Advertisement
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งในวันนี้ โดยได้แรงซื้อจากหุ้นกลุ่มบริษัทเทรดดิ้งของญี่ปุ่น หลังจากบริษัทเหล่านี้รายงานผลประกอบการแข็งแกร่ง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเกิดความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลงในการประชุมครั้งต่อ ๆ ไปอีกด้วย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 27,527.64 จุด พุ่งขึ้น 327.90 จุด หรือ +1.21%
หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้นำโดยหุ้นกลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า, กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ ตลอดจนกลุ่มการขนส่งทางทะเล
โพลีเน็ต เคาะราคา IPO ที่ 6.80 บ./หุ้น เปิดจองซื้อ 9-11 พ.ย. เทรด 16 พ.ย.
บมจ.โพลีเน็ต (POLY) กำหนดราคาขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 6.80 บาท แบ่งเป็น
จำนวนไม่เกิน 85 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป
จำนวนไม่เกิน 5 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน
จำนวนไม่เกิน 18 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้มีอุปการะคุณของบริษัท
จำนวนไม่เกิน 12 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท
ทั้งนี้ ระยะเวลาจองซื้อ วันที่ 9-11 พ.ย. 65 โดยมี บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า POLY ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) จำนวน 120,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 6.80 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 9-11 พฤศจิกายนนี้ คาดเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 หมวดธุรกิจ ยานยนต์ (AUTO) ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "POLY"
สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 6.80 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 15.0 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565) ทั้งนี้ POLY พิจารณานำ P/E ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของคู่เทียบกลุ่มยานยนต์ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วง 30-90 วันทำการ นับจากวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2565 มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมีค่าถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ P/E อยู่ระหว่าง 22.0 - 24.7 เท่า
วันนี้ POLY ได้จัดงานโรดโชว์นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO ต่อนักลงทุนรายย่อย ชูปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ และจุดเด่นของ POLY ในด้านประสบการณ์ของทีมผู้บริหารกว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจชิ้นส่วน ยาง พลาสติก และซิลิโคน อย่างครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลักที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ (Automotive) กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical) และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) เพื่อตอบรับกระแสรักสุขภาพและรักษ์โลกขณะที่ การเติบโตอย่างยั่งยืนของรายได้ และศักยภาพการทำกำไรที่ดี สร้างความเชื่อมั่นต่