Advertisement
เหตุการณ์ปัจจุบันทั้ง “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และก็ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ต่างก็กำลังทำแต้มได้เสมอกันที่ 57 คะแนน แล้วอะไรที่จะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการชี้ชะตาแชมป์ของทั้งคู่สมาคมยักษ์ใหญ่กันล่ะ?
วันนี้เราจะมาวิเคราะห์ให้ดูกันว่าจาก 27 คะแนนที่เหลือ กลุ่มไหนกันแน่ที่จะคว้าแต้มซิวถาดแชมป์ Meisterschale ได้มากกว่ากัน เริ่มกันที่ดอร์ทมุนด์ก่อนเลย...

1) ดอร์ทมุนด์มีกัปตันรอยส์
มาร์โค รอยส์ รับหน้าที่สวมปลอกที่มีไว้ใส่แขนกัปตันนำกองทัพเสือเหลืองมาตั้งแต่ต้นฤดูกาลล่าสุด ด้วยความมุ่งหวังจะเป็นผู้ชูถาดแชมป์ลีกในปีนี้แล้วก็หยุดสถิติแชมป์สม่ำเสมอ 6 ปีของบาเยิร์นให้ได้ กัปตันรอยส์โชว์ฟอร์มได้เร่าร้อนสุดๆหลังยิงถึง 14 ประตูและก็ทำอีก 6 แอสซิสต์จากการลงเล่น 21 นัด
เล่นเอาโทมัส เดลานีย์ สหายร่วมกลุ่มจะต้องออกมาบอกว่ารอยส์ก็คือเมสซีหรือโรนัลโด้แห่งถ้ำเสือเหลืองดีๆนี่เอง เขาคือนักฟุตบอลที่กลุ่มขาดไม่ได้ เมื่อนับตามสถิติแล้ว แม้กัปตันวัย 29 ปีคนนี้ลงสนาม ดอร์ทมุนด์จะเก็บแต้มเฉลี่ยได้ที่ 2.3 คะแนนและก็ยิงได้เฉลี่ย 2.57 ประตูต่อ 1 เกมบุนเดสลีกา แต่แม้ไร้เงารอยส์ในสนาม สถิติจะตกลงมาอยู่ที่ 2.0 และ1.75 ตามลำดับ
นับได้ว่ารอยส์เป็นผู้สร้างความต่างอย่างแท้จริงรวมทั้งอาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำถาดแชมป์กลับมาสู่ถ้ำเสือเหลืองได้อีกรอบหลังจากที่เคยทำได้ครั้งปัจจุบันเมื่อปี 2012
2) โปรจ่ายวัยชายหนุ่ม
มิได้หมายความว่าควักกระเป๋าจ่ายเงินนะ แต่หมายความว่าการส่งบอลให้สหายยิงประตูหรือทำแอสซิสต์นั่นเอง จาดอน ซานโช ทำแอสซิสต์ในช่วงฤดูกาลนี้ไปแล้วถึง 10 ครั้ง
เป็นสถิติสูงสุดในบุนเดสลีกาและก็หากนับทั้งยังท็อป 5 ลีกในยุโรปแล้ว มีเพียงแค่ลีโอเนล เมสซีเพียงแค่นั้นที่ทำทางให้สหายได้มากกว่าเขา ยิ่งไปกว่านั้น ซานโชยังยิงไปแล้ว 8 ประตูจากการลงเล่น 25 นัดอีกด้วย
3) ยิงได้จากทุกทิศทุกทาง
ถึงแม้ดอร์ทมุนด์จะเสียสถิติกลุ่มที่ทำประตูได้มากที่สุดในลีกไปแล้ว แต่ว่าก็ยังครองสถิติเป็นกลุ่มที่มีผู้เล่นทำประตูได้มากที่สุดเป็น 18 คนจาก 22 นายทัพที่ฝ่าศึกในฤดูกาลนี้ มีเพียง เออเมอร์ โทปรัค, มาร์เซล ชเมลเซอร์ กับผู้เฝ้าประตูทั้งคู่คนเป็น โรมัน เบือร์กี้ แล้วก็ มาร์วิน ได้รับความนิยมซ์ ที่ยังทำประตูมิได้
ดอร์ทมุนด์มีเกมรุกที่หลากหลายโดยมีผู้ที่ทำประตูตัวหลักของกลุ่มเป็นต้นว่าสามผสานรอยส์ อัลกาเซร์ (ยิงไปคนละ 14 ประตู) และ ซานโช (8 ประตู) ในเวลาที่บาเยิร์นมีเพียงแค่โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้คนเดียวเท่านั้นที่ยิงประตูได้มาก
