สัตววัตถุ เม่น

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ เม่น  (อ่าน 116 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Navaphon11991
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 35359


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: ธันวาคม 02, 2017, 03:49:29 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


เม่[/size][/b]
เม่นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
จัดอยู่ในวงศ์ Hystricidae
เม่นที่เจอในประเทศไทยมี ๒  จำพวก  เป็นต้นว่า
๑.เม่นใหญ่แผงคอยาว
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hystrix  brachyuran  Linnaeus
ชื่อสามัญว่า  Malayan  porcupine
เม่นจำพวกนี้มีขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๖๓ – ๗๐  เซนติเมตร หางยาว ๖ – ๑๐ เซนติเมตร น้ำหนักตัว  ๓-๗ กิโล ขนบนลำตัวเป็นขนแข็งใช้ป้องกันตัว  หัวเล็ก จมูกป้าน มีหนวดยาวสีดำ รอบๆลำตัว คอ และก็ไหล่  มีขนแข็ง  สั้น  สีดำ  ขนใต้คอสีขาว ตาเล็ก ใบหูเล็ก ขนตั้งแต่หลังไหล่ไล่ลงไปแข็งยาว ด้านโคนและปลายสีขาว ตรงกลางสีดำ ปลายแหลม หางมีขนเหมือนหลอดสั้นๆขาสีดำเม่นประเภทนี้ชอบออกหากินตามลำพังในตอนกลางคืน รักสงบ เวลาเจอศัตรูจะวิ่งหนี เพียงพอจวนตัวจะหยุดกึก [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร
แล้วพองขนขึ้น ศัตรูที่ติดตามมาอย่างเร็วแม้หยุดไม่ทันก็จะโดนขนเม่นตำ และก็แม้ศัตรูใช้ตีนตะปบก็จะโดนขนเม่นตำเช่นกัน  ได้รับความเจ็บปวดเจ็บมากมาย เมื่อศัตรูหนีจากไปแล้ว  เม่นก็จะหลบเข้าโพรงไม้หรือโพรงดิน ขนเม่นที่หลุดออกไปจะมีขนใหม่ผลิออกขึ้นมาแทนที่ เม่นจำพวกนี้กินผัก หญ้าสด หน่อไม้ เปลือกไม้ ผลไม้ รวมทั้งกระดูกสัตว์  เริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุราว ๒ ปี ตั้งท้องนาน  ๔  เดือน  ตกลุกทีละ  ๑ -๓  ตัวในโพรงที่ขุดอาศัย ลูกเม่นทารกมีขนที่อ่อน  แม้กระนั้นเมื่อถูกอากาศข้างนอกขนจะเบาๆแข็งขึ้น  อายุราว ๒๐ ปีเจอทางภาคใต้ของเมืองไทย ในต่างถิ่นพบที่มาเลเชียแล้วก็อินโดนีเซีย
๒. เม่นหางพวง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Atherurus  macroura (Linnaeus)
ชื่อสามัญว่า  bush-tailed  porcupine
เม่นจำพวกนี้มีความยาวลำตัววัดจากปลายจมูกถึงโคนหาง  ๔๐ – ๕๐  ซม. หางยาว ๑๕ – ๒๐ ซม. น้ำหนักตัว ๒.๕ – ๕  กิโล จมูกเล็ก มีหนวดยาว ใบหูเล็ก ลำตัวยาว ขาสัน มีขนแข็งปกคลุมทั่วตัว ขนบางส่วนแข็งแล้วก็ปลายแหลมมาก  คล้ายหนาม  ขนส่วนที่ยาวที่สุดอยู่รอบๆกึ่งกลางหลังขนแบน  มีร่องยาวอยู่ข้างบน ตอนกึ่งกลางหางไม่ค่อยมีขน แต่ว่าเป็นเกล็ด โคนหางมีขนสั้นๆปลายหางมีขนขึ้นดกครึ้มเป็นกลุ่ม ดูเป็นพวง ขนดัตระหนี่ล่าวแข็งรวมทั้งคม ส่วนขนที่หัวรอบๆขาอีกทั้ง ๔ รวมทั้งรอบๆใต้ท้อง แหลม แต่ว่าไม่แข็ง ขาค่อนข้างสั้น ใบหูกลมและก็เล็กมาก เล็บเท้าเหยียดหยามตรง ทื่อ และก็แข็งแรงมาก เหมาะกับขุดดิน เม่นจำพวกนี้ออกหากินในช่วงเวลาค่ำคืน  ช่วงเวลากลางวันมักซ่อนตัวอยู่ในโพรงดิน  ตามโคนรากของต้นไม้ใหญ่ หรือตามซอกหิน มักออกหากินเป็นฝูง  ใช้ขนเป็นอาวุธปกป้อง รับประทานหัวพืช หน่อไม้  เปลือกไม้  รากไม้  ผลไม้  แมลง เขารวมทั้งกระดูกสัตว์  ตกลูกทีละ ๓- ๕  ตัวในโพรงที่ขุดอาศัย  ลูกเม่นทารกมีขนอ่อนนุ่ม แต่ว่าจะต่อยๆแข็งขึ้นอายุราว ๑๔ ปี พบในทุกภาคของเมืองไทย ในต่างชาติพบทางภาคใต้ของจีน รวมทั้งที่ลาว เวียดนาม  เขมร มาเลเซีย  รวมทั้งอินโดนีเซีย
สมุนไพร[/b][/u][/b].com/wp-content/uploads/2017/09/porcupine-main_Full.jpg" alt="" border="0" />
ผลดีทางยา
หมอแผนไทยใช้ขนเม่นที่สุมไฟให้ไหม้แล้วปรุงเป็นยาแก้ตานซาง  แก้พิษรอยแดง  พิษไข้ เชื่อมซึม กระเพาะอาหารของเม่นใช้ปรุงเป็นยารับประทานบำรุงน้ำดี ช่วยให้ไส้มีกำลังบีบย่อยของกิน พระตำราปฐมจินดาร์ให้ยาขนานหนึ่ง เข้า“ขนเม่น” เป็นยาทาตัวเด็ก ดังนี้ ภาคหนึ่งยาทาตัวกุมารกันสรรพโรคทั้งผอง และจะเจ็บป่วยอภิฆาฏก็ดี  โอปักกะไม่กาพาธก็ดี ท่านให้เอาใบมะชน รอยเปื้อนงูเห่า หอมแดง สาบแร้งสาบกา ขนเม่น ไพลดำ ไพลเหลือง  บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำนมวัว ทาตัวกุมาร จ่ายมลทินโทษทั้งมวลดีนัก

Tags : สมุนไพร



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