Advertisement
โรความดันเลือดสูง (Hypertension)- โรคความคันโลหิตสูง เป็นอย่างไร ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิต คือ แรงดันเลือด ที่เกิดจากหัวใจ สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย การประมาณความดันเลือดสามารถทำโดยใช้วัสดุหลายแบบ แต่ว่าชนิดที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วๆไป เช่น เครื่องตวงความดันเลือดมาตรฐานชนิดปรอท เครื่องตวงความดันเลือดดิจิตอลประเภทอัตโนมัติ ค่าของความดันโลหิตมีหน่วยเป็น มม.ปรอท จะมี ๒ ค่า ๑ ความดันตัวบน (ซีสโตลิก) เป็นแรงกดดันเลือด ขณะหัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัว ๒ ความดันตัวล่าง (ไดแอสโตลิก) เป็นแรงดันเลือดขณะหัวใจห้องด้านล่างซ้ายคลายตัว ระดับความดันเลือดที่นับว่าสูงนั้น จะมีค่าความดันเลือดตั้งแต่ 140/90 มม.ปรอท
โดยเหตุนั้นโรคความดันโลหิตสูง ก็เลยหมายความว่าโรคหรือภาวการณ์ที่แรงดันเลือดในเส้นโลหิตแดงมีค่าสูงยิ่งกว่าค่ามาตรฐานขึ้นกับวิธีการวัด โดยถ้าเกิดวัดที่สถานพยาบาล ค่าความดันเลือดตัวบนสูงกว่าหรือพอๆกับ 140 มิลลิเมตร ปรอท(มม.ปรอท, MMhg) และ/หรือความดันเลือดตัวข้างล่างสูงกว่าหรือเท่ากับ 90 มิลลิเมตรปรอท อย่างน้อย 2 ครั้ง แต่หากเป็นการวัดความดันเองที่บ้านค่าความดันโลหิตตัวบนสูงกว่าหรือพอๆกับ 135 มิลลิเมตรปรอทและ/หรือความดันโลหิตตัวล่างสูงขึ้นมากยิ่งกว่าหรือเท่ากับ 85 มม.ปรอทเป็นต้น ดังตารางที่ 1
SBP
DBP
Office or clinic
24-hour
Day
Night
Home
140
125-130
130-135
120
130-135
90
80
85
70
85
หมายเหตุ SBP=systolic blood pressure, DBP=diastolic blood pressure
ปี 2556คนไทยมีอาการป่วยเป็นโรคความดันโลหิตเกือบจะ 11 ล้านคน เสียชีวิต 5,165 คน และก็เจอเจ็บป่วยราย ใหม่เพิ่มเกือบ 1 แสนคน จำนวนร้อยละ 50 ไม่รู้ตัวด้วยเหตุว่าไม่เคยตรวจสุขภาพ ในกรุ๊ปที่เจ็บป่วยแล้วพบว่ามีเพียงแค่ 1 ใน 4 ที่ควบคุมความดันได้ ที่เหลือยังมีการกระทำน่าห่วงองค์การอนามัยโลกรายงานว่า โรคความดันโลหิตสูงเป็น 1 ในต้นเหตุสำคัญ ที่ทำให้ประชากรอายุสั้น ทั้งโลกมีบุคคลที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงถึง 1,000 ล้านคน เสียชีวิตปี ละเกือบ 8 ล้านคน เฉลี่ยราวนาทีละ 15 คน โดย 1 ใน 3 พบในวัย ผู้ใหญ่รวมทั้งคาดว่า ในปีพ.ศ.2568 ประชาชนวัยผู้ใหญ่ทั่วทั้งโลกจะป่วยด้วยโรคนี้เพิ่ม 1,560 ล้านคน
- สิ่งที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง ความดันเลือดสูงแบ่งตามต้นสายปลายเหตุการเกิด แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
- ความดันเลือดสูงชนิดไม่เคยรู้ปัจจัย (primary or essential hypertension) พบได้โดยประมาณร้อยละ95 ของจำนวนผู้ใหญ่โรคความดันโลหิตสูงทั้งปวงส่วนใหญ่พบในคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปรวมทั้งเจอในเพศหญิงมากยิ่งกว่าเพศชาย ปัจจุบันนี้ยังไม่รู้จักมูลเหตุที่ชัดแจ้งแต่เช่นไร ตามคณะกรรมการร่วมแห่งชาติด้านการคาดการณ์และรักษาโรคความดันเลือดสูง ของสหรัฐอเมริกา พบว่ามีสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆที่เกี่ยวพันแล้วก็ช่วยเหลือให้เกิดโรคความดันเลือดสูง ดังเช่น พันธุกรรมความอ้วน การมีไขมันในเลือดสูงการกินอาหารที่มีรสเค็มจัดการไม่บริหารร่างกาย การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์การสูบยาสูบความเครียดอายุรวมทั้งมีประวัติครอบครัวเสี่ยงต่อโรคหัวใจรวมทั้งเส้นโลหิตซึ่งความดันเลือดสูงประเภทไม่เคยรู้ต้นเหตุนี้คือปัญหาสำคัญที่จำต้องให้การวิเคราะห์รักษาแล้วก็ควบคุมโรคให้ได้อย่างมีคุณภาพ
- ความดันโลหิตสูงชนิดรู้ต้นเหตุ(secondary hypertension) ได้น้อยโดยประมาณจำนวนร้อยละ5-10 จำนวนมากมีปัจจัยเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการมีพยาธิสภาพของอวัยวะต่างๆในร่างกายโดยจะส่งผลนำไปสู่แรงดันเลือดสูงจำนวนมาก อาจกำเนิดพยาธิสภาพที่ไตต่อมหมวกไตโรคหรือความไม่ดีเหมือนปกติของระบบประสาทความไม่ดีเหมือนปกติของฮอร์โมนโรคของต่อมไร้ท่อร่วมโรคท้องเป็นพิษการบาดเจ็บของศีรษะยา รวมทั้งสารเคมีฯลฯ ด้วยเหตุดังกล่าวเมื่อได้รับการดูแลรักษาที่ปัจจัยระดับความดันโลหิตจะลดน้อยลงเป็นปกติแล้วก็สามารถรักษาให้หายได้
ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า โรคความดันโลหิตสูงส่วนมากจะไม่มีสาเหตุ การควบคุมระดับความดันโลหิตก้าวหน้า จะสามารถช่วยลดภาวะแทรกซ้อน และการเสียชีวิตจากโรคระบบหัวใจ รวมทั้งเส้นเลือดลงได้
- ลักษณะของโรคความดันเลือดสูง จุดสำคัญของโรคความดันเลือดสูงคือ เป็นโรคที่มักไม่มีอาการ และก็ที่เป็นโรคเรื้อรังที่ร้ายแรง (หากไม่อาจจะควบคุมโรคได้) แต่ว่ามักไม่มีอาการ หมอบางท่านก็เลยเรียกโรคความดันเลือดสูงว่า “เพชฌฆาตเงียบ (Silent killer)” ทั้งนี้ส่วนมากของอาการจากโรคความดันเลือดสูง เป็นอาการจากผลกระทบ ได้แก่ จากโรคหัวใจ และจากโรคเส้นเลือดในสมอง หรือ เป็นอาการจากโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เป็นต้นว่า อาการจากเบาหวาน หรือ จากโรคอ้วน หรือเป็นอาการจากโรคที่เป็นสาเหตุ ดังเช่นว่า โรคเนื้องอกต่อมใต้สมอง
อาการรวมทั้งอาการแสดงที่พบได้มาก คนเจ็บที่มีความดันโลหิตสูงเล็กน้อยหรือปานกลางไม่พบอาการแสดงเฉพาะที่บ่งบอกว่ามีภาวะความดันเลือดสูงส่วนมาก การวินิจฉัยพบได้บ่อยได้จากการที่คนไข้มาตรวจตามนัดหรือพบมากร่วมกับต้นเหตุของอาการอื่นซึ่งไม่ใช่ความดันเลือดสูง สำหรับคนไข้ที่มีระดับความดันเลือดสูงมากมายหรือสูงในระดับรุนแรงและเป็นมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่ยังไม่เคยได้รับการรักษาหรือรักษาแต่ไม่สม่ำเสมอไหมได้รับการดูแลและรักษาที่ถูกสมควรพบบ่อยมีลักษณะอาการ ดังนี้
- ปวดศีรษะพบมากในผู้ป่วยที่มีระดับความดันเลือดสูงร้ายแรง โดยลักษณะของอาการปวดหัวมักปวด ที่บริเวณท้ายทอยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาตื่นนอนในตอนเวลาเช้าถัดมาอาการจะเบาๆจนถึงหายไปเองภายในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็บางทีอาจพบมีลักษณะอาเจียนคลื่นไส้ตาฟางมัวด้วยโดยพบว่าลักษณะของการปวดหัวกำเนิด จากมีการเพิ่มแรงดันในกะโหลกศีรษะมากมายในช่วงระยะเวลาหลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้วด้วยเหตุว่าในยามค่ำคืนขณะที่กำลังนอนหลับศูนย์ควบคุมการหายใจในสมองจะลดการกระตุ้น ก็เลยทำให้มีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์มีผลทำให้เส้นโลหิตทั่ว ร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมองขยายขนาดเพิ่มมากขึ้นจึงเพิ่มแรงกดดันในกะโหลกศีรษะ
- เวียนหัว (dizziness) พบกำเนิดร่วมกับลักษณะของการปวดหัว
- เลือดกา เดาไหล(epistaxis)
- เหนื่อยหอบขณะทา งานหรืออาการหอบนอนราบมิได้แสดงถึงการมีภาวการณ์หัวใจห้องข้างล่างซ้ายล้มเหลว
- อาการอื่นๆที่อาจเจอร่วมเช่นลักษณะการเจ็บอกสัมพันธ์กับสภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จากการมีเส้นโลหิตหัวใจตีบหรือจากการมีกล้ามเนื้อหัวใจหนามากจากสภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นมานานๆ
ฉะนั้นถ้ามีภาวการณ์ความดันเลือดสูงอยู่เป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆก็เลยอาจมีผลต่ออวัยวะที่สำคัญต่างๆของร่างกายนำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมภาวะถูกทำลายแล้วก็อาจเกิดภาวะสอดแทรกตามมาได้
ภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง ในผู้เจ็บป่วยโรคความดันโลหิตสูงบางรายอาจไม่เจอมีลักษณะหรืออาการแสดงอะไรก็ตามและก็บางรายบางทีอาจ เจออาการแสดงจากภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูงต่ออวัยวะต่างๆได้ดังนี้
- สมองความดัน โลหิตสูงจะทา ให้ผนังเส้นโลหิตแดงที่ไปเลี้ยงสมองมีลักษณะดกตัวและแข็งตัวภายในเส้นโลหิตตีบแคบรูของเส้นเลือดแดงแคบลงทา ให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองต่ำลงแล้วก็ขาดเลือดไปเลี้ยง นำมาซึ่งการก่อให้เกิดภาวะสมองขาดเลือดไปเลี้ยงชั่วครั้งชั่วคราวคนไข้ที่มีสภาวะความดันโลหิตสูงก็เลยมีโอกาสกำเนิดโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) ได้มากกว่า บุคคลธรรมดา
นอกนั้นยังทำให้มีการเปลี่ยนที่ผนังเซลล์สมองทา ให้เซลล์สมองบวมคนเจ็บจะมีลักษณะไม่ปกติของระบบประสาทการรับรู้ความทรงจำลดลงรวมทั้งอาจร้ายแรงเสียชีวิตได้ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตถึงจำนวนร้อยละ50 และมีผลทำให้ผู้ที่รอดตายเกิดความพิการตามมา
- หัวใจ ระดับความดันเลือดสูงเรื้อรังจะส่งผลทา ให้ผนังเส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงหัวใจดกตัวขึ้นจำนวนเลือดเลี้ยงหัวใจลดลงหัวใจห้องด้านล่างซ้ายทำงานมากมาขึ้น จำต้องบีบตัวมากขึ้นเพื่อต้านแรงดันเลือดในหลอดเลือดแดงที่มากขึ้นโดยเหตุนั้น ในระยะแรกกล้ามเนื้อหัวใจจะปรับตัวจากภาวะความดันโลหิตสูงโดยหัวใจบีบตัวเพิ่มขึ้น เพื่อสามารถต่อต้านกับแรงต้านทานที่มากขึ้นแล้วก็มีการขยายตัวทำให้เพิ่มความหนาของฝาผนังหัวใจห้องล่างซ้ายกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจห้องข้างล่างซ้ายโต (left ventricular hypertrophy) ถ้าเกิดยังมิได้รับการดูแลและรักษาแล้วก็เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจไม่อาจจะขยายตัวได้อีก จะก่อให้แนวทางการทำงานของหัวใจไม่มี
ความสามารถเกิดภาวะหัวใจวายกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวและก็เสียชีวิตได้- ไต ระดับความดันเลือดเรื้อรังมีผลกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไตหนาตัวและแข็งตัวขึ้น หลอดเลือดตีบแคบลงนำมาซึ่งการทำให้หลอดเลือดแดงเสื่อมจากการไหลเวียนของปริมาณเลือดไปเลี้ยงไตลดลงคุณภาพการกรองของเสียต่ำลงและก็ทา ให้มีการคั่งของเสียไตย่อยสลาย แล้วก็ขายหน้าขายตาที่เกิดสภาวะไตวายและได้โอกาสเสียชีวิตได้ มีการเรียนพบว่าผู้เจ็บป่วยโรคความดันเลือดสูงประมาณปริมาณร้อยละ10 มักเสียชีวิตด้วยสภาวะไตวาย
- ตา ผู้เจ็บป่วยที่มีภาวการณ์ความดันเลือดสูงรุนแรงรวมทั้งเรื้อรังจะก่อให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของผนังเส้นโลหิตที่ตาดกตัวขึ้นมีแรงดัน ในเส้นโลหิตสูงมากขึ้นมีการเปลี่ยนของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตาตีบลงหลอดเลือดฝอยตีบแคบอย่างเร็วมีการหดเกร็งเฉพาะที่อาจมีเลือดออกที่จอตาทำให้มีการบวมของจอภาพนัตย์ตา หรือหน้าจอประสาทตาบวม (papilledema) ทำให้การมองมองเห็นลดลงมีจุดบอดบางจุดที่ลานสายตา (scotomata) ตามัวและก็มีโอกาสตาบอดได้
- เส้นเลือดในร่างกาย ความดันเลือดสูงจากแรงต้านเส้นเลือดส่วนปลายมากขึ้นฝาผนังเส้นเลือดครึ้มตัวจากเซลล์กล้ามเรียบถูกกระตุ้น ให้ก้าวหน้ามากขึ้นหรืออาจเกิดจากมีไขมัน ไปเกาะผนังหลอดเลือดทำให้เส้นโลหิตแดงแข็งตัว (artherosclerosis) มีการเปลี่ยนของผนังหลอดเลือดครึ้มแล้วก็ตีบแคบการไหลเวียนของโลหิตไป เลี้ยงสมองหัวใจไตรวมทั้งตาลดลงทา ให้เกิดภาวะสอดแทรกของอวัยวะดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นตามมาไดแก้โรคหัวใจรวมทั้ง
เส้นเลือดโรคเส้นเลือดสมองและไตวายฯลฯ- สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะนำมาซึ่งโรคความดันเลือด ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่โรคความดันเลือดสูง เช่น พันธุกรรม โอกาสมีความดันโลหิตสูง จะสูงมากขึ้นเมื่อมีคนภายในครอบครัวเป็นโรคนี้ โรคเบาหวาน เพราะก่อให้เกิดการอักเสบ ตีบแคบของเส้นโลหิตต่างๆแล้วก็เส้นเลือดไต โรคอ้วน และน้ำหนักตัวเกิน เพราะว่าเป็นสาเหตุสำคัญของเบาหวาน และก็โรคเส้นเลือดต่างๆตีบจากภาวการณ์ไขมันเกาะฝาผนังเส้นเลือด โรคไตเรื้อรัง เพราะว่าจะมีผลถึงการผลิตเอ็นไซม์รวมทั้งฮอร์โมนที่ควบคุมความดันเลือดดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้ว โรคนอนแล้วหยุดหายใจ (Sleep apnea) ดูดบุหรี่ เนื่องจากว่าพิษในควันบุหรี่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการอักเสบ ตีบของเส้นเลือดต่าง แล้วก็เส้นโลหิตไต แล้วก็หลอดเลือดหัวใจ การติดสุรา ซึ่งยังไม่เคยรู้แน่ชัดถึงกลไกว่าทำไมดื่มสุราแล้วจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดความดันเลือดสูง แม้กระนั้นการเล่าเรียนต่างๆได้ผลตรงกันว่า ผู้ที่ติดสุรา จะส่งผลให้หัวใจเต้นแรงกว่าธรรมดา และก็มีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูง ถึงโดยประมาณ 50%ของผู้ติดสุราทั้งสิ้น รับประทานอาหารเค็มสม่ำเสมอ สม่ำเสมอ ดังเหตุผลดังได้กล่าวแล้ว ขาดการบริหารร่างกาย เพราะเหตุว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคอ้วนแล้วก็เบาหวาน ผลกระทบจากยาบางชนิด อาทิเช่น ยาในกลุ่มสเตียรอยด์
- ขั้นตอนการรักษาโรคความดันโลหิตสูง การวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูง โรคความดันโลหิตสูงวินิจฉัยจากการที่มีความดันเลือดสูงตลอดระยะเวลา ซึ่งตรวจพบติดต่อกัน 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งควรจะห่างกัน 1 เดือน อย่างไรก็ดีถ้าหากว่าตรวจเจอว่าความดันเลือดสูงมาก (ความดันตัวบนสูงขึ้นมากยิ่งกว่า 180 mmHg หรือ ความดันตัวด้านล่างสูงขึ้นมากยิ่งกว่า 110 mmHg) หรือมีความผิดปกติของหลักการทำงานของอวัยวะจากผลของ ความดันโลหิตสูงร่วมด้วย ก็นับว่าวิเคราะห์เป็นโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งต้องรีบได้รับการดูแลรักษา หมอวินิจฉัยโรค ความดันเลือดสูงได้จาก ประวัติความเป็นมาอาการ เรื่องราวเจ็บป่วยทั้งในสมัยก่อนแล้วก็ปัจจุบัน ประวัติการรับประทาน/ใช้ยา การวัดความดันเลือด (ควรจะวัดที่บ้านร่วมด้วยหากว่ามีเครื่องมือ เนื่องจากบางเวลาค่าที่วัดเหมาะโรงหมอสูงยิ่งกว่าค่าที่วัดถึงที่เหมาะบ้าน) เมื่อวิเคราะห์ว่าเป็นความดันโลหิตสูง ควรตรวจร่างกาย และก็ส่งไปทำการตรวจอื่นๆเพิ่มเพื่อหาต้นเหตุ หรือปัจจัยเสี่ยง ยิ่งกว่านั้น ควรต้องตรวจค้นผลกระทบของความดันเลือดสูงต่ออวัยวะต่างๆเช่น หัวใจ ตา และไต ได้แก่ ตรวจเลือดมองค่าน้ำตาลและก็ไขมันในเลือด ดูลักษณะการทำงานของไต แล้วก็ค่าเกลือแร่ภายในร่างกาย ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจดูรูปแบบการทำงานของหัวใจ รวมทั้งเอกซเรย์ปอด ดังนี้การตรวจเพิ่มต่างๆจะขึ้นอยู่กับอาการคนไข้ และก็ดุลยพินิจของหมอเพียงแค่นั้น
ชมรมความดันโลหิตสูงที่ประเทศไทย ได้แบ่งระดับความร้ายแรงของความดันโลหิตสูง ดังต่อไปนี้
ระดับความรุนแรง
ความดันโลหิตตัวบน
ความดันโลหิตตัวล่าง
ความดันโลหิตปกติ
ระยะก่อนความดันโลหิต
ความดันโลหิตสูงระยะที่ 1
ความดันโลหิตสูงระยะที่ 2
น้อยกว่า 120 และ
120 – 139/หรือ
140 – 159/หรือ
มากกว่า 160/หรือ
น้อยกว่า 80
80 – 89
90 – 99
มากกว่า 100
หมายเหตุ : หน่วยวัดความดันโลหิตเป็น มิลลิเมตรปรอท
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรควบคุมระดับความดันโลหิตให้น้อยกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอทแล้วก็ใน ผู้ที่มีภาวการณ์เสี่ยงควรควบคุมระดับความดันเลือดให้ต่ำลงยิ่งกว่า 130/80 มม.ปรอท และลดปัจจัยเสี่ยงในการกำเนิดโรคหัวใจรวมทั้งหลอดเลือดป้องกันความพิกลพิการและลดการเกิดภาวะแทรกซ้อมต่ออวัยวะเป้าหมายที่สำคัญของร่างกายยกตัวอย่างเช่นสมองหัวใจไตแล้วก็ตารวมถึงอวัยวะสำคัญอื่นๆซึ่งสำหรับในการรักษาและควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติมี 2 แนวทางคือการดูแลและรักษาใช้ยาแล้วก็การรักษาโดยไม่ใช้ยาหรือวิธีการปรับเปลี่ยนแบบแผนการดำนงชีพ
การรักษาโดยวิธีการใช้ยา (pharmacologic treatment) จุดมุ่งหมายสำหรับการลดระดับความดันโลหิตโดยการใช้ยาคือการควบคุมระดับความดันโลหิตให้ลดต่ำลงมากยิ่งกว่า 140/90 มม.ปรอท โดยลดแรงต้านของเส้นเลือดส่วนปลายและก็เพิ่มปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจการเลือกใช้ยา ในคนป่วยโรคความดันเลือดสูงจึงขึ้นกับความเหมาะสมของคนไข้แต่ละรายแล้วก็ควรจะพิจารณาปัจจัยต่างๆเป็นต้นว่าความร้ายแรงของระดับความดันโลหิตปัจจัยเสี่ยงต่ออวัยวะสำคัญ โรคที่มีอยู่เดิมสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงอื่นๆซึ่งยาที่ใช้เพื่อการรักษาสภาวะความดันเลือดสูงสามารถแบ่งได้ 7 กรุ๊ปดังนี้
ยาขับเยี่ยว (diuretics) เป็นกรุ๊ปยาที่นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีการดำเนินการของไตและก็หัวใจแตกต่างจากปกติ ยากลุ่มนี้ดังเช่น ฟูโรซีมายด์ (furosemide) สไปโรโนแลคโตน(spironolactone) มันข้นลาโซน (metolazone)
ยาต้านทานเบต้า (beta adrenergic receptor blockers) ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์โดยรวมกับเบต้าอดรีเนอร์จิกรีเซฟเตอร์ (beta adrenergic receptors) อยู่ที่หัวดวงใจรวมทั้งหลอดเลือดแดงเพื่อยับยั้งการโต้ตอบต่อประสาทซิมพาธิว่ากล่าวกลดอัตราการเต้นของหัวใจทำให้หัวใจเต้นช้าลงและความดันโลหิตลดลง ยาในกลุ่มนี้ ตัวอย่างเช่น โพรพาโนลอล (propanolol)หรืออะครั้งโนลอล (atenolol)
ยาที่ออกฤทธิ์ปิดกั้นตัวรับแองจิโอเทนซินทู (angiotensin II receptorblockersARBs) ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือดโดยไม่ทำให้ระดับของเบรดดีไคนินมากขึ้นยากลุ่มนี้ เป็นต้นว่า แคนเดซาแทน (candesartan), โลซาแทน (losartan) เป็นต้น
ยาต้านแคลเซียม (calcium antagonists) ยากลุ่มนี้ยั้งการเขยื้อนเข้าของประจุแคลเซียมในเซลล์ทำให้กล้ามผนังหลอดเลือดคลายตัวอาจจะก่อให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง อย่างเช่น ยาเวอราขว้างมิวล์ (verapamil) หรือเนฟเฟดิตะกาย (nifedipine)
ยาต่อต้านอัลฟาวันอดรีเนอร์จิก (alpha I-adrenergic blockers) ยามีฤทธิ์ต้านทานโพสไซแนปตำหนิกอัลฟาวันรีเซฟเตอร์ (postsynaptic alpha 1-receptors) และออกฤทธิ์ขยายเส้นเลือดส่วนปลายทำให้เส้นเลือดขยายตัว ยาในกลุ่มนี้เช่น พราโซซีน prazosin) หรือดอกซาโซซีน (doxazosin)
ยาที่ยั้งไม่ให้มีการสร้างแองจิโอเทนสินทู (angiotensin II convertingenzyme ACE inhibitors)ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์โดยการยังยั้งแองจิโอเทนซินสำหรับเพื่อการแปลงแองจิโอเทนสินวันเป็นแองจิโอเทนสินทูซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว ยาในกลุ่มนี้ตัวอย่างเช่นอีท้องนาลาพริล (enalapril)
ยาขยายเส้นเลือด (vasodilators) ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยตรงต่อกล้ามเนื้อเรียบที่อยู่รอบๆเส้นโลหิตแดงทำให้กล้ามคลายตัวแล้วก็ยาต้านทางในผนังหลอดเลือดส่วนปลาย ยาในกลุ่มนี้ดังเช่นว่าไฮดราลาซีน (hydralazine), ไฮโดรคลอไรด์ (hydrochloride), ลาเบลทาลอล (labetalol)
การรักษาโดยไม่ใช้ยาหรือการเปลี่ยนแปลงแบบแผนการดำรงชีวิต (lifestylemodification) เป็นการกระทำสุขภาพที่จะต้องปฏิบัติเสมอๆเป็นประจำเพื่อลดความดันเลือด รวมทั้งคุ้มครองป้องกันภาวะแทรกซ้อนกับอวัยวะสำคัญผู้เจ็บป่วยโรคความดันเลือดสูงทุกราย ควรได้รับข้อเสนอเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนแบบแผนการดำนงชีพพร้อมกันไปกับการรักษาด้วยยา คนป่วยควรจะมีความประพฤติช่วยเหลือสุขภาพที่ดี ดังต่อไปนี้ การควบคุมของกินและก็ควบคุมน้ำหนักตัว การจำกัดของกินที่มีเกลือโซเดียม การบริหารร่างกาย การงดสูบบุหรี่ การลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การจัดการกับความตึงเครียด
- การติดต่อของโรคความดันเลือดสูง โรคความดันเลือดสูงเป็นโรคที่เกิดจาก ภาวการณ์แรงกดดันเลือดในเส้นโลหิตสูงขึ้นยิ่งกว่าค่ามาตรฐาน ฉะนั้นโรคความดันโลหิตสูงก็เลยเป็นโรคที่ไม่มีการติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คน
- การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคความดันเลือดสูง เปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค
- การลดหุ่นในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าในตอนแรกควรจะลดความอ้วน อย่างน้อย 5 โล ในผู้เจ็บป่วยความดันโลหิตสูง ที่มีน้ำหนักเกิน
- การลดจำนวนโซเดียม (เกลือ) ในของกิน ลดโซเดียมในอาหาร เหลือวันละ 0.5 – 2.3 กรัม หรือ เกลือโซเดียมคลอไรด์ 1.2 – 5.8 กรัม
- ลดจำนวนแอลกอฮอล์ หรือจำกัดจำนวนแอลกอฮอล์ไม่เกิด 20 – 30 กรัมต่อวันในผู้ชาย หรือ 10 – 20 กรัม ในเพศหญิง
จากการเล่าเรียนอาหารสำหรับผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูงพวกเรามักจะได้ยินชื่อ DASH (Dietary Approaches to stop Hypertension) เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และก็สินค้านมไขมันต่ำ ร่วมกับการลดจำนวนไขมัน และก็ไขมันอิ่มตัวในของกิน
ตารางแสดงตัวอย่างอาหาร DASH diet/ต่อวัน ได้พลังงาน 2100 กิโลแคลอรี่
หมวดอาหาร
ตัวอย่างอาหารในแต่ละส่วน
ผัก
ผักดิบประมาณ 1 ถ้วยตวง
ผักสุกประมาณ ½ ถ้วยตวง
ผลไม้
มะม่วง ½ ผล ส้ม 1 ลูก เงาะ 6 ผล กล้วยน้ำว้า 1 ผล แตงโม 10 ชิ้น
ฝรั่ง 1 ผลเล็ก มังคุด 1 ผลเล็ก
นม
1 กล่อง (240 ซีซี)
1 กล่อง (240 ซีซี)
ไขมัน
ปลาและสัตว์ปีก
น้ำมัน 5 ซีซี เนย/มาการีน 5 กรัม
ปริมาณ 30 กรัม (ปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ)
แป้ง,ข้าว,ธัญพืช
ขนมปัง 1 แผ่น ข้าวสวย 1 ทัพพี
บริหารร่างกาย การบริหารร่างกายสำหรับคนที่มีความดันโลหิตสูง ควรจะออกกำลังกายแบบแอโรบิค (แบบใช้ออกสิเจน) คือ การบริหารร่างกายที่มีการขยับเขยื้อนอย่างต่อเนื่องในตอนระยะเวลาหนึ่งของกล้ามผูกใหญ่ๆซึ่งได้แก่การใช้ออกสิเจนสำหรับเพื่อการให้พลังงาน จะได้ประโยชน์ต่อระบบหัวใจแบะหลอดเลือด ยกตัวอย่างเช่น เดิน วิ่ง ว่าย ปั่นจักรยาน ฯลฯ ซึ่งการออกกกำลังกายควรปฏิบัติทุกวัน ขั้นต่ำวันละ 30 นาที ถ้าเกิดว่าไม่มีข้อบังคับ
บริหารระงับความเครียด การจัดการระงับความเครียดในชีวิตประจำวัน ตามหลักเหตุผลรวมทั้งหลักจิตวิทยามีอยู่ 2 วิธี
- มานะหลบหลีกเรื่องหรือสภาพที่จะกระตุ้นให้เกิดความเคร่งเครียดมาก
- ควบคุมปฏิกิริยาของตนเอง ต่อสิ่งที่รู้สึกทำให้พวกเราเครียด
รับประทานยาและรับการดูแลรักษาตลอด รับประทานยาตามหมอสั่งสม่ำเสมอไม่ขาดยา และก็พบหมอตามนัดทุกหน ไม่ควรหยุดยาหรือเปลี่ยนแปลงยาด้วยตัวเอง สำหรับคนเจ็บที่ทานยาขับปัสสาวะ ควรจะรับประทานส้มหรือกล้วยบ่อยๆ เพื่อตอบแทนโปตัสเซียมที่สูญเสียไปในปัสสาวะรีบเจอหมอข้างใน 1 วัน หรือ รีบด่วน มีลักษณะดังนี้ ปวดหัวมากมาย อ่อนเพลียเป็นอย่างมากกว่าปกติมากมาย เท้าบวม (ลักษณะของโรคหัวใจล้มเหลว) เจ็บแน่นหน้าอก ใจสั่น เหงื่อออกมาก จะเป็นลมเป็นแล้ง (อาการจากโรคเส้นโลหิตหัวใจ ซึ่งจำต้องเจอแพทย์รีบด่วน) แขน ขาอ่อนแรง พูดไม่ชัดเจน ปากเบี้ยว คลื่นไส้ อ้วก (อาการจากโรคเส้นเลือดสมอง ซึ่งจำเป็นต้องเจอแพทย์เร่งด่วน)
- การป้องกันตนเองจากโรคความดันเลือดสูง สิ่งจำเป็นที่สุดที่จะคุ้มครองป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูง คือการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตอีกทั้งประเด็นการกิน การบริหารร่างกายโดย
- ควรควบคุมน้ำหนัก
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบทั้งยัง 5 กลุ่ม ในปริมาณที่เหมาะสม เพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหารชนิดไม่หวานมากให้มากๆ
- บริหารร่างกาย โดยออกยาวนานกว่า 30 นาที แล้วก็ออกเกือบทุกวัน
- ลดจำนวนเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- รักษาสุขภาพจิต รวมทั้งอารมณ์
- ตรวจสุขภาพรายปี ซึ่งรวมทั้งวัดความดันเลือด เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 18-20 ปี จากนั้นตรวจสุขภาพบ่อยครั้งตามหมอ รวมทั้งพยาบาลแนะนำ
- ลดของกินเค็ม หรือเกลือทะเล น้อยกว่า 6 กรัม ต่อวัน) ทานอาหารพวกผัก และผลไม้มากเพิ่มขึ้น
ข้อเสนอแนะสำหรับการลดการบริโภคเกลือและโซเดียม :-
เลือกซื้อผัก ผลไม้และก็เนื้อสัตว์ที่สดใหม่แทนวิธีสำหรับการเลือกซื้ออาหารบรรจุกระป๋อง ผักดองและอาหารสำเร็จรูป
ถ้าเกิดจะต้องเลือกซื้ออาหารกระป๋องหรืออาหารสำเร็จรูปควรอ่านฉลากอาหารทุกคราว และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณโซเดียมต่ำหรือน้อย (สำหรับพลเมืองทั่วไปควรบริโภคเกลือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา หรือน้อยกว่า 6 กรัมต่อวัน) ล้างผักและก็เนื้อสัตว์ที่ใช้ทำอาหารให้สะอาด เพื่อล้างเกลือออก ลดการใช้เกลือและก็เครื่องปรุงรส หันมาใช้เครื่องเทศและสมุนไพรที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ ตัวอย่างเช่น หัวหอม กระเทียม ขิง พริกไทย มะนาว ผงกระหยี แทนไม่วางภาชนะหรือขวดใส่เกลือและก็เครื่องปรุงรสต่างๆเช่น ซอส ซีอิ๊วขาวรวมทั้งน้ำปลาไว้บนโต๊ะอาหารทุกมื้อลองอาหารก่อนรับประทาน ฝึกการทานอาหารที่มีรสชาติเหมาะเจาะ ไม่เค็มจัดหรือหวานจัด ทำกับข้าวทานอาหารเองแทนการทานอาหารนอกบ้าน หรือการซื้ออาหารสำเร็จรูป
ของกินที่มีเกลือโซเดียมสูง ดังเช่นว่า อาหารที่ใช้เกลือปรุงรส อย่างเช่น ซอสรสเค็ม (เป็นต้นว่า น้ำปลา ซี้อิ๊ว ซอสหอยนางรม เต้าเจี้ยว), ซอสหลายรส (เป็นต้นว่า ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก ซี้อิ๊วหวาน) อาหารที่ใช้เกลือถนอมอาหาร เป็นต้นว่า อาหารตากแห้ง เป็นต้นว่า กะปิ เต้าหู้ยี้ แหนม, อาหารปรุงต่างๆอาทิเช่น ไส้กรอก หมูยอ