สู่ รีล มาดริด
ขณะเดียวกันนี้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ มัลคอล์ม เกลเซอร์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐอเมริกา เจ้าของทีม แทมป้า เบย์ บัคคาเนียร์ส ในศึกอเมริกันบอลเอ็นเอฟแอล ได้เข้ามาเทคโอเวอร์กิจการของสโมสรต่อจาก มาร์ติน เอ็ดเวิร์ด ผู้ครอบครองกลุ่มคนเก่า และรวบรวมหุ้นมาสู่กำมือของเครือญาติแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งการเข้ามาคุมชมรมของตระกูล จากเว็บ www.HERO88.co

ที่มา : [url]https://sportkk99.blogspot.com/[/url]



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