Advertisement
ไม่ว่าจะเป็น บัตรเครดิต หรือการสมัครธุรกรรมการคลังใดๆ ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ข้าพเจ้าต้องอ่านประกาศให้ละเอียดละออถี่ถ้วน แต่บางครั้งเหตุเรื่องเวลาก็ทำให้เราก็ลืมเรียนรู้หนังสือสัญญาและข้อจำกัดเหล่านั้นอย่างรัดกุมก่อนสมัคร ทำให้พบกับข้อสงสัยจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนระหว่างการใช้งานบัตรเครดิตเหล่านั้น จนทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่าย และเสียเวลาโดยใช่เหตุ วันนี้เราจึงรวบรวม 10 ข้อแม้ที่อาจทำเอาผู้สมัครบัตรเครดิตหลงผิดได้ง่ายๆ
- สถาบันบัตรเครดิตไม่รับผิดชอบต่อของซื้อของขายหรือบริการที่บกพร่อง
ถ้าพบข้อสงสัยในผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่ผู้ใช้เพิ่งใช้บัตรเครดิตชำระเงินไป ผู้บริโภคจำเป็นต้องรุ่งอรุณไปที่สถาบันที่ออกบัตรเครดิตหรือร้านขายของนั้นๆ เพื่อระงับการวางเงิน และขอเงินคืนภายใน 45 วันนับจากวันซื้อสินค้า กระนั้นก็ตาม ลูกค้าต้องร้องเรียนร้านขายของเอง โดยสถาบันบัตรเครดิตจะไม่มีส่วนผูกพันใดๆ มวล
- เจ้าของบัตรเครดิตหลักต้องรับผิดชอบยอดจากบัตรเสริมด้วย
เมื่อผู้ใช้จำนนต่อเหตุผลให้ใครสักคนเปิดบัตรเสริมร่วมกันแล้ว แปลว่า ทั้งลูกค้าและผู้ถือบัตรเสริมนั้นตกลงปลงใจใช้ข้อกำหนดการใช้บัตรเครดิตร่วมกัน รวมไปถึงรับผิดชอบหนี้ร่วมกัน เพราะเช่นนั้น ถ้าผู้ถือบัตรเสริมไม่ยอมจ่ายยอดชำระแล้ว ผู้ถือบัตรหลักก็ต้องรับผิดชอบแทนนั่นเอง
- แบงก์หักรายการเราเพื่อล้างหนี้บัตรเครดิตได้โดยไม่บอกล่วงหน้า
ถ้าเรามีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวันเดียวกับธนาคารที่ออกบัตรเครดิต และระบุให้ชำระบัตรเครดิตออกจากบัญชีนั้นๆ โดยอัตโนมัติ จะพิจารณาได้ว่า จดหมายผ่อนให้หักบัญชีเงินฝากที่ธนาคารให้เราเซ็นต์นั้นครอบคลุมจรดการยินยอมให้หักดอกเบี้ยและค่าปรับต่างๆ จากบัญชีดังกล่าวข้างต้นด้วย
- สถาบันไฟแนนซ์มีสิทธิเปิดข้อมูลเฉพาะกลุ่มของผู้ถือบัตรเครดิตโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
ในเอกสารสมัครบัตรเครดิตจะมีจดหมายยอมให้เปิดเผยข้อมูลแนบท้ายมาด้วยเสมอไป ทำให้สถาบันการเงินที่เราสมัครบัตรเครดิตอาจจะแพร่งพรายทั้งข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมกับระดับทางการเงิน ทั้งจากการติดต่อสอบถามจากสถาบันเองด้วยกันนิติบุคคลที่ทางสถาบันยินยอมอีกด้วย
- สถาบันมีสิทธิอายัติหรือว่าล้มเลิกบัตรเครดิตของเราได้
