โรงพิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. มองหาโรงพิมพ์ มองหาเรา รับพิมพ์งานหนังสือ ตัดตกนิตยสาร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรงพิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. มองหาโรงพิมพ์ มองหาเรา รับพิมพ์งานหนังสือ ตัดตกนิตยสาร  (อ่าน 43 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ttads2522
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19505


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: กันยายน 15, 2017, 07:11:46 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

ตัดตก (Bleed) หรือครั้งคราวเรียกว่าระยะเผื่อเจียน คืออะไร และก็ทำไมควรมี มาว่ากันในบทความเดียว
.

.
ตอนแรกจะต้องทำความเข้าใจในแนวทางการพิมพ์ก่อนน้อยครับผม ว่าในความเป็นจริงแล้วเวลาสถานที่พิมพ์ พิมพ์งานออกมาไม่ได้เป็นขนาดสำเร็จรูปเสมอนะครับ แต่จะมีขอบกระดาษเพื่อเอาไว้ให้เครื่องพิมพ์จับกระดาษเวลาทำงาน รวมถึงไกด์สีและก็ข้อมูลอื่นๆสำหรับช่างพิมพ์ ดังนั้น พิมพ์งานเสร็จแล้ว จะส่งให้ลูกค้า ก็ต้องมีการตัดขอบกระดาษส่วนนี้ทิ้งไป
.

.
ภาพที่ 1 : แบบอย่างงานโปสเตอร์ที่กำลังขึ้นแท่นตัด เพื่อตัดขอบกระดาษส่วนเกินทิ้ง จะสังเกตเห็นได้ว่า ขนาดกระดาษก็มิได้เท่ากันทุกแผ่น
.
เมื่อทำการตัดกระดาษแล้ว แน่นอนว่าพวกเราไม่สามารถตัดตรงขอบงาน (ในรูปภาพจะเป็นรอยต่อสีขาวและก็ม่วง) แบบเป๊ะๆได้ แถมงานที่พิมพ์ออกมาทั้งหลายพันหลายหมื่นแผ่น ก็มิได้ตรงกันเป๊ะทุกแผ่นครับ ไม่ว่าจะพิมพ์ด้วยระบบดิจิตอลหรือออฟเซ็ต หรือพิมพ์ด้วยเครื่องจักรล้ำยุคขั้นเทพเพียงใด ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ตรงกันได้ทุกแผ่นขอรับ สิ่งนี้จำเป็นอย่างมากๆครับผม รวมทั้งดีไซน์เนอร์โดยมากที่ไม่เคยมีประสบการณ์ดำเนินงานกับสถานที่พิมพ์มาก่อนจะไม่รู้จัก งานที่ไม่ได้เผื่อตัดตก บางครั้งบางคราวจะก่อให้มีขอบขาวๆเกิดขึ้นเวลาพิมพ์งานจริง กระดาษบางแผ่นอาจจะมีเนื้องานขอบขาวยื่นล้ำเข้าไปได้ ด้วยเหตุนั้นเวลาดีไซน์กราฟฟิคอาร์ตเวิร์ค ดีไซน์เนอร์ต้องเผื่อระยะตัดตกมาไว้เสมอ โดยธรรมดาแล้วทางโรงพิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. กระจ่างลูกค้าก่อนว่างานที่ทำมาไม่ได้เผื่อตัดตกไว้ ถ้าลูกค้าไม่ได้เผื่อตัดตกมาให้ทางสำนักพิมพ์ ในกรณีนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีขอบงานสีขาวแลบเข้าไปในเนื้อโปสเตอร์ได้ครับ
.

