งานฝังเข็มเยียวยาโรคเช่นไรได้มั่ง ?

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: งานฝังเข็มเยียวยาโรคเช่นไรได้มั่ง ?  (อ่าน 111 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
raraymondas
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 37247


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2014, 08:25:06 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

การฝังเข็มเยียวยาโรคภัยไข้เจ็บอะไรได้มั่ง ?
 
การฝังเข็มไม่เพียงแต่ จะช่วยเหลือเป็นเหตุให้หลอดเลือดเนื้อที่ที่ปักเข็มแพร่ขยายตัวเท่านั้น แต่เส้นโลหิตฝอยทั่วเรือนร่างก็จะมีการขยายตัวอย่างเหมาะเจาะอีกด้วย ทำให้เนื้อเยื่อทั่งเรือนร่างได้รับสารอาหารพร้อมด้วยขจัดของโสโครกที่คาราคาซังได้เหนือกว่า

 
 ฝังเข็มยังสามารถออกฤทธิ์เร่งเร้าเพื่อที่จะปรับการทำงานของอวัยวะอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไปจากจุดฝังเข็มได้อีกด้วย ดังเช่น

 
 เมื่อปักเข็มปลุกใจจุด "เน่ยกวาน" บนเส้นลมปราณเยื่อหัวใจที่อยู่แถบข้อมือ สามารถปรับการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะ สามารถทำให้เส้นโลหิตหัวใจขยายตัวได้

 
 เมื่อปักเข็มปลุกเร้าจุด "จู๋ซานหลี่" ของเส้นลมปราณกระเพาะอาการที่อยู่พื้นที่หน้าแข็ง สามารถเร่งเร้าทำให้กระเพาะอาการที่หดเกร็ง มีการผ่อนคลายตัวและบีบตัวเป็นทางดีขึ้น สามารถปรับการหลั่งของกรดในคนป่วยที่มีภาวะกรดกระเพาะอาการมากเกินไป ให้เบาลงสู่สภาพเป็นปกติได้

 
 ขณะใช้การรมยากระตุ้นจุด "จื้อยิน" ที่บริเวณนิ้วก้อยของเท้า พบว่า สามารถกระตุ้นกล้ามมดลูกของสตรีที่มีบุตร ให้หดตัวเป็นจังหวะตลอดเวลา ทำให้เด็กอ่อนในครรภ์มีการแกว่งเคลื่อนตัว จึงสามารถใช้แผนการนี้มารักษาภาวะเด็กอ่อนในครรภ์อยู่ผิดท่าได้

 
 ตัวอย่างกลุ่มนี้ เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ เกี่ยวกับการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยไม่สามารถบรรยายกลไกการเกิดปรากฏการณ์กลุ่มนี้ได้จากความเข้าใจทางการแพทย์ที่มีอยู่แต่แรก อย่างไรก็ตาม การเจริญเติบโตของวิทยาศาสตร์ระบบประสาทและการวิจัยในด้านการฝังเข็มพบว่า
 การกระตุ้นเส้นประสาทสมองส่วนปลาย (peripheral nerve) ด้วยการฝังเข็ม สามารถก่อให้เกิดสัญญาณประสาทเข้าสู่ก้านสมองและสมอง และมีทางเดินประสาท (pathway) เกี่ยวไปยังศูนย์เซลประสาท (neuron center) ซึ่งส่วนมากจะกระจายอยู่บริเวณก้านสมองและฮัยโปธาลามัส แล้วมีสัญญาณประสาทส่งกลับไปดูแลการทำงานของอวัยวะระบบต่างๆ โดยผ่านระบบประสาทอัตโนมัติที่จากไปยังอวัยวะนั้นๆ

 
 การฝังเข็มยังสามารถเร้าสมอง ให้มีการหลั่งสารสื่อสัญญาณประสาท (neurotransmitters) ออกมาหลายชนิด ที่เด่นคือ เอนดอร์ฟิน (ndorphins) สารตัวนี้มีอำนาจระงับปวดที่แรงมาก ประมาณว่ามันแรงยิ่งกว่ายามอร์ฟีนถึง 1,000 เท่า การฝังเข็มจึงมีฤทธิ์ในการลดความเจ็บปวดให้แก่ร่างได้อีกด้วย
 
