โรคเเผลในกระเพาะอาหาร- อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเเผลในกระเพาะอาหาร- อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 24 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 21, 2018, 08:52:42 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคแผลในกระเพาะ (โรคกระเพาะ)

  • โรคแผลในกระเพาะอาหารเป็นอย่างไร โรคแผลในกระเพาะ (Gastric ulcer) คือ โรคที่มีแผลในกระเพาะหรือลำไส้เล็กส่วนต้น หรือมีการอักเสบของเยื่อกระเพาะ ผู้ที่เป็นโรคนี้แล้วสามารถรักษาให้หายสนิทได้ ส่วนมากมักจะเป็นเรื้อรัง หรือเป็นนานๆถ้าไม่รักษาหรือทำตัวให้ถูกจะมีลักษณะเป็นๆหายๆรวมทั้งถ้าเกิดปลดปล่อยให้เป็นมาก จะก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อน ซึ่งเป็นโทษถึงชีวิตได้  หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคแผลเพ็ปติก (peptic ulcer) ซึ่งบางทีอาจเป็นแผลตรงส่วนกระเพาะอาหาร เรียกว่า แผลกระเพาะ อาหาร (gastric ulcer, ย่อว่า GU) หรือแผลตรงส่วนลำไส้เล็กส่วนต้น เรียกว่า แผลลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenal ulcer, ย่อว่า DU) ก็ได้
  • ต้นเหตุของโรคแผลในกระเพาะ โรคแผลในกระเพาะ เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเยื่อเมือกบุข้างในทางเดินอาหาร ถูกทำลายโดยน้ำย่อยจากกระเพาะ ชื่อ เปบซิน (Pepsin) ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดชื่อโรคว่า แผลเปบติเตียนค ซึ่งเปบซินเป็นน้ำย่อยโปรตีนที่ทำงานร่วมกับกรดในกระเพาะ โดยมีกรดเป็นตัวปลุกฤทธิ์ (Activate)ให้น้ำย่อยนี้มีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการย่อยมากขึ้น รวมทั้งปัจจุบันนี้พบว่ายังมีเหตุเสริมอื่นๆที่ก่อให้เกิดโรคได้อีก ตัวอย่างเช่น การติดเชื้อเฮลิโคกางคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ติดต่อโดยการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่แปดเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ติดเชื้อ โดยแบคทีเรียชนิดนี้ มีรูปร่างเป็นเกลียวและมีหาง มีความทนทานกรดสูงเนื่องด้วยสามารถสร้างสารที่เป็นด่างออกมาเจือจางกรดที่อยู่ บริเวณตัวมัน  ทำให้สามารถอาศัยอยู่ในชั้นผิวเคลือบข้างในกระเพาะได้ เชื้อนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้เยื่อบุกระเพาะ ฝาผนังกระเพาะก็เลยอ่อนแอลงและมีความทนทานต่อกรดลดลง ทำให้กระเพาะและก็ไส้ส่วนต้นเกิดแผลได้ง่าย

การใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (non steroidal anti inflammatory drugs, ย่อว่า NSAIDs) ดังเช่นว่า แอสไพริน ไอบูโพรเฟน อินโดเมทาสิน ท้องนาโพรเซน ไพร็อกสิแคม ไดโคลฟีแนก ฯลฯ ซึ่งนิยมใช้เป็นยาพาราข้อ ปวด เอ็นหรือกล้ามเนื้อ ปวดรอบเดือน และ ใช้แก้ปวดแก้ไข้ทั่วๆไป ถ้าหากใช้ติดต่อกันนานๆมักจะทำให้เกิดแผลเพ็ปติก อาจร้ายแรงถึงขนาดเลือดออก (อ้วกเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระดำ) หรือกระเพาะไส้เป็นแผลทะลุได้ กระเพาะถูกกระตุ้นให้มีกรดเพิ่มมากขึ้น เนื่องด้วยกระตุ้นของปลายประสาท มีสาเหตุจากความเครียด วิตกกังวลรวมทั้งอารมณ์ การดื่มแอลกอฮอล์ ดังเช่น สุรา เบียร์ ยาดอง การดื่มกาแฟ การสูบบุหรี่  การกินของกินไม่ตรงเวลา  มีอุปนิสัยการทานอาหารที่ผิดต้อง ตัวอย่างเช่น การกินอาหารอย่างเร่งรีบ รับประทานไม่เป็นเวลาหรืออดอาหารบางมื้อ เป็นต้น

  • อาการโรคแผลในกระเพาะ เจ็บท้อง ลักษณะของการเกิดอาการเจ็บท้องที่สำคัญหมายถึงปวดเรื้อรังมานาน เป็นๆหายๆเป็นเดือนหรือเป็นปี  ปวดหรือจุกแน่นท้องรอบๆใต้ลิ้นปี่ หรือ หน้าท้องช่วงบน เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด มักตรงเวลาท้องว่า หรือเวลาหิว อาการก็เลยเป็นเฉพาะบางช่วงเวลาของวัน  ลักษณะของการปวดแน่นท้อง มักจะทุเลาได้ด้วยอาหารหรือยาลดกรด  อาการปวด ชอบเป็นๆหายๆโดยมีช่วงเว้นที่ปราศจากอาการค่อนข้างนาน ตัวอย่างเช่น ปวดอยู่ 1-2 สัปดาห์ แล้วหายไปนับเป็นเวลาหลายเดือนจึงกลับมาปวดอีก  ปวดแน่นท้องตอนกลางดึกหลังจากที่หลับไปแล้ว  แม้ว่าจะมีอาการเรื้อรังเป็นปี สุขภาพโดยทั่วไปจะไม่ทรุดโทรม โรคแผลกระเพาะจะไม่แปลงเป็นโรคมะเร็ง แม้จะเป็นๆหายๆอยู่นานกี่ปีก็ตาม นอกเหนือจากการที่จะเป็นแผลประเภทที่เกิดขึ้นมาจากโรคมะเร็งของกระเพาะตั้งแต่แรกเริ่มโดยตรง  จุดเสียด แน่นท้อง ท้องเฟ้อ ท้องขึ้น ท้องอืด เรอลม มีลมในท้อง ร้อนในท้อง อาเจียนอ้วก  อื่นๆที่เจอได้หมายถึงไม่อยากอาหาร

ผอมบางลง ภาวะลำไส้ตัน จากแผลก่อให้เกิดพังผืด จึงส่งผลให้ทางเท้าในกระเพาะอาหารแล้วก็/หรือลำไส้เล็กตีบแคบลง ซึ่งอาการเป็น เจ็บท้องรุนแรง ร่วมกับอาเจียน โดยยิ่งไปกว่านั้นข้างหลังทานอาหาร และดื่มน้ำ และไม่สามารถผายลมได้
                ภาวะแทรกซ้อน  เลือดออกมาจากแผลในกระเพาะอาหาร พบได้มากที่สุด ผู้เจ็บป่วยจะมีอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำเหลว หรือหน้ามืด วิงเวียน เป็นลม  กระเพาะทะลุ ผู้เจ็บป่วยจะมีอาการเจ็บท้องตอนบนกะทันหันรุนแรง หน้าท้องแข็งตึง กดเจ็บมาก  กระเพาะอุดตัน ผู้ป่วยจะกินได้น้อย อิ่มเร็ว มีคลื่นไส้หลังอาหารแทบทุกมื้อ ไม่อยากกินอาหาร น้ำหนักต่ำลง

  • สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดโรคแผลในกระเพาะ ปัจจัยเสี่ยงของโรคกระเพาะอาหารเป็น1. การกินอาหารต่างๆได้แด่ การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา การรับประทานอาหารรสจัด ได้แก่ เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด 2.การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลผสมหรือน้ำอัดลม รวมทั้ง ชา กาแฟ 3.การสูบยาสูบ 4.การรับประทานยาต้านการอักเสบ ในกลุ่ม NSAIDs ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ 5.การต่อว่าดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโด กางคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori) ที่แปดเปื้อนมากับของกินหรือน้ำ
  • กระบวนการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร แพทย์วินิจฉัยโรคแผลเปบติคได้จาก ประวัติอาการ การตรวจร่างกาย หรือการตรวจภาพกระเพาะรวมทั้งช่องท้องด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แต่การตรวจที่ให้ผลแน่ นอน คือ การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร แล้วก็ไส้ ร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา แล้วก็อาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่ม ดังนี้สังกัดอาการผู้ป่วยและดุลยพินิจของแพทย์ เป็นต้นว่า การตรวจค้นสารบางประเภทในอุจจาระซึ่งสร้างโดยเชื้อ เอชไพโลไร หรือการตรวจสารบางประเภทที่เชื้อนี้สร้างและก็ร่างกายกำจัดออกทางการหายใจ การให้ยารักษา (ในกรณีไม่ติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobactor Pylori) โดยกินยาอย่างแม่นยำ เป็นจะต้องรับประทานยาให้สม่ำเสมอ รับประทานยาให้ครบตามปริมาณ และก็ช่วงเวลา ที่หมอสั่งยารักษาโรคกระเพาะ จำนวนมากจะต้องใช้เวลาราวอย่างน้อย 4-6 อาทิตย์ แผลจึงจะหาย โดยเหตุนี้ตอนหลังกินยา ถ้าหากอาการห้ามหยุดยา จะต้องกินยาต่อกระทั่งครบ และแพทย์มั่นใจว่าแผลหายแล้ว จึงจะ ลดยาหรือหยุดยาวได้