.
ภาพที่ 2 : เมื่อตัดเจียนงานทิ้งแล้ว ขอบกระดาษก็จะเรียบเนียนกริบ เท่ากับเป๊ะทุกแผ่น แถมตัวโปสเตอร์สีม่วงก็ไม่มีขอบขาวแลบออกมาด้วย
ดู VDO แสดงการตัดเจียนงานเหมาะนี่
.
ระยะตัดตกกับงานหนังสือเล่ม
.
ถ้าถามว่าระยะตัดตกนี้ ใช้กับงานอะไรบ้าง ก็จำเป็นต้องตอบว่าใช้กับงานทุกจำพวกที่พิมพ์โดยเครื่องพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นระบบออฟเซ็ทหรือระบบดิจิตอลก็ตาม ลองมาศึกษางานหนังสือกันบ้างครับผมว่าระยะตัดตกนี้ ส่งผลอย่างไรบ้างกับงานที่เป็นหนังสือรูปเล่ม เวลาสถานที่พิมพ์พิมพ์รายงานหนังสือจะไม่ได้พิมพ์ทีละหน้า แม้กระนั้นจะพิมพ์เป็นชูแล้วนำแต่ละชูมาพับเพื่อรอทำการเย็บเล่มอีกทีนึง รูปแบบอย่างที่นำมาแสดงนี้ เป็นการเข้ารูปเล่มแบบเย็บมุงหลังคา ด้วยเหตุนี้เมื่อพับงานแต่ละยกมาเสร็จแล้ว ก็จะนำมาทับกันเพื่อรอคอยไปสู่กรรมวิธีการเย็บเล่มอีกที
.

.
ภาพที่ 3 : งานพิมพ์ที่ออกมาจากเครื่องพิมพ์ขนาด A4 พิมพ์ครั้งละ 8 หน้า
.

.
ภาพที่ 4 : งานที่พับแล้วเตรียมนำมาทับกันเพื่อรอการเย็บ สังเกตว่าขอบกระดาษที่ติดมาร์คการพิมพ์ก็ยังอยู่
.

.
ภาพที่ 5 : หนังสือที่เก็บเล่มแล้วรอคอยการเย็บ จะมองเห็นได้ว่ายังมีขอบกระดาษอยู่ทั้งคู่ด้าน ซ้ายและก็ขวาของรูปเล่ม
.
เมื่อกระทำเย็บเล่มแล้ว ก็จะต้องมีการตัดเจียนรูปเล่มรอบด้านให้เป็นงานเสร็จ งานหนังสือที่พับมาถ้าหากไม่ตัดขอบ 3 ด้าน ก็จะเปิดอ่านเป็นหน้ามิได้น่ะขอรับ (แน่ล่ะ เพราะเหตุว่ามีขั้นต่ำ 1-2 ด้านที่ถูกพับมา) ระยะตัดตกที่ลูกค้าเผื่อมานั้นจะมีผลให้งานที่ออกมามีความสมบูรณ์ 100% ไม่มีขอบขาวแลบเข้าไปในเนื้องาน เนื้องานและก็รูปภาพถูกพิมพ์เต็มพื้นที่ของกระดาษ ตรงนี้มีข้อควรตรึกตรองสำหรับลูกค้ารวมทั้งนักออกแบบทุกคนนิดนึงครับผม ก็คือพวกเราไม่สมควรที่จะวางรายละเอียดสำคัญของหนังสือไว้ใกล้ขอบกระดาษมากเกินความจำเป็น เพราะเหตุว่ามีโอกาสที่ตัวหนังสือ รูปภาพ ข้อความสำคัญที่วางไว้ติดขอบกระดาษจะถูกเอาทิ้งระหว่างการเจียนรูปเล่ม คำว่าได้โอกาสในที่นี้เป็น อาจจะมีบางเล่มโดนตัด บางเล่มไม่โดน โดนตัดทุกเล่ม หรือไม่โดนตัดซักเล่มเลยก็ได้นะครับ โดยเหตุนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัย วางเนื้อหาสำคัญห่างจากขอบงานไว้ซักหน่อยนะครับ กล่าวถึงหัวข้อการวางงานนี้ เสนอแนะให้ลูกค้าแล้วก็นักออกแบบทุกคนอ่านบทความ เกี่ยวกับการวางงานบนหน้ากระดาษของทางสำนักพิมพ์มีครับผม
.