ยิ่งไปกว่านี้ กาฝังเข็ม[/url]ยังสามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีการหลั่งสารฮอร์โมนที่สำคัญออกมาด้วย โดยเฉพาะคือ ACTH พร้อมกับฮอร์โมนคอร์ติโคสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีฤทธิ์กว้างใหญ่มาก อาทิเช่น การลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ กระตุ้นการปล่อยพลังงานภายในตัว เป็นต้น
 
ฤทธิ์ในการปรับดูแลการทำงานของอวัยวะระบบต่าง ๆ ด้วยการฝังเข็มตรงนั้น มีลักาณะดีเยี่ยมที่เรียกว่า "ทวิภาพ" (Biphasic effect)
 
หมายถึง การฝังเข็ม ณ จุดเดียวกันสามารถบังเกิดผลออกมาได้ 2 วิธี หมายความว่า อาจ "โน้มน้าว" ให้อวัยวะทำงานมากขึ้น หรืออาจ "หยุด" ให้อวัยวะทำงานลดลงก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพวะของอวัยวะหรือตนของ ผู้บาดเจ็บตอนนั้นด้วย
กล่าวคือ ถ้าอวัยวะหรือระบบตรงนั้นๆ อยู่ในสภาวะที่ทำงานเล็กน้อยเกินไป (hypofunction) การฝังเข็มจะทำฤทธิ์ "เร่งเร้า" ให้มันทำงานมากขึ้นมาสู่ระดับปกติ (normofunction)
 
ในทางกลับกัน หากว่าอวัยวะหรือระบบนั้นๆ อยู่ในสภาวะที่ทำงานมากเกินไป (hyperfunction) การฝังเข็มกลับจะออกฤทธิ์ "ยับยั้ง" เป็นเหตุให้มันทำงานลดลดลงไปสู่ระดับปกติ
 
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหัวใจมีอัตราการเต้นรวดเร็วกว่าปกติ เช่น เร็วเลยกว่า 100 ครั้งต่อนาที การฝังเข็มสามารถจะระงับให้มันเต้นไม่ทันเวลาลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ ประมาณ 60-100 ครั้งต่อนาที ตรงกันข้าม ถ้าหัวใจเต้นช้า ดังเช่น น้อยกว่า 40 ครั้งต่อนาที ขณะฝังเข็มก็จะสามารถโน้มน้าวให้มันเต้นเร็วขึ้นมาอยู่ในมาตรฐานเป็นปกติ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าคนเจ็บคนนั้นมีอัตราการเต้นหัวใจอยู่สภาพวะปกติธรรมดาอยู่แล้ว การฝังเข็มกระตุ้นมักจะไม่มีผลทำให้อัตราการเต้นของหัวใจพลิกผันผิดปกติไปได้
 
นั่นเป็น ถ้าปักเข็มในบุคคลที่อยู่สภาวะปกติ ค่อนข้างไม่มีผลอะไรปรากฎออกมาอย่างชัดแจ้ง เพราะว่าฤทธิ์ของการฝังเข็มในการกระจายสมดุลการทำงานของอวัยวะหรือระเบียบต่างๆ จะเห็นได้แจ่มแจ้งก็ต่อเมื่ออวัยวะหรือระบบนั้นมีความผิดปกติเสียสมดุลในการทำงานไปแล้ว
 