4) ภาพจำของเยือร์เก้น คล็อปป์
สิ่งที่ยังติดตาแฟนคลับดอร์ทมุนด์ก็คือฟอร์มการเล่นที่เร่าร้อนในสมัยของคล็อปป์ ซึ่งพาทีมเสือเหลืองคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในปี 2011 และก็ 2012 ในขณะนี้ ลูเซียง ฟาฟร์สามารถนำเอาภาพนั้นกลับมาสู่แฟนคลับได้อีกที
เวลานี้พวกเขาทำสกอร์ได้มากกว่าสมัยครอบครองแชมป์ลีกครั้งล่าสุดอยู่ 1 คะแนน (ข้างหลังแมตช์เดย์ที่ 25) รวมทั้งแนวทางการเล่นสไตล์บุกอย่างดุเดือดก็ดูอย่างกับว่าครั้งนั้นไม่มีผิด แถมยังทำประตูรวมไปแล้วถึง 61 ลูก มากยิ่งกว่าในยุคของคล็อปป์ซะด้วย อีกหัวข้อที่น่าดึงดูดก็คือในฤดูกาล2010/11 หลังจากผ่านไป 24 นัด ดอร์ทมุนด์พ่ายแพ้เพียงแต่ 2 นัดเท่ากับในฤดูกาลนี้เลย ภาพจำมันแจ่มกระจ่างและฉายแววแชมป์จริงๆ
5) จุดมุ่งหมายเดียว
ภายหลังจากไม่เข้ารอบยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีก แล้วก็เดเอฟเบ โพติดอยู่ล เป็นระเบียบแล้ว ในขณะนี้ดอร์ทมุนด์ก็เหลือแชมป์ลีกให้ลุ้นอยู่เพียงแค่รายการเดียวแค่นั้น จึงมั่นอกมั่นใจได้เลยว่าผู้ร่วมทีมของฟาฟร์จะทุ่มเทพลังทุกขีดให้กับการฉกชิงแชมป์บุนเดสลีกาเต็มพิกัดอย่างแน่แท้ ต่างกับบาเยิร์นที่พึ่งไม่เข้ารอบจากศึกยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีกมาหมาดๆซึ่งนักฟุตบอลกำลังเหนื่อยและก็เสียขวัญแรงใจไม่หาย แถมยังมีถ้วยเดเอฟเบ โพค้างลให้ไปโฟกัสอีกรายการนึงด้วย
ต่อนี้ไปมาดู 5 ข้อของข้างคุ้มครองแชมป์กันบ้าง…
1) ความเอาจริงเอาจังของสองปีกจรวด
5 เหตุผลที่ “เสือเหลือง” แล้วก็ “เสือใต้” จะซิวแชมป์ลีกปีนี้ได้
ในระหว่างที่ผู้เล่นดอร์ทมุนด์ในกลุ่มปัจจุบันเอาเหรียญแชมป์ลีกมารวมกันได้ 10 เหรียญ แม้กระนั้นฟรองก์ ริเบรี ปีกจรวดเลือดน้ำหอมเพียงคนเดียวก็มีตั้ง 8 เหรียญเข้าไปแล้ว! และเขาเอาจริงเอาจังต้องการสุดๆที่จะคว้าเหรียญที่ 9 ให้กับตัวเองให้ได้เพื่อทำสถิติครอบครองแชมป์บุนเดสลีกาสูงสุดชั่วนิจนิรันดร์แซงหน้าตำนานนักฟุตบอลกลุ่มเสือใต้อีกทั้ง 4 คนคือ โอลิเวอร์ ค้างห์น ฟิลิปป์ ลาห์ม บาสเตียน ชเหล้าองุ่นชไตเกอร์ และก็เมห์เม็ต โชลล์
ส่วนทางกราบขวา อาร์เยน ร็อบเบน ก็ไม่น้อยหน้า เขาจริงจังครองแชมป์ลีกสมัยที่ 8 ให้กับตนเองเช่นกัน
ลองนับเหรียญแชมป์บุนเดสลีกาของนักเตะบาเยิร์นชุดปัจจุบันกันเล่นๆดูบ้าง ดาวิด อาลาบา กับ โทมัส มึลเลอร์ ได้คนละ 7 ยุค เชโรม บัวเต็ง คาบี้ มาร์ตำหนิเนซ มานูเอล นอยเอ้อร์ ราฟินญ่า แล้วก็ เลวานดอฟสกี้ คนละ 6 ยุค รวม 9 คนคว้าไปแล้ว59 เหรียญนับว่าสูงสุดในบรรดาลีกท็อป 5 ของยุโรปเลยทีเดียว..
