Advertisement
เครื่องเสียงติดรถยนต์ นั้นมีอยู่ด้วยกันมากมายระดับราคา และมาจากหลากหลายแหล่งผลิตด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา ยุโรป ไต้หวัน มาเลเซีย ไทย ฯลฯ สินค้าประเภทดังกล่าวสามารถตรวจสอบกันได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นที่ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ไปซื้อหรือได้ไป
ติดตั้งมา, จากผู้นำเข้า, ที่ข้างกล่องสินค้า ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มียี่ห้อ เป็นที่รู้จักกันทั่วไป หรือมีขายในบ้านเรามานาน ก็จะเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถการันตีในขั้นแรกได้ว่า เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และน่าเชื่อถือ ในครั้งนี้จะนำท่านมารู้จักถึงแนวทาง และวิธีเลือกเครื่องเสียงติดรถยนต์กันแบบมืออาชีพ
เข้าใจข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนตกลงใจ
มีผู้บริโภคปริมาณไม่น้อยที่ไม่แน่ใจว่าจะเลือกและเล่นเครื่องเสียงติดรถยนต์อย่างไร และสินค้าที่สนใจอยู่นั้น มีคุณภาพมาก-น้อยแค่ไหน มีแนวเสียงเป็นอย่างไร เราสามารถศึกษา และหาข้อมูลของสินค้าต่างๆ เหล่านั้นได้จากหลายแหล่ง อาทิเช่น เพื่อน, แคทาลอก, ร้านค้า, ผู้นำเข้า หรือนิตยสา
เครื่องเสียงรถยนต์[/url] โดยมีหลักเกณฑ์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ คือ การเปรียบเทียบสินค้าในแต่ละยี่ห้อที่คุณได้มองเอาไว้ก่อนแล้ว (2-3 ยี่ห้อ) หลังจากนั้นเป็นขบวนการในการตรวจสอบ และทดสอบใช้งานในเบื้องต้นว่า มีวิธีใช้งานยาก-ง่ายมากน้อยแค่ไหน
เฮดยูนิท ที่สามารถรองรับสื่อดิจิทอลต่างๆเครื่องเล่นหมวด วิทยุ/ซีดี, วิทยุ/ดีวีดี, ดีวีดี/ทีวี ในสมัยนี้ได้ออกแบบให้รองรับการใช้งานกับสื่อดิจิทอล ออดิโอ และวีดีโอ ที่มีอยู่ด้วยกันมากหลายฟอร์แมทในรูปแบบของไฟล์ต่างๆ ดังนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนการเชื่อมต่อใช้งานกับสื่อบันทึกระบบดิจิทอลต่างๆ อาทิเช่น IPOD, USB, SD CARD หรือ เทคโนโลยี BLUETOOTH ในโทรศัพท์มือถือ ที่มีการดีไซน์ให้ใช้สายเชื่อมต่อเข้ากับวิทยุ และคุมการใช้งานได้โดยตรง หรือใช้อุปกรณ์เสริมต่อการใช้งานร่วมกัน
และถ้าหากคุณกำลังมองหาวิทยุดังกล่าว เพื่อการใช้งานในอนาคต ก็ควรจะตรวจดูข้อมูลเบื้องต้นของสินค้า รวมถึงฟังค์ชันของวิทยุว่ามีอะไรบ้างที่คุณพึงปรารถนา โดยเปรียบเทียบจุดเด่นต่างๆ ของสินค้าสัก 2-3 ยี่ห้อ ก่อนที่จะตัดสินใจ
การจัดระบบ สำหรับอุปกรณ์ขยายเสียงการจัดระบบขยายเสียง มีอยู่ด้วยกันนานารูปแบบ อาทิเช่น ไฮเพาเวอร์, ซิงเกิล-แอมพ์, ไบ-แอมพ์, ไทร-แอมพ์ และระบบเซอร์ราวน์ด คุณควรที่จะทำความเข้าใจว่าระบบต่างๆ เหล่านั้นเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้ออกแบบระบบเสียงของคุณ โดยเลือกอุปกรณ์แยกชิ้นของ ชุดเครื่องเสียงที่จะนำมาเข้าชุดกันได้อย่างเหมาะสม และตรงตามความต้องการของคุณรวมถึงงบประมาณที่ตั้งไว้
