เรียนทำเบเกอรี่ มาการอง ของขนมสีสันแจ่มใส หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ สอนทำอาหารญี

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรียนทำเบเกอรี่ มาการอง ของขนมสีสันแจ่มใส หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ สอนทำอาหารญี  (อ่าน 38 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Jirasak2708
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 22854


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 05, 2018, 11:48:40 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

เรียนทำขนมปัง มาการอง ของของหวานสีสันแจ่มใส  หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ สอนทำอาหารญี่ปุ่น   เรียนทำขนมปัเรียนทำขนมไทย, เบเกอรี่, เรียนทำเบเกอรี่ เบเกอรี่ฝรั่งเศส
 
ทำไมธุรกิจร้านขนมปังถึงน่าลงทุน
สามารถทำคนเดียวได้ ด้วยเหตุว่าถ้าพวกเราเริ่ม จากการรับขนมจากที่อื่นๆมาขาย นั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องจ้างผู้ช่วย ซึ่งคนเดียวก็สามารถดูแลร้านได้เอง ทั้งหมด ไม่ต้องลงทุนในการว่าจ้างลูกจ้าง และก็วุ่นวายกับคนจำนวนมาก
-ปัจจุบัน ร้านขนมปัง นั้น กับ Lifestyle ของคนสมัยใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่นิยม ไปนั่งตามร้านค้าของหวาน เพื่อพักผ่อน นั่งคุย พูดคุยกับสหาย หรือนั่งอ่านหนังสือ เพื่อบรรเทา การเปิดร้านขนมแบบเต็มแบบอย่าง จึงตอบโจทย์ข้อนี้ได้ และก็ทำรายได้ให้กับธุรกิจได้ อย่างเป็นกอบเป็นกำ อย่างแน่แท้
-ความนิยมเบเกอรี่ ของคนรุ่นใหม่ ที่มีเวลาน้อย เลือกกินเบเกอรี่เป็น อาหารจานด่วน หรือรองท้อง ผู้คนจำนวนมากคงเคยรับรู้คำว่า “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” เมื่อคุณเดินทางไกล หรืออยู่ในช่วงเวลาเร่งรีบ ไม่สามารถที่จะหาที่นั่งทานอาหารได้ การกินขนมที่ซื้อข้างทาง จะช่วยทำให้คุณคลายหิวไปได้ ก่อนที่คุณจะทำธุระเสร็จ รวมทั้งไปทานอาหารมื้อใหญ่ถัดไป
การเตรียมความพร้อมก่อนลงทุนในธุรกิจเบเกอรี่
ก่อนจะลงทุนในธุรกิจอะไรก็ตามก็จำเป็นต้องมีการจัดแจงให้พร้อมกั่น ซึ่งธุรกิจเบเกอรี่โฮมเมดก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ลงทุนต้องพิจารณาถึงความพร้อมเพรียงก่อนจะมีการลงทุน ซึ่งเช่น
เงินทุน
สำคัญเป็นอันดับที่หนึ่งก็เพราะว่าเงินลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ก่อนการผลิตเบเกอรี่เป็นไปด้วยดี จำนวนเงินลงทุนย่อมนาๆประการตามลักษณะของธุรกิจว่าอยากให้ออกมาในลักษณะใด ซึ่งก็จำต้องวิเคราะห์แล้วก็พิจารณาตามกำลังของตัวอง เพราะว่าด้วยทั่วไปแล้วการลงทุนในขั้นแรกจะเน้นหนักไปที่วัสดุปกรณ์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นเงินลงทุนคงที่ และจะให้ผลตอบแทนกลับมาภายในระยะเวลาไม่นาน โดยเหตุนั้นควรเลือกใช้เครื่องใช้ไม้สอยที่คุณภาพดี มีการค้ำประกัน แม้ว่าจะราคาสูงแต่มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพ
ส่วนต้นทุนอีกอย่างทีเรียกกันว่าเงินลงทุนผันแปรแปร ดังเช่นว่า ค่าเช่าพื้นที่ ค่าขนส่ง หรือค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลงได้ ถือว่าเหล่านี้เป็นเงินลงทุนที่ผู้ร่วมลงทุนเองจำเป็นต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อสามารถเงินทุนสามารถหมุนเวียนได้อย่างไม่ติดขัด
-วิชาความรู้ความเชี่ยวชาญ
