เหลือการชิงชัยอีกเพียง 9 นัดหมายเพียงแค่นั้นสำหรับศึกบุนเดสลีกาฤดู 2018/19

[kkthai20009]

Advertisement

เหตุการณ์ล่าสุดทั้ง “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และก็ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ต่างก็กำลังทำสกอร์ได้เสมอกันที่ 57 คะแนน แล้วอะไรที่จะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับในการชี้ชะตาแชมป์ของทั้งคู่สมาพันธ์ยักษ์ใหญ่กันล่ะ?
วันนี้พวกเราจะมาพินิจพิจารณาให้มองกันว่าจาก 27 คะแนนที่เหลือ ทีมไหนกันแน่ที่จะคว้าแต้มซิวถาดแชมป์ Meisterschale ได้มากกว่ากัน เริ่มกันที่ดอร์ทมุนด์ก่อนเลย...


1) ดอร์ทมุนด์มีกัปตันรอยส์
มาร์โค รอยส์ รับหน้าที่สวมปลอกที่มีไว้ใส่แขนกัปตันนำกองทัพเสือเหลืองมาตั้งแต่ต้นฤดูล่าสุด ด้วยความปรารถนาจะเป็นผู้ชูถาดแชมป์ลีกในปีนี้รวมทั้งหยุดสถิติแชมป์สม่ำเสมอ 6 ปีของบาเยิร์นให้ได้ กัปตันรอยส์โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงสุดๆข้างหลังยิงถึง 14 ประตูรวมทั้งทำอีก 6 แอสซิสต์จากการลงเล่น 21 นัด

เล่นเอาโทมัส เดลานีย์ เพื่อนร่วมทีมต้องออกมาพูดว่ารอยส์ก็คือเมสซีหรือโรนัลโด้แห่งถ้ำเสือเหลืองดีๆนี่เอง เขาคือนักฟุตบอลที่กลุ่มจำเป็น เมื่อนับตามสถิติแล้ว หากกัปตันวัย 29 ปีคนนี้ลงสู่สนาม ดอร์ทมุนด์จะเก็บแต้มเฉลี่ยถึงที่กะไว้ 2.3 คะแนนแล้วก็ยิงได้เฉลี่ย 2.57 ประตูต่อ 1 เกมบุนเดสลีกา แต่ว่าหากไม่มีเงารอยส์ในสนาม สถิติจะตกลงมาอยู่ที่ 2.0 แล้วก็1.75 เป็นลำดับ

นับได้ว่ารอยส์คือผู้สร้างความไม่เหมือนอย่างแท้จริงรวมทั้งบางทีอาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำถาดแชมป์กลับมาสู่ถ้ำเสือเหลืองได้อีกรอบภายหลังที่เคยทำเป็นครั้งล่าสุดเมื่อปี 2012

2) โปรจ่ายวัยหนุ่ม
ไม่ได้หมายคือจ่ายเงินจ่ายเงินนะ แต่ว่าหมายความว่าการผ่านบอลให้เพื่อนพ้องทำประตูหรือทำแอสซิสต์นั่นเอง จาดอน ซานโช ทำแอสซิสต์ในฤดูกาลนี้ไปแล้วถึง 10 ครั้ง

เป็นสถิติสูงสุดในบุนเดสลีกาและก็ถ้านับอีกทั้งท็อป 5 ลีกในยุโรปแล้ว มีเพียงลีโอเนล เมสซีแค่นั้นที่ทำทางให้เพื่อนฝูงได้มากกว่าเขา นอกเหนือจากนั้น ซานโชยังยิงไปแล้ว 8 ประตูจากการลงเล่น 25 นัดอีกด้วย

3) ยิงได้จากทุกทิศทาง
หากแม้ดอร์ทมุนด์จะเสียสถิติทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในลีกไปแล้ว แม้กระนั้นก็ยังครอบครองสถิติเป็นทีมที่มีผู้เล่นยิงประตูได้มากที่สุดคือ 18 คนจาก 22 ขุนศึกที่ลุยศึกในช่วงฤดูกาลนี้ มีเพียงแต่ เออเมอร์ โทปรัค, มาร์เซล ชเมลเซอร์ กับผู้รักษาประตูทั้งสองคนคือ โรมัน เบือร์กี้ และก็ มาร์วิน ได้รับความนิยมซ์ ที่ยังทำแต้มไม่ได้

ดอร์ทมุนด์มีเกมรุกที่นานัปการโดยมีผู้ทำประตูตัวหลักของกลุ่มเช่นสามผสานรอยส์ อัลกาเซร์ (ยิงไปคนละ 14 ประตู) และ ซานโช (8 ประตู) ในช่วงเวลาที่บาเยิร์นมีเพียงแต่โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ผู้เดียวเท่านั้นที่ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ

4) ภาพจำของเยือร์เก้น คล็อปป์
สิ่งที่ยังติดตาแฟนคลับดอร์ทมุนด์ก็คือฟอร์มการเล่นที่รุนแรงในยุคของคล็อปป์ ซึ่งพาทีมเสือเหลืองครองแชมป์ลีกได้สำเร็จในปี 2011 และ 2012 ในขณะนี้ ลูเซียง ฟาฟร์สามารถนำเอาภาพนั้นกลับมาสู่แฟนๆได้อีกรอบ

ช่วงนี้พวกเขาทำแต้มได้มากกว่ายุคครอบครองแชมป์ลีกครั้งปัจจุบันอยู่ 1 คะแนน (หลังแมตช์เดย์ที่ 25) และก็กรรมวิธีการเล่นสไตล์บุกอย่างดุเดือดก็ดูเหมือนกับว่าคราวนั้นไม่มีผิด แถมยังทำประตูรวมไปแล้วถึง 61 ลูก มากยิ่งกว่าในยุคของคล็อปป์ซะด้วยซ้ำ อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือในฤดูกาล2010/11 ภายหลังผ่านไป 24 นัด ดอร์ทมุนด์พ่ายแพ้เพียงแต่ 2 นัดเท่ากับในฤดูกาลนี้เลย ภาพจำมันชัดแจ้งและฉายแววแชมป์จริงๆ

5) จุดหมายเดียว
หลังจากตกรอบยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีก รวมทั้งเดเอฟเบ โพคาล เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ดอร์ทมุนด์ก็เหลือแชมป์ลีกให้ลุ้นอยู่เพียงแต่รายการเดียวแค่นั้น ก็เลยเชื่อมั่นได้เลยว่าลูกทีมของฟาฟร์จะทุ่มเทพลังทุกขีดให้กับการฉกชิงแชมป์บุนเดสลีกาเต็มพิกัดอย่างแน่นอน ต่างกับบาเยิร์นที่พึ่งตกรอบจากศึกยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีกมาหมาดๆซึ่งนักฟุตบอลกำลังล้าและเสียขวัญแรงใจไม่หาย แถมยังมีถ้วยเดเอฟเบ โพคาลให้ไปโฟกัสอีกรายการนึงด้วย

ต่อไปนี้มาดู 5 ข้อของข้างป้องกันแชมป์กันบ้าง…

1) ความเอาจริงเอาจังของสองปีกจรวด

5 เหตุผลที่ “เสือเหลือง” รวมทั้ง “เสือใต้” จะซิวแชมป์ลีกปีนี้ได้
ขณะที่ผู้เล่นดอร์ทมุนด์ในทีมปัจจุบันนี้เอาเหรียญแชมป์ลีกมารวมกันได้ 10 เหรียญ แต่ฟรองก์ ริเบรี ปีกจรวดเลือดน้ำหอมเพียงคนเดียวก็มีตั้ง 8 เหรียญเข้าไปแล้ว! แล้วก็เขาขมักเขม้นอยากสุดๆที่จะคว้าเหรียญที่ 9 ให้กับตนเองให้ได้เพื่อทำสถิติครอบครองแชมป์บุนเดสลีกาสูงสุดชั่วกัลปวสานแซงหน้าตำนานนักเตะทีมเสือใต้ทั้งยัง 4 คนคือ โอลิเวอร์ ค้างห์น ฟิลิปป์ ลาห์ม บาสเตียน ชเหล้าองุ่นชไตเกอร์ และก็เมห์เม็ต โชลล์