2) ฟอร์มเข้าที่
ว่ากันว่าการชิงชัยบอลลีกก็เหมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น ข้างหลังแมตช์เดย์ที่ 15 บาเยิร์นตามหลังดอร์ทมุนด์ถึง 9 แต้ม แต่ก็ลดช่องว่างมาที่ 6 แต้มข้างหลังผ่านครึ่งฤดูกาลแรกไป และแล้วบาเยิร์นก็ระเบิดฟอร์มแชมป์เก่าได้เสร็จ เมื่อทำผลงานดีที่สุดชนะถึง 7 จาก 8 เกมล่าสุด (แพ้นัดเดียว)
ในตอนที่ดอร์ทมุนด์เอาชนะได้เพียงแต่ 4 นัดหมาย (เสมอ 3 แพ้ 1) จนถึงทำให้พลพรรคเสือใต้ผงาดกลับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงด้วยผลต่างประตูที่มากกว่า 2 ลูก ในช่วงเวลานี้อาจกล่าวได้ว่าบาเยิร์นสตาร์ทเครื่องเต็มที่จนกระทั่งแม่ทัพดอร์ทมุนด์เริ่มออกอาการหวั่นหวาดๆแล้วล่ะ
3) ศึกชิงบัลลังก์ที่อัลลิอันซ์ อารีน่า
90 นาทีแห่งศึก “แดร์ คลาสสิกเคอร์” ในวันที่ 6 เดือนเมษายนนี้อาจเป็นการวินิจฉัยชะตาแชมป์บุนเดสลีกาเลยก็เป็นไปได้ โดยดอร์ทมุนด์จำเป็นที่จะต้องยกทัพไปเยี่ยมถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า รังเหย้าของบาเยิร์น มิวนิค ในแมตช์เดย์ที่ 28 หากแม้ในช่วงฤดูกาลนี้ บาเยิร์นจะทำผลงานในบ้านได้ไม่สู้ดีนัก
แม้กระนั้นเชื่อเถอะว่าการเล่นในบ้านต่อหน้าต่อตาแฟนบอลกว่า 75,000 คนแถมถาดแชมป์บุนเดสลีกาที่พวกเขารู้จักดียังอยู่นิดเดียวแล้วล่ะก็... พลพรรคเสือใต้อาจจะเล่นด้วยความดุเดือดกว่าปกติอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะเดียวกันดอร์ทมุนด์นั้นมีสถิติไม่ค่อยดีนักสำหรับเพื่อการมาเยี่ยมแคว้นบาวาเรีย พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับบาเยิร์นใน 4 นัดหมายล่าสุดที่มาเยี่ยมนครมิวนิค เสียถึง 17 ประตู ยิงคืนได้เพียงแต่3 ลูกแค่นั้น หากไม่นับผลงานในยุคของคล็อปป์ที่พาเสือเหลืองมาชนะ 3 เสมอ 1 แล้วล่ะก็ ระหว่างปี 1993 ถึง 2010 ดอร์ทมุนด์ไม่สามารถเอาชนะบาเยิร์นถึงมิวนิคได้เลยสำหรับในการเจอกันทั้งผอง 18 ครั้ง ศึกครั้งนี้อาจเป็นเกมที่น่าจับตาที่สุดในฤดูกาลนี้เลยทีเดียว
4) ตัวแปร X