การให้ยารักษาในกรณีตรวจเจอเชื้อแบคทีเรีย หมอจะให้การรักษาโดยมีสูตรยา 3-4 ประเภทด้วยกัน รับประทานนาน 1-2 อาทิตย์ สูตรยาโดยมากเป็นยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดกรด เพื่อรักษาแผลและช่วยทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นของยาปฏิชีวนะ คนไข้ควรจะได้รับการตรวจหาเชื้อซ้ำหลังจากได้รับประทานยาปฏิชีวนะครบแล้ว โดยอาจเป็นการตรวจโดยการส่องกล้องกระเพาะอีกครั้งเพื่อกระทำพิสูจน์ ชิ้นเนื้อซ้ำ หรือทดลองโดยการกินยาสำหรับทดสอบเชื้อแบคทีเรียโดยตรง และตรวจวัดสารที่ถูกปลดปล่อยออกมาทางลมหายใจ
การผ่าตัด ซึ่งในขณะนี้ มียาที่รักษาโรคกระเพาะอาหารอย่างยอดเยี่ยมมากไม่น้อยเลยทีเดียวถ้าหากให้การรักษาที่ถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นที่ต้องผ่าตัดในการผ่าตัดอาจจะส่งผลให้เป็นกรณีที่เกิดโรคแทรก ตัวอย่างเช่น เลือดออกในกระเพาะและก็ลำไส้เล็ก โดยไม่อาจจะทำให้หยุด                เลือดออกได้          แผลกระเพาะรวมทั้งลำไส้เล็กเกิดการทะลุ        กระเพาะมีการตัน

  • การติดต่อของโรคแผลในกระเพาะ โรคแผลในกระเพาะ ไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คน
  • การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร ควรจะรำลึกไว้เสมอว่า โรคแผลกระเพาะเป็นโรคเรื้อรัง เป็นๆหายๆมักไม่หายสนิทตลอดชาติ คนเจ็บจำเป็นต้องได้รับยารักษาติดต่อกันเป็นเวลานาน ข้างหลังได้รับยา อาการปวดจะหายไปก่อน ใน 3-7 วัน แต่ว่าแผลจะยังไม่หาย ส่วนมากใช้เวลาถึง 4-8 อาทิตย์ แผลก็เลยหาย เมื่อหายแล้ว จะกลับมาเป็นใหม่ได้อีกหากไม่ระวังกระทำตัวให้ถูกต้อง อย่างเช่น  ทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย แล้วก็ทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ๆ ทานอาหารตรงตรงเวลาทุกมื้อ  รับประทานอาหารปริมาณน้อยๆแต่ว่ารับประทานให้บ่อยมากมื้อ ไม่สมควรรับประทานจนกระทั่งอิ่มมากในแต่ละมื้อ  หลบหลีกอาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เครื่องดื่มแอลกฮอลล์ งดเว้นสูบบุหรี่  งดการใช้ยาพารา แอสไพริน และยาแก้โรคกระดูกและก็ข้ออักเสบทุกชนิด รวมถึงยาชุดต่างๆคลายเครียด ไม่สบายใจ พักให้เพียงพอ กินยาลดกรด หรือยารักษาแผลกระเพาะอาหารติดต่อกันอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์ หรือจากที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด หากมีอาการของภาวะแทรกซ้อน จำต้องรีบไปพบหมอ ควรบริหารร่างกายให้สุขภาพแข็งแรง
  • การคุ้มครองป้องกันตัวเองจากโรคแผลในกระเพาะอาหาร รักษาสุขลักษณะ เพื่อลดจังหวะติดเชื้อต่างๆโดย เฉพาะการใช้ช้อนกลาง และก็การล้างมือเสมอๆโดยยิ่งไปกว่านั้นหลังเข้าส้วม และก่อนอาหาร เมื่อมีลักษณะเจ็บท้องบริเวณลิ้นปี่เสมอๆเป็นๆหายๆหรือเรื้อรัง อาการเกิดขึ้นอีกข้างหลังดูแลตัวเองในเบื้องต้น ควรพบหมอเสมอ เพื่อการวิเคราะห์หาสาเหตุแล้วก็ให้การรักษาแต่ว่าเนิ่นๆก่อนโรคขยายเป็นแผลเปบว่ากล่าวค หรือบางทีอาจเป็นลักษณะโรคมะเร็งกระเพาะได้ หลบหลีกการใช้ยาโดยไม่ ต้อง โดยเฉพาะกลุ่มยาต่อต้านอักเสบ ที่ไม่ใช่สตีรอยด์ที่ใช้แก้ปวดข้อปวดเส้นเอ็นรวมทั้งกล้าม รวมทั้งยาอื่นๆที่เป็นเหตุกระตุ้นให้โรคกำเริบ กินอาหารสุก อย่าทานอาหารดิบๆสุกๆหรือมีแมลงวันตอม เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อว่าดเชื้อเอชไพโรไล หลบหลีกการดื่มเหล้า เบียร์สด กาแฟ ยาดอง รวมทั้งงดเว้นสูบบุหรี่ พักผ่อนให้มากพอเพียง ทำจิตใจให้ร่าเริงบรรเทาเครียดกังวล และไม่หงุดหงิดเจ้าอารมณ์
  • สมุนไพรที่สามารถช่วยทุเลา/รักษาโรคแผลในกระเพาะได้ ขมิ้นชัน ในขมิ้นชันจะมีสารชนิดหนึ่งชื่อ เคอคิวมินอยด์ เป็นตัวปกป้องการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการขับน้ำดี ทำให้ระบบการย่อยของอาหารดีขึ้น จึงช่วยคลายความจุกเสียด รวมทั้งสารเคอคิวมินอยด์ ยังไปกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารฉาบกระเพาะอาหารจึงช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารให้ดียิ่งขึ้น วิธีการใช้ เพียงแต่นำเหง้าของขมิ้นชันมาล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆผึ่งแดดราวๆ 1 – 2 วันแล้วบดให้รอบคอบ ผสมกับน้ำผึ้งรับประทานเป็นลูกกลอน กินทีละ 500 มก. หลังอาหารและก่อนนอน 4 เวลา ว่านหางจระเข้  ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณลักษณะในการรักษาโรคกระเพาะ ช่วยสำหรับการรักษาบาดแผลในกระเพาะอาหารรวมทั้งล้างพิษ  โดยให้ใช้ใบสดที่พึ่งจะเอาออกมาจากต้น ล้างน้ำให้สะอาดแล้วปอกให้เหลือแต่วุ้นใสๆแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆรับประทานทุกวัน ก่อนรับประทานอาหาร กระเจี๊ยบเขียว เป็นผักสมุนไพรที่มีสรรพคุณสำหรับในการรักษาโรคกระเพาะและก็ลำไส้ ด้วยเหตุว่าในฝักกระเจี๊ยบนั้นจะมีสารประเภทหนึ่งชื่อว่า แพ็คติน และก็คัม ที่จะช่วยเคลือบแผลในกระเพาะและก็ไส้ วิธีการใช้ เพียงแค่เอามาลวกแล้วรับประทานวันแล้ววันเล่าตรงเวลาต่อเนื่องอย่างต่ำ 2 สัปดาห์ แผลในกระเพาะก็จะดียิ่งขึ้นเพราะว่าเมือกลื่นๆในผลของกระเจี๊ยบเขียวช่วยฉาบแผลในกระเพาะได้
เอกสารอ้างอิง

