wartscaring แบ่งประเภทและชนิดชี้แนะรักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ วิธีดูแลรักษา ยารักษาหา

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: wartscaring แบ่งประเภทและชนิดชี้แนะรักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ วิธีดูแลรักษา ยารักษาหา  (อ่าน 17 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Cloudsupachai111
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11380


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 05, 2019, 08:47:04 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

wartscaring แนะนำรักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ วิธีป้องกันวิธีรักษา ยารักษาหายได้ ไม่ตาย
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดหูด โรคหูดหงอนไกยารักษาหูดหงอนไก่ โรคนี้ส่วนใหญ่มาจากเพศสัมพันธ์
วิตามินที่ต้องสำหรับโรคหูดหงอนไก่
Update ก.ย. 2560
สวัสดีขอรับ ในบทความก่อนๆได้ชี้แนะในเรื่องของตัวยารักษาโรคหูดหงอนไก่กันไปแล้ว แต่ว่าก็ยังมีปัญหาสำหรับคนจำนวนไม่น้อยเกี่ยวกับการกระทำการทำงานที่ไม่เอื้อต่อการดูแลรักษาและก็สร้างเสริมภูมิต้านทานในการขัดขวางโรคนี้ บางคนหายแต่ว่าก็กลับไปติดโรคใหม่ได้ง่าย รวมทั้งบางบุคคลใช้เวลาในการรักษานานเป็นเดือนๆถึงหลายๆเดือนด้วยเหตุว่าสภาพการณ์ร่างกายมิได้พักผ่อนอย่างเต็มเปี่ยม สถานการณ์เครียด ตัวยาก็เลยปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ บางบุคคลที่ไปพบแพทย์บางครั้งก็อาจจะได้ยามารับประทานเพิ่มซึ่งก็คืิอตัวยาที่ช่วยเกี่ยวกับภาวการณ์เหล่านี้นั่นเองนะครับ ส่วนตัวยารักษาโรคนี้โดนตรงจะเป็นยาชนิดทานะครับผมไม่ใช่ยารับประทาน ผมจึงแนะนำว่าถ้าหากให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีแล้วก็มีประสิทธิภาพควรต้องทานวิตามินเสริมรวมทั้งบริหารร่างกายพร้อมกันไปด้วยรวมทั้งการพักผ่อนหย่อนใจครับผม
ส่วนนี้จะมาเสนอแนะสำหรับคนที่ใช้ยาใช้ภายนอกอยู่ไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม สามารถหาซื้อวิตามินรวมบำรุงร่างกายเหล่านี้จะมีขายตามร้านขายยาใหญ่ๆครับ ราคาอาจจะสูงหน่อยแม้กระนั้นผลดีที่ได้เห็นชัดนะครับ
1 ฟาร์มาตอม
2 เซนทรัม
3. แบล็คมอร์ มัลติวิตามิน
ตัวยากลุ่มนี้ให้เลือกทานเพียง 1 ตัวเพียงแค่นั้นครับ ไม่จำเป็นที่จะต้องทานตลอด แต่ตอนที่เป็นโรคหูดหรือกำลังรักษาเป็นตอนที่สถานการณ์ร่างกายมีปัญหาภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ ก็เลยเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตนเองอย่างมาก สามารถทานพร้อมกันกับยาใช้ภายนอกจวบจนกระทั่งหูดหงอนไก่จะหลุดออกแล้วก็หายสนิทครับ
 
หูดหงอนไก่แยกเป็นชนิดและประเภทเป็นระยะ 4 ระยะดังต่อไปนี้
1.ระยะฟักเชื้อ(HPV) ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ได้รับเชื้อมาใหม่ๆแต่ว่ายังไม่ออกอาการเป็นติ่งให้เห็น จะไม่สามารถทราบได้ว่าจะเป็นหูดหงอนไก่รึเปล่า หูดหงอนไก่สามารถฟักเชื้อได้นานถึง 6 เดือน ก็เลยชี้แนะถ้าเกิดคนไหนกันแน่สงสัยว่าอยู่ในภาวการณ์เสี่ยงควรไปตรวจที่ โรงพยาบาล
2.ช่วงแรกเริ่ม จะเริ่มมีตุ่มเล็กๆผุดขึ้นมารอบๆอวัยวะเพศทั้งยัง โคน ปลาย และก็รอบรูทวาร เม็ดหูดช่วงแรกจะเล็กมากคล้ายผื่นแต่ว่าจะไม่มีหนอง หรือคัน หรือแสบใดๆก็ตาม ช่วงสัปดาห์แรกถ้าเกิดคนไหนกันแน่สังเกตุว่าเป็น จะสามารถรักษาด้วยการใช้ครีมกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อชื่อ aldara cream (จะลงข้อมูลตัวยาข้างล่างครับ)
3.ระยะขยายตัว เวลานี้จะอยู่ที่ 3 อาทิตย์ ขึ้นไปจนถึงขั้นเป็นมาแล้วยาวนานหลายเดือน เม็ดหูดจะเริ่มขึ้นเป็นติ่งเด่นชัดจนขนาดเท่าหรือใหญ่มากยิ่งกว่าหัวไม้ขีดไฟ หรือหัวเข็มหมุด การดูแลรักษาจะต้องใช้ยาที่มีฤทธิ์ผลัดผิวหูดให้เปื่อยยุ่ยรวมทั้งเบาๆหลุดออก รวมทั้งเมื่อหูดเริ่มลอกก็ควรทายาทำลายเชื้อพร้อมกันไปด้วยเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ บางทีก็อาจจะไม่ 100% แม้กระนั้นลดความเสี่ยงสำหรับในการกลับมาเป็นซ้ำได้มากขอรับ (ยารักษาก็จะเป็น wart control )
4.ระยะขยาย เวลานี้เป็นหูดจะขยายตัวสุดกำลังเนื่องด้วยปล่อยไว้เป็นเวลานานมากและปลายหูดจะแตกเป็นเสมือนดอกกระหล่ำ แลละรับประทานรอบๆรอบอีกทั้งอวัยวะสืบพันธุ์ ในผู้ชายอาจจะมีการเสี่ยงสำหรับในการที่หูดไปขัดปลายท่อฉี่ครับผม การดูแลรักษาจะเป็นการจี๋กระแสไฟฟ้า หรือผ่าตัดเล็กนั่นเองครับผม
เบื่องต้นเลยหากผู้ใดกันแน่อยากรักษาโดยการจี้ไฟฟ้า จักจี้ไนโตรเจนเหลว หรือการผ่าตัดในกรณีที่เป็นมากแล้วขยายไปทั่วแต่ว่าไม่เคยรู้เกี่ยวกับสถานที่การดูแลและรักษา การเข้าไปติดต่อที่ โรงพยาบาลต่างๆรวมถึงการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากผลประโยชน์ต่างๆที่ท่านมีอยู่ ทดลองโทรมาขอคำแนะนำผมได้ครับ ยินดีให้คำแนะนำ โรงพยาบาลใกล้บ้านท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กทม เพื่อการเข้ารับการรักษาที่สะดวกที่สุดครับ
ถุงยางอนามัย ช่วยได้แน่ ถ้าใช้ถูกวิธี
อย่างไรก็แล้วแต่ ถุงยางยังช่วยคุ้มครองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จำนวนมากได้เป็นอย่างดี แค่เพียงจะต้องใช้ให้ถูกแนวทาง
ควรที่จะทำการเลือกขนาดของถุงยางให้เหมาะสมกับขนาดของอวัยวะสืบพันธุ์ของคุณสุภาพบุรุษ ถ้าไม่แน่ใจว่าจำต้องใช้ขนาดไหน ให้ทดลองซื้อมาให้หลายๆขนาด แล้วดูความแน่นสำหรับในการใส่
ไม่สมควรสวมถุงยางอนามัยเกิน 2 ชิ้นต่อการใช้ 1 ครั้ง เพราะว่าอาจทำให้ถุงยางอนามัยเสียดสีกันจนถึงขาดได้ง่าย
ควรใช้ถุงยางอนามัย 1 ครั้งต่อ 1 ชิ้น ให้เสร็จให้ทิ้งเลย ห้ามเก็บมาใช้ต่อ
สามารถใช้สารหล่อลื่นทาฉาบด้านนอกถุงยาง เพื่อการสอดเป็นได้โดยง่ายเยอะขึ้น แต่ควรที่จะเลือกใช้ชนิดเจล ไม่สมควรเลือกใช้ชนิดน้ำมัน เพราะเหตุว่าบางทีอาจททำให้ถุงยางอนามัยชำรุด หรือฉีกจนขาดได้
ควรจะรูดอากาศออกมาจากกระเปาะของถุงยางอนามัยให้หมดก่อนสวม เพราะอากาศด้านในถุงยางอาจจะส่งผลให้ถุงยางอนามัยแตก หรือขาดได้ง่ายเพิ่มขึ้น
ข้างหลังทำกิจกรรมเสร็จเป็นระเบียบเรียบร้อย ข้างชายควรถอนอวัยวะสืบพันธุ์ออกมาก่อนที่อวัยวะเพศจะอ่อนตัว คุ้มครองปกป้องถุงยางอนามัยหลุดเข้าไปในช่องคลอดของฝ่ายหญิง
กามโรค หรือโรคติดต่อทางเพศสัมชนิด ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
อาการทางผิวหนังอะไรบ้างที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย ว่าเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากโรคติดต่อทางเพศสัมประเภท หาคำตอบพอดีนี่จ้ะ
1.หูดหงอนไก่
ติ่งเนื้องอกของผิวหนัง ที่เกิดจาก Human PApilloma Virus ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมจำพวก
ไม่เพียงแค่เกิดถึงที่เหมาะอวัยวะสืบพันธุ์ ยังเกิดเหมาะบริเวณลิ้น ในคอ
2. โรคหนองใน
โรคหนองในมีต้นเหตุจากการตำหนิดเชื้อแบคทีเรีย โกโนเรีย
อาการในผู้ชายคือมีหนองออกมาจากปลายของลับ
ส่วนในเพศหญิงจะมีตกขาวขุ่น ปากมดลูกอักเสบ
3. เริมที่อวัยวะเพศ
อาการจะเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำ แตกออกเป็นแผลแสบ
4. แผลที่อวัยวะสืบพันธุ์จาก โรคซิฟิลิส
แผลที่อวัยวะเพศจะเกิดขึ้นในสามอาทิตย์หลังติดโรค
5. ผมตกจากซิฟิลิส
มีสาเหตุจากซิฟิลิสระยะลำดับที่สองเป็นภายในสองเดือนแรกข้างหลังติดโรค
ลักษณะผมหล่นเป็นหย่อมเสมือนมอดแทะ
6. ผื่นที่มือจากโรคซิฟิลิส
พบในโรคซิฟิลิส ระยะที่สองเหมือนกัน
โดยจะเป็นผื่นสีทองแดงมีสะเก็ด ที่มือเท้า
7.หูดข้าวสุก
เป็นตุ่มขาวขุ่นมีรอยยุบตรงกลางคล้ายสะดือ
8.กามโรค
ข้างหลังมีการเสี่ยง ไม่เกินสองอาทิตย์
จะกำเนิดตุ่ม แตกเป็นแผลก้นแผลเลอะเทอะ
9.โรคฝีมะม่วง
เกิดจากการตำหนิดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อทางเพศชมรม
กำเนิดเป็นฝีที่ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ
10 หูดที่ลิ้น
โรคติดต่อทางเพศสมาคมสามารถกำเนิดอาการที่โพรงปากได้ในกรณีติดต่อจากแนวทางการทำ oral sex
โรคอะไรบ้างสามารถติดต่อได้ทางเพศ
-โรคภูมิคุมกันบกพร่อง ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องติดเชื้อโรคฉวยโอกาส
-โรคหนองใน ผลกระทบได้แก่ติดเชื้อโรคในอุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ติดเชื้อโรคกระจัดกระจายทั่วร่างกายเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อห่อหุ้มหัวใจอักเสบได้
-โรคหนองในเทียม มีการติดโรคที่อุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ตามมาได้
-โรคซิฟิลิส เกิดแผลที่อวัยวะเพศ ถ้ามิได้รับการรักษาระยะในที่สุดทำให้เกิดโรคที่ศีรษะจิตใจ ระบบประสาทได้
-กามโรค เกิดเป็นแผล ก้อนหนอง รอยแผล ท่อเยี่ยวแคบได้ เพื่อมองรูป
-โรคฝีมะม่วง กำเนิดเป็นแผลติดโรค ลุกลามมีหนองหนองอาจแตกออกเป็นท่อ ระบายหนองออกสู่ภายนอก
-เริม เป็นแผลที่ของลับเป็นๆหายๆไม่มีการดูแลและรักษาที่หายขาด
-พยาธิช่องคลอด มีตกขาวไม่ดีเหมือนปกติ ท่อฉี่อักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ
-ติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ตกขาวมีสีและก็กลิ่นแตกต่างจากปกติ
-โลน เป็นตุ่มคันจากตัวโลนบริเวณอวัยวะเพศ
-หูดหงอนไก่ เกิดเป็นก้อนหูดซึ่งหลังการรักษายังสามารถกลับเป็นได้หลายครั้ง เพิ่มโอกาสการเกิดโรคมะเร็งทวารหนัก มะเร็งปากมดลูก
-หูดข้าวสุก กำเนิดเม็ดก้อนหูดข้าวสวยรอบๆผิวหนังที่ติดโรค สามารถแพร่ไปในตัวเองได้โดยการเกา
 
 วิธีเบื้องต้น สำหรับการรักษาหูดด้วยตัวเอง สามารถทำได้เองที่บ้าน (เป็นวิธีการที่ยังไม่ได้รับการรับรอง)

  • การกระตุ้นแอนติบอดี ด้วยการใช้ก้อนน้ำแข็งเช็ดบริเวณที่เป็นหูดจนรู้สึกชา จากนั้นให้ใช้เข็มทำลายเชื้อจิ้มลงไปในหูดลึกๆหลายๆครั้ง ซึ่งแนวทางลักษณะนี้จะเป็นการนำเชื้อไวรัสไปสู่กระแสโลหิตเพื่อร่างกายบากบั่นต่อสู้กับมัน ทำให้หูดหายไปได้ในที่สุด แนวทางแบบนี้การนี้อาจได้ผลลัพธ์ที่ดีมากสำหรับบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีหูดไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะการจิ้มหูดเพียงแต่ 1 ตุ่มบนร่างกายจะช่วยให้ร่างกายพบหูดตุ่มอื่นๆรวมทั้งตรงเข้าไปทำลายได้ในทันที
  • ทาวิตามินซี ให้ใช้วิตามินซี 1 เม็ดนำมาบดแล้วหยดน้ำลงไปเพื่อได้เป็นยาป้ายข้นๆแล้วให้ป้ายยาลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งไว้ในตอนกลางวัน รวมทั้งเมื่อถึงในกลางคืนให้แกะออกเพื่อผิวได้หายใจ
  • แอสไพริน ให้ใช้ยาแอสไพริน 2-3 เม็ดนำมาบดอย่างถี่ถ้วน หยดน้ำลงไปเล็กน้อย แล้วนำยาที่ได้มาป้ายลงบนหูด หลังจากนั้นให้นำปลาสเตอร์จำพวกติดแน่นมาปิดทับทิ้งเอาไว้ 1 คืน (ในยาแอสไพรินจะมีกรดซาลิไซลิกที่ช่วยกัดหูดได้)
  • เบตาดีน ให้ทาเบตาดีนลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งเอาไว้ตรงเวลา 1-2 วัน ต่อจากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนแปลงปลาสเตอร์ยา
  • ยาสีฟัน ให้ทายาสีฟันลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ยาประเภทติดแน่น ทิ้งเอาไว้ราวๆ 1 คืน โดยให้ทำซ้ำไปเรื่อยๆจวบจนกระทั่งหูดหายไป
  • น้ำมันวิตามินอี ให้ฉีกแคปซูลวิตามินอีแล้วถูน้ำมันลงบนหูดเพียงนิดหน่อย แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ในเวลาเช้า และแกะออกในตอนกลางคืนเพื่อผิวได้หายใจ
  • น้ำมันละหุ่ง ให้ทาน้ำมันละหุ่งลงบนหูดโดยใช้สำลีก้านวันละ 2 ครั้ง ซึ่งกรดในน้ำมันละหุ่งจะสามารถกัดกร่อนหูดได้ และใช้ได้ผลดีกับหูดที่มีขนาดเล็กแบนบนใบหน้าหรือหลังมือ
    ครั้งทรีออยล์ ให้ทาคราวทรีออยล์ลงบนหูดในปริมาณน้อย แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ โดยให้ทำอย่างน้อยเป็นเวลา 3 อาทิตย์
  • น้ำมะนาว ให้บีบน้ำมะนาวลงบนหูด แล้วนำหอมใหญ่สดสับมาวางทับไว้ ให้ทำแบบนี้ราวๆ 30 นาที วันละ 1 ครั้ง ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2-3 อาทิตย์
  • เปลือกของพืชตระกูลส้ม ให้ปอกมะนาวหรือเลมอนบางๆจนได้ขนาดใหญ่กว่าหูดน้อย แล้วปิดทับลงบนหูดโดยใช้ปลาสเตอร์ประเภทติดแน่นหรือเทปกาวแปะไว้อีกครั้ง แล้วให้เปลี่ยนแปลงเปลือกใหม่ทุกวัน ต่อจากนั้นราวๆ 1 สัปดาห์ หูดก็จะหลุดออกมา
    แคร์คอยต ให้นำห่วงใยรอคอยตมาหั่นเป็นชิ้นๆขูดสนใจรอตจนได้เนื้อละเอียด แล้วเติมน้ำมันมะกอกลงไปพอให้เป็นยาป้าย แล้วหลังจากนั้นเอามาทาลงบนหูด 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 30 นาที โดยให้ทำแบบนี้ติดต่อกันตรงเวลา 2-3 อาทิตย์
  • มะเดื่อ ให้นำมะเดื่อมาบดแล้วป้ายลงบนหูดทิ้งเอาไว้ราว 30 นาที โดยให้ทำแบบนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน ตรงเวลา 2-3 อาทิตย์
  • ใบโหระพา ให้ใช้ใบโหระพาสดเอามาบดแล้วปิดทับลงบนหูด โดยใช้เทปปิดแผลประเภทกันน้ำพันเอาไว้ ให้ทำแบบนี้ทุกๆวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ แล้วสารฆ่าเชื้อโรคเชื้อไวรัสในใบโหระพาจะช่วยฆ่าหูดให้คุณเอง
  • เปลือกกล้วย ให้ใช้ด้านในของเปลือกกล้วยถูบริเวณที่เป็นหูดเสมอๆ เนื่องจากโพแทสเซียมในกล้วยอาจช่วยให้หูดหายได้เร็วเพิ่มขึ้น หรืออีกวิธีหนึ่งบางทีอาจนำเปลือกกล้วยมาตัดให้มีขนาดเล็กกว่าเทป เอาด้านในของเปลือกกล้วยปิดทับลงบนหูด แล้วจากนั้นจึงค่อยนำเทปผ้ามาปิด ปล่อยทิ้งเอาไว้เป็นเวลา 1 วัน โดยให้ทำแบบนี้แต่ละวันตราบจนกระทั่งหูดจะหายไป
  • เบกกิ้งโซดา ให้ผสมผงฟูหรือเบกกิ้งโซดาและก็น้ำมันละหุ่งเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อครีม จากนั้นให้เอามาทาลงบนหูดในค่ำคืนโดยใช้ปลาสเตอร์ยาปิดเอาไว้ แล้วจึงแกะปลาสเตอร์ออกในเช้าตรู่วันต่อไป แนวทางลักษณะนี้สามารถทำใหม่ได้เรื่อยๆตามสมควร
  • แอปเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์ (Apple Cider Vinegar – ACV) ให้ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล แล้วนำสำลีก้อนขนาดพอให้ปิดหูดได้จุ่มไปในน้ำส้มสายชู แล้วให้ปิดด้วยปลาสเตอร์ยาทิ้งไว้ 1 คืน โปรดจดจำไว้ว่า แนวทางลักษณะนี้อาจส่งผลให้รู้สึกแสบได้ จะต้องเปลี่ยนแปลงสำลีทุกวี่ทุกวัน แล้วก็ติดไว้ทุกคืน จากนั้นหนึ่งสัปดาห์เม็ดหูดจะเริ่มหลุดลอกออก
  • จุ่มหูดลงไปในน้ำสับปะรด ด้วยเหตุว่าในน้ำสับปะรดจะมีเอนไซม์ที่ช่วยละลายหูดได้
  • น้ำหล่อเลี้ยงจากต้นดินแดนดิไลออน (Dandelion) ให้เลือกต้นแดนดิไลออนสดๆมาหนึ่งต้น หักก้านออกเป็น 2 ท่อนแล้วใช้น้ำหล่อเลี้ยงสีขาวขุ่นที่ไหลซึมออกมาจากก้านทาลงบนหูด โดยให้ทำแบบนี้วันละ 3-4 ครั้ง จากนั้นให้ใช้หินภูเขาไฟมาขูดเพื่อเอาชั้นผิวที่ตายแล้วออก โดยให้ทำอย่างต่อเนื่องจนตราบเท่าหูดหายไป
  • น้ำร้อน เป็นแนวทางเบื้องต้นโดยการจุ่มรอบๆที่เป็นหูดลงในน้ำที่ร้อนมากๆซึ่งความร้อนจะมีผลให้หูดนุ่มขึ้นและก็บางทีอาจช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ แต่พึงระวังอย่าให้น้ำร้อนเกินจนกระทั่งลวกเท้า (ชี้แนะว่าอุณหภูมิของน้ำควรต่ำยิ่งกว่า 60 องศาเซลเซียส)
  • น้ำร้อนและก็หินภูเขาไฟ ให้แช่หูดลงในน้ำร้อนจนตราบเท่าหูดเริ่มนุ่ม แล้วก็ใช้หินภูเขาไฟหยาบสำหรับผลัดเซลล์ผิวขัดบริเวณหูดจนถึงพบชั้นผิวจริง จุ่มสำลีก้านลงในน้ำยาฟอกขาวแล้วเอามาแตะบนหัวหูดราว 15 นาที (บางทีอาจแสบบ้างบางส่วน) เสร็จแล้วให้ล้างออกโดยใช้น้ำสะอาด
  • น้ำร้อนและก็เกลือทะเล ให้แช่รอบๆที่เป็นหูดลงในน้ำเกลืออุ่นๆตรงเวลา 10-15 นาที เพื่อหูดนุ่มขึ้น แล้วหลังจากนั้นให้ขูดเอาชั้นผิวที่ตายแล้วบนหูดออกไปโดยใช้ตะไบเล็บหรือหินภูเขาไฟ ก็เลยนำเกลือทะเลเม็ดใหญ่มาเช็ด ติดปลาสเตอร์ยาหรือเทปทับลงไปเพื่อเม็ดเกลือยังอยู่กับที่ และก็คอยแปลงปลาสเตอร์ยาใหม่ภายหลังจากอาบน้ำ เสร็จแล้วให้ล้างมือให้สะอาดเพื่อปกป้องการแพร่ขยายของเชื้อหูด
  • กินอาหารที่ช่วยสร้างเสริมภูมิต้านทาน ตัวอย่างเช่น กระเทียม มันเทศ เม็ดทานตะวัน ขนมปังโฮลเกรน ข้าว อื่นๆอีกมากมาย
  • รับประทานกระเทียมชนิดแคปซูล โดยให้กินวันละ 2 ครั้ง ต่อเนื่องกันหลายสัปดาห์ แล้วหูดจะเริ่มหลุดออกในตอน 1-2 อาทิตย์แรก แต่ให้ทานถัดไปโดยตลอดตราบจนกระทั่งหูดจะหายหมด และก็ให้นำน้ำมันกระเทียมมาทาทับบริเวณที่เป็นหูดราว 1-2 ครั้งต่อวัน ตรงเวลา 1 เดือน
ผลข้างเคียงของโรคหูดหงอนไก่

  • นอกจากลักษณะของรอยโรคที่ไม่น่ามองแล้ว ในการติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสสายพันธุ์ร้ายแรง ดังเช่นว่า สายพันธุ์ 16, 18 ยังอาจทำให้กำเนิดโรคมะเร็งในระบบขยายพันธุ์แล้วก็โรคมะเร็งทวารหนักได้ด้วย ส่วนผลกระทบอื่นๆก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของรอยโรค อย่างเช่น อาจมีเลือดออกข้างหลังมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการมีหูดด้านในปากมดลูก
  • ในหญิงท้อง หูดหงอนไก่อาจโตขึ้นจนกระทั่งขวางทางคลอดกระทั่งทำให้เด็กคลอดออกมาทุกข์ยากลำบาก หรือเชื้ออาจเข้าไปในปากหรือคอของเด็กในขณะคลอด นำมาซึ่งหูดในกล่องเสียงซึ่งมีลักษณะนาๆประการ ตั้งแต่เสียงแหบไปจนถึงมีการอุดกันของกล่องเสียง ทำให้เด็กออกเสียงหรือหายใจมิได้
  • ในกลุ่มชายรักชายจะเจอหูดหงอนไก่รอบทวารหนักหรือในทวารหนักได้มากกว่าคนทั่วไป ซึ่งการดูแลและรักษาในตำแหน่งดังกล่าวจะทำเป็นยากมากมาย เพราะเหตุว่าไม่ว่าจะใช้ยาหรือใช้กรรมวิธีผ่าตัด หูดหงอนไก่ก็มักจะเกิดซ้ำได้บ่อย การได้รับการดูแลรักษาบ่อยก็เลยอาจส่งผลให้เกิดทวารหนักตีบและมีปัญหาในการถ่ายตามมาได้ ส่วนก้อนที่อยู่ลึกเข้าไปในทวารหนักบางทีอาจโตมากมายจนกระทั่งทำให้คนเจ็บมีลักษณะท้องผูก ในบางครั้งอาจมีเลือดออกหรือบิดขั้วจนถึงจะต้องผ่าตัดฉุกเฉินหรือต้องดมยาสลบ นอกเหนือจากนั้นยังพบมากการต่อว่าดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 ร่วมด้วยอยู่เสมอๆซึ่งจะสมาคมกับการเกิดโรคมะเร็งทวารหนักได้