ตัวแปร X ในที่นี้ก็คือดาวยิงที่ฉลองการทำประตูด้วยวิธีการทำเครื่องหมาย X เสมอ “โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้” ผู้นำดาวซัลโวสูงสุดคนปัจจุบันเป็นตัวแปรตัวสำคัญสำหรับในการครองแชมป์ของบาเยิร์น ฤดูกาลนี้เขายิงไปแล้ว 17 ประตู และเพิ่งจะทำสถิติเป็นนักเตะต่างชาติที่ทำประตูในบุนเดสลีกาสูงสุดตลอดไป (197 ประตู)
กัปตันทีมชาติประเทศโปแลนด์วัย 30 กะรัตคนนี้คือเครื่องการันตีการบรรลุผลของบาเยิร์น เขาสามารถทำประตูในบุนเดสลีกาได้ถึง 81 เกมซึ่งช่วยทำให้บาเยิร์นเอาชนะคู่แข่งได้ถึง 75 นัดหมาย เสมอ 5 นัดหมายและแพ้เพียงแค่นัดเดียว มีอัตรายิง 1 ประตูในทุกๆ128 นาที บอกได้เลยว่าในเกมที่เหลืออีก 9 นัดหมาย เอาช้างมาผลักก็ไม่อยู่...
5) นิโก้เก๋ วัววัช
ความมุ่งมาดที่กรุงมิวนิคนั้นยิ่งใหญ่พอได้ พวกเขาไม่อยากเป็นลำดับที่สอง “แชมป์เพียงแค่นั้น” เป็นจุดหมายของเทรนเนอร์ป้ายแดงแห่งถ้ำเสือใต้ แม้จะเริ่มต้นได้อย่างทุลักทุเล
แต่อดีตเทรนเนอร์ “อินทรีแดง-ดำ” ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ตรวมทั้งกลุ่มชาติโครเอเชียก็เริ่มปรับเท่าเทียมในทีมก้าวหน้าขึ้นเรื่อยเขาใช้กองกลางตัวรับสองคนช่วยสกรีนการบุกให้กับเซ็นเตอร์ตัวหลักอย่าง นิคลาส ซือเล่อ กองหลังดาวรุ่งวัยเพียง 23 ปี นอกเหนือจากนั้นยังได้ ฮาเมส โรดริเกซที่หายเจ็บกลับมาช่วยในเกมรุกอีกด้วย
สิ่งหนึ่งที่น่าดึงดูดสำหรับบาเยิร์นก็คือ กุญแจสำหรับการคว้าแชมป์ของพวกเขาไม่ใช่การถล่มคู่แข่งแบบกินขาดซึ่งมีให้มองเห็นในหลายๆนัดหมายก่อนหน้านี้ แต่ว่าเป็นการย้ำผลจากการแข่งขันในเกมที่สูสีชี้ชะตากันด้วยประตูสำคัญๆ
ซึ่งพวกเขามักเอาชีวิตรอดได้เสมอ ขณะที่ดอร์ทมุนด์เองกลับเสียท่าทำสกอร์หล่นไปหลายต่อหลายครา สิ่งนี้เองที่สร้างความแตกต่างให้กับทีมแชมป์และรองแชมป์ แล้วก็นี่บางทีอาจจะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับในการฉลองแชมป์ลีก 7 ยุคต่อเนื่องกันของพวกพ้องบาเยิร์น ณ จตุรัสมาเรียนพลัตซ์ ข้างหลังหมดฤดูกาลสุดมันส์ในเดือนพฤษภาคมนี้ก็เป็นได้
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
alexis-brill.comเครดิตบทความจาก :
[url]http://alexis-brill.com[/url]
Tags : alexis-brill.com,alexis-brill