ต้องสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจเบเกอรี่โฮมเมดมากมาย เพราะว่าควรเรียนรู้ถึงใอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้รวมทั้งวัตถุดิบทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเพื่อการทำเบเกอรี่ ควรทำความเข้าใจว่าแป้งมีกี่จำพวก น้ำตาลหรือวัตถุดิบตัวอึ่นๆมีคุณสมบัติยังไงใช้เป็นส่วนผสมในเบเกอรี่แต่ละประเภทเพื่ออะไร นอกจากนี้ยังจำต้องฝึกฝนแล้วก็ช่ำชองสำหรับในการทำ เบเกอรี่มากพอที่จะควบคุมประสิทธิภาพและก็รสได้ เพื่อของหวานที่ผลิตมีคุณภาพและก็รสที่เหมือนกัน
ขณะนี้ มีสถานที่เรียนสอนทำเบเกอรีมากไม่น้อยเลยทีเดียว เราสามารถเลือกเรียนได้ ได้ตามต้องการ ทั้งยังสามารถเลือกเฉพาะวิชาที่สนใจได้ ซึ่งจำนวนมากเขาเรียนเพียงคอร์สเดียวก็สามารถนำมาปรับใช้และทำขายได้ทันที และการเรียนสูตรแล้วก็การทำจากเพื่อนฝูงหรือวงศาคณาญาติ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะไม่ต้องเลยรายจ่ายสำหรับการเข้าห้องเรียนกับโรงเรียนสอนทำเบเกอรี่ต่างๆ
-เรียนรู้ตลาดและก็คู่แข่ง
ผู้สร้างควรศึกษาถึงสถานการณ์การตลาดเพื่อกระบวนการทำความรู้ความเข้าใจสำหรับการดำเนินธุรกิจของพวกเรา ควรศึกษาว่ากาตลาดเบเกอรี่ในช่วงนั้นๆเป็นยังไง มีกลุ่มคู่แข่งขันจำนวนราวๆกี่ราย แล้วก็แต่ละรายมีข้อเด่นจุดด้วยอะไรบ้าง และพวกเราต้องหาคุณลักษณะเด่นของพวกเรา และปรับวิธีการเพื่อให้สู้กับคู่แข่งขันให้ได้ การ มองหา ร้านสำหรับฝากขายมีความสำคัญมากสำหรับเพื่อการที่จะช่วยทำให้ธุรกิจของเราก้าวไปด้านหน้าหรือจะถอยหลัง ร้านค้าที่เห็นสมควรสนใจคือร้านที่อยู่ในย่านชุมชน มีทำเลดี มีที่จอดรถสำหรับลูกค้าไว้พร้อม มีการขยับเขยื้อนของปริมาณลูกค้าและก็หมุนเวียนสินค้าตลอดทั้งวัน และทางร้านมีทิศทางที่จะช่วยพรีเซ็นท์สินค้าของเรา เพื่อไม่ให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเราถูกกักไว้เพื่อคอยส่งกลับคืนสิ่งเดียว
-หาแหล่งวัตถุดิบที่เหมาะสมเรื่องราคาและก็ประสิทธิภาพ
การซื้อวัตถุดิบสำหรับเฉพาะแนวทางการทำเบเกอรี่ ย่อมทำให้ได้วัตถุดิบที่แพงถูกกว่าซื้อตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป และยังคงได้อุปกรณ์สำหรับการทำเบเกอรี่อย่างสมบูรณ์
ลักษณะของธุรกิจร้านเบเกอรี่ อาชีพอิสระ รายได้ดี
-รับขนมจากที่อื่นๆมาขาย
Bakery ยี่ห้อ HOME ของมหาวิทยาลัยราชภัฎ สวนดุสิต เป็นตัวอย่างสุด Classic ของ ร้านขนมปัง รูปแบบนี้ เราจะมองเห็นคนนำของหวานแบรนด์ HOME มาเดินขายจากที่ต่างๆหรือจัดโต๊ะขายก็ตาม รูปแบบนี้เป็นแบบอย่างที่เริ่มง่าย เพียงแต่ไปรับขนม และก็เอามาตั้งขาย ไม่ต้องจมทุนไปกับการซื้อเครื่องอบของหวาน ไม่ต้องเปลืองแรงทำ และขนมที่ขายอร่อยแน่นอน
- ทำของหวานขายเอง
หากคุณมีเงินทุนมากเพิ่มขึ้นมาหน่อย แล้วก็เคยไปเรียนทำ Bakery มา หรือมั่นอกมั่นใจในความสามารถ ธุรกิจร้านเบเกอรี่ประเภทนี้ จะทำเงินได้มากกว่า เพราะเหตุว่าเราไม่ต้องไปรับขนม มาจากที่อื่น ซึ่งมีต้นทุนที่ซื้อมา แพงกว่าขนมที่เราทำเองอย่างไม่ต้องสงสัย แม้กระนั้นก็ต้องลองชั่งน้ำหนักมองว่า เงินทุนที่ลงเพิ่มไป จะคุ้มกับรายได้ที่ได้มากขึ้นมาหรือเปล่า
- ร้านขนมปังพร้อมที่นั่ง แบบเต็มแบบ
ถ้าไม่ต้องการขายเพียงแค่ Bakery อย่างเดียว รวมทั้งคิดว่าของหวานที่สร้างขึ้นมา มีดีกว่าแค่จะเป็นร้านทั่วไป ก็เปิดร้านเบเกอรี่พร้อมที่นั่ง แบบเต็มแบบอย่างได้เลย ด้วยเหตุว่าราคาของหวานจะขายได้แพงกว่า 2 แบบแรก โดยมีเป้าหมาย ให้เป็นจุดสำหรับนัดพบ สำหรับมาทานขนม นั่งคุยกัน หรือนั่งอ่านหนังสือ ซึ่งเข้ากับ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ด้วย
 
