Advertisement
รีวิวฮอนด้า 2020[/u] All New Honda City เทอร์โบ 1.0 ลิตรAll New Honda City เทอร์โบ 1.0 ลิตร พลังหนุ่ม แต่ตอนล่างอ่อนโยนกลางคน
จะต้องเกริ่นก่อนว่า การมาทดลอง Honda City ในคราวนี้ เป็นการถูกชวนมาทดสอบกันแบบนิดๆหน่อยๆ ก่อนจะ Full Test กันในช่วงเวลากลางเดือนม.ค.อีกครั้ง ทำให้การทดสอบ ณ สนามทดสอบ ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี ทวีปเอเชีย แปซิฟิค จังหวัดปราจีนบุรี เป็นการลองขับแบบ First Impression หรือ แรกสัมผัสขนาดแท้
ฮอนด้า สิตี้ เดิมทีเป็นรถขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเบอร์ต้นของตลาดในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาด บีเซ็กเมนท์ แข่งเบียดกันแบบล้อต่อล้อมาโดยตลอดในด้านยอดจำหน่ายกับคู่ปรปักษ์สำคัญในกรุ๊ปเดียวกันจากค่ายยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า
การกลับมากับการถูกนำเข้าไปอยู่ในชนชั้นของ Eco Car Phase 2 และก็เรียกแทนตนเองว่าเป็น รถยนต์ซิตี้คาร์ จึงเป็นการปรับเปลี่ยนที่ดูมีความแปลกใหม่แล้วก็น่าดึงดูดในหลายเรื่อง
All New Honda City มาพร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่าง สำหรับเพื่อการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ แอลอีดี และก็ไฟท้ายแบบ LED กระเต็มหน้าแบบโครเมียม เสาอากาศแบบครีบปลาฉลาม รวมทั้งล้ออัลลอยออกแบบใหม่ขนาด 15 นิ้ว
ข้างในห้องโดยสารมองดูหรูหราด้วยโทนสีดำ เบาะหนัง คอนโซลหน้าแบบ Piano Black มือจับเปิดประตูภายในตกแต่งโครเมียม แต่จะมีข้างในสีทูโทน ไอเวอปรี่/ดำ เฉพาะรุ่น SV ให้เลือก
เครื่องวัดเรืองแสงพร้อมหน้าหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบเครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay รวมทั้งระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงดอกไม้แบบมัลติฟังก์ชัน ปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงแล้วก็ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ฯ
Honda City ในรุ่น RS จะมองสะดุดตาขึ้น ด้วยชุดแต่งรอบคัน กระจังหน้าแบบ Gloss Black และก็เครื่องหมาย RS กันชนหน้าและก็กระจังหน้าสไตล์สปอร์ต กระจกมองดูข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยว สปอยเลอร์หลัง Gloss Black สัญลักษณ์ RS รวมทั้งล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ห้องโดยสาร เบาะหนังกลับตกแต่งด้วยเส้นด้ายสีแดง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ มาตรวัดเรืองแสงสีแดง
เครื่องจักรกลเบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 12 วาล์ว มาพร้อมเทอร์โบชาร์จ มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ฮอนด้าเคลมอัตราประหยัดน้ำมันที่ 23.8 กิโลเมตร/ลิตร
ระบบเกียร์ออโตเมติกแบบ CVT มีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ดีต่อสภาพสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และก็สามารถรองรับน้ำมัน E20
ส่วนประกอบตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกคุ้มครองล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจัดกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) และก็กล้องถ่ายภาพส่องภาพข้างหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)