ไฮเพาเวอร์: เป็นระบบที่ง่ายที่สุด โดยใช้ภาคขยายในตัววิทยุที่มีกำลังขับตั้งแต่ 45-70 วัตต์x4 แชนแนล (MAX) สามารถนำไปขับลำโพงชุดหน้า และชุดหลังที่ติดมากับรถนอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนลำโพงชุดใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่าเดิม โดยเลือกลำโพงที่มี
ความไวไม่ต่ำกว่า 90 ดีบี (1 วัตต์/1 เมตร) เพื่อไม่ให้ภาคขยายเสียงในตัววิทยุทำงานหนักมากเกินไป
ซิงเกิล-แอมพ์: การจัดระบบเสียงในลักษณะดังกล่าว เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านกำลังขับเสียงที่สูงขึ้น โดยใช้ภาคขยายในตัววิทยุขับลำโพงชุดหลัง และติดตั้งเพาเวอร์แอมพ์ 4 แชนแนล สำหรับขับลำโพงชุดหน้า ส่วนแชนแนลที่เหลือนำไปบริดจ์ ขับลำโพงซับวูเฟอร์ (1 ข้าง) ซึ่งระบบซิงเกิล-แอมพ์จะช่วยเพิ่มเสียงกลาง, แหลมให้กับลำโพงชุดหน้าให้มีความชัดเจน รวมถึงรายละเอียดเสียง และประสิทธิภาพด้านความดังที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังได้เสียงเบสส์ที่หนักแน่น และลึกจากลำโพงซับวูเฟอร์ที่เพิ่มเติมเข้าไปในระบบ
ไบ-แอมพ์: การจัดลำดับชุดในลักษณะนี้จะใช้เพาเวอร์แอมพ์ (2 ตัว) โดยใช้เพาเวอร์แอมพ์4 แชนแนล ที่มีวงจรครอสส์โอเวอร์ไฮพาสส์, โลว์พาสส์ในตัว นำไปตัดความถี่เสียงแหลมเข้าทวีเตอร์ กับโลว์พาสส์เข้าวูเฟอร์ ทำเอาลำโพงชุดหน้าแยกความถี่เสียงกลาง และแหลมได้อิสระ (ระบบ 2 ทาง) และเพาเวอร์แอมพ์ 2 แชนแนล ที่มีครอสส์โอเวอร์ชนิด โลว์พาสส์ เพื่อนำไปตัดความถี่ต่ำให้ซับวูเฟอร์ ส่วนที่เหลือให้ใช้ไฮเพาเวอร์ในวิทยุขับลำโพงชุดหลัง
ทไร-แอมพ์: หมู่ดังกล่าวสามารถใช้เพาเวอร์แอมพ์ 2 หรือ 3 ตัว ด้วยการตัดความถี่เสียงออกเป็น 3 ช่วง (3 ทาง) เพื่อแยกเสียงทุ้ม, กลาง, แหลม ขับลำโพงแต่ละดอก โดยมีลำโพงวูเฟอร์, มิดเรนจ์ และทวีเตอร์ ขับแยกเสียงอย่างอิสระ
ระบบเซอร์ราวน์ด: สำหรับระบบเสียงประเภทนี้ สามารถใช้เพาเวอร์แอมพ์ 2-3 ตัว หรือตัวเดียวก็ได้ เช่น แอมพ์แบบมัลทิแชนแนล (5.1 CH) เพื่อนำไปต่อกับลำโพงได้ครบทั้งชุด (หน้า/เซนเตอร์/หลัง/ซับ) สำหรับความบันเทิงในการฟังระบบเสียงรอบทิศทาง
หรือฟังเพลงในระบบสเตริโอ โดยมีภาคถอดรหัสระบบเสียง DTS/DOLBY DIGITAL และอื่นๆ อยู่ภายในตัว และผู้ผลิตสามารถออกแบบให้มีวงจรถอดรหัสอยู่ในเครื่องเล่นวิทยุ/ดีวีดี, ดีวีดี/ทีวี หรืออุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งาน และงบประมาณ
ของคุณ
วิถีทางลำโพงติดรถยนต์พื้นฐานของหูมนุษย์จะมีขอบเขตของการได้ยินเสียงระหว่างช่วงความถี่ 20-20,000 HZ แต่ช่วงการได้ยินจริงๆ นั้น ส่วนมากจะอยู่ที่ความถี่ 30-15,000 HZ ดังนั้นการออกแบบลำโพงส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บนพื้นฐานในแนวอุดมคติ โดยลำโพงที่มีโครงสร้างกรวยขนาดใหญ่จะตอบสนองได้ดีในช่วงความถี่ต่ำ ส่วนกรวยที่มีขนาดเล็กจะตอบสนองในช่วงความถี่สูงดังนั้นลำโพงที่ดีจะต้องมีประสิทธิภาพในการตอบสนองความถี่ได้ตลอดย่าน
Tags : เครื่องเสียงรถยนต์