สูตรคัพเค้ก
คัพเค้กสีรุ้ง
แค่เห็นสีสันของคัพเค้กสีรุ้งสูตรจากคุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ก็ทำเอาน้ำลายสอกันเลยทีเดียว คัพเค้กสีรุ้งเกิดจากการนำสูตรชิฟฟอนมาผสมกับสูตรบัตเตอร์เค้ก เวลากินจะได้กลิ่นหอมของเนยจาง ๆ เคล้ากับความนุ่มละมุนของเนื้อเค้ก ถ้าทำเสิร์ฟในปาร์ตี้ต้องเกิดแน่นอนค่ะ
ส่วนผสม คัพเค้กสีรุ้ง
- เนยสด 115 กรัม
 - น้ำตาลทรายป่น 120 กรัม
 - แป้งเค้ก 135 กรัม
 - ผงฟู 1 ช้อนชา
 - นมสด 125 กรัม
 - ไข่ขาว 4 ฟอง
 - ครีมออฟทาร์ทาร์
 - น้ำตาลทรายป่น 45 กรัม
 - สีผสมอาหารสีแดง สีเขียว สีฟ้า และสีส้ม (หรือสีผสมอาหารอื่นตามชอบ)
วิธีทำคัพเค้กสีรุ้ง
1. ใส่เนยสดและน้ำตาลทรายลงในอ่างผสม ตีผสมเข้าด้วยกันจนนิ่มฟู
 2. ร่อนแป้งเค้กและผงฟูเข้าด้วยกันแล้วแบ่งเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน ใส่แป้งเค้กส่วนที่ 1 ลงไปในส่วนผสมเนยที่ตีไว้ คนผสมพอเข้ากัน (เคล็ดลับ : เวลาใส่แป้งเค้กลงไปแล้วอย่าคนนานเพราะเนื้อเค้กจะเหนียว)
 3. แบ่งนมสดเป็น 2 ส่วน เทส่วนที่ 1 ลงไปในส่วนผสมเนยคนผสมให้เข้ากัน
 4. ใส่แป้งเค้กส่วนที่ 2 ลงไปในส่วนผสมเนยคนผสมพอเข้ากัน จากนั้นเทนมสดส่วนที่เหลือลงไปคนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
 5. ใส่แป้งเค้กส่วนที่ 3 ลงไปในส่วนผสมเนยคนผสมพอเข้ากัน เพียงเท่านี้ก็จะได้บัตเตอร์เค้กแล้ว พักไว้
 6. ใส่ไข่ขาวและครีมออฟทาร์ทาร์ลงในเครื่องตีแป้ง
 7. ในระหว่างตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายลงไปตีผสมด้วย ตีจนส่วนผสมขึ้นฟู
 8. แบ่งส่วนผสมไข่ขาวออกเป็น 2 ส่วน ตักส่วนแรกใส่ในส่วนผสมเนยแล้วคนตะล่อมเบา ๆ ให้เข้ากัน จากนั้นตักส่วนผสมไข่ขาวส่วนที่เหลือใส่ลงไปแล้วคนตะล่อมให้เข้ากัน
9. แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 5 ถ้วย (แยกไว้ 1 ถ้วยไม่ต้องผสมสี) จากนั้นใส่สีผสมอาหารสีแดง สีเขียว สีฟ้า และสีส้มลงไปแล้วคนให้ส่วนผสมเข้ากันดี
10. ตักส่วนผสมแป้งใส่ถ้วยกระดาษทีละชั้น โดยเริ่มจากใส่แป้งสีแดงลงไปเป็นฐานก่อน ตามด้วยส่วนผสมแป้งสีเขียว สีฟ้า สีส้ม สุดท้ายใส่ส่วนผสมแป้งที่ไม่ผสมสีลงไป
 11. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 130-140 องศาเซลเซียส (เตาอบเล็ก) ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
 12. นำขนมออกจากเตามาพักไว้ให้คลายความร้อน


