Advertisement
แมวพันธ์ุสฟิงค์เป็นแมวที่มีขนาดกึ่งกลางจนถึงขนาดใหญ่ เป็นแมวที่มีกล้ามเนื้อรวมทั้งน้ำหนักค่อนข้างมาก หูมีขนาดใหญ่รวมทั้งกว้างคล้ายกับหูของเหลือคาว ดวงตากลมแล้วก็กว้างมีรูปร่างเสมือนเลม่อน ด้วยลักษณะของดวงตาทำให้แมวสฟิงค์น่าเข้าหาและก็มีความคุ้นเคย ดวงตาของแมวไม่มีสีที่แจ่มแจ้งสามารถมีได้หลากสี ในแมวมีโหนกแก้มที่แจ่มชัดจะทำให้ระลึกถึงแมวอียิปต์ในตำนาน
หนวดแมวรวมทั้งขนคิ้วสามารถพบได้ในแมวสฟิงค์เช่นกัน หรือบางเวลาอาจไม่เจอเลยก็ได้ หากว่าพบว่ามีหนวดแมว รูปแบบของหนวดแมวที่เจอจะมีความเปราะและจัดแถวแบบอย่างขจุยขจาย แต่ขนที่รอบๆอุ้งเท้าและท้องจะมีความหนาแน่น บางครั้งบางคราวบางทีอาจเรียกว่า "pot belly" ทั้งสิ้นนี้เป็นลักษณะที่ควรเจอในแมว ถ้าหากว่ามีเรื่องที่น่าสงสัยให้กระทำถามไถ่สัตวแพทย์
ไม่ใช่แมวสฟิงค์ทุกตัวจะไม่มีขน ผิวหนังของแมวมักถูกหุ้มไว้ด้วยเยื้อบางๆซึ่งสามารถรู้สึกได้จากการสัมผัสหรืออาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพราะเยื่อบางๆนี้ทำให้ผิวหนังของแมวมีความอุ่นแล้วก็นิ่ม อีกลักษณะซึ่งสามารถเจอได้ในแมวพันธ์ุนี้ คือ การมีรอยย่นตรงแถวๆหัวไหล่ ระหว่างหูทั้งสองข้างละปลายจมูก
รอยย่นนั้นไม่ได้เจอเพียงแต่แมวพันธ์ุสฟิงค์เท่านั้นแต่สามารถเจอในแมวพันธ์ุอื่นได้ด้วยเหมือนกัน แต่ว่ามักเห็นในแมวสฟิงค์เพราะว่าเป็นแมวที่ไม่มีขน จุดแข็งที่ผิวหนังจะมีความเหมือนกับลักษณะที่มีอยู่บนขน โดยลักษณะที่ทำให้เป็นแมวสฟิงค์นั้นเป็นการไม่มีขน โดยเหตุนี้แมวสฟิงค์จะไม่เจอจุดเด่นหรือสีขนใดๆก็ตามนอกจากแต่ว่าจะมีการระบุถึงสีหรือแบบอย่างที่กำหนดไว้ว่าเป็นลักษณะของแมวสฟริงค์
บุคคลิกภาพรวมทั้งอารมณ์
แมวสฟิงค์เป็นแมวที่มีพลังงานมากสามารถแขวนโลดโผนได้เหมือนลิง แต่ว่ามีความรู้ความเข้าใจสำหรับในการทรงตัวได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการปีนขึ้นไปบนชั้นสำหรับวางหนังสือ ปีนขึ้นประตู หรือแม้จะเกาะอยู่บนไหล่ของผู้คนเหมือนกับนกก็ทำได้ แมวสฟิงค์ยังเป็นแมวที่อยากความสนใจจากมนุษย์อีกด้วย
แมวจะเป็นเหมือนตัวตลก คอยกระโจนและก็ทำเรื่องหน้าอายอยู่เสมอ นอกจากนี้แมวยังเป็นสัตว์ขี้สงสัยแล้วก็ดื้อรั้นพร้อมกับความฉลาดทำให้สามารถควบคุมได้ออกจะง่าย
เนื่องจากว่าความสนุกคุ้นเคยและก็สามารถควบคุมได้ง่ายทำให้แมวสฟิงค์นั้นมักถูกจัดแสดง แมวพันธ์ุนี้ต้องเป็นแมวที่เลี้ยงอยู่ด้านในด้วยเหตุว่าสิ่งสวยสดงดงามข้างนอกอาจทำให้เป็นอันตรายแก่มันได้ นอกนั้นแมวประเภทนี้ยังเป็นแมวที่มีความซื่อและเป็นสุดที่รักปรารถนาแก่เจ้าของมากมาย มันจะคอยเดินตามคุณเจ้าของทั่วบ้าน แล้วก็วิ่งไล่งับหางตนเอง แมวสฟิงค์เป็นแมวที่ถูกใจเผยชอบที่จะได้ความพอใจจากคุณผู้ครอบครองและไม่ถูกใจที่จะถูกเพิกเฉย ทั้งยังสามารถเข้าก้าวหน้ากับสัตว์จำพวกอื่นๆทั้งหมารวมทั้งแมว
สุขภาพและการดูแล
แม้ว่าแมวสฟิงค์จะเป็นแมวที่ไม่มีขน แต่ว่าก็จำเป็นจะต้องกระทำแปรงขน แมวปกติทั่วๆไปจะดูดซับน้ำมันจากร่างกายผ่านทางขน แต่เนื่องมาจากแมวสฟิงค์นั้นไม่มีขนทำให้ไม่สามารถเก็บน้ำมันไว้ได้ส่งทำให้แมวมีปัญหาด้านผิวหนังได้หากไม่กระทำแปรงขน การอาบน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้งจะสามารถช่วยในการขจัดคราบน้ำมันที่ร่างกายทำขึ้นเพื่อผิวหนังของแมวมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและเครื่องเรือนสะอาด
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวัง คือ การหลีกเลี่ยงการเช็ดกแสงตะวัน แสงแดดปริมาณน้อยๆจะทำให้สีผิวหนังมีความเข้มขึ้น แต่ว่าถ้าเกิดได้รับในปริมาณที่มากเกินบางทีอาจมีการไหม้ได้ เช่นเดียวกับผิวของผู้คน
แมวพันธ์ุสฟิงค์เป็นแมวที่มีความแข็งแรงและไม่มีสภาวะโน้มนำความไม่ปกติอะไรก็แล้วแต่อย่างเฉพาะ แม้กระนั้นบางทีอาจเจอปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพบางสิ่งบางอย่างได้
ในคนที่มีสภาวะภูมิแพ้ต่อสะเก็ดผิวหนังของแมวอาจทำการเลือกเลี้ยงแมวสฟิงค์เป็นทางเลือกแทนที่จะเลี้ยงแมวขนฟูตัวอื่นๆแม้กระนั้นไม่มีแมวชนิดไหนที่เลี้ยงแล้วไม่เกิดการแพ้ ด้วยเหตุว่าตัวแมวจะคอยผลิตน้ำมันที่มีผลต่อการแพ้ออกมา ในแมวสฟิงค์จะก่อให้บางคนมีการแพ้มากมายเนื่องจากว่าได้รับจำนวนน้ำมันที่มากกว่าธรรมดา
แต่ในทางตรงกันข้าม บางบุคคลที่มีสภาวะภูมิแพ้พบว่าแมวสฟิงค์เป็นแมวที่เหมาะสมแก่พวกเขา ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ควรที่จะกระทำการทดลองการแพ้ต่อน้ำมันของแมวก่อนจะรับแมวมาเลี้ยง
ความเป็นมา
ลักษณะความไม่ดีเหมือนปกติของการไม่มีขนย้ายแมวสฟิงค์นั้นอาจเกิดขึ้นมาจากการกลายพันธ์ุของสายพันธ์ุ ในหนังสือเรื่อง"The Book of the Cat" ที่ถูกเผยแพร่เมื่อปี ค.ศ. 1903 จะอ้างถึงแมวคู่หนึ่งที่ไม่มีขนที่เรียกว่า Mexican Hairless และถัดมามีการพูดถึงแมววชิระทองที่คลอดลูกมาเป็นลูกแมวไม่มีขนในปี 1950 ในเมืองปารีส แม้ว่าจะมีการผสมซ้ำแต่ก็ยังได้ลูกที่ไม่มีขนตัวอย่างเช่นเดิม แต่ถ้าหากผสมกับแมวสายฟ้าสุวรรณตัวอื่นจะได้ลูกที่มีขนปกติ
ตัวอย่างแมวที่ไม่มีขนอื่นถูกศึกษาค้นพบที่ประเทศโมคอยกโค ออสเตเรีย นอท แคโรลิที่นา และแคนาดา ในปี 1966 มีแมวท้องถิ่นขนสั้นได้ทำผสมแล้วก็ได้ลูกที่ไม่มีขนออกมาทำให้แมวสฟิงค์ดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน
แม้กระนั้นอย่างไรก็ดี เรื่องราวของแมวสฟิงค์ที่คุ้นเคยเริ่มขึ้นในปี 1975 เจ้าของฟาร์ม Minnesota ชื่อว่า Milt รวมทั้ง Ethelyn Pearson พบลูกแมวที่ไม่มีขนมีต้นเหตุมาจากแมวที่เลี้ยงอยู่ข้างในฟาร์มที่ชื่อว่า Jezabelle แล้วต่อจากนั้นลูกแมวตัวนี้ที่ชื่อว่า Epidermis ทำการผสมกับลูกแมวที่ไม่มีขนอีกตัวชื่อ Dermis แล้วก็ได้ขายให้แก่คนปรับปรุงพันธ์ุ Kim Mueske
ในปี 1978 ผู้แก้ไขพันธ์ุแมววิเชียรทอง ชื่อ Shirley Smith พบเจอลูกแมวสองตัวที่ไม่มีขนอยู่ที่ถนนของหมู่บ้านใกล้กัน โดยลูกแมวสองตัวนี้นั้นมาจาก Dr. Hugo Hernandez ที่ผสมกับแมวขาวพันธ์ุDevon Rex ชื่อ Curare van Jetrophin ถึงแม้ว่าแมวที่ได้จากการผสมนี้จะไม่ใช่แมวสฟิงค์ที่รู้จักกันในตอนนี้เนื่องด้วยการผสมระหว่างแมวสฟิงค์รวมทั้งแมว Devon Rex จะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดความผิดแปลกทางพันธุกรรม และทำให้ไม่เป็นที่ตื่นตาตื่นใจในวงการแก้ไขพันธ์ุเท่าไรนัก
นักปรับปรุงแก้ไขพันธ์ุชาวยุโรปและก็อเมริกาเหนือได้มีการวางแผนปรับแก้พันธ์ุแมวสฟิงค์ โดยจะเลือกลูกแมวที่มีลักษณะทางกายภาพและก็ทางด้านอารมณ์ที่สมควรต่อการนำมาพัฒนาสายพันธ์ุ ซึ่งการแก้ไขครั้งนี้ทำให้ได้สายพันธ์ุที่แข็งแรง
ในปี 2002 สัมพันธ์ Cat Fanciers Association เห็นด้วยให้แมวสฟิงค์เข้ากระทำการชิงชัย Championship class แล้วก็ในปี 2006 คุณ Rebekah Lewis เจ้าของ Majikmoon Will Silver With Age Rebekah Lewisชนะการแข่งขัน CFA ในปีนั้น รวมทั้งในปี 2007 Enchantdlair NWA Cornflake Girl ชนะรางวัลลูกแมวประจำปี
สิ่งที่น่าสนใจในปี 1997 คือแมวสฟิงค์ชื่อ Ted Nude-Gent ได้รับบทเล่นอยู่ในภาพยนตร์ตลกที่ดัง ชื่อ Mr. Bigglesworth รวมทั้ง Austin Powers: International Man of Mystery และในปี 1999 ยังได้รับเล่นในเรื่อง Austin Powers: The Spy Who Shagged Me ในหนังพักหลังจะพบว่าเป็น Ted Nude-Gent ขนาดเล็กมาเล่นแทน ซึ่งนั้นคือลูกของ Ted Nude-Gentนั้นเอง โดยอีกทั้งสามตัวมีชื่อว่า Mel Gibskin Skindiana Jones รวมทั้ง Paul Nudeman
จากที่ได้กล่าวไปข้างต้น แมวพันธ์ุ Devon Rex ไม่นิยมเอามาผสมกับแมวสฟิงค์เพราะว่าจะมีผลให้เกิดความไม่ปกติของพันธุกรรมได้ แม้กระนั้นจะกระทำผสมนอกสายพันธ์ุกับแมวพันธ์ุ American Shorthair จนถึงปี 2010 และหลังจากนั้นจะกระทำผสมในระดับสายพันธ์ุถัดมา
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
zero1arabTags : zero1arab.com