ทรรศนคติต่อ ฮอนด้า สิตี้ เจเนอเรชั่นที่ 5…จำต้องบอกว่า ฮอนด้า ดูเหมือนจะถนัดมากในเรื่องการทำรถให้สวยงามถูกอกถูกใจผู้ใช้ การเลือกใช้เส้นสายเพื่อเกิดอัตลักษณ์ที่เด่นดูลงตัวในเกือบทุกจุด
การจัดวางอุปกรณ์การให้ความสะดวกสบายข้างในอยู่ขั้นดี นอกจากงดงามยังย้ำรองรับการใช้แรงงานจริง ในทุกพื้นที่ซึ่งก็ถือเป็นอีกหัวข้อเด่นของฮอนด้า
แต่การเลือกเน้นย้ำไปที่ความสวย อีกทั้งข้างนอกภายใน ไปจนกระทั่งการเลือก Downsizing เครื่องจักรจากเดิมเบนซิน 1.5 ลิตร 4 ดูด เป็น 1.0 ลิตร 3 ดูดแทน ดูเหมือนกระทบกระเทือนไปถึงการควบคุมเงินลงทุนการผลิตอยู่บ้าง แม้จะลดต้นทุนไปบ้างจากการเลือกใช้แชสซีย์เดิมแต่ว่าปรับแต่งใหม่ แต่ก็ยังส่งผลไปถึงการขาดหายไปของออปชั่นบางสิ่งบางอย่าง
ซึ่งมองคล้ายว่าคือปัญหาของฮอนด้า มานาน เมื่อเทียบกับคู่ปรปักษ์ทั้งสิ้นในตลาด
แม้จะทำราคาวิธีขายถูกลงกว่ารุ่นเดิม แต่ก็ยังมีการถูกติดป้ายจากผู้ซื้อว่า ฮอนด้าเป็นสายกั๊กออปชั่น ยิ่งเมื่อนำไปเทียบกับคู่แข่งโดยตรงปัจจุบันนี้อย่าง นิสสัน อัลเมร่า ใหม่
แต่การทราบว่าจะขายอะไรให้กับลูกค้าตนเองของฮอนด้า…ดูเหมือนน่าสยดสยองกว่าอื่นใดทั้งผอง
ภายในคืออีกหนึ่งจุดเด่น การจัดวางช่องวางของ ขวดน้ำ ถ้วยน้ำ หรืออีกสารพันมีพื้นที่อย่างมากเกิน สิ่งของภายในแบบบุนุ่มให้รู้สึกสัมผัสที่ดี
เบาะนั่งข้างหน้าออกแบบทรงมาคล้ายกับฮอนด้า ซีวิค นั่งโอบกระชับแผ่นหลังดี ส่วนเบาะแถวหลังตอนวางขากว้างเวิ้งขวาง แต่ในส่วนของหลังคาดูเหมือนจะเอียงลงมากว่ารุ่นเดิมจนถึงแบบรู้สึกพื้นที่บนหัวน้อยไปนิด
ด้านความสามารถ…
คุณควรลืมภาพรถแม่บ้าน ขับง่าย พวงดอกไม้เบาโหวงเหวง ตอนล่างหวั่นไหวง่าย ไปได้เลย
แม้จะเป็นการทดลองอันแสนสั้นกับระยะทาง 2.18 กม.ในรอบใหญ่ และก็ 1.3 กม.ที่เลียนแบบสภาพถนนหนทางจริงในรอบเล็ก ก็เพียงพอจะเก็บอาการมาฝากและเล่าสู่กันฟังได้พอสังเขป
การกลับมาเกิดใหม่ของ ฮอนด้า สิตี้ ยึดดีเอ็นเอความหล่อเหลาไว้เหมือนเดิม แม้กระนั้นเพิ่มอีกด้วยการอัพเกรดความสามารถใหม่ทั้งหมด
เครื่องจักร คือ สิ่งที่ฮอนด้าภาคภูมิใจจะพรีเซ็นท์ เบนซิน 3 ดูด ขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 12 วาล์ว เทอร์โบชาร์จ ตัวนี้ คือ เครื่องจักรที่ใส่อยู่ในซีวิครุ่นที่ขายอยู๋ในประเทศจีน และอเมริกา การนำมายัดใส่รถยนต์ที่มีขนาดเล็กลงแล้วก็จำเป็นต้องปรับจูนให้ผ่านมาตรฐานอีวัวคาร์เฟส 2 เกิดเรื่องที่น่าค้นหา
ลักษณะเด่น คือ เครื่องจักร VTEC เต็มระบบอันเลื่องชื่อของฮอนด้า ระบบแคมชาฟท์ Dual VTC เพิ่มลดรองศาของแคมชาฟท์สำหรับเพื่อการเปิดปิดวาลว์ไอดี ไอเสีย ให้ตอบสนองต่อการทำงานก้าวหน้าขึ้น
อินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ ซึ่งพิเศษด้วยการต่อว่าดตั้งไว้ 2 ตัว ตัวแรกไว้สำหรับการระบายความร้อนปกติ แต่ว่าอีกหนึ่งตัวไว้สำหรับเพื่อการช่วยระบายความร้อนของเทอร์โบโดยตรง จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เต็มที่