เค้กช็อกโกแลต สูตรไร้แป้ง
สำหรับคนกลัวอ้วนมาลองทำเค้กช็อกโกแลตสูตรไร้แป้งสูตรนี้กัน อร่อยกับดาร์กช็อกโกแลตเน้น ๆ อบจนสุกก็จับแต่งหน้าด้วยไอซิ่งกับราสป์เบอร์รี
ส่วนผสม เค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง
• ไข่ไก่ 8 ฟอง (แช่เย็น)
 • ดาร์กช็อกโกแลตสับ 2 ถ้วย
 • เนยจืด 1 ถ้วย
 • น้ำตาลไอซิ่ง (โรยหน้า)
 • ราสป์เบอร์รี (ตกแต่ง)
วิธีทำเค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 325 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้
 2. ปูกระดาษรองอบลงในพิมพ์ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 นิ้ว ห่อพิมพ์ด้านนอกด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ เตรียมไว้
 3. ใช้เครื่องตีมือถือตีไข่ไก่ด้วยความเร็วสูงประมาณ 5 นาที พักไว้
 4. ใส่ดาร์กช็อกโกแลตกับเนยจืดลงในชามทนความร้อนนำไปทำละลายบนปากหม้อต้มน้ำเดือด หรือนำเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที แล้วนำออกมาคนผสมให้เข้ากัน ใส่ไข่ที่ตีไว้แล้วลงไปคนผสมให้เข้ากัน
 5. นำส่วนผสมเค้กเทใส่ลงในพิมพ์ เกลี่ยหน้าให้เรียบเนียน จับวางลงไปในหม้อที่ไซส์ใหญ่กว่า เทน้ำต้มเดือดลงไปด้านข้างพิมพ์ประมาณ 1/2 ส่วน นำเข้าไปอบที่อุณหภูมิ 140 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 22-25 นาที เสร็จแล้วเอาเค้กออกมาพักไว้ให้เย็น นำเข้าไปแช่ตู้เย็น ก่อนเสิร์ฟโรยไอซิ่ง ตกแต่งด้วยราสป์เบอร์รี

 
 