ส่วนทางกราบขวา อาร์เยน ร็อบเบน ก็ไม่น้อยหน้า เขาจริงจังครอบครองแชมป์ลีกสมัยที่ 8 ให้กับตนเองเช่นกัน

ลองนับเหรียญแชมป์บุนเดสลีกาของนักฟุตบอลบาเยิร์นชุดตอนนี้กันเล่นๆดูบ้าง ดาวิด อาลาบา กับ โทมัส มึลเลอร์ ได้คนละ 7 ยุค เชโรม บัวเต็ง คาบี้ มาร์ติเตียนเนซ มานูเอล นอยเอ้อร์ ราฟินญ่า และ เลวานดอฟสกี้ คนละ 6 ยุค รวม 9 คนคว้าไปแล้ว59 เหรียญนับว่าสูงสุดในบรรดาลีกท็อป 5 ของยุโรปอย่างยิ่งจริงๆ..

2) ฟอร์มเข้าที่
ว่ากันว่าการแข่งบอลลีกก็เสมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น หลังแมตช์เดย์ที่ 15 บาเยิร์นตามหลังดอร์ทมุนด์ถึง 9 แต้ม แม้กระนั้นก็ลดช่องว่างมาที่ 6 แต้มข้างหลังผ่านครึ่งฤดูกาลแรกไป และก็แล้วบาเยิร์นก็ระเบิดฟอร์มแชมป์เก่าได้เสร็จ เมื่อทำผลงานเหมาะสมที่สุดชนะถึง 7 จาก 8 เกมล่าสุด (แพ้นัดหมายเดียว)

ในขณะดอร์ทมุนด์เอาชนะได้เพียงแค่ 4 นัดหมาย (เสมอ 3 แพ้ 1) กระทั่งทำให้พลพรรคเสือใต้ผงาดกลับขึ้นมานำเป็นผู้นำฝูงด้วยผลต่างประตูที่มากกว่า 2 ลูก ในช่วงเวลานี้อาจเรียกได้ว่าบาเยิร์นสตาร์ทเครื่องเต็มกำลังจนนายทัพดอร์ทมุนด์เริ่มออกอาการหวั่นๆแล้วล่ะ

3) ศึกชิงบัลลังก์ที่อัลลิอันซ์ อารีน่า
90 นาทีที่ศึก “แดร์ คลาสสิกเคอร์” ในวันที่ 6 ม.ย.นี้บางทีอาจเป็นการตัดสินชะตาแชมป์บุนเดสลีกาเลยก็เป็นได้ โดยดอร์ทมุนด์จำเป็นต้องยกทัพไปเยี่ยมถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า รังเหย้าของบาเยิร์น มิวนิค ในแมตช์เดย์ที่ 28 หากแม้ในฤดูกาลนี้ บาเยิร์นจะทำผลงานในบ้านได้ไม่สู้ดีนัก

แต่ว่าเชื่อเถอะว่าการเล่นในบ้านเฉพาะหน้าแฟนบอลกว่า 75,000 คนแถมถาดแชมป์บุนเดสลีกาที่พวกเขาเคยชินยังอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วล่ะก็... พลพรรคเสือใต้คงจะเล่นด้วยความดุเดือดกว่าธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย

ช่วงเวลาเดียวกันดอร์ทมุนด์นั้นมีสถิติไม่ค่อยดีนักสำหรับในการมาเยี่ยมดินแดนบาวาเรีย พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับบาเยิร์นใน 4 นัดหมายล่าสุดที่มาเยี่ยมนครมิวนิค เสียถึง 17 ประตู ยิงคืนได้เพียงแค่3 ลูกเพียงแค่นั้น แม้ไม่นับผลงานในยุคของคล็อปป์ที่พาเสือเหลืองมาชนะ 3 เสมอ 1 แล้วล่ะก็ ระหว่างปี 1993 ถึง 2010 ดอร์ทมุนด์ไม่สามารถเอาชนะบาเยิร์นถึงมิวนิคได้เลยในการเจอกันทั้งหมดทั้งปวง 18 ครั้ง ศึกครั้งนี้อาจเป็นเกมที่น่าจับตาที่สุดในฤดูกาลนี้อย่างยิ่งจริงๆ

