โรคพาร์กินสัน- อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคพาร์กินสัน- อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 41 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 28, 2018, 02:39:24 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคพาร์กินสัน (Parkinson ‘s disease)


นอกจากนี้ยังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคอีกเช่น   คนไข้อาจมีอาการปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย (เช่น ขา หลัง) โดยเฉพาะเวลานอน หรือช่วงกลางคืน อาจปวดจนนอนไม่หลับ บางรายอาจมีอาการซึมเศร้า ความดันตก ในท่ายืน ท้องผูก มีภาวะความจำเสื่อม หรืออาจมีปัญหากินอาหารและดื่มน้ำได้น้อย น้ำหนักลด ในรายที่เดินลำบาก อาจหกล้ม กระดูกหักหรือศีรษะแตก ในรายที่เป็นมาก อาจนอนบนเตียงมากจนเป็นแผลกดทับ อาจมีอาการถ่ายปัสสาวะลำบาก และมีการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะได้ง่าย คนไข้ที่ปล่อยไว้ไม่รักษาจนมีอาการรุนแรง (กินเวลา ๓-๑๐ ปี) มักจะตายด้วยโรคปอดอักเสบแทรกซ้อนหรือภาวะเลือดเป็นพิษจากการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ

  • ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดโรคพาร์กินสัน
  • อายุ หากแก่มากขึ้นก็จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่แก่ 60 ปีขึ้นไป
  • พันธุกรรม โดยพบว่าคนป่วยราว 15-20% จะมีประวัติคนภายในครอบครัวเป็นโรคพาร์กินสัน (ถ้ามีญาติสายตรงเป็นโรคนี้ 1 คนจะเพิ่มจังหวะเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคนี้ 3 เท่า และแม้มี 2 คนก็จะเพิ่มการเสี่ยงเป็น 10 เท่าตามลำดับ)
  • เป็นผู้ที่สัมผัสกับยากำจัดศัตรูพืชหรือยาฆ่าวัชพืช กินน้ำจากบ่อและอาศัยอยู่ในเขตทุรกันดาร เพราะว่ามีรายงานว่าเจอโรคนี้ได้มากในชาวนาชาวไร่ที่กินน้ำจากบ่อ
  • เป็นผู้ที่หรูหราฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ อย่างเช่น ในหญิงที่ตัดรังไข่รวมทั้งมดลูก หญิงวัยทองก่อนที่จะครบกำหนด ซึ่งคนกลุ่มนี้จะได้โอกาสเป็นโรคนี้ได้สูง แต่ถ้าเกิดได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนตอบแทนก็บางครั้งก็อาจจะช่วยลดการเกิดโรคนี้ได้
  • เคยประสบอุบัติเหตุที่กระทบทางสมอง
  • นอกจากนั้นยังมีแถลงการณ์ว่า ผู้ที่ขาดกรดโฟลิกจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคพาร์กินสันเหมือนกัน
  • กรรมวิธีการรักษาโรคพาร์กินสัน โดยทั่วไปหากคนเจ็บปรากฏอาการกระจ่าง สามารถวิเคราะห์ได้จากลักษณะอาการและการตรวจร่างกายทางระบบประสาทอย่างประณีต ระยะเริ่มต้นเริ่ม บางทีอาจวิเคราะห์ยาก ควรต้องวินิจฉัยแยกโรคก่อนเสมอคนที่สงสัยว่าจะมีอาการป่วยด้วยโรคพาร์คินสัน ควรได้รับการตรวจวิเคราะห์จากอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านประสาทวิทยา หรือที่เรียกว่าประสาทแพทย์

การวินิจฉัยโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) จึงจะต้องแยกโรคอื่นๆที่มีลักษณะอาการของพาร์กินสัน รวมทั้งแยกอาการ หรือภาวะพาร์กินสันทุติยภูมิ (Secondary parkinsonism) ออก ไปด้วย เนื่องด้วยการดูแลและรักษาจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะมีลักษณะบางสิ่งบางอย่างคล้ายกันก็ตาม
การวิเคราะห์โรคพาร์กินสันจะอาศัยอาการผู้ป่วย และก็ความเปลี่ยนไปจากปกติที่หมอตรวจพบเป็นหลัก รวมทั้งลักษณะของการมีอาการที่ค่อยเป็นค่อยไป อายุที่เริ่มเป็น และประวัติในครอบครัว ไม่มีการตรวจพิเศษทางห้องทดลองใดที่ตรวจแล้วบอกได้ว่าคนไข้กำลังเป็นโรคพาร์กินสันอยู่ การตรวจทางห้องทดลองจะใช้เพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรคอื่นๆบางโรคที่มีลักษณะของโรคพาร์กินสันแล้วก็มีลักษณะเฉพาะของโรคนั้นๆร่วมด้วย เพื่อซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลและรักษาที่ผิดแผกแตกต่างออกไปเท่านั้น ได้แก่ การตรวจค้นระดับพิษในกระแสเลือด การตรวจหาระดับสาร Ceruloplasmin ในเลือดเพื่อวินิจฉัยโรค Wilson’s disease การเอกซเรย์สมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (เอมอาร์ไอ/MRI) เพื่อวิเคราะห์ โรค Normal pressure hydrocephalus เป็นต้น
ในสมัยก่อนแพทย์เข้าใจว่าโรคพาร์กินสันนี้มีความผิดปกติที่ไขสันหลัง แม้กระนั้นในปัจจุบันเป็นที่รู้กันแน่ๆแล้วว่า พยาธิภาวะของโรคนี้เกิดที่บริเวณตัวสมองเองในส่วนลึกๆบริเวณก้านสมอง ซึ่งมีกรุ๊ปเซลล์ประสาทที่มีสีดำมีปริมาณเซลล์น้อยลง หรือบกพร่องในหน้าที่สำหรับเพื่อการปลดปล่อยสารเคมีที่เรียกว่า โดพามีน (dopamine) ก็เลยก่อให้เกิดอาการเคลื่อนช้า เกร็งรวมทั้งสั่นเกิดขึ้นเป็นลำดับ ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันการดูแลและรักษาโรคนี้จึงหวังมุ่งให้สมองหรูหราสารโดพามีนกลับสู่ค่าธรรมดา ซึ่งบางทีอาจทำได้โดยการกินยาการทำกายภาพบำบัด หรือผ่าตัดสมอง
การรักษาโรคพาร์กินสันมี 3 วิธี คือ

  • รักษาด้วยยา ซึ่งแม้ว่ายาจะไม่สามารถที่จะทำให้เซลล์สมองที่ตายไปแล้วฟื้นหรือกลับมาแตกหน่อทดแทนเซลล์เดิมได้ แต่ก็จะทำให้สารเคมีโดปามีนในสมองมีปริมาณเพียงพอกับสิ่งที่มีความต้องการของร่างกายได้ สำหรับยาที่ใช้ในตอนนี้เป็นยากลุ่ม LEVODOPA และก็ยากลุ่ม DOPAMINE AGONIST เป็นหลัก (การใช้ยาแต่ละชนิดขึ้นกับการวินิจฉัยจากแพทย์ ตามความเหมาะสม)
  • ทำกายภาพบำบัด จุดมุ่งหมายของการดูแลและรักษาก็คือ ให้ผู้ป่วยคืนสู่ภาวะชีวิตที่ใกล้เคียงคนธรรมดาที่สุด สามารถเข้าสังคมได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นสุขทั้งกายและจิตใจ ซึ่งมีหลักวิธีปฏิบัติง่ายๆคือ

ก) ฝึกหัดการเดินให้ค่อยๆก้าวขาแต่ว่าพอดี โดยการเอาส้นตีนลงเต็มฝ่าเท้า รวมทั้งแกว่งแขนไปด้วยขณะเดินเพื่อช่วยสำหรับการทรงตัวดี ยิ่งไปกว่านี้ควรหมั่นจัดท่าทางในท่าทางต่างๆให้ถูกสุขลักษณะ รองเท้าที่ใช้ควรจะเป็นแบบส้นเตี้ย และก็พื้นต้องไม่ทำมาจากยาง หรือวัสดุที่เหนียวติดพื้นง่าย
ข) เมื่อถึงเวลานอน ไม่สมควรให้นอนเตียงที่สูงเกินไป เวลาจะขึ้นเตียงต้องเบาๆเอนตัวนอนลงเอียงข้างโดยใช้ศอกจนถึงก่อนชูเท้าขึ้นเตียง
ค) ฝึกหัดการพูด โดยพี่น้องจะต้องให้ความเข้าอกรู้เรื่องเบาๆฝึกฝนคนป่วย รวมทั้งควรจะทำในสถานที่ที่เงียบสงบ

  • การผ่าตัด ส่วนใหญ่จะได้ผลดีในคนไข้ที่มีอายุน้อย และก็มีลักษณะอาการไม่มากนัก หรือในคนที่มีลักษณะเข้าแทรกจากยาที่ใช้มาเป็นระยะเวลานานๆตัวอย่างเช่น อาการสั่นที่รุนแรง หรือมีการเคลื่อนแขน ขา มากเปลี่ยนไปจากปกติจากยา ปัจจุบันนี้มีการใช้แนวทางกระตุ้นไฟฟ้าที่สมองส่วนลึกโดยผ่าตัดฝังเอาไว้ในร่างกาย พบว่าเกิดผลดี แม้กระนั้นค่าใช้สอยสูงมาก ผู้เจ็บป่วยโรคพาร์กินสัน จึงควรได้รับการดูแลใส่ใจจากคนที่อยู่รอบข้างในการพัฒนาฟื้นฟูด้านร่างกาย รวมถึงจิตใจ ด้วยเหตุนั้นถ้าเกิดท่านมีคนสนิทที่เป็นโรคชนิดนี้ ควรต้องรีบนำมาพบหมอเพื่อรับการวิเคราะห์โรคอันจะส่งผลให้เกิดการดูแลรักษาที่ถูกแล้วก็สมควรต่อไป
  • การติดต่อของโรคพาร์กินสัน เนื่องมาจากโรคพาร์กินสันเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากเซลล์สมองมีการตาย แล้วก็ทำให้สารสื่อประสาทที่ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายมีจำนวนลดน้อยลง จึงกระตุ้นให้เกิดอาการต่างๆของโรค ซึ่งไม่อาจจะติดต่อจากคนสู่คน หรือ จากสัตว์สู่คนได้ (แม้กระนั้นสามารถถ่ายทอดทางชนิดบาปไปสู่บุตรหลานได้)
  • การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยด้วยโรคพาร์กินสัน ผู้เจ็บป่วยและก็ญาติสามารถดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอและก็สม่ำเสมอ ดังต่อไปนี้
  • ติดตามรักษากับหมอเสมอๆ
  • กินยาควบคุมอาการดังที่หมอเสนอแนะให้ใช้
  • กินอาหารชนิดที่มีกากใยเพื่อช่วยลดอาการท้องผูก
  • หมั่นฝึกฝนออกกำลังกาย โดยการเคลื่อนไหวร่างกายให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำเป็น อย่านอนหรือนั่งนิ่งๆรวมทั้งวิธีการทำกิจวัตรที่ทำทุกๆวัน บริหารร่างกาย เพื่อเพิ่มความคล่องตัวแล้วก็ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ลดเกร็งและก็ปรับการเลี้ยงตัวให้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การเดิน วิ่งเหยาะๆรำไท้วางท่า หรือเต้นแอโรบิก    ฝึกหัดเดิน ยืนยืดตัวตรง วางเท้าห่างกัน ๘-๑๐ นิ้ว นับจังหวะก้าวเท้าแกว่งไกวแขน เสมือนเดินสวนสนามหรือเดินก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ เมื่อใดที่ก้าวไม่ออกให้จังหวะกับตนเองกระดกข้อเท้าแล้วก้าวเดิน    ฝึกบอกโดยให้