.
ภาพที่ 6 : ภาพเทียบงานก่อนตัดรูปเล่ม รวมทั้งงานที่เสร็จบริบูรณ์แล้ว จะมองเห็นได้ว่าขอบกระดาษถูกตัดออกไปพอควรอย่างยิ่งจริงๆ
.

.
ภาพที่ 7 : ภาพเปรียบงานก่อนตัดรูปเล่ม และงานที่เสร็จบริบูรณ์แล้ว
.

.
ภาพที่ 8 : ภาพเปรียบเทียบงานก่อนตัดรูปเล่ม และงานที่เสร็จบริบูรณ์แล้ว
.
ระยะตัดตกควรเผื่อให้เท่าไรดี
.
โดยทั่วไปทั่วไปแล้ว ถ้าเกิดเป็นหนังสือไสกาว / เย็บกี่ไสกาว โดยทั่วไประยะตัดตกควรเว้นไว้ไม่ต่ำยิ่งกว่า 3 มม. เป็นขั้นต่ำ แม้กระนั้นก็มีหลายสาเหตุที่น่าจะเว้นระยะตัดตกมาให้เยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหนังสือที่เย็บเล่มแบบเย็บมุงหลังคา เพราะเหตุใดถึงเป็นแบบนั้น ? เนื่องจากหนังสือที่เย็บเล่มแบบเย็บมุงหลังคา ถ้าหนังสือมีความหนามาก เวลาพับเพื่อกระทำเข้าเล่มแล้ว หน้าที่อยู่คู่ในสุดกับหน้าที่อยู่คู่นอกสุด (ปกหนังสือ) จะอยู่ห่างกันถึง 5-6 มม. อย่างยิ่งจริงๆ ในกรณีนี้ ระยตัดตก[/url]ก็ควรจะมีประมาณ 5-6 มิลลิเมตรเช่นกัน
.
สาเหตุจากจำนวนหน้าที่มากของหนังสือนี่เอง ทำให้การเย็บเล่มแบบเย็บมุงหลังคาไม่ควรใช้กับหนังสือที่มีความดกเกิน 80 หน้าคร่าวๆ ถ้าหนังสือที่มีความครึ้มเกิน 80 หน้า ทางสถานที่พิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. เสนอแนะให้ลูกค้าเข้ารูปเล่มแบบไสกาวจะดียิ่งกว่านะครับ เพราะเหตุว่าถึงแม้พวกเรามีความคิดว่าเราออกแบบ artwork มาดีแล้ว แต่ว่าด้วยความหนาของหนังสือ หน้าด้านในสุดก็มีโอกาสที่รายละเอียดหรือใจความจะโดนเอาทิ้งไปอยู่สูงทีเดียวครับผม
.

.
ภาพที่ 9 : หนังสือที่มีความหนามาก ก่อนเข้าเล่มมาร์คตัด ยังตรงกันอยู่
.

.
ภาพที่ 10 : หนังสือที่มีความหนามาก เมื่อนำมาเย็บมุงหลังคา หน้าในสุดกับหน้าปกเหลื่อมกันได้ 5-6 มิลลิเมตร เลยทีเดียว
.

.
ภาพที่ 11 : เมื่อเอามาใส่เล่มแล้ว จะเห็นได้ว่า หน้าที่อยู่ด้านในๆมีโอกาสตัดโดนตัวหนังสืออยู่ดี
.
ติดต่อเราได้ที่นี่
Website: http://www.wacharinprint.com/
Fanpage: https://www.facebook.com/WacharinPP
IG : https://www.instagram.com/wacharinpp/
Line ID : @WacharinPP (มี @ ด้วย)

Tags : หนังสือ,ตัดตก



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