นครเพตรา 1 ใน 7 สิ่งอัศจรรย์ของโลก

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นครเพตรา 1 ใน 7 สิ่งอัศจรรย์ของโลก  (อ่าน 53 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
promiruntee
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19636


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2019, 02:49:41 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

นครเพตรา อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมายเป็นลำดับที่หนึ่งของโลก นครหินแกะโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขา วาดี มูซา หรือ ซอกเขาโมเสส ที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบาในประเทศ จอร์แดน นครนี้แต่ก่อนเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ซึ่งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลายาวนานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักตรวจชาวประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบเจอเข้าเมื่อปี พ.ศ. 2355 (ค.ศ. 1812) ซึ่งปัจจุบันได้แปลงเป็นเครื่องหมายที่สำคัญและเป็นสถานที่สำหรับท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้าชมสูงที่สุดของประเทศจอร์แดน
 
 นครเพตราได้รับสมัครสมาชิกจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พุทธศักราช 2528 โดยกล่าวชี้แจงไว้ว่า “ยอดเยี่ยมในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ”
 เมื่อวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2550 นครเพตราได้รับคัดให้เป็น 1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยใหม่ของโลก จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งยังทางอินเทอร์เน็ตและก็โทรศัพท์มือถือ
 
 ในการท่องเที่ยวในนครเพตรานั้น นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้ยกย่องในความสวยสดงดงามของนครโบราณซึ่งยังคงหลงเหลือเพียงซาก โดยเฉพาะจุดกำเนิด ของปากทางเข้าหลักที่เรียกกว่า สิกข์ เป็นช่องกำแพงในช่องเขามืดมัวซึ่งมีความสูงโดยประมาณ 91-182 เมตร หรือราว 300-600 ฟุต ซึ่งบางแห่งนั้นมีความกว้างไม่เกิน 3 เมตร อีกด้วย
 เมื่อพ้นกำแพงหินคุณจะได้พบกับมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-ค้างซเนท์ ซึ่งสันนิษฐานว่าจะสร้างในราวศตวรรษที่ 1-2 โดยผู้ปกครองเมืองณ ตอนนั้น เป็นวิหารที่แกะโดยเจาะเข้าไปในภูเขาสีชมพูทั้งยังลูกมีความสูง 40 เมตร และมีความกว้าง 28 เมตร วิหารแห่งนี้ได้ถูกดีไซน์โดยได้รับอิทธิพลศิลป์ของหลายชาติเข้าด้วยกัน ดังเช่นว่า อิยิปต์ ภาษากรีก นาบาเทียน
 นอกนั้นด้านในยังมีหลุมฝังศพต่างๆของเกษตรกรบาเทียน สุสานกษัตริย์ ชมโรงละครโรมัน ที่แกะสลักจากภูเขาโดยมีแนวราบที่นั่งเสมอกันรวมทั้งมีความสมดุลย์ได้อย่างน่าทึ่ง คาดคะเนเดิมทีสร้างโดยชาวนาบาเทียน ต่อมาในยุคที่โรมันเข้ามาปกครองได้ต่อเติมแล้วก็สร้างเสริมเติม มีที่นั่ง 32 แถว จุผู้ชมได้ราว 3,000 คน
 
 ชนกลุ่มแรกที่เดินทางเข้ามาสู่เพตราเป็นพวกเอโดไมต์ ซึ่งเข้ามาราวปี 1000 ปีก่อนคริสตกาล แต่ชนชาติที่สร้างเมืองเพตราขึ้นมานั้นคือชาวนาบาเทียนในตอนศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล ซึ่งตอนแรกเป็นเพียงแต่ชนเผ่าระหกระเหินในทะเลทรายอาหรับ คนพวกนี้สกัดผาหินทรายเป็นบ้านเรือนแล้วก็อาศัยอยู่ในถ้ำทีมีอยู่ทั่วเมือง พวกเขามีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะแต่ว่าแปลงมาค้าขายแล้วก็รับจ้างเป็นยามรักษาความปลอดภัยให้แก่กองคาราวาน คนเผ่านี้มีความซื่อตรง ค่าธรรมเนียมผ่านทางที่เรียกเก็บจากผู้สัญจรก็ช่วยทำให้พวก นาบาเทียนมีชีวิตที่รุ่งเรื่องขึ้น
 