สนามทดสอบที่เป็นรูปแบบของไฮสปีด จึงช่วยขับให้เรามองเห็นสมรรถนะของเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ตัวนี้ได้ชัดและง่ายดายมากยิ่งขึ้น จังหวะการกดคันเร่งเพื่อไล่ความเร็ว พบว่ากำลังวังชามาไวกว่าที่คาด ตอนทางตรงเผลอน้อยมากวิ่งทะลุไปถึง 140-150 กม.ต่อช่วโมง แต่ตามมาด้วยรอบเครื่องจักรกลที่พุ่งสูงไปถึง 4000 รอบต่อนาที
จังหวะใช้ความเร็วปานกลาง แล้วยกคันเร่งก่อนจะชนคันเร่งลงไปซ้ำอีกครั้ง ก็ยังสนองตอบเจริญ เจออาการเหวอค่อนข้างน้อย ส่วนหนึ่งคงจะมาจากการเซ็ทเกียร์ CVT มาได้ลงตัวกว่าเดิม โดยในตัวชุดเกียร์ CVT ก็มีการปรับแต่งในส่วนขององศาของตัวสายพานกระดูกงูใหม่ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้กระนั้นอย่างไรก็แล้วแต่ ฮอนด้า ยังเป็น ฮอนด้า ที่ตั้งใจเซ็ทเครื่องจักรกล ไม่ให้ปรู๊ดปร๊าด หรือลากใกล้ ยังคงเซ็ทให้รถยนต์เป็นเครื่องจักรเทอร์โบแบบผู้ดี ดำรงชีวิตเรียบง่ายในยามธรรมดา แม้กระนั้นมีกรุสมบัติที่ซ่อนไว้ให้ใช้เหลือเฟือเมื่อปรารถนา
ตอนล่าง เป็นสิ่งที่ต้องการจะจ้องเยอะที่สุด เพราะเหตุว่าส่วนตัวไม่เคยเชื่อในสมรรถนะตอนล่างของฮอนด้า
การให้ความใส่ใจ และก็ไล่ปรับปรุงแก้ไข ตั้งแต่ตัวบอดี้ที่เสริมให้แข็งแรงขึ้น การปรับเซ็ทแชสซีส์ตัวเดิมให้ลงตัวกว่าเก่า ไปจนกระทั่งการปรับจูนระบบช่วงล่างให้รองรับกับความล้นเหลือของเครื่องจักรทำให้ภาพลักษณ์ของ ฮอนด้า สิตี้ เปลี่ยนไป
ยกฐานะ… น่าจะเป็นคำที่สมควรแล้วก็ถูกยกมามอบให้กับความสามารถตอนล่างของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ คันนี้
ช่วงล่างดูเป็นรถยนต์ญี่ปุ่นผู้ดี มีความละมุนละไม แม้กระนั้นแน่นหนึบ รองรับการใช้แรงงานได้อย่างทั่วถึง ในช่วงทางตรงใช้ความเร็วสูงมาก ตัวรถยนต์ยั่งนิ่งทรงอาการเจริญ ช่วงเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงมากมายเช่นเดียวกัน หากเป็นในรุ่นเดิมน่าจะมีลักษณะท้ายออก โยกย้วย แม้กระนั้นตัวนี้จับสัมผัสได้น้อยมาก
ตอนถนนที่เลียนแบบเนินหลุมของถนนหนทางประเทศไทย ช่วยขับอาการความละมุนละไมของช่วงล่างมาให้พวกเราสัมผัสก้าวหน้า การให้ตัวในจังหวะยุบโยก ไม่ส่งให้ช่วยวิงเวียนไปยังผู้โดยสาร
เป็น ไม่ได้เซ็ทมาให้ แน่นแข็งเป็นรถวัยรุ่น แต่ว่า เซ็ทมาให้รองรับกับการใช้งานได้อย่างหลากหลายพร้อม ทั้งยังครอบครัว ส่วนพวงมาลัย อวบอูมขึ้น จับกระชับมือ มอบสัมผัสที่ดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด พวงมาลัยพอได้เบามาก น้ำหนักดียิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิมมาก
ซึ่งซิตี้ เจเนอเรชั่น 5 นับเป็นการปรับจูนช่วงล่างกับกำลังเครื่องจักรกลมาได้เหมาะสมกันเป็นอย่างดี แอบหลับตานึกมีบางอารมณ์แอบมีความคิดว่านั่งอยู่บนรุ่นพี่ อย่างฮอนด้า ซีวิค
แม้กระนั้นอย่างไรก็ตาม ต้องย้ำอีกครั้งว่าเป็นการทดลองสั้นๆคงต้องรอการนำมาทดลองขับในเส้นทางที่ยาวกว่านี้ มองถึงเรื่องเกี่ยวกับการแล็คของเกียร์ จะมีมากยิ่งกว่านี้ไหม อัตราการประหยัดจะคืออะไร ไปจนถึงเรื่องของความเงียบข้างในห้องโดยสาร แม้ว่าจะทำเป็นดียิ่งขึ้น แต่ต้องจับอาการบนถนนหนทางจริงอีกครั้ง
ขอบคุณบทความจาก :
https://www.autostation.com/car/ ... new-honda-city-2020 Tags : Honda City 2020