4) ตัวแปร X
ตัวแปร X ในที่นี้ก็คือดาวยิงที่ฉลองการยิงประตูด้วยกระบวนการทำเครื่องหมาย X เสมอ “โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้” หัวหน้าดาวซัลโวสูงสุดคนตอนนี้เป็นตัวแปรตัวสำคัญสำหรับในการได้แชมป์ของบาเยิร์น ฤดูนี้เขายิงไปแล้ว 17 ประตู และเพิ่งจะทำสถิติเป็นนักเตะต่างชาติที่ทำประตูในบุนเดสลีกาสูงสุดตลอดไป (197 ประตู)

กัปตันทีมชาติประเทศโปแลนด์วัย 30 กะรัตคนนี้คือเครื่องยืนยันการบรรลุเป้าหมายของบาเยิร์น เขาสามารถทำประตูในบุนเดสลีกาได้ถึง 81 เกมซึ่งช่วยให้บาเยิร์นเอาชนะคู่แข่งได้ถึง 75 นัดหมาย เสมอ 5 นัดและก็แพ้เพียงแต่นัดหมายเดียว มีอัตรายิง 1 ประตูในทุกๆ128 นาที บอกได้เลยว่าในเกมที่เหลืออีก 9 นัด เอาช้างมาผลักก็ไม่อยู่...

5) นิโก้ โควัช
ความหวังที่กรุงมิวนิคนั้นยิ่งใหญ่พอได้ พวกเขาไม่ได้อยากต้องการเป็นที่สอง “แชมป์เพียงแค่นั้น” คือจุดมุ่งหมายของเทรนเนอร์ป้ายแดงแห่งถ้ำเสือใต้ แม้จะเริ่มได้อย่างทุลักทุเล

แม้กระนั้นอดีตเทรนเนอร์ “อินทรีแดง-ดำ” ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ตและทีมชาติโครเอเชียก็เริ่มปรับเท่าเทียมในทีมได้ดีขึ้นเรื่อยๆเขาใช้มิดฟิลด์ตัวรับสองคนช่วยสกรีนการบุกให้กับเซ็นเตอร์ตัวหลักอย่าง นิคลาส ซือเล่อ กองหลังดาวรุ่งวัยเพียง 23 ปี นอกจากนี้ยังได้ ฮาเมส โรดริเกซที่หายเจ็บกลับมาช่วยในเกมรุกอีกด้วย

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับบาเยิร์นก็คือ กุญแจสำหรับในการคว้าชัยชนะของพวกเขาไม่ใช่การถล่มคู่ต่อสู้แบบขาดลอยซึ่งมีให้เห็นในหลายๆนัดก่อนหน้านี้ แม้กระนั้นเป็นการเน้นผลที่เกิดจากการแข่งขันในเกมที่ใกล้เคียงชี้ชะตากันด้วยประตูสำคัญๆ

ซึ่งพวกเขามักเอาตัวรอดได้เสมอ ตอนที่ดอร์ทมุนด์เองกลับเสียท่าทำคะแนนหล่นไปหลายต่อบ่อยมาก สิ่งนี้เองที่สร้างความไม่เหมือนให้กับทีมแชมป์และรองแชมป์ และก็นี่บางทีอาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการสังสรรค์แชมป์ลีก 7 ยุคต่อเนื่องกันของพรรคพวกบาเยิร์น ณ จตุรัสมาเรียนพลัตซ์ หลังหมดฤดูสุดมันในเดือนพฤษภาคมนี้ก็เป็นได้
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : alexis-brill

ขอบคุณบทความจาก : [url]http://alexis-brill.com[/url]

Tags : http://alexis-brill.com,alexis-brill.com