  • กำเนิดหูดหงอนไก่พื้นที่เดินหายใจ (Recurrent Respiratory Papillomatosis – RRP)หมายถึงตั้งแต่โพรงจมูกลงไปจนกระทั่งถุงลมในปอด พบได้ทั่วไปได้มากที่สุดที่กล่องเสียง ทำให้คนเจ็บมีอาการเสียงแหบหรือมีการอุดกั้นทางเท้าหายใจจนเสียชีวิตได้ ในเด็กมักเกิดจากการตำหนิดเชื้อจากแม่ในระหว่างการคลอดดังที่กล่าวมา ส่วนในผู้ใหญ่พบได้ทั่วไปว่าเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการร่วมเพศทางโพรงปาก ภาวะนี้จะเป็นสภาวะที่พบได้ไม่บ่อย (เจอได้ราว 1-4 ต่อประชาชน 100,000 คน) แต่ถ้าเกิดเกิดแล้วจะสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวต่อคนป่วยอย่างมาก
  • ทั้งยังเรื่องการรักษาที่เรื้อรังแล้วก็ค่าครองชีพที่เกิดขึ้นอย่างมหาศาล เนื่องจากในคนแก่ชอบลงเอยด้วยการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของก้อนหูดเพื่อช่วยเรื่องทางเท้าหายใจ ซึ่งการผ่าตัดอย่างนี้จะทำได้ยากมากมายตั้งแต่กรรมวิธีดมยาสลบ ที่ผู้ป่วยอาจขาดอากาศหายใจได้เป็นบางช่วง นอกจากนี้ตามธรรมชาติแล้วรอยโรคก็ชอบกระจายไปทั่ว ก็เลยทำให้ไม่สามารถกำจัดออกหมดได้ด้านในครั้งเดียว และก็บางทีอาจต้องได้รับการผ่าตัดมากยิ่งกว่า 5 ครั้งในชีวิต ส่วนในเด็กมักจึงควรได้รับการผ่าตัดโดยเฉลี่ย 4.4 ครั้งต่อปี รวมแล้วราว 19.7 ครั้งในช่วงชีวิต ก็เลยส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงตามมาเป็นแผล ได้ผลทำให้หลอดลมตีบรวมทั้งหายใจได้ลำบากในระยะยาว

 
 
ตัวยาจะเป็นยาใช้ภายนอกทั้งสิ้นครับผม ไม่มียากกินนะครับ คนไม่ใช่น้อยบางครั้งก็อาจจะยังไม่เข้าใจว่าระยะที่ตนเองเป็นอยู่นั้นจะใช้ยาได้มั้ย และใช้ตัวไหนเลือกไม่ถูกเนื่องจากว่ามีตัวยามากมายหลายแบบและวิตามินเสริมต่างๆ ตกลงว่าสำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มมาหาข้อมูลใหม่ผมจะอธิบายตัวยาที่จำเป็นต้องที่สุดที่ต้องใช้ก่อนเลยครับผม จะได้เข้าใจง่ายๆ ส่วนวิตามินขอตัดไปก่อนครับจะได้ไม่สับสน เนื่องจากว่าบางคนก็บางครั้งอาจจะทานวิตามินเสริมอยู่ก่อนแล้ว
1. Aldara cream ระยะต้นเริ่ม ช่วงนี้จะเป็นลักษณะเป็นจุดตุ่มเนืิ้อเล็กๆคล้ายๆผดผื่นครับ บางทีก็อาจจะเท่าปลายหัวปากกาเริ่มมีเพียงไม่กี่ตุ่มเพียงแค่นั้น ตุ่มยังอ่อนๆนุ่มๆ สังเกตุว่าเป็นมาไม่เกิน 4-6 สัปดาห์ (หูดจะไม่มีหนองไม่เจ็บหรือระบมบอบช้ำครับ ไม่มีอาการใดๆทั้งหมดทั้งปวงครับผม เป็นเพียงแต่ติ่งพื้นที่ค่อยๆแพร่ขยาย หากไม่รักษา )
ระยะนี้ จะใช้ตัวยา aldara cream จะเป็นลักษณะซองเล็กๆตามภาพครับ (1แผงมี 3 ซองตามภาพราคา 660.- ในแผง3ซองนั้นทาได้ประมาณ 2 อาทิตย์) ธรรมดาโดยปกติทาราว 1 เดือนครึ่ง - 2 เดือน ตัวยาซองเล็กนิดเดียวครับ ใช้ได้โดยประมาณ 1-2 ครั้ง เสนอแนะพื้นฐานก็จะใช้ราวๆ1 แผง (3 ซอง)เป็นอย่างต่ำขอรับ หูดจะเบาๆฝ่อลงที่ละนิดจนกระทั่งเรียบสนิทกับผิวครับผม ถ้าเกิดคนไหนที่ไม่แน่ใจว่าเป็นมานานแค่ไหนก็แนะนำตัวยาแบบที่ 2 เลยครับผม ตามภาพข้างล่าง
2. Wart control ระยะเริ่มแพร่ระบาด ระยะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกันมากแล้วก็เพิ่งจะมาหาข้อมูลนะครับด้วยเหตุว่าติ่งจะชัดจนถึงสังเกตุได้เด่นชัด ผู้ที่เป็นระยะนี้หลายๆคนเริ่มมีอาการตื่นตระหนก ก็เลยเริ่มจะรักษากันปัจจุบันนี้เองครับผม ส่วนตัวยาแบบแรกจะไม่ค่อยเห็นผลมากแค่ไหนเพราะเนื้อหูดเริ่มมีชั้นผิวที่ครึ้มยากต่อการดูดซึม ก็เลยจะชี้แนะให้ใช้ wart control เลยจะชัวร์กว่าขอรับ หรือคนใดที่เคยใช้ตัว aldara cream ไม่ได้เรื่อง เช่นใช้มาเกิน 3 ซองไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็แล้วแต่อาจเนื่องจากเป็นมานานเกินไปครับ ก็ให้ใช้ตัว wart control เลยครับผม (ราคาขวดละ 1600.-) ใช้เพียงแต่ขวดเดียวหายสนิทครับผม
 
3. ระยะรุกลาม ระยะนี้โดยมากแล้วจะเป็นมาเกิน 1 ปี หูดลามเป็นดอกกะหล่ำกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ควรจะจักจี้กระแสไฟฟ้ากับแพทย์ที่ รพ.ดังที่เคยชี้แนะไปในบทความที่ผ่านมาครับ คนใดที่ยังเป็นไม่มากก็รีบรักษาก่อนจะถึงเวลานี้ครับ ปล่อยไว้นานกรรมวิธีรักษาจะยุ่งยากไม่คุ้มกันเลยขอรับ
ต้องการสั่งซื้อยา ปรึกษาแนะนำบอกต่อ เบอร์ 092-9899456 คุณนิธิพล
#หูดหงอนไก่ #ขายยารักษาหูด #แพทย์แนะนำ #หมอช่วยได้ #ส่วนตัว

Tags :  โรคหูดหงอนไก่



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Related Topics
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
wartscaring ยารักษาวิธีป้องกันวิธีรักษาโรคหูดหงอนไก่ ตุ่มที่อวัยวะเพศ
สินค้าอื่นๆ
Petchchacha 0 1948 กระทู้ล่าสุด พฤศจิกายน 08, 2015, 12:44:10 am
โดย Petchchacha
wartscaring โรคหูดหงอนไก่ การรักษา รักษาหายได้ ลดโอกาสเป็นซ้ำ
สินค้าอื่นๆ
Saichonka 1 179 กระทู้ล่าสุด พฤศจิกายน 17, 2016, 11:09:55 am
โดย Navaphon11991
wartscaring รักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ วิธีดูแลรักษา ยารักษาหายได้ ไม่ตาย
สินค้าอื่นๆ
Saiswatka 0 149 กระทู้ล่าสุด สิงหาคม 08, 2017, 01:35:50 pm
โดย Saiswatka
wartscaring รักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ วิธีป้องกันวิธีรักษา ยารักษาหายได้ ลดโอกาสเป็น
สินค้าอื่นๆ
Petchchacha 0 140 กระทู้ล่าสุด สิงหาคม 27, 2017, 09:57:50 am
โดย Petchchacha
wartscaring เสนอแนะรักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ ดูแลรักษา ยารักษาหายได้ ใช้ยาสม่ำเสมอ
สินค้าอื่นๆ
jeerapunsanook 0 16 กระทู้ล่าสุด สิงหาคม 17, 2018, 08:22:09 pm
โดย jeerapunsanook
wartscaring จำแนกชี้แนะรักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ วิธีป้องกันวิธีรักษา ยารักษาหายได้
สินค้าอื่นๆ
Chaiworn998 0 13 กระทู้ล่าสุด ตุลาคม 30, 2018, 06:15:52 am
โดย Chaiworn998
wartscaring จัดประเภทชี้แนะรักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ การรักษา ยารักษาหายได้ เชื่อคำแ
สินค้าอื่นๆ
Posthizzt555 0 12 กระทู้ล่าสุด พฤศจิกายน 19, 2018, 08:59:16 am
โดย Posthizzt555
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