Advertisement
3D Printer - เทคโนโลยีการสร้างสมัย 4.0
เครื่อง 3D Printer เป็นเทคโนโลยีการสร้างซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลดิจิติล หรือแบบจำลอง 3 มิติ ที่สร้างขึ้น ให้แปลงเป็นงานจริงซึ่งสามารถจับต้องได้ โดยหลักการของเครื่องเป็นการเติมเนื้อสิ่งของ (additive) ครั้งละชั้น (layer by layer) จนได้ตามแบบที่อยากได้ ซึ่งต่างจากแนวทางการผลิตแบบเริ่มแรกตัวอย่างเช่น เครื่องกลึง เครื่องกัด เครื่องตัด หรือเครื่อง CNC ที่มักใช้การตัด หรือนำเนื้อสิ่งของออก (subtractive) โดยเหตุนี้อุปกรณ์ที่ใช้และก็สูญเสียสำหรับเพื่อการผลิตจึงน้อยกว่ามาก รวมถึงการใช้แรงงานของเครื่องที่ใช้เวลาสำหรับการเรียนรู้น้อยกว่ามากมาย ด้วยเหตุนั้นพวกเราก็เลยเห็นประเทศในฝั่งตะวันตกผลักดันให้มีการใช้ตั้งแต่การเรียนรู้เครื่องพิมพ์ 3 มิติขั้นพื้นฐาน
เยี่ยมชมเว็บไซต์และสินค้า 3D Printer
https://www.sync-innovation.comผลดีที่เห็นได้ชัดเจนจากเครื่อง 3D Printer คือ ผู้ใช้สามารถสร้างหรือประดิษฐ์สิ่งของ อะไหล่ ชิ้นส่วนต่างๆได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งโรงงานร้านที่รับผลิต โดยทักษะที่จะต้องมีคือการสร้างหรือเขียน แบบจำลอง 3 มิติ ขึ้นมา โดยใช้โปรแกรมต่างๆซึ่งปัจจุบันนี้มีทั้งยังฟรีและก็เสียเงิน รวมถึงจุดมุ่งหมายของโปรแกรมที่แตกต่าง ยกตัวอย่างเช่น งานปั้นสิ่งมีชีวิต การเขียนแบบศิลป์ สถาปัตยกรรม หรืองานทางวิศวกรรม
เครื่องพิมพ์ 3D[/b] เป็นต้น
จุดเด่นของเทคโนโลยี 3D Printing
1. เงินลงทุนการสร้างต่ำ รองรับการผลิตงานต้นแบบหรือผลิตจำนวนน้อย
ตอนนี้เครื่อง 3D Printer มีราคาถูกลงมาก กระทั่งคนทั่วๆไปสามารถหาซื้อได้ ทั้งยังการซื้อจากโรงงานโดยตรงผ่าน Alibaba Lazada Aliexpress หรือตัวแทนขายในไทย ทำให้แนวทางการผลิตส่วนประกอบต่างๆไม่จำกัดอยู่แต่ในโรงงานผลิต ซึ่งโดยมากรับเฉพาะการสร้างจำนวนไม่ใช่น้อย (Mass production) ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป หรือยังเป็นแค่งานต้นแบบ (Prototype) คงจะไม่สามารถที่จะสั่งผลิตได้ นอกจากตัวเครื่องแล้ว อุปกรณ์ในตอนนี้ทั้งแบบ Filament หรือ Resin ก็แพงถูกลง รวมทั้งทรัพย์สินที่นานัปการตามสิ่งที่มีความต้องการ ด้วยเหตุดังกล่าวเทคโนโลยี 3D Printing จึงมีใช้ในทุกระดับตั้งแต่บุคคลทั่วไป กระทั่งไปถึงโรงงานขนาดใหญ่
2. อิสระด้านการดีไซน์ผลิตภัณฑ์
เทคโนโลยี 3D Printing เป็นการผลิตแบบเติมเนื้ออุปกรณ์เข้าไป โดยเหตุนี้ก็เลยไม่ต้องคำนึงถึงเนื้อหาที่สลับซับซ้อนข้างในงาน ซึ่งไม่เหมือนกับการผลิตทั่วไป 3D Printerที่ทำได้เฉพาะผิวข้างนอก หรือจะต้องใช้เครื่องจักรที่ราคาแพงมากถึงจะผลิตได้ ดังเช่น CNC 5 แกน ในตอนที่เครื่อง 3D Printer ไม่มีข้อจำกัดดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
3. การดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขงาน
เนื่องจากว่าการพิมพ์ 3 มิติ เป็นการผลิตงานครั้งละชิ้น โดยใช้แนวทางเพิ่มเติมเนื้อวัสดุ ฉะนั้นสามารถที่จะผลิตงานจำนวนหลายชิ้น ที่ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดเล็กๆแต่ละชิ้นให้แตกต่างกันโดยที่ทุนไม่เปลี่ยนแปลง เป็นต้นว่า ป้ายชื่อ ขนาดเกลียว และก็ยังรวมทั้งสีของผลงาน ที่เปลี่ยนแปลงได้ตามอยากได้
กระบวนการทำงานของเครื่อง 3D Printer
1. การสร้างแบบจำลอง 3 มิติ (3D modelling)
เป็นขั้นตอนเริ่มต้นของการใช้แรงงาน โดยใช้โปรแกรมทางคอมพิวเตอร์หรือ CAD เขียนแบบชิ้นงานออกมาเป็น 3 มิติ ตามขนาดและรูปร่างที่อยาก ซึ่งปัจจุบันสามารถหาโปรแกรมฟรีแวร์และราคาไม่แพงได้ง่ายสุดๆ อาทิเช่น Autodesk Fusion 360, Blender, TinkerCAD จากนั้นจึงเซฟหรือ export เป็นไฟล์ 3 มิติ ที่ใช้กันทั่วไปคือชื่อสกุล .stl หรือ .obj เพื่อใช้งานถัดไป
2. การสไลด์แบบจำลอง 3 มิติ (Slicing)
ขั้นตอนนี้เป็นการนำแบบจำลอง 3 มิติ ที่ผลิตขึ้น มาแบ่งเป็นชั้นๆตามความละเอียดที่เครื่องและก็เทคโนโลยีรองรับ อาทิเช่น เทคโนโลยี FDM 3D Printing อยู่ที่ราว 50-300 ไมครอน (0.05-0.3 mm) หรือแบบเรซินอยู่ที่ 25-100 ไมครอน (0.025-0.1 mm) รวมไปถึงกำหนดค่าตัวแปรอื่นๆที่เกี่ยวพัน อาทิเช่น ความเร็วในการพิมพ์ อุณหภูมิ การผลิต support โดยไฟล์ที่ได้จากการสไลด์ส่วนมากจะเป็นนามสกุล .Gcode ราวกับเครื่อง CNC หรือเป็นสกุลอื่นๆที่เข้ารหัสเฉพาะเครื่อง
3. การพิมพ์ 3 มิติ (Printing)
ขั้นตอนนี้คือนำไฟล์ที่ได้จากการสไลด์ในข้อที่ 2 มาป้อนให้กับตัวเครื่อง 3D Printer เพื่อเริ่มต้นการพิมพ์
4. การตกแต่งชิ้นงานข้างหลังการพิมพ์ (Post processing)
ขั้นตอนสุดท้ายคือการตกแต่งงานข้างหลังการพิมพ์ ซึ่งผู้ใช้สามารถที่จะขัด (Polishing) ทำสี (Painting) หรือนำงานหลายๆชิ้นมาประกอบหรือติดกาวเข้าด้วยกัน โดยแต่ละเทคโนโลยีของเครื่อง 3D Printer ก็จะมีขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป
วัสดุสำหรับเครื่อง 3D Printer
อุปกรณ์ที่ใช้กับ
เครื่องพิมพ์ 3 มิติ มีอีกทั้งพลาสติก (Polymer) เรซิน (Resin) โลหะ (Metal) เซรามิกส์ (Ceramic) ปูน (Cement) ซิลิโคน รวมไปถึงสิ่งของชีวภาพอย่างเยื่อหรือที่เรียกกันว่า “BioInk” แต่ว่าโดยธรรมดา จะเป็นเครื่องที่ใช้เส้นพลาสติก (Filament) เป็นส่วนใหญ่ เนื่องมาจากเป็นเครื่องที่นิยมใช้กันสูงที่สุด
ที่มา บทความ
3D Printer https://www.sync-innovation.comTags : 3D Printer,เครื่องพิมพ์ 3D,เครื่องพิมพ์ 3 มิติ