โรคไข้เลือดออก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคไข้เลือดออก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 45 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 21, 2018, 04:14:37 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคไข้เลือดออก (Dengue hemorrhagic fever)

  • โรคไข้เลือดออกเป็นยังไง โรคไข้เลือดออก คือ โรคติดเชื้อซึ่งมีต้นเหตุที่เกิดจาก เชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue virus) โดยมียุงลายเป็นยานพาหนะนำโรคอาการของโรคนี้มีความคล้ายคลึงกับโรคไข้หวัดในตอนแรก (แต่จะไม่มีอาการน้ำมูลไหล คัดจมูก หรือไอ) ก็เลยทำให้ผู้เจ็บป่วยรู้เรื่องคลาดเคลื่อนได้ว่าตนเป็นเพียงแค่โรคไข้หวัด รวมทั้งทำให้ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องในทันที โรคไข้เลือดออกมีลักษณะและก็ความร้ายแรงของโรคหลายระดับตั้งแต่ไม่มีอาการหรือมีอาการนิดหน่อยไปจนกระทั่งเกิดภาวะช็อกซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนป่วยเสียชีวิต สถิติในปี พุทธศักราช 2554 รายงานโดย กรุ๊ปโรคไข้เลือดออก สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีอัตราป่วยไข้ 107.02 และอัตราป่วยไข้ตาย 0.10 ซึ่งแสดงว่า ในพลเมืองทุก 100,000 คน จะมีบุคคลที่ป่วยด้วยไข้เลือดออกได้ถึง 107.02 คน แล้วก็มีคนตายจากโรคนี้ 0.1 คน อย่างยิ่งจริงๆ ดังนี้โรคไข้เลือดออกยังเป็นโรคระบาดที่พบได้ทั่วไปแถบบ้านพวกเราและประเทศใกล้เคียง มีการระบาดเป็นช่วงๆทั่วอีกทั้งในจังหวัดกรุงเทพ และก็บ้านนอก มักพบการระบาดในฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงๆที่มียุงลายชุม จากสถิติในปี พ.ศ. 2556 ของสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีคนป่วยปริมาณ 154,444 ราย (คิดเป็นอัตราป่วยไข้ 241.03 ต่อสามัญชน 100,000 ราย) และมีปริมาณคนไข้เสียชีวิตปริมาณ 136 ราย (คิดเป็นอัตราเสียชีวิต 0.21 ต่อมวลชน 100,000 ราย)
  • ต้นเหตุของโรคไข้เลือดออก โรคไข้เลือดออกเป็นผลมาจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่าเชื้อไวรัสเดงกี Dengue 4 ประเภทคือ Dengue 1, 2, 3 และก็ 4 โดยปกติไข้เลือดออกที่เจอกันทั่วๆไปทุกปีชอบเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเชื้อไวรัสDengue จำพวกที่ 3 หรือ 4 แม้กระนั้นที่มีข่าวสารมาในช่วงนี้จะเป็นการติดเชื้อในสายพันธ์2เป็นสายพันธ์ที่เจอได้เรี่ยรายแต่อาการมักจะร้ายแรงกว่าสายพันธ์ที่ 3, 4 แล้วก็ควรเป็นการตำหนิดเชื้อซ้ำครั้งที่ 2 (Secondaryinfection) เชื้อไวรัสเดงกี่ เป็น single strandcd RNA ไวรัส อยู่ใน familyflavivirida มี4 serotypes (DEN1, DEN2, DEN3, DEN4) ซึ่งมีantigen ของกรุ๊ปบางชนิดร่วมกัน จึงทำให้มีcross reaction พูดอีกนัยหนึ่ง เมื่อมีการติดเชื้อโรคประเภทใดแล้ว จะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสประเภทนั้นอย่างยั่งยืนทั้งชีวิต และจะมีภูมิต้านทานต่อไวรัสเดงกี่อีก 3 ชนิด ในตอนระยะสั้นๆราว 6 - 12 เดือน (หรือบางทีอาจสั้นกว่านี้) ดังนั้นคนที่อยู่ภายในเขตพื้นที่ที่มีไวรัสเดงกี่มากอาจมีการตำหนิดเชื้อ 3หรือ 4 ครั้งได้  การตำหนิดเชื้อไวรัสเดงกีมีอาการแสดงได้ 3 แบบหมายถึงไข้เดงกี (Denque Fever – DF),มักจะเกิดกับเด็กโตหรือผู้ใหญ่อาจจะมีอาการไม่รุนแรงและไม่สามารถจะวินัจฉัยได้เรื่องอาการทางคลินิกได้แน่นอนจะต้องอาศัยการตรวจทางน้ำเหลืองรวมทั้งแยกเชื้อไวรัส ไข้เลือดออก หรือ ไข้เลือดออกเดงกี (Dengue hemorrhagic fever – DHF) รวมทั้งไข้เลือดออกเดงกีที่ช็อก (Denque Shock Syndrome – DSS) เป็นกรุ๊ปอาการที่เกิดขึ้นต่อจากระยะ DHF เป็นมีการรั่วของพลาสมาออกไปมากทำให้ผู้เจ็บป่วยเกิดภาวะช็อก แล้วก็สามารถตรวจเจอรระดับอีมาโตคริต    (Hct)  สูงมากขึ้นรวมทั้งมีน้ำในเยื่อห่อตอนปอดแล้วก็ท้องอีกด้วย
  • ลักษณะของโรคไข้เลือดออก ระยะที่ 1 (ระยะไข้สูง) ผู้ป่วยจะเป็นไข้สูงลอย (กินยาลดไข้ไข้ก็จะไม่ลด) ไข้39 - 41 องศาเซลเซียส ประมาณ 2 - 7 วัน ทุกรายจะจับไข้สูงเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน โดยมากไข้จะสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส ไข้อาจสูงถึง 40 - 41 องศาเซลเซียสได้ซึ่งบางรายอาจมี อาการชักเกิดขึ้น คนป่วยมักจะมีหน้าแดง (Flushed face) บางทีอาจตรวจ พบคอแดง (Injected pharynx) ได้แม้กระนั้นจำนวนมากผู้ป่วยจะไม่มีอาการ น้ำมูกไหล หรืออาการไอ ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์แยกโรคจากฝึกหัดใน ระยะแรก รวมทั้งโรคระบบทางเดินหายใจได้ เด็กโตอาจพร่ำบ่นปวดหัว ปวดรอบกระบอกตา ในระยะไข้นี้อาการทางระบบทางเดินอาหารที่พบได้มาก คือ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ บางรายอาจมีลักษณะของการปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งใน ระยะต้นจะปวดโดยธรรมดา รวมทั้งอาจปวดที่ชายโครงขวาในระยะ ที่มีตับโต ปวดหัว เมื่อยเรียกตัว อยากดื่มน้ำ ซึม ในบางรายอาจมีลักษณะของการปวดท้องในรอบๆใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงด้านขวา หรืออาจมีท้องผูกหรือถ่ายเหลว ส่วนในเด็กอายุต่ำลงยิ่งกว่า 1 ปี บางทีอาจพบอาการไข้สูงร่วมกับอาการชักได้ ระยะที่ 2 (ระยะช็อกแล้วก็มีเลือดออก หรือ ระยะวิกฤติ) ชอบเจอในไข้เลือดออกที่เกิดจากเชื้อเดงกีที่มีความร้ายแรงขั้นที่ 3 แล้วก็ 4 อาการจะเกิดขึ้นในตอนระหว่างวันที่ 3-7 ของโรค ซึ่งนับได้ว่าเป็นช่วงที่วิกฤติของโรค โดยอาการไข้จะเริ่มน้อยลง แต่ว่าคนไข้กลับมีอาการทรุดหนัก มีอาการเลือดออก : อาการเลือดออกที่พบบ่อยที่สุดที่ผิวหนัง โดยจะตรวจพบว่าเส้นเลือดเปราะ แตกง่าย กระบวนการทำ torniquet test ให้ผลบวกได้ตั้งแต่ 2 - 3 วันแรกของโรค ร่วมกับมีจุดเลือดออกเล็กๆกระจายอยู่ตามแขน ขาลำตัว จั๊กกะแร้อาจมีเลือดกำเดา หรือเลือดออก ตามไรฟัน ในรายที่รุนแรงอาจมีอ้วก ปวดท้อง รวมทั้งถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ซึ่งชอบเป็นสีดำ (Malena) อาการเลือดออกในทางเดินอาหาร มีความผิดปกติของระบบไหลเวียนเลือด หรือช็อก:มักจะเกิด ตอนไข้จะลดเป็นระยะที่มีการรั่วของพลาสมาซึ่งจะพบทุกรายในผู้เจ็บป่วย ไข้เลือดออกเดงกี่ โดยระยะรั่วจะมีราวๆ 24 - 28 ชั่วโมง โดยประมาณ 1 ใน 3 ของคนไข้จะมีอาการร้ายแรงมีภาวะการไหล เวียนล้มเหลวเกิดขึ้น เพราะเหตุว่ามีการรั่วของพลาสมาออกไปยังช่องปอด/ ท้องมากมาย เกิด hypovolemic shock คนป่วยจะเริ่มมีลักษณะ เร่าร้อนใจ มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาเร็ว(อาจมากกว่า 120 ครั้ง/นาที) เยี่ยวน้อย ความดันเลือดเปลี่ยน ตรวจพบ pulse pressure แคบ เท่ากับหรือน้อยกว่า 20 มม.ปรอท (ค่าธรรมดา30-40มม.ปรอท) ภาวะช็อกที่เกิดขึ้นนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง อย่างเร็วถ้าเกิดมิได้รับการรักษาคนป่วยจะมีอาการชั่วลงรอบปากเขียว ผิวสีม่วงๆตัวเย็นชืด จับชีพจรรวมทั้ง/หรือวัดความดันไม่ได้ (Profound shock) สภาวะรู้สติแปรไป รวมทั้งจะเสียชีวิตภายใน 12-24ชั่วโมงข้างหลังเริ่มมีภาวการณ์ช็อกแม้ว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลและรักษาอาการช็อก อย่างทันเวลาและก็ถูกก่อนที่จะไปสู่ระยะ profound shock โดยมากก็จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ระยะที่ 3 (ระยะฟื้น) ในรายที่มีภาวการณ์ช็อกไม่ร้ายแรง เมื่อผ่านวิกฤติตอนระยะที่ 2 ไปแล้ว อาการก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่มีสภาวะช็อกร้ายแรง เมื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีก็จะฟื้นตัวไปสู่สภาพธรรมดา โดยอาการที่มีความหมายว่าดียิ่งขึ้นนั้นเป็นคนไข้จะเริ่มต้องการรับประทานอาหาร แล้วอาการต่างๆก็จะคืนกลับสู่ภาวะปกติ ชีพจรเต้นช้าลง ความดันเลือดกลับมาสู่ปกติ ปัสสาวะออกมากขึ้น
  • ปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรคไข้เลือดออก เนื่องจากโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่มียุงลายเป็นยานพาหนะนำโรคดังนั้น สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคไข้เลือดออกนั้น บางทีก็อาจจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี 1.การถูกยุงลายกัด ด้วยความที่เราไม่อาจจะรู้ได้เลยว่ายุงตัวไหนมีเชื้อหรือไม่มีเชื้อดังนั้น เมื่อถูกยุงลายกัด จึงมีความน่าจะเป็นเสมอว่าพวกเราบางครั้งก็อาจจะได้รับเชื้อไวรัสเดงกีที่นำมาซึ่งโรคไข้เลือดออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเราถูกยุงลายกัดในพื้นที่ที่การระบายขอโรคไข้เลือดออก[/url] หรือ อยู่ในพื้นที่ที่มีความเยอะมากของยุงลายสูง 2.แหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ในเมื่อยุงลายเป็นพาหนะนำโรคไข้เลือดออกแล้วนั้น ก็เลยเท่ากับว่าถ้ายุงลายมีมากมายก็จะมีผลให้กำเนิดความเสี่ยงในการกำเนิดโรคไข้เลือดออกมากมายตามมา รวมทั้งแม้ยุงลายมีปริมาณน้องลง การเสี่ยงที่จะเกิดโรคไข้เลือดออกก็คงจะลดน้อยลงตามไปด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวการควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย จึงน่าจะเป็นการลดการเสี่ยงสำหรับในการกำเนิดโรคไข้เลือดออกได้ รวมทั้งแม้ชุมชนสามารถช่วยเหลือกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายได้ก็จะก่อให้ชุมดูนั้น ปลอดจากโรคไข้เลือดออกได้
  • กรรมวิธีการรักษาโรคไข้เลือดออก การวิเคราะห์โรคไข้เลือดออก หมอสามารถวินิจฉัยโรคไข้เลือดออกได้จากอาการทางคลินิก โดยยิ่งไปกว่านั้นลักษณะของการมีไข้สูง 39-41 องศาเซลเซียส หน้าแดง เปลือกตาแดง อาจลูบคลำได้ตับโต กดเจ็บ มีผื่นแดง หรือจุดแดงจ้ำเขียว โดยไม่มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ หรือเจ็บคอ ร่วมกับการมีประวัติโรคไข้เลือดออกของผู้ที่อาศัยอยู่รอบๆเดียวกัน หรือมีการระบาดของโรคในช่วงนั้นๆแล้วก็การทดสอบทูร์นิเคต์ให้ผลบวก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการวินิจฉัยโรคนี้ได้ ยิ่งไปกว่านี้ การส่งไปทำการตรวจเลือด ซีบีซี (CBC) จะตรวจพบเกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวค่อนข้างจะต่ำและความเข้มข้นของเลือดสูง เพียงเท่านี้ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ว่าในบางราย แม้อาการ ผลของการตรวจร่างกาย แล้วก็ผลเลือดในเบื้องต้นยังไม่อาจจะวินิจฉัยโรคได้ ในขณะนี้ก็มีวิธีการส่งเลือดไปตรวจหาภูมิต้านทานต้านต่อเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งจะช่วยให้การวิเคราะห์โรคนี้ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

เพราะว่ายังไม่มีการพัฒนายาฆ่าเชื้อไวรัสเดงกี่การดูแลและรักษาโรคนี้ จึงเป็นการรักษาตามอาการเป็นหลัก พูดอีกนัยหนึ่ง มีการใช้ยาลดไข้ เช็ดตัว และก็การปกป้องคุ้มครองภาวการณ์ช็อก ยาลดไข้ที่ใช้มีเพียงแต่ประเภทเดียวเป็นยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ปริมาณยาที่ใช้ในคนแก่คือ พาราเซตามอลแบบเป็นเม็ดละ500มก.กินทีละ1-2เม็ด ทุก 4 - 6 ชั่วโมง โดยไม่สมควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (4 กรัม) ส่วนขนาดยาที่ใช้ในเด็กคือ พาราเซตามอลชนิดน้ำ 10-15มก.ต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อครั้ง ทุก 4 - 6 ชั่วโมง โดยไม่สมควรรับประทาน เกินวันละ5ครั้ง หรือ2.6กรัม ผลิตภัณฑ์พาราเซตามอลแบบเป็นน้ำสำหรับเด็กมีขายในหลายความแรงดังเช่น 120 มก.ต่อ 1 ช้อนชา (1 ช้อนชา พอๆกับ 5 มิลลิลิตร), 250 มิลลิกรัมต่อ 1 ช้อนชา, แล้วก็ 60 มก.ต่อ 0.6 มล. ส่วนมากเป็นยาน้ำเชื่อมที่จำต้องรินใส่ช้อนเพื่อป้อนเด็ก ในกรณีเด็กแรกคลอด การป้อนยาทำได้ค่อนข้างจะยากก็เลยมีผลิตภัณฑ์ยาที่ทำจำหน่ายโดยใส่ในขวดพร้อมหลอดหยด เวลาใช้ก็ก็แค่ใช้หลอดหยดดูดยาออกมาจากขวดรวมทั้งนำไปป้อนเด็กได้เลย โดยสาเหตุมาจากที่ผลิตภัณฑ์พาราเซตามอลชนิดน้ำสำหรับเด็กมีหลายความแรง จำเป็นต้องอ่านฉลากและวิธีการใช้ให้ดีก่อนนำไปป้อนเด็ก พูดอีกนัยหนึ่ง ถ้าเด็กหนัก 10 โล และมียาน้ำความแรง 120 มก.ต่อ 1 ช้อนชา ก็ควรจะป้อนยาเด็กทีละ 1 ช้อนชาหรือ 5 มล. รวมทั้งป้อนซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมงแต่ไม่ควรป้อนยาเกินวันละ 5 ครั้ง หากว่าไม่มีไข้ก็สามารถหยุดยาได้โดยทันที ยาพาราเซตามอลนี้เป็นยารับประทาน ตามอาการ ด้วยเหตุนี้ถ้าหากว่าไม่มีไข้ก็สามารถหยุดยาได้ทันทีส่วนยา แอสไพรินและก็ไอบูโปรเฟนเป็นยาลดไข้เช่นกัน แต่ยาทั้งสองแบบนี้ ห้ามประยุกต์ใช้ในโรคไข้เลือดออก เนื่องจากจะยิ่งผลักดันการเกิดสภาวะ เลือดออกแตกต่างจากปกติจนถึงอาจเกิดอันตรายต่อผู้เจ็บป่วยได้ ในส่วนการปกป้องคุ้มครองภาวะช็อกนั้น ปฏิบัติได้โดยการทดแทนน้ำ ให้ร่างกายเพื่อไม่ให้ความจุเลือดลดลดลงจนกระทั่งทำให้ความดันเลือดตก หมอจะพิเคราะห์ให้สารน้ำตามความร้ายแรงของอาการ โดยบางทีอาจให้ ผู้เจ็บป่วยดื่มเพียงแค่สารละลายเกลือแร่ โออาร์เอส หรือคนป่วยบางราย อาจได้รับน้ำเกลือเข้าทางเส้นเลือดดำ  ในกรณีที่ผู้ป่วยเกิดภาวะเลือด ออกไม่ปกติจนเกิดภาวะเสียเลือดบางทีอาจต้องได้รับเลือดเสริมเติม อย่างไรก็แล้วแต่ จะต้องเฝ้าระวังภาวการณ์ช็อกดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น เพราะเหตุว่าสภาวะนี้มีความอันตรายต่อชีวิตของผู้เจ็บป่วยเป็นอย่างยิ่ง

  • การติดต่อของโรคไข้เลือดออก การติดต่อของโรคไข้เลือดออก โรคไข้เลือดออก มักติดต่อจากคนไปสู่คน ซึ่งมียุงลายตัวเมีย (Aedes aegypt)  เป็นตัวพาหะที่สำคัญ โดยยุงตัวเมียจะกัดและดูดเลือดของผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี แล้วหลังจากนั้นเชื้อจะเข้าไปฟักตัวแล้วก็เพิ่มในตัวยุงลาย ทำให้มีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวของยุงตลอดระยะเวลาอายุขัยของมันประมาณ 1 - 2 เดือน แล้วถ่ายทอดเชื้อไปสู่ถูกกัดได้ในรัศมี 100 เมตร ยุงลายเป็นยุงที่อาศัยอยู่ในรอบๆบ้าน มักออกกัดตอนกลางวัน มีแหล่งเพาะพันธุ์หมายถึงน้ำนิ่งที่ขังอยู่ในภาชนะเก็บน้ำต่างๆเช่น โอ่ง แจกันดอกไม้ ถ้วยรองขาตู้ จาน ชาม กระป๋อง หม้อ ยางรถยนต์ หรือกระถาง ฯลฯ  โรคไข้เลือดออก เจอส่วนใหญ่ในช่วงฤดูฝน เพราะในฤดูนี้เด็กๆมักจะอยู่กับบ้านมากกว่าฤดูอื่นๆอีกทั้งยุงลายยังมีการขยายพันธุ์มากในฤดูฝน ซึ่งในเมืองใหญ่ๆที่มีพลเมืองหนาแน่น และก็มีปัญหาด้านกายภาพเกี่ยวกับขยะ อย่าง จังหวัดกรุงเทพมหานคร อาจเจอโรคไข้เลือดออกนี้ได้ตลอดทั้งปี

    ทราบได้เช่นไรว่าเราไม่สบายเลือดออก ข้อคิดเห็นบางประการที่บางครั้งอาจจะช่วยให้สงสัยว่าบางครั้งอาจจะจับไข้เลือดออก อาทิเช่น  มีไข้สูง หมดแรงเป็นเกิน 2 วัน  ถ้าเกิดมีปวดศรีษะมากหรืออ้วกมากมายร่วมด้วย  ข้างหลังป่วย 2 ถึง 7 วัน แล้วไข้ลดน้อยลงเอง เมื่อไข้ลดแล้วมีลักษณะอาการเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะไม่สบายเลือดออกได้ ปวดศีรษะมากมาย อ่อนล้ามากมาย คลื่นไส้มาก ทานอาหารไม่ได้ ปวดท้อง มีจ้ำเลือดเล็กๆรอบๆแขน ขา หรือลำตัว มีเลือดออกตามอวัยวะดังเช่น เลือดกำเดา ถ่ายเป็นเลือด ระดูมาก่อนกำหนด เป็นต้น

  • การปฏิบัติตนเมื่อไม่สบายเลือดออก ในระยะ 2 - 3 วันแรกของการเป็นไข้ถ้าเกิดยังรับประทานอาหารแล้วก็ดื่มน้ำได้ ไม่อาเจียน ไม่เจ็บท้อง ไม่มีจ้ำเลือดขึ้นและก็ยังไม่มีอาการเลือดออกหรือสภาวะช็อกเกิดขึ้น ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้ ให้คนเจ็บพักมากๆถ้าหากเป็นไข้สูงให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเป็นประจำและให้ยาลดไข้พาราเซตามอล ผู้ใหญ่กิน 1-2 เม็ด เด็กโต ½ - 1 เม็ด เด็กตัวเล็กๆใช้แบบเป็นน้ำเชื่อม 1- 2 ช้อนชา ถ้าหากยังมีไข้รับประทานซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง ห้ามให้ยาแอสไพริน โดยเด็ดขาด เพราะเหตุว่าอาจทำให้มีเลือดออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หากเป็นคนเจ็บเด็กรวมทั้งเคยชัก ควรจะให้รับประทานยากันชักไว้ก่อน กินอาหารอ่อนๆได้แก่ ข้าวต้ม โจ๊ก และก็ดื่มน้ำมากมายๆเฝ้าดูอาการคนไข้อย่างใกล้ชิด หมั่นดื่มน้ำ หรือเกลือแร โออาร์เอส ให้มากๆเพื่อคุ้มครองป้องกันการช็อกจากการขาดน้ำ แล้วก็ถ้าหากมีลักษณะอาการดังต่อไปนี้ควรจะไปพบหมอโดยเร็ว  ซึมลงอย่างรวดเร็ว อ่อนแรงอย่างมาก มีจ้ำเลือดตามร่างกายมาก อ้วกมาก รับประทานอาหารรวมทั้งดื่มน้ำมิได้ มีเลือดออกตามร่างกายเป็นต้นว่า เลือดกำเดา คลื่นไส้เป็นเลือดถ่ายอุจจาระเป็นเลือด หรือเลือดออก ช่องคลอด ปวดท้องมาก
  • การปกป้องคุ้มครองตนเองจากโรคไข้เลือดออก หากว่าในตอนนี้กำลังจะมีการพัฒนาวัคซีนปกป้องการตำหนิดเชื้อไวรัสเดงกี่ แม้กระนั้นก็ยังไม่มียาซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคเชื้อไวรัสเดงกี่ได้ โดยเหตุนั้นคำตอบที่เหมาะสมที่สุดของโรคไข้เลือดออกในทุกวันนี้ คือ การปกป้องคุ้มครองไม่ให้เป็นโรคโดยการควบคุมยุงลายให้มีจำนวนต่ำลงซึ่งทำเป็นโดยการควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายและก็การกำจัดยุงลายอีกทั้งลูกน้ำและก็ตัวสมบูรณ์เต็มวัย และคุ้มครองไม่ให้ยุงลายกัด ดังนี้การป้องกันทำได้ 3 ลักษณะหมายถึง

การคุ้มครองป้องกันด้านกายภาพ ตัวอย่างเช่น ปิดภาชนะเก็บน้ำด้วยฝาปิด ตัวอย่างเช่น มีหน้าผาปิดปากตุ่ม ตุ่มน้ำ ถังเก็บน้ำ หรือหากไม่มีฝาปิด ก็วางคว่ำลงถ้ายังไม่ได้อยากใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้แปลงเป็นที่วางไข่ของยุงลาย เปลี่ยนแปลงน้ำในแจกันดอกไม้สดเสมอๆอย่างน้อยทุกๆ7 วัน ปล่อยปลากินลูกน้ำลงในภาชนะเก็บน้ำ ดังเช่น โอ่ง ตุ่ม ภาชนะละ 2-4 ตัว รวมทั้งอ่างบัวและตู้ที่เอาไว้สำหรับเลี้ยงปลาก็ต้องมีปลากินลูกน้ำเพื่อคอยควบคุมปริมาณลูกน้ำยุงลายด้วยเหมือนกัน ใส่เกลือลงน้ำในจานสำหรับเพื่อรองขาตู้กับข้าว เพื่อควบคุมและก็กำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยใส่เกลือ 2 ช้อนชา ต่อปริมาตร 250 มิลลิลิตร พบว่าสามารถควบคุมลูกน้ำได้เป็นเวลานานกว่า 7 วัน
การปกป้องทางเคมี เป็นต้นว่า เพิ่มเติมทรายทีมีฟอส ซึ่งเป็นสารเคมีที่องค์การอนามัยโลกชี้แนะให้ใช้และก็รับประกันความปลอดภัย เหมาะสมกับภาชนะที่ไม่อาจจะใส่ปลารับประทานลูกน้ำได้  การพ่นสารเคมีหรือยากันยุงเพื่อกำจัดยุงตัวเต็มวัย มีคุณลักษณะเด่นคือ ประสิทธิภาพสูง แต่จุดบกพร่องเป็น แพงแพง และเป็นพิษต่อคนแล้วก็สัตว์เลี้ยง จึงต้องอาศัยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการฉีดพ่นแล้วก็ฉีดเฉพาะเมื่อต้องเพียงแค่นั้น เพื่อคุ้มครองความเป็นพิษต่อคนและสัตว์เลี้ยง ควรที่จะทำการเลือกฉีดในขณะที่มีคนอยู่ต่ำที่สุดรวมทั้งฉีดพ่นลงในแหล่งที่คาดว่าเป็นแหล่งเกาะพักของ เป็นต้นว่า ท่อที่มีไว้ระบายน้ำ ฯลฯ การใช้สารเคมีเพื่อกำจัดยุงในบ้านเรือน ที่ใช้กันมี 2 ประเภทเป็นยาจุดกันยุง รวมทั้งสเปรย์ฉีดไล่ยุง ขึ้นรถออกฤทธิ์อาจเป็นยาในกลุ่มศัตรูทรอยด์ (Pyrethroids), ดีท (DEET, diethyltoluamide) เป็นต้น ก่อนหน้ามียาฆ่ายุงด้วย มีชื่อว่า ดีดีที แม้กระนั้นสารนี้ถูกยกเลิกการใช้ไปแล้วเหตุเพราะเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตและก็ตกค้างในสิ่งแวดล้อมเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากมาย อย่างไรก็แล้วแต่ สารเคมีไม่ว่าจากยาจุดกันยุงหรือสเปรย์ฉีดไล่ยุง ก็มีความเป็นพิษต่อคนรวมทั้งสัตว์ โดยเหตุนั้นเพื่อลดความเป็นพิษดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วควรจะจุดยากันยุงในรอบๆที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ล้างมือทุกหนภายหลังสัมผัส ส่วนยาฉีดไล่ยุงจะมีความเป็นพิษมากกว่า ด้วยเหตุดังกล่าวห้ามฉีดลงบนผิวหนัง แล้วก็ควรปฏิบัติตามวิธีใช้ที่กำหนดข้างกระป๋องอย่างเคร่งครัด
การปฏิบัติตัว ยกตัวอย่างเช่น นอนในมุ้ง หรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวดเพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้ถูกยุงกัด โดยต้องปฏิบัติเช่นเดียวกันทั้งยังช่วงกลางวันและก็ช่วงกลางคืน ถ้าหากไม่อาจจะนอนในมุ้งหรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวดได้ ควรจะใช้ยากันยุงประเภททาผิวซึ่งมีสารสำคัญที่สกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันตะไคร้หอม (oil of citronella), น้ำมันยูคาลิปตัส (oil of eucalyptus) ซึ่งมีความปลอดภัยสูงขึ้นยิ่งกว่ามาทาหรือหยดใส่ผิวหนังใช้เป็นยากันยุง แต่ประสิทธิภาพจะต่ำลงมากยิ่งกว่า DEET

  • สมุนไพรจำพวกไหนที่ช่วยรักษาป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ โดยจากการศึกษาเล่าเรียนข้อมูล พบว่า สามารำใช้ใบมะละกอสดมาคันน้ำพร้อมกันกับการดูแลและรักษาแผนปัจจุบัน จะทำให้เกล็ดเลือดของผู้เจ็บป่วยโรคไข้เลือดออกมากขึ้นได้ภายใน 24 – 48 ชั่วโมง ช่วยลดอัตราการตายลงได้ มีการค้นคว้าวิจัยรอบรับในหลายประเทศ มีการทดสอบในคนใช้แล้วได้ผล ดังเช่น ประเทศอินเดีย ปากีสถาน มาเลเซีย นอกเหนือจากนั้นยังมีการจดสิทธิบัตรน้ำใบมะละกอในต่างถิ่นด้วย มิได้ใช้เฉพาะคนไข้เกล็ดเลือดต่ำจากไข้เลือดออกเพียงอย่างเดียว แต่ใช้ในกรณีอื่นด้วย วิธีการรักษาโรคไข้เลือดออกด้วยใบมะละกอสดเป็นใช้ใบมะละกอสดชนิดใดก็ได้ราว 50 กรัม จากต้นมะละกอ แล้วล้างให้สะอาด และก็ทำการบทอย่างถี่ถ้วน ไม่ต้องเพิ่มน้ำ กรองเอากากออก ดื่มน้ำใบมะละกอสดแยกกาก วันละ ครั้งแก้ว หรือ 30 ซีซี ต่อเนื่องกัน 3 วัน โดยวิธีแบบนี้มีการศึกษาค้นคว้ามาแล้วว่าไม่เป็นอันตราย

สมุนไพรที่สามารถไล่ยุงได้ ตะไคร้หอม ช่วยสำหรับเพื่อการไล่ยุงเพราะว่ากลิ่นฉุนๆของมันไม่เป็นมิตรกับยุงร้าย ในตอนนี้มีการทำออกมาในรูปของสารสกัดชนิดต่างๆไว้สำหรับคุ้มครองปกป้องยุงโดยเฉพาะ แต่ถ้าต้องการให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีสุดๆควรใช้ตะไคร้หอมไล่ยุงประเภทที่สกัดน้ำมันเพียวๆจากต้นตะไคร้หอมจะดีเยี่ยมที่สุด นอกจากกลิ่นจะช่วยเฉดหัวไล่ยุงแล้ว ยังช่วยไล่แมลงอื่นๆได้อีกด้วยล่ะ เปลือกส้ม ยังมีสรรพคุณเป็นสมุนไพรไล่ยุงได้อีกด้วย กรรมวิธีการไล่ยุงด้วยเปลือกส้มนั้น แค่เพียงใช้เปลือกส้มที่แกะออกมาจากผลส้มแล้วมาผึ่งจนแห้ง แล้วหลังจากนั้นเอามาเผาไฟ ควันที่เกิดขึ้นและก็น้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในเปลือกส้มมีสรรพคุณเป็นอย่างดีสำหรับในการไล่ยุง  มะกรูด นับได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มากมายไปด้วยประโยชน์ แล้วก็ยังสามารถเอามาเป็นสมุนไพรไล่ยุงได้เป็นอย่างดี กรรมวิธีการเป็น นำผิวมะกรูดสดมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆมาตำกับน้ำเท่าตัวจนถึงแหลกละเอียด จากนั้นให้กรองเอาเฉพาะน้ำ สามารถนำมาทาผิวหรือใส่กระบอกที่มีไว้ฉีดเพื่อฉีดตามจุดต่างๆของบ้านได้ โหระพา กลิ่นหอมสดชื่นแรงของโหระพายังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลที่ช่วยสำหรับเพื่อการไล่ยุงและแมลง ทำให้มันไม่สามารถที่จะแข็งแรงกับกลิ่นแรงของโหระพาได้ สะระแหน่ นับว่าเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ให้กลิ่นหอมยวนใจ แต่ว่ากลิ่นหอมหวนๆของมันไม่ค่อยถูกกันกับยุงนัก วิธีการไล่ยุงเพียงนำใบสะระแหน่มาบดขยี้ให้กลิ่นออกมา ต่อจากนั้นนำไปวางตามจุดต่างๆที่มียุงไม่น้อยเลยทีเดียวหรือสามารถนำใบสะระแหน่มาบดแล้วทาลงบนผิวหนังจะก่อให้ผิวหนังชุ่มชื่นและก็ยังช่วยเหลือกันยุงได้อีกด้วย
เอกสารอ้างอิง

  • กลุ่มโรคไข้เลือดออก สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการประเมินผลตามตัวชิ้วัดงานป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกระดับจังหวัด ปี 2553. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: 2543.1-12.
  • (ภกญ.วิภารักษ์ บุญมาก).”โรคไข้เลือดออก”ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • สิวิกา แสงธาราทิพย์ ศิริชัย พรรณธนะ(2543).โรคไข้เลือดออก.(พิมพ์ครั้งที่2).พิมพ์ที่บริษัท เรดิเอชั่น จำกัด สำนักงานควบคุมโรคไข้เลือดออก กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข http://www.disthai.com/[/b]
  • สำนักพัฒนาวิชาการแพทย์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการวินิจฉัยและรักษาไข้เลือดออกในระดับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด; 2548.8-33.
  • แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคไข้เลือดออกเดงกี กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวจสาธารณสุข.(2544).กระทรวจสาธารณสุข
  • Sunthornsaj N, Fun LW, Evangelista LF, et al. MIMS Thailand. 105th ed. Bangkok: TIMS Thailand Ltd; 2006.118-33.
  • นพ.สมชาญ เจียรนัยศิลป์.ไข้เลือดออก.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่267.คอลัมน์โรคน่ารู้.กรกฎาคม.2544
  • คู่มือวิชาการโรคติดเชื้อเดงกีและโรคไข้เลือดออกเดงกีด้านการแพทย์และสาธารณสุข.สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลงกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข.2558
  • กันยา ห่านณรงค์.โรคไข้เลือดออก.จดหมายข่าว R&D NEWSLETTER.ปีที่23.ฉบับที่1 ประจำเดือนมกราคม-มีนาคม2559.หน้า 14-16
  • รักษา”ไข้เลือดออก”แนวใหม่ใช้ใบมะละกอคั้นน้ำกินเพิ่มเกล็ดเลือด.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://www.dailinews.co.th*politics/232509
  • World Health Organization Regional Office for South-East Asia. Guidelines for treatment of Dengue Fever/Dengue Hemorrhagic Fever in Small Hospitals,1999:28. Available from: http://www.searo.who.int/linkfiles/dengue_guideline-dengue.pdf Accessed May 10, 2012.
  • (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.”ไข้เลือดออก (Dengue hemorrhagic fever/DHF)” หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.
  • สถานการณ์โรคไข้เลือดออก พ.ศ.2554.กลุ่มโรคไข้



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