ครั้งใดก็ตามที่ลูกค้าผิดข้อตกลงการเป็นผู้ถือบัตรเครดิตที่ดี สถาบันการเงินและแบงค์สามารถล้มเลิกหรืออายัติบัตรเครดิตของผู้บริโภคได้ทันใด ทั้งการผิดนัดชำระบัตรเครดิตไม่ก็หนี้สินเชื่ออื่นๆ เกิน 3 เดือน , มีการโกงเงินผ่านบัตรเครดิต , มีการปลอมเอกสาร รวมถึงอีกหลากหลายกรณีที่ทางสถาบันจะอายัติบัตรเครดิตโดยอัตโนมัติ
- ถ้ายอดการใช้จ่ายไม่เที่ยงธรรม จำเป็นจะต้องแจ้งภายใน 60 วัน
เพราะสถาบันการเงินจะต้องส่งใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายหรือว่า Statement มาให้ผู้ใช้ตรวจล่วงหน้า 10 วันขึ้นไปก่อนวันกำหนดชำระ ถ้าว่าพบว่า มีรายชื่อที่ไม่ถูกต้อง ผู้บริโภคต้องแจ้งทางสถาบันภายใน 60 วันตั้งแต่วันที่ได้ใบแจ้งยอดค่าใช้จ่าย
- ผู้ถือบัตรเครดิตจำต้องรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเอง
ในกรณีที่มีการใช้บัตรเครดิตในต่างถิ่น ผู้ถือบัตรเครดิตจะต้องยอมรับอัตราค่าความเสี่ยงในการแปลงสกุลเงินซึ่งจะอยู่ที่ตีค่า 2-2.5% ของจำนวนรวมการใช้จ่ายในต่างชาติ โดยในแต่ละรอบบิล สถาบันจะเปลี่ยนแปลงสกุลเงินเหล่านั้นเป็นสกุลเงินไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนของบริษัทบัตรเครดิตอย่าง VISA , Mastercard , JCB ที่ขึ้นลงอยู่เสมอไป
- ผู้ซื้อจำเป็นจะต้องแจ้งอายัติบัตรเครดิตทันทีที่หายสูญ
สมมุติบัตรเครดิตสูญหาย ผู้ใช้จะต้องบอกกล่าวอายัติบัตรเครดิตทันที ด้วยปกป้องไม่ให้ตัวเองต้องรับผิดชอบในกรณีที่มีผู้อื่นนำบัตรเครดิตดังกล่าวข้างต้นไปใช้ในระหว่างการอายัติ แต่ถ้าสถาบันการเงินพบว่า ลูกค้ามีส่วนรู้เห็นในการใช้จ่ายหลังการแจ้งอายัติ หรือเกินขึ้นหลังจากการแจ้งอายัติภายใน 5 นาที ผู้ใช้เจ้าของบัตรเครดิตก็ต้องชำระค่าใช้จ่ายเช่นกัน
- บัตรเครดิตที่ถึงกำหนดต้องรีบแจ้งยกเลิก
ถ้ามุ่งยกเลิกบัตรเครดิต ผู้ใช้ต้องแจ้งกับทางสถาบันการเงินก่อนกำหนดวันหมดอายุ 30 วันเป็นอย่างน้อย ไม่งั้นทางสถาบันจะต่ออายุ
บัตรเครดิตใหม่ให้ทันทีทันควัน และผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการออกบัตรใหม่อีกด้วย
- ความยุ่งยากในการยกเลิกการผูกบัตรเครดิต
แม้ว่าการหักบัญชีบัตรเครดิตจะช่วยต่อเติมความสบายให้ลูกค้าในการชำระรายการจ่ายประจำอย่างจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์ แต่ถ้าผู้ซื้ออยากยกเลิกบริการดังกล่าวข้างต้น จะต้องติดต่อศูนย์บริการนั้นๆ โดยตรง แตกต่างจากการเปิดบริการหักบัญชีที่สามารถแจ้งสถาบันการเงินได้ต่อหน้า
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
บัตรเครดิต KBankTags : บัตรเครดิต,บัตรเครดิต SCB