ความเป็นมาของของหวานสีสันแจ่มใส มาการูนหรือมาการอง (Macaroon)
มาการูน หรือ มาการอง (Macaroon) ขนมหวานรูปวงกลมสัญชาติประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีสีสันสดใส ใส่ไส้ตรงกลาง เชิญให้น่าอร่อย กำลังได้รับความนิยมอย่างมากมายแล้วก็พบเจอกันได้เยอะมากตามห้าง ร้านเบเกอรี่ หรือในโรงแรมเมืองไทยในขณะนี้
 คนไหนกันแน่จะทราบบ้างว่าแหล่งกำเนิดที่แท้จริงของของหวานทรงกลมสีสันสดใสที่น่ารับประทานนี้เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี มาจากคำว่า "Maccaone หรือ Maccherone" ในภาษาอิตาลี มาการองหรือมาการูน เปิดตัวหนแรกในปี ค.ศ. 1553 โดยเชฟหญิงชาวอิตาลีที่มีนามว่า Catherine de Medicis ในงานมงคลสมรสของคุณกับ Duc d'Orleans หรือกษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 ของประเทศฝรั่งเศส ในอีก 21 ปีถัดมานั่นเอง
มาการองหรือมาการูน เริ่มต้นเป็นของหวานที่สร้างขึ้นมาง่ายๆจากอัลมอนต์ น้ำตาลแล้วก็ไข่ขาวเท่านั้น ซึ่งเป็นของที่ราคาแพงไม่แพงและมีคุณค่าทางอาหาร มีการบันทึกไว้ว่าหลานสาวของ Catherine de Medicis และก็ชาวฝรั่งเศสใช้กินเพื่อประทังชีวิตในสมัยสินค้าต่างๆมีราคาแพง
จนตราบเท่าตอนต้นศตวรรษที่ 20 ใบหน้าของ มาการองหรือมาการูน ก็เปลี่ยนไปเป็นขนมที่มีสีสันฉูดฉาด แล้วก็นำมาการูนสองแผ่นมาเกาะติดกันโดยมีไส้ "chocolate panache (ช็อกโกแล็ตผสมครีม)" โดย Pierre Desfontaines หลายชายของ Louis Ernest Laduree (Laduree pastry and Salon de the,rue Royale) ร้านเบเกอรี่มีชื่อเสียงในประเทศฝรั่งเศส
แนวทางการทำมาการองอย่างคร่าวๆเป็น การผสมไข่ขาว น้ำตาลทราย แล้วก็อัลมอนด์ล้วนๆบดละเอียดจนเป็นผงคล้ายแป้ง เรียกส่วนผสมนี้ว่า เมอแรงก์ (meringue) ตักเมอแรงก์ใส่กรวยแล้วบีบลงบนถาดอบเป็นชิ้นกลมๆขนาดเล็ก และถูกตากทิ้งเอาไว้ครู่หนึ่งแล้วจึงนำเข้าเตาอบ ออกมาเป็นฝามาการอง (Shell) แล้วทำไส้ใส่ไว้ตรงกลาง
 กระบวนการทำมาการองต้นตำรับ แตกต่างตั้งแต่แนวทางจัดเตรียมเมอแรงก์แบบที่นิยมทำกันในปัจจุบัน การทำมาการองแบบเจ้าตำรับนั้นต้องใช้วิธีจัดแจงเมอแรงก์แบบ "เฟรนช์ เมอแรงก์ (French Meringue)" เป็นการตีไข่ขาวกับน้ำตาลทรายแบบไม่ต้องต้ม ใช้มือค่อยๆตีไปเรื่อยๆซึ่งเป็นแนวทางเริ่มแรกที่คนประเทศฝรั่งเศสทำมาเมื่อร้อยปีที่ล่วงเลยไป ร้านมาการองที่มีชื่อในตอนนี้ของฝรั่งเศสก็ยังใช้แนวทางเริ่มแรกนี้อยู่ แม้กระนั้นขณะนี้คนจำนวนมากไม่มีใครทำแล้ว เพราะวิธีทำยุ่งยากกว่าแนวทางต้มน้ำตาลด้วยความร้อนซึ่งจะทำให้ผิวของมาการองไม่เหมือนกัน และแบบเริ่มแรกจำเป็นต้องใช้เวลาตากที่อุณหภูมิห้องขั้นต่ำ 3 ชั่วโมงถึงจะนำเข้าอบได้ ขณะที่แนวทางต้มน้ำตาล ทิ้งเอาไว้เพียงแค่ 15 นาที ก็นำเข้าเตาอบได้เลย
มาการองสมัยปัจจุบันนิยมต้มน้ำตาลที่อุณหภูมิ 118 องศาเซลเซียส ซึ่งเมื่อรวมกับไข่ขาวจะมีความแน่นรวมทั้งคงตัวช่วยไม่ให้ผิวหน้ามาการองแตกจากการอบ ผิวเรียบงาม แต่ไม่มีความอ่อนนุ่มเท่ากับแนวทางตีน้ำตาลทราย ไข่ขาวและก็ผงอัลมอนด์ให้ขึ้นฟูเบาๆซึ่งต้องอาศัยความเก่ง
วิธีการทำมาการองเจ้าตำรับแบบ เฟรนช์ เมอแรงก์ ทำให้จับตัวได้ฝามาการอง (Shell) ซึ่งผิวสัมผัสด้านนอกจะกรอบบางๆกัดนิดหนึ่งจะเจอความนุ่มของเนื้อเชลล์แทบละลายในปากผสมผสานจนกลมกลืนไปกับรสชาติของไส้
เอกลักษณ์ของมาการองอีกจุดหมายถึง"ชายเล่ห์เหลี่ยมประเทศฝรั่งเศส (skirt)" เป็นส่วนที่เป็นรอยหยักๆบริเวณรอบๆขอบเชลล์ ซึ่งเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากส่วนผสมและการอบที่สมควร หากอบแล้วไม่มีสเกิร์ตเกิดขึ้น ตัวเชลล์จะกลายเป็นขนมผิงที่กรอบทั้งชิ้น
|
ขมป้งบ้านครูแอน อร่อย การันตี เรียนแล้วทำเป็น ชัวร์
|
อยากทำขนมเค้กเป็น อยากทำขนมอร่อยๆ เรียนกับครูแอนเลย
|
ทำขนมเค้กกินเอง ขนมปัง เบเกอรี่ บ้านครูแอน สอนเป็นกันเอง เรียนจบต้องทำเป็นให้จงได้
}
คอร์สแต่งหน้าเค้ก ไส้ขนมปัง เปิดร้านเบเกอรี่ (สอนส่วนตัว) อร่อยเหาะ

ขอบคุณบทความจาก : [url=http://www.annann201.com/][url]http://www.annann201.com/
[/url]

Tags :  ทำเค้ก, เบเกอรี่, ขนมไทย



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