  • โรคกระเพาะอาหาร.หน่วยโรคทางเดินอาหารฯ.สาขาวิชาอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.โรคกระเพาะ.นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 288 .คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.เมษายน.2546
  • ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร.โรคกระเพาะอาหาร.ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
  • สุรเกียรต์ อาชานานุภาพ,(2543).ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป.(พิมพ์ครั้งที่ 2).กรุงเทพฯ:อุษาการพิมพ์.
  • แผลเปปติค(Pept:c ulcer)/แผลในกระเพาะอาหาร(Gastric ulcer)http://www.disthai.com/[/b]
  • วันทนีย์ เกรียงสินยศ,(2548).กินอย่างไรเมื่อเป็นโรคกระเพาะ.หมอชาวบ้าน.(ปีที่ 26 ฉบับที่ 311หน้า52-54).
  • El-Omer E, Penman I, Ardill JE, McColl KE. A substantial proportion of non-ulcer dyspepsia patients have the same abnormality of acid secretion as duodenal ulcer patients. Gut 1995;36:534-8.
  • พิศาล ไม้เรียง.(2536).โรคทางเดินอาหาร การวินิจฉัยและการรักษา.(พิมพ์ครั้งที่ 2).ขอนแก่น:โรงพิมพืคลังนานาวิทยา.
  • กลุ่มวิจัยโรคกระเพาะอาหาร.สมาคมแพทย์ระบบทางเดินแห่งประเทศไทย.แนวทางเวชปฏิบัติในการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยดิสเปปเซียและผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพลอไร ในประเทศไทย พ.ศ.2553.สำนักพิมพ์กรุงเทพเวชสาร,2010.
  • เฟื่องเพชร เกียรติเสรี.(2541).โรคระบบทางเดินอาหาร.(พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพฯ:เรือนแก้ว การพิมพ์.

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : โรคหัวใจขาดเลือด



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