 ปัจจัยที่เพตราตั้งอยู่บนดินแดนอันแห้ง มีแต่หินกับทรายนั้นก็คงจะเนื่องจาก เพตราตั้งอยู่เส้นทางการค้าสำคัญที่สุดของโลกเวลานี้ 2 สาย ได้แก่ทางสายสายทิศตะวันออก – สายตะวันตกแหลมอาหรับกับอ่าวอิหร่านจนถึงสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน รวมทั้งสายสายเหนือ – ใต้ ที่เชื่อมสมุทรแดงกับ กรุงดามัสกัส ซีเรีย นอกจากนี้เมืองนี้ยังมีแหล่งน้ำจืดสำคัญซึ่งต่อมาเรียกกันว่า วาดี มูซา หรือ ช่องเขาโมเสส ซึ่งเล่ากันว่าเป็นน้ำที่ได้เมื่อโมเสสเสกออกมาเพื่อให้ชาวยิวได้รับประทานแก้กระหาย เหล่าพ่อค้าหรือผู้เดินทางที่เดินทางผ่านทะเลทรายอันว่างเปล่ารวมทั้งแห้งใกล้เคียงนั้นไม่มีทางเลือกอื่น เว้นเสียแต่มุ่งมาที่เมืองเพตราสิ่งเดียว
 เพตราเป็นศูนย์กลางค้าขนาดใหญ่ จนกระทั่งทำให้นักทัศนาจรชาวกรีกมักนำเรื่องความร่ำรวยมาเล่าให้ฟัง ตามบันทึกของสตราโบ นักภูมิศาสตร์ชาวภาษากรีกได้อธิบายไว้ว่า เมืองเพตราเป็นตลาดซื้อสินค้าสำคัญที่สุดของประเทศตะวันออก ยางไม้หอม กำยาน เครื่องเทศของชาวอาหรับ ทองแดง เหล็ก เครื่องเคลือบ รูปปั้น ผ้าย้อมของชาวฟินิเซียนล้วนถูกลำเลียงผ่านเมืองเพตราไปสู่สมุทรเมดิเตอร์เรเนียน และชาวเปอร์เซีย
 เพตราก้าวหน้าถึงขีดสูงสุดในตอน 50 ปีกลายคริสตกาล จนกระทั่งคริสต์ศักราชที่ 70 ปัจจุบันนี้เพตราถูกดูแลด้วยกษัตริย์นาม อารีตัสที่ 4 คนที่ชาวกรีกชมเชยให้ว่า ฟิโลเดมอส ซึ่งแปลว่า ผู้รักพลเมืองและก็ด้วยความมั้งคั้ง ความเป็นเมืองที่อยู่ห่างไกล และก็ชัยภูมิอันเหมาะแก่การเป็นผู้พิชิต ก็เลยทำให้เมืองได้โอกาสเจริญเติบโตได้อย่างไม่ยากเย็นโดยไม่ต้องกลัวศัตรูจากพายนอก
 
 ชาวเพตรานับถือเทวดาสององค์เป็น เทวดามองซาเรส เทวดาแห่งความอุดมสมบูรณ์และก็เทวดาอัลอัซซา ชายาของเทวดามองซาเรส เทวีที่น้ำ
 การล่มสลายเนื่องด้วยกำเนิดเมืองใหม่รวมทั้งเส้นทางค้าขายใหม่ที่ปลอดภัยและก็สะดวกกว่าในขณะถัดมา เพตราที่เคยรุ่งเรืองด้วยการค้าก็เริ่มสูญเสียอำนาจลง เมืองอ่อนแอรวมทั้งถูกต่างชาติจู่โจมเข้าได้ง่ายจนถึงเมื่อถึงปี พุทธศักราช 649 (ค.ศ. 106) พวกโรมันนำโดยจักรพัตราธิราชทราจัน หรือ ไทรอะนุส ได้เข้ายึดครองเพตราและก็เพิ่มเติมนครนี้เข้ามาเป็นจังหวัดในจักรวรรดิโรมัน แต่เพตราก็ยังคงยังอยู่เรื่อยมาจนถึงราวปี ค.ศ. 300 เมื่อจักรวรรดิโรมันเริ่มคลอนแคลน ซึ่งต่อมาในปี พุทธศักราช 906 (ค.ศ. 363) แผ่นดินไหวก็ได้ทำลายอาคารและระบบชลประทานที่นับว่าดีมากของเมืองลง
 ในตอนคริสต์ศตวรรษที่ 5 เพตรา กลายเป็นที่ตั้งศาสนาคริสต์บริเวณของบิชอป แล้วถูกชาวมุสลิมยึดในคริสต์ศตวรรษที่ 7 และเสื่อมโทรมมาเรื่อยๆกระทั่งลบเลือนหายไปจากผู้คน
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : aboriginalhousing

ที่มา : [url]http://aboriginalhousing.org/[/url]

Tags : http://aboriginalhousing.org/,aboriginalhousing



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