Advertisement
มารู้จักรูปแบบชั้นดิน กทม ก่อนจะใช้เสาเข็มเจาะ
ลักษณะชั้นดิน สิ่งที่ท่านควรตระหนักก่อนเลือกใช้เสาเข็มเจาะหรือไม่
กระบวนการการสำรวจรูปแบบชั้นดินก่อนสร้างฐานรากแบบเสาเข็มเจาะ
โครงสร้างรองรับของสิ่งก่อสร้างเป็นองค์ประกอบที่ต้องใส่ใจอย่างยิ่ง เพราะฐานรากเปรียบได้ดั่งรากแก้วของต้นไทรใหญ่ การที่นายช่างจะออกแบบฐานรากเพื่อรับแรงกดบ้านได้ดีนั้น ต้องมีความเข้าใจในเรื่องประเภทของดินของที่ตั้งนั้นเป็นอย่างดี และต้องทำการทดสอบ ขุดชั้นดินขึ้นมาวิเคราะห์อย่างละเอียดยิบเพื่อให้เสาเข็มเจาะที่ทำนั้นมีความทนทาน และปลอดภัยจากสิ่งที่เรียกว่า อาคารวิบัติ เพราะฉะนั้นในฐานะที่ท่านผู้อ่านเป็นผู้อาศัย ควรที่จะมีความรู้เรื่องชั้นดินในตำแหน่งที่ตั้งบ้านบ้าง เพื่อสามารถที่จะรู้เรื่องการดีไซน์โครงสร้างในส่วนฐานของวิศวกรได้อย่างดี
แต่ละพื้นที่ของไทย จะมีรูปแบบชั้นดินที่แตกต่างกันออกไปตามรูปแบบของภูมิศาสตร์ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเป็นชั้นดินทราย มีความหนาแน่นกว่ารูปแบบชั้นดินในกรุงเทพที่เป็นดินเหนียว เนื่องจากมีการสะสมของดินตะกอนปากแม่น้ำเป็นเวลานาน ตั้งแต่บริเวณอ่าวไทยจนถึงภาคกลาง ซึ่งจะพบเรื่องการจมตัวของชั้นดินในอัตราที่สูง โดยประเภทลักษณะชั้นดินของ กทม จะแบ่งแยกออกเป็นดังนี้
1.ส่วนชั้นดินเหนือสุด เป็นรูปแบบชั้นดินเหนี่ยวแข็งปรากฏในระดับ 1-4.5 เมตร มีการแทรกซึมของน้ำได้ยาก
2.รูปแบบชั้นดินเหนียวอ่อนจนถึงอ่อนมาก เป็นชั้นดินถัดจากนั้น อยู่ในช่วงความลึกประมาณ 10-15 เมตร คุณสมบัติคือยุบตัวบ่อยๆเมื่อมีแรงกดทับ ซึ่งเป็นรูปแบบชั้นดินที่สร้างปัญหาให้กับบ้านอย่างมาก
3.รูปแบบชั้นดินเหนียวแข็ง จะมีระดับลึกราว 5-10 เมตร แข็งกว่าลักษณะชั้นดินเหนียวอ่อน
4.รูปแบบชั้นดินทรายชั้นที่ 1 จะอยู่ลึกลงไปอีก มีความหนาของชั้นดินราว 5 เมตร ค่อนข้างจะมีความหนาแน่นสูง รับน้ำหนักที่อยู่อาศัยขนาดเล็กถึงปานกลางได้อย่างดี ซึ่งต้องเจาะให้เสาเข็มเจาะลึกถึงลักษณะชั้นดินระดับนี้
5.ลักษณะชั้นดินทรายแน่นแบบ 2 ระดับความลึกอยู่ราว 40-50 เมตร แข็งกว่าชั้นทราย 1 ซึ่งเหมาะสำหรับรองรับน้ำหนักโครงการขนาดใหญ่ เช่น อาคารพาณิชย์ คอนโด
การที่ทราบได้ว่าตำแหน่งที่ตั้งก่อสร้างบ้านนั้นจะมีองค์ประกอบลักษณะชั้นดินแบบไหน และควรดีไซน์เสา
เข็มเจาะให้ลึกลงไปเท่าไหร่ ขบวนการนี้วิศวกรจะใช้แนวทางเจาะสำรวจชั้นดิน (Soil boring) เพื่อนำดินมาพิจารณาเป็นองค์ประกอบในการออกแบบฐานราก โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้
1.เรียนรู้ลักษณะส่วนประกอบที่อยู่อาศัย ชนิดรูปแบบ น้ำหนักที่ที่มีต่อโครงสร้างตึก
2.รวบรวมข้อมูลดิบเจาะสำรวจ โดยหาข้อมูล
เสาเข็มเจาะ[/b]โครงการเก่าๆ ของโครงการข้างเคียงที่สร้างมาก่อนหน้า เพื่อทราบถึงความลึกฐานรากของแต่ละอาคารว่าแตกต่างกันอย่างไร โดยหากมีการเก็บรายงานเจาะสำรวจได้ดี การเจาะสำรวจจะทำได้ง่ายขึ้น
3.จากนั้นทำการพิจารณาสถานที่ปลูกสร้าง สภาพดิน ตึกรอบข้างๆ
4.เจาะสำรวจดินเก็บตัวอย่างดิน ในทุกๆ ระดับ 1.5 เมตร ตลอดระดับลึกกว่าพื้นดิน 20-30 เมตร สำหรับโครงการขนาดใหญ่ โดยเก็บตัวอย่างชั้นดินเหนียวอ่อนถึงแข็งปานกลาง
5.การเจาะสำรวจรูปแบบชั้นดินจะใช้เครื่องมือเจาะระบบ rotary โดยการตอกsteel casing ป้องกันการพังของหลุม ส่วนวิถีทางเจาะจะประเภทฉีดล้าง และนำเก็บตัวอย่างดิน 2 ชนิด ทั้งดินคงสภาพ และตัวอย่างดินเปลี่ยนสภาพขึ้นมา
6.นำดินที่เก็บได้มาทดลองในห้องดำเนินงาน โดยใช้การตรวจสอบประเภทต่างๆ เช่น การทดสอบแรงอัดแกนเดียว เป็นต้น
หลังจากนั้นจึงนำเอาข้อมูลชั้นดินมาพิจารณาว่าควรจะเลือกสรรใช้โครงสร้างอย่างใด แบบตื้น หรือฐานรากเสาเข็มเจาะ ยิ่งไปกว่านี้การตรวจสอบชั้นดินยังสามารถเอามาเป็นข้อมูลตรวจสอบมูลเหตุความวิบัติของตึกและวิธีการแก้ปัญหาได้อีกด้วย
โทรติดต่อ
เสาเข็มเจาะราคามิตรภาพได้ที่นี่
Tags : เสาเข็มเจาะ,เสาเข็มเจาะราคา,เข็มเจาะ