แม้ว่า คนๆ นั้นมีอัตราการเต้นหัวใจอยู่ในมาตรฐานปกติโดยประมาณ 70 ครั้งต่อนาที เมื่อฝังเข็มไปแล้ว จะไม่สามารถเร่งเร้าทำให้หัวใจเต้นผิดปกติเร็วมากขึ้นเป็น 100 ครั้งต่อนาทีหรือช้าลงไปเป็น 30 ครั้งต่อนาทีได้เลย
 แตกต่างไปจากการใช้ "ยาแก้โรค" ยาจะมีฤทธิ์แค่อย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว เท่านั้นคือ "ปลุกเร้า" หรือไม่ก็ "ต้านทาน"
 ในเหตุที่หัวใจเต้นช้า ฉันอาจฉีดยาอะโทรปิ่น (atropine) เพื่อเร่งเร้าหัวใจให้เต้นไวขึ้นได้ หากว่าหัวใจเต้นเร็วอยู่แล้วหากกระผมยังฉีดยาอะโทรปิ่นให้แก่ผู้เจ็บป่วยเข้าไปอีก หัวใจก็จะยิ่งเต้นเร็วขึ้น จนอาจเกิดผลร้ายให้แก่คนเจ็บได้ในที่สุด
 แต่ถ้าว่าฝังเข็ม ผลที่บังเกิดออกมาจะมี 2 ตัวอย่าง เท่านั้นคือ หัวใจเต้นเชื่องช้าลงมาสู่เป็นปกติ หรือก็ยังคงเต้นเร็วไวอยู่เท่าเดิม
 การฝังเข็มจึงไม่มีอันตรายจากการใช้เกินปริมาตร (overdose) หรือการเกิดสารพิษ (intoxication) อย่างเช่นกับการใช้ยารักษาโรค
 ในส่วนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็ด้วย การฝังเข็มมีฤทธิ์เร่งเร้าให้ระบบภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าปกติมีการทำงานเพิ่มขึ้น เช่นว่า กระตุ้นให้เม็ดโลหิตขาวทานสิ่งเจือปนหรือไวรัสในร่างกายได้ดีขึ้น ปลุกเร้าให้มีการหลั่งสารแอนตี้บอดี้ (antibody) กระตุ้นการประดิษฐ์สารเคมีที่คุมกลไกภูมิคุ้มกันให้เพิ่มทวีคูณ การฝังเข็มจึงสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของคนเราให้เข็มเเข็งขึ้นได้
 ในทางตรงกันข้าม ในผู้เจ็บป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันทำงานพร่ำเพรื่อ ดังเช่น ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ การฝังเข็มจะช่วยหยุดยั้งการตอบสนองภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นมากเกินไปให้ลดน้อยลงได้
 ฤทธิ์ในการควบคุมระบบภูมิต้านทานของการฝังเข็มนี้ ส่วนหนึ่งมาจากบทบาทของเอนดอร์ฟีนที่ถูกกระตุ้นให้ไหลออกมาด้วย การฝังเข็มนั่นเอง
 ตามทฤษฎีวิทยาศาสตร์การแพทย์ยุคใหม่นั้น การฝังเข็มเป็นขั้นตอนปลุกเร้าระบบประสาทอย่างหนึ่ง ที่สามารถปรับการทำงานของระบบต่างๆ ภายในเรือนร่างที่เสียสมดุลพิลึกไปให้กลับสู่ภาวะปกติโดยผ่านทางระบบประสาท ซึ่งเรียกขั้นตอนนี้ว่า "Neuromodulation"
 จากการค้นคว้าเพื่อกลไกการดูแลรักษาโรคด้วยการฝังเข็มในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานี้ นักวิยาศาสตร์และนายแพทย์พบว่า
 เมื่อทิ่มเข็มลงไปยังจุดหนึ่งๆ แล้วทำการกระตุ้นเข็ม จะหมายความว่าการกระตุ้นตัวรองรับสัญญาณประสาท (receptor) ของปลายประสาทหลายอย่างที่กระจายอยู่ในแต่ละชั้นของเนื้อเยื่อ นับแต่ผิวนหนัง, เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง, เยื่อหุ้มกล้าม (fascia) , กล้ามเนื้อ, เส้นประสาท, เส้นเลือด เป็นต้น ทำให้ก่อเกิดสัญญาณประสาทวิ่งผ่านเข้ามาในไขสันหลัง
 สัญญาณประสาทส่วนหนึ่ง จะย้อนออกไปจากไขกระดูกสันหลังเกิดเป็นวงจรสะท้อนกลับ (reflex) ไปทำให้มีการเปลี่ยนของเนื้อเยื่ออวัยวะแถบใกล้ชิดที่ถูกเข็มปัก เช่น มีการขยายตัวของเส้นเลือด มีการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง ฯลฯ
 สัญญาณประสาทอีกบางส่วน จะเลื่อนไหลขึ้นไปตามไขกระดูกสันหลังเข้าสู่สมองไปกระตุ้นศูนย์บังคับการต่าง ๆ ในสมอง มีการไหล "สารสื่อสัญญาณประสาท" (neurotransmitter) ต่าง ๆ ออกมาจากเซลล์ประสาทหลายแบบพร้อมกับมีสัญญาณประสาทส่งตอกกลับลงมาจากสมองอีกด้วย เป็นพิเศษเหลือเกินคือ ระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic nervous system)
 สัญญาณประสาทที่ส่งออกมาพร้อมกันกับสารสื่อสัญญาณประสาทที่หลั่งออกมานั้น จะก่อให้เกิดผลต่าง ๆ ตามมาหลายชนิด ตัวอย่างเช่น
 - ยับยั้งอารมณ์ทรมานที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับผลร้าย
 - ปรับการทำงานของอวัยวะและระบบต่าง ๆ ที่เสียสมดุลไปให้กลับคืนสู่สถานภาพสมดุลตามทั่วๆ ไป
 - บังคับการการหลั่งฮอร์โมนหลายอย่างให้อยู่ในระดับที่เหมาะเจาะ เพื่อปรับให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานอย่างสมดุลเหมือนเคย
 - กระตุ้นปรับระเบียบภูมิต้านทานของเนื้อตัวให้อยู่ในภาวะให้อยู่ในสภาพปกติ เพื่อ ขจัดสิ่งแปลกปลอม ไวรัส ยับยั้งปฏิกิริยาภูมิแพ้ไวเกิน ต้านทานการตอบสนองการอักเสบ เป็นต้น โดยตัดผ่านฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์ เป็นหลัก

 โดยย่อแล้ว จากข่าวคราวทางวิทยาศาสตร์การแพทย์เท่าที่มีอยู่ในเวลานี้ การฝังเข็มสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บโดยอาศัยกลไกเด่น ดังต่อไปนี้
 1. ปรับการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ให้อยู่ในภาวะสมดุลปกติ
 2. ระงับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
 3. กระจายการทำงานของระบบภูมิต้านทาน
 4. ทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งมีการสยายตัว
 5. หนุนการไหลเวียนของเลือดทั้งบริเวณเฉพาะที่และทั่วตัว




ถึงกระนั้นก็ตาม การฝังเข็มมิได้ "เข็มดีเยี่ยม" ที่สามารถเยียวยาโรคได้ทุกโรค มันมีข้อจำกัดอยู่ด้วย
 ถ้าเป็นโรคภัยไข้เจ็บที่มีหนอนพยาธิสภาพของอวัยวะล้มเหลวรุนแรง เป็นกินเวลามานาน คนสูงวัยที่อวัยวะต่าง ๆ ของเนื้อตัวหมดสภาพมาก ไม่ว่าจะฝังเข็มกระตุ้นเช่นไร ร่างกายก็อาจไม่สนอง การเยียวยาก็อาจจะไม่ได้คุณประโยชน์ตามที่คาดฝันเอาไว้ก็ได้ ซึ่งตัวอย่างผู้ป่วยทำนองนี้ก็มีให้พบอยู่เป็นปกติ
 50 ปีทีผ่านมานี้ ความเจริญรุ่งเรืองทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ทำให้เราได้ตระหนักกลไกการเยียวยาโรคด้วยการฝังเข็มเป็นอย่างมากทีเดียว แต่เราก็ยังไม่ได้รู้เรื่องมันทั้งหมด
 สิ่งที่เรายังไม่รู้เรื่องหรือยังสืบหาคำตอบไม่ได้ ยังมีอีกมากเช่นกัน นั่นเป็นสิ่งที่รอคอยให้เราไปค้นคว้าสืบหาคำตอบ และเราก็จะเข้าใจหลักเกณฑ์วิทยาศาสตร์ของเวชศาสตร์ฝังเข็มมากเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน
 
ฝังเข็ม: http://mandarin-clinic.com

Tags : mandarin, กวาซารักษาโรค, ครอบแก้วบำบัดโรค



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