Advertisement
ที่ดูดฝุ่นนับว่าเป็นเครื่องมือประจำบ้านเลยก็ว่าได้ เพราะใช้งานสะดวก คล่องแคล่ว และยังช่วยลดระยะเวลาสำหรับทำความสะอาดที่พักอาศัยส่งผลให้แทบทุกที่พักอาศัยควรจะมีเครื่องดูดฝุ่นไว้ติดที่พัก แต่ว่าการที่จะเลือกใช้ที่ดูดฝุ่นเพื่อนำมาใช้งานซักเครื่องต้องมีเหตุผลหลายเรื่องเข้ามาเกี่ยวข้องในการเลือกซื้อให้เหมาะกับการใช้งานดังนั้นมาดูกันว่าควรจะประกอบด้วยวิธีการเพื่อเลือกกับมีแบรนด์ไหนแนะนำกันบ้าง
ข้อแรกคือ แบบสำหรับที่ดูดฝุ่น เป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะประเภทสำหรับที่ดูดฝุ่นที่แตกต่างกันก็เหมาะสมกับการทำงานที่แตกต่างไป เครื่องดูดฝุ่นมีอยู่ 4 ชนิด
1.)
เครื่องดูดฝุ่นแบบแห้ง เหมาะกับการทำงานภายในห้องทั่วๆ ไป แต่ว่าไม่เหมาะสำหรับบนพื้นพรม ด้วยความที่กำลังในการดูดฝุ่นไม่มาก
2.) เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย มุ่งเน้นความคล่องแคล่วในการใช้งาน ก็เพราะว่าต้องชาร์จแบตเตอรี่ก่อนที่จะเอาไปใช้งาน รวมไปถึงน้ำหนักน้อยใช้งานง่าย เหมาะสำหรับห้องที่มีบริเวณไม่มาก
3.) เครื่องดูดฝุ่นมือถือ
เครื่องดูดฝุ่นขนาดย่อม น้ำหนักเบา ไม่มีถุงเก็บฝุ่น ง่ายสำหรับการทำงานสำหรับพื้นที่ไม่ใหญ่มาก เช่น รถยนต์
4.) หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ทำให้ทำความสะอาดโดยอัตโนมัติได้โดยการตั้งรายการ และยังสามารถเข้าถึงบริเวณที่ตั้งใจเก็บกวาดได้แบบสะดวกมาก พร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนเครื่องกีดขวางพร้อมกับยางกันกระแทก
อย่างถัดมา พื้นที่สำหรับใช้ คือประเด็นที่ต้องเอามาคิดเนื่องจากจะเหมือนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเลือกขนาดของที่ดูดฝุ่น รวมไปถึงบ้านช่องของเรามีมุมอับหรือเปล่า ถ้าหากเลือกที่ดูดฝุ่นความจุเล็กเกินไปจะทำให้ที่ดูดฝุ่นใช้งานมากไป ทำความสะอาดได้ไม่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งกระตุ้นชำรุดรวดเร็วมากขึ้น
เรื่องต่อมา เรื่องเกี่ยวกับฟังก์ชั่น บวกกับความสามารถสำหรับทำความสะอาดของที่ดูดฝุ่น ประเด็นนี้ต้องดูเริ่มตั้งแต่แรงไฟ โดยที่จำเป็นจะต้องควรเลือกซื้อให้เหมาะสมต่อการใช้งานก็เพราะว่าถ้ากำลังไฟต่ำก็มีผลต่อกำลังสำหรับดูดฝุ่น ต่อมาคือพวกโครงสร้างทั้งหลาย ในแต่ละแบรนด์กับทุกรุ่นก็มักมีฟังก์ชั่นที่ไม่เหมือนกันไป อย่างเช่น ช่วยกดฝุ่นละอองให้เป็นก้อนเพื่อให้สะดวกแก่การเก็บ หรือไม่ก็มีระบบการสกัดหลายชั้นเพื่อไม่ให้ฝุ่นออกไปจากตัวเครื่อง ฯลฯ เราจึงต้องพิจารณาว่าที่ดูดฝุ่นอย่างไหนที่ตอบโจทย์คุณที่สุด
สุดท้ายนี้ก็คือ ประเด็นของคุณลักษณะ ราคา บวกกับอายุใช้งาน ถือเป็นเรื่องที่ควรจะคิดว่าประสิทธิภาพกับมูลค่าดำเนินไปในทิศทางดียวกันหรือไม่พร้อมทั้งคุ้มค่าที่จะเลือกซื้อไปใช้หรือเปล่าเพราะว่าสิ่งที่จะตามมาก็คืออายุใช้งานถ้าเลือกของที่ไม่ตรงในการใช้งานไปทำให้อายุการใช้งานน้อยลงกับถือเป็นการเปลืองเงิน
ที่ดูดฝุ่นที่น่าจับตามองที่จะเอามาแนะนำ ยกตัวอย่างเช่น
- HITACHI ที่ดูดฝุ่นรูปแบบกล่อง รุ่น CV-SH20V แรงมอเตอร์ 2000 วัตต์ น้ำหนัก9 กิโลกรัม ทำให้ท่านกำจัดฝุ่นละอองได้การพิสูจน์ประสิทธิภาพด้วยสถาบันโรคภูมิแพ้ ในประเทศอังกฤษ (Allergy UK) กล่องเก็บฝุ่นไซโคลน ปริมาตรความจุ 1.6 ลิตร กดอัดฝุ่นกลายเป็นก้อนทำให้สะดวกในการทิ้ง ไม่ฟุ้ง โดยใช้ระบบสกัดฝุ่นละออง 7 กระบวนการ พร้อมกับที่กรองเฮป้า รวมถึงนาโน ไททาเนียม ดักกลิ่น หยุดการใช้งานอัตโนมัติหากเครื่องอุณภูมิสูง ราคา 4,190 บาท
- PHILIPS หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ประเภท FC8822/01 พร้อมด้วยระบบ SMART DETECTION SYSTEM เปลี่ยนโหมดตามสภาพรอบๆ ตัว พลังงาน LI-ION สามารถปฏิบัติงานติดต่อกันได้นาน 120 นาที ระบบเก็บกวาด 3 ขั้นตอน ที่ประกอบด้วยการถูเก็บฝุ่นละอองรูปแบบแห้ง หุ่นยนต์ช่วยตรวจหาบริเวณที่สกปรกมากเพื่อทำความสะอาดเป็นพิเศษ และยังมีโหมดสแกนพื้นที่ที่แตกต่างกันเพื่อที่จะทำความสะอาดได้อย่างถูกวิธี มูลค่า 21,990 บาท
- DYSON เครื่องดูดฝุ่นรูปแบบมือจับ (0.54 ลิตร) รุ่น SV10(V8) Absolute PlusV8 Absolute Plus เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย พร้อมทั้งการใช้งาน ทั่วถึงทุกรูปแบบ มีความแน่นหนาทนทาน ใช้งานง่าย โดยใช้ระบบพายุไซโคลนเรเดียล 2 ระดับ ที่สามารถเพิ่มเติมการไหลเวียนของอากาศและดักจับฝุ่นละอองเล็ก หัวเก็บกวาดแบบ Direct-drive เก็บกวาดตรงเข้ากับพรมสำหรับขจัดรอยสกปรกบนพื้น ในด้าน หัวทำความสะอาดประเภทลูกกลิ้งนิ่มดีไซน์เพื่อที่เหมาะสำหรับพื้นแข็ง และยังมาพร้อมด้วยระบบกรองแบบถอดออกไปทำความสะอาดได้ด้วย ในมูลค่า 28,900 บาท
จะเห็นว่า ยี่ห้อทุกๆยี่ห้อมุ่งมั่นปรับปรุงและยังใส่เทคโนโลยีใหม่ๆ ใส่ไปเพื่อความสะดวกสบายกับผู้บริโภค ดังที่กล่าวมา การซื้อที่ดูดฝุ่นซักเครื่องให้เหมาะสมกับการทำงานเลยไม่ใช่ส่วนยากอีกต่อไป
Tags : เครื่องดูดฝุ่น,เครื่องดูดฝุ่น ราคา,เครื่องดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี
