โรคเเผลในกระเพาะอาหาร- อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเเผลในกระเพาะอาหาร- อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 21 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หนุ่มน้อยคอยรัก007
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 76


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 27, 2018, 09:00:33 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคแผลในกระเพาะ (โรคกระเพาะ)

  • โรคแผลในกระเพาะอาหารเป็นอย่างไร โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Gastric ulcer) คือ โรคที่มีแผลในกระเพาะหรือลำไส้เล็กส่วนต้น หรือมีการอักเสบของเยื่อกระเพาะ ผู้ที่เป็นโรคนี้แล้วสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยมากชอบเป็นเรื้อรัง หรือเป็นนานๆถ้าเกิดไม่รักษาหรือประพฤติให้ถูกจะมีอาการเป็นๆหายๆและถ้าหากปล่อยให้เป็นมาก จะมีผลให้กำเนิดโรคแทรก ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิตได้  หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคแผลเพ็ปติก (peptic ulcer) ซึ่งอาจเป็นแผลตรงส่วนกระเพาะอาหาร เรียกว่า แผลกระเพาะ อาหาร (gastric ulcer, ย่อว่า GU) หรือแผลตรงส่วนลำไส้เล็กส่วนต้น เรียกว่า แผลลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenal ulcer, ย่อว่า DU) ก็ได้
  • สาเหตุของโรคแผลในกระเพาะ โรคแผลในกระเพาะอาหาร มีต้นเหตุที่เกิดจากเยื่อเมือกบุภายในทางเดินอาหาร ถูกทำลายโดยน้ำย่อยจากกระเพาะ ชื่อ เปบซิน (Pepsin) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโรคว่า แผลเปบติค ซึ่งเปบสินเป็นน้ำย่อยโปรตีนสถานที่ทำงานร่วมกับกรดในกระเพาะอาหาร โดยมีกรดเป็นตัวปลุกฤทธิ์ (Activate)ให้น้ำย่อยนี้มีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการย่อยเพิ่มขึ้น แล้วก็ตอนนี้พบว่ายังมีต้นสายปลายเหตุเสริมอื่นๆที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคได้อีก ดังเช่น การติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ติดต่อโดยการกินอาหารหรือกินน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ติดโรค โดยแบคทีเรียประเภทนี้ มีรูปร่างเป็นเกลียวและมีหาง มีความคงทนกรดสูงเนื่องด้วยสามารถสร้างสารที่เป็นด่างออกมาเจือจางกรดที่อยู่ รอบๆตัวมัน  ทำให้สามารถอาศัยอยู่ในชั้นผิวฉาบข้างในกระเพาะอาหารได้ เชื้อนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้เยื่อบุกระเพาะ ผนังกระเพาะจึงอ่อนแอลงแล้วก็มีความคงทนประมือดลดลง ทำให้กระเพาะและก็ลำไส้ส่วนต้นเกิดแผลได้ง่าย

การใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (non steroidal anti inflammatory drugs, ย่อว่า NSAIDs) ดังเช่นว่า แอสไพริน ไอบูโพรเฟน อินโดเมทาซิน นาโพรเซน ไพร็อกสิแคม ไดวัวลฟีแนก ฯลฯ ซึ่งนิยมใช้เป็นยาพาราข้อ ปวด เอ็นหรือกล้าม ปวดระดู รวมทั้ง ใช้แก้ปวดแก้ไข้ทั่วๆไป หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆมักจะทำให้เกิดแผลเพ็ปติก อาจรุนแรงถึงขั้นเลือดออก (คลื่นไส้เป็นเลือด อุจจาระดำ) หรือกระเพาะไส้เป็นแผลทะลุได้ กระเพาะอาหารถูกกระตุ้นให้มีกรดมากขึ้น เนื่องจากกระตุ้นของปลายประสาท มีสาเหตุมาจากความตึงเครียด วิตกกังวลรวมทั้งอารมณ์ การดื่มแอลกอฮอล์ อาทิเช่น สุรา เบียร์สด ยาดอง การดื่มกาแฟ การสูบยาสูบ  การกินของกินไม่เป็นเวลา  มีนิสัยการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกจะต้อง อย่างเช่น การทานอาหารอย่างเร่งรีบ กินไม่ตรงเวลาหรืออดอาหารบางมื้อ เป็นต้น

  • อาการโรคแผลในกระเพาะ เจ็บท้อง ลักษณะของอาการปวดท้องที่สำคัญหมายถึงปวดเรื้อรังมานาน เป็นๆหายๆเป็นเดือนหรือเป็นปี  ปวดหรือจุกแน่นท้องรอบๆใต้ลิ้นปี่ หรือ หน้าท้องช่วงบน เป็นอาการที่พบได้มากที่สุด มักเป็นเวลาท้องว่า หรือเวลาหิว อาการจึงเป็นเฉพาะบางช่วงเวลาของวัน  อาการปวดแน่นท้อง ชอบทุเลาได้ด้วยของกินหรือยาลดกรด  ลักษณะของการปวด ชอบเป็นๆหายๆโดยมีตอนเว้นที่ปราศจากอาการออกจะนาน อาทิเช่น ปวดอยู่ 1-2 สัปดาห์ แล้วหายไปนับเป็นเวลาหลายเดือนก็เลยกลับมาปวดอีก  ปวดแน่นท้องตอนดึกหลังจากที่หลับไปแล้ว  แม้จะมีลักษณะเรื้อรังเป็นปี สุขภาพโดยปกติจะไม่เสื่อมโทรม โรคแผลกระเพาะจะไม่แปลงเป็นโรคมะเร็ง แม้จะเป็นๆหายๆอยู่นานกี่ปีก็ตาม นอกจากจะเป็นแผลจำพวกที่เกิดขึ้นมาจากโรคมะเร็งของกระเพาะอาหารตั้งแต่ตอนแรกเริ่มโดยตรง  จุดเสียด แน่นท้อง ท้องขึ้น ท้องขึ้น ท้องอืดท้องเฟ้อ เรอลม มีลมในท้อง ร้อนในท้อง คลื่นไส้อ้วก  อื่นๆที่พบได้หมายถึงไม่อยากอาหาร

ผอมบางลง ภาวะไส้ตัน จากแผลนำมาซึ่งการก่อให้เกิดพังผืด ก็เลยนำมาซึ่งการทำให้ฟุตบาทในกระเพาะอาหารและก็/หรือลำไส้เล็กตีบแคบลง ซึ่งอาการเป็น เจ็บท้องร้ายแรง ร่วมกับอ้วก โดยเฉพาะหลังกินอาหาร รวมทั้งดื่มน้ำ และไม่สามารถผายลมได้
                ภาวะแทรกซ้อน  เลือดออกมาจากแผลในกระเพาะ พบได้บ่อยที่สุด ผู้ป่วยจะมีคลื่นไส้เป็นเลือด ถ่ายดำเหลว หรือหน้ามืด หน้ามืด เป็นลมเป็นแล้ง  กระเพาะทะลุ ผู้เจ็บป่วยจะมีอาการปวดท้องตอนบนทันควันร้ายแรง หน้าท้องแข็งตึง กดเจ็บมากมาย  กระเพาะอาหารตัน คนไข้จะกินได้น้อย อิ่มเร็ว มีคลื่นไส้หลังรับประทานอาหารดูเหมือนจะทุกมื้อ ไม่อยากกินอาหาร น้ำหนักต่ำลง

  • ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคกระเพาะของกินหมายถึง1. การกินอาหารต่างๆได้แก่ การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา การทานอาหารรสจัด ดังเช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด 2.การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลผสมหรือน้ำอัดลม รวมทั้ง ชา กาแฟ 3.การสูบยาสูบ 4.การรับประทานยาต้านทานการอักเสบ ในกลุ่ม NSAIDs ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่นานๆ 5.การตำหนิดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโด กางคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori) ที่ปนเปื้อนมากับอาหารหรือน้ำดื่ม
  • กรรมวิธีรักษาโรคแผลในกระเพาะ หมอวินิจฉัยโรคแผลเปบตำหนิคได้จาก เรื่องราวอาการ การตรวจร่างกาย หรือการตรวจภาพกระเพาะอาหารและช่องท้องด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แต่ว่าการตรวจที่ได้ผลแน่ นอนเป็นการส่องกล้องตรวจกระเพาะ และไส้ ร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา และก็อาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้สังกัดอาการคนป่วยแล้วก็ดุลพินิจของแพทย์ ตัวอย่างเช่น การตรวจหาสารบางประเภทในอุจจาระซึ่งสร้างโดยเชื้อ เอชไพโลไร หรือการตรวจสารบางจำพวกที่เชื้อนี้สร้างแล้วก็ร่างกายกำจัดออกทางการหายใจ การให้ยารักษา (ในกรณีไม่ติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobactor Pylori) โดยรับประทานยาอย่างแม่นยำ เป็นจะต้องกินยาให้เป็นประจำ รับประทานยาให้ครบตามจำนวน และช่วงเวลา ที่แพทย์สั่งยารักษาโรคกระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้เวลาราวอย่างน้อย 4-6 อาทิตย์ แผลจึงจะหาย ด้วยเหตุนี้ภายหลังกินยา หากอาการดีขึ้นห้ามหยุดยา ต้องรับประทานยาต่อจนถึงครบ และหมอแน่ใจว่าแผลหายแล้ว ก็เลยจะ ลดยาหรือหยุดยาวได้

การให้ยารักษาในกรณีตรวจเจอเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้การรักษาโดยมีสูตรยา 3-4 ชนิดด้วยกัน รับประทานนาน 1-2 อาทิตย์ สูตรยาส่วนใหญ่เป็นยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดกรด เพื่อรักษาแผลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะ คนไข้ควรได้รับการตรวจค้นเชื้อซ้ำภายหลังจากได้รับประทานยาปฏิชีวนะครบแล้ว โดยบางทีอาจเป็นการตรวจโดยการส่องกล้องกระเพาะอาหารอีกรอบเพื่อกระทำพิสูจน์ ชิ้นเนื้อซ้ำ หรือทดสอบโดยการรับประทานยาสำหรับทดสอบเชื้อแบคทีเรียโดยตรง รวมทั้งวัดสารที่ถูกปล่อยออกมาทางลมหายใจ
การผ่าตัด ซึ่งในขณะนี้ มียาหวานใจษาโรคกระเพาะของกินอย่างดีหลายชิ้นหากให้การรักษาที่ถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องผ่าตัดสำหรับการผ่าตัดอาจจะก่อให้เป็นกรณีที่เกิดโรคแทรกซ้อน ดังเช่นว่า เลือดออกในกระเพาะรวมทั้งลำไส้เล็ก โดยไม่สามารถทำให้หยุด                เลือดออกได้          แผลกระเพาะอาหารและก็ลำไส้เล็กมีการทะลุ        กระเพาะอาหารมีการตัน

  • การติดต่อของโรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคแผลในกระเพาะ ไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คน
  • การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร พึงรำลึกไว้เสมอว่า โรคแผลกระเพาะอาหารเป็นโรคเรื้อรัง เป็นๆหายๆมักไม่หายขาดตลอดชีวิต คนเจ็บจำเป็นต้องได้รับยารักษาต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน หลังได้รับยา อาการปวดจะหายไปก่อน ใน 3-7 วัน แต่แผลจะยังไม่หาย จำนวนมากใช้เวลาถึง 4-8 สัปดาห์ แผลก็เลยหาย เมื่อหายแล้ว จะกลับมาเป็นใหม่ได้อีกถ้าไม่ระวังประพฤติตัวให้ถูกต้อง เป็นต้นว่า  กินอาหารอ่อน ย่อยง่าย แล้วก็ทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ๆ กินอาหารตรงตามเวลาทุกมื้อ  รับประทานอาหารปริมาณน้อยๆแต่ว่ารับประทานให้บ่อยครั้งมื้อ ไม่ควรกินกระทั่งอิ่มมากในแต่ละมื้อ  เลี่ยงอาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เครื่องดื่มแอลกฮอลล์ งดดูดบุหรี่  งดเว้นการใช้ยาพารา แอสไพริน และยาแก้โรคกระดูกแล้วก็ข้ออักเสบทุกชนิด รวมถึงยาชุดต่างๆความเครียดลดลง วิตกกังวล พักผ่อนให้เพียงพอ กินยาลดกรด หรือยารักษาแผลกระเพาะต่อเนื่องกันขั้นต่ำ 4-8 อาทิตย์ หรือตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ถ้ามีลักษณะของภาวะแทรกซ้อน จำเป็นต้องรีบไปพบแพทย์ ควรจะบริหารร่างกายให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
  • การปกป้องตนเองจากโรคแผลในกระเพาะ รักษาสุขลักษณะ เพื่อลดโอกาสติดโรคต่างๆโดย เฉพาะการใช้ช้อนกลาง และก็การล้างมือบ่อยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเข้าสุขา และก็ก่อนที่จะกินอาหาร เมื่อมีอาการปวดท้องรอบๆลิ้นปี่เป็นประจำเป็นๆหายๆหรือเรื้อรัง อาการกำเริบข้างหลังดูแลตนเองในเบื้องต้น ควรเจอแพทย์เสมอ เพื่อการวิเคราะห์หาต้นเหตุและให้การรักษาแต่เนิ่นๆก่อนโรคขยายเป็นแผลเปบติเตียนค หรือบางทีอาจเป็นอาการโรคโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ หลบหลีกการใช้ยาโดยไม่ จำเป็นต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มยาต่อต้านอักเสบ ที่ไม่ใช่สตีรอยด์ที่ใช้แก้ปวดข้อปวดเส้นเอ็นรวมทั้งกล้ามเนื้อ และยาอื่นๆที่เป็นเหตุกระตุ้นให้โรคกำเริบ รับประทานอาหารสุก อย่ารับประทานอาหารดิบๆสุกๆหรือมีแมลงวันตอม เพื่อเลี่ยงการติดเชื้อเอชไพโรไล หลบหลีกการกินเหล้า เบียร์สด กาแฟ ยาดอง และงดเว้นดูดบุหรี่ พักผ่อนให้มากเพียงพอ ทำจิตใจให้ร่าเริงบรรเทาเครียดวิตก และไม่อารมณ์เสียโมโหง่าย
  • สมุนไพรซึ่งสามารถช่วยทุเลา/รักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารได้ ขมิ้นชัน ในขมิ้นชันจะมีสารชื่อ เคอคิวมินอยด์ เป็นตัวป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการขับน้ำดี ทำให้ระบบการย่อยของอาหารดียิ่งขึ้น จึงช่วยคลายความจุกเสียด แล้วก็สารเคอคิวไม่นอยด์ ยังไปกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารฉาบกระเพาะอาหารก็เลยช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารให้ วิธีการใช้ เพียงนำเหง้าของขมิ้นชันมาล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆผึ่งแดดประมาณ 1 – 2 วันแล้วบดอย่างระมัดระวัง ผสมกับน้ำผึ้งรับประทานเป็นลูกกลอน กินครั้งละ 500 มิลลิกรัม หลังอาหารและก็ก่อนนอน 4 เวลา ว่านหางจระเข้  ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติสำหรับเพื่อการรักษาโรคกระเพาะ ช่วยสำหรับเพื่อการรักษารอยแผลในกระเพาะอาหารแล้วก็ล้างพิษ  โดยให้ใช้ใบสดที่เพิ่งจะตัดทิ้งมาจากต้น ล้างน้ำให้สะอาดแล้วปอกเปลือกให้เหลือแต่วุ้นใสๆแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆรับประทานทุกเมื่อเชื่อวัน ก่อนรับประทานอาหาร กระเจี๊ยบเขียว เป็นผักสมุนไพรที่มีสรรพคุณสำหรับในการรักษาโรคกระเพาะอาหารแล้วก็ลำไส้ เนื่องด้วยในฝักกระเจี๊ยบนั้นจะมีสารชนิดหนึ่งชื่อว่า แพ็คว่ากล่าวน และคัม ที่จะช่วยฉาบแผลในกระเพาะอาหารและก็ลำไส้ วิธีการใช้ เพียงนำมาลวกแล้วกินทุกวี่วันตรงเวลาต่อเนื่องขั้นต่ำ 2 อาทิตย์ แผลในกระเพาะก็จะดียิ่งขึ้นเนื่องด้วยมูกลื่นๆในผลของกระเจี๊ยบเขียวช่วยฉาบแผลในกระเพาะอาหารได้
เอกสารอ้างอิง

  • โรคกระเพาะอาหาร.หน่วยโรคทางเดินอาหารฯ.สาขาวิชาอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.โรคกระเพาะ.นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 288 .คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.เมษายน.2546
  • ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร.โรคกระเพาะอาหาร.ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
  • สุรเกียรต์ อาชานานุภาพ,(2543).ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป.(พิมพ์ครั้งที่ 2).กรุงเทพฯ:อุษาการพิมพ์.
  • แผลเปปติค(Pept:c ulcer)/แผลในกระเพาะอาหาร(Gastric ulcer)http://www.disthai.com/[/b]
  • วันทนีย์ เกรียงสินยศ,(2548).กินอย่างไรเมื่อเป็นโรคกระเพาะ.หมอชาวบ้าน.(ปีที่ 26 ฉบับที่ 311หน้า52-54).
  • El-Omer E, Penman I, Ardill JE, McColl KE. A substantial proportion of non-ulcer dyspepsia patients have the same abnormality of acid secretion as duodenal ulcer patients. Gut 1995;36:534-8.
  • พิศาล ไม้เรียง.(2536).โรคทางเดินอาหาร การวินิจฉัยและการรักษา.(พิมพ์ครั้งที่ 2).ขอนแก่น:โรงพิมพืคลังนานาวิทยา.
  • กลุ่มวิจัยโรคกระเพาะอาหาร.สมาคมแพทย์ระบบทางเดินแห่งประเทศไทย.แนวทางเวชปฏิบัติในการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยดิสเปปเซียและผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพลอไร ในประเทศไทย พ.ศ.2553.สำนักพิมพ์กรุงเทพเวชสาร,2010.
  • เฟื่องเพชร เกียรติเสรี.(2541).โรคระบบทางเดินอาหาร.(พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพฯ:เรือนแก้ว การพิมพ์.

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : โรคหัวใจขาดเลือด

Tags : โรคหัวใจขาดเลือด



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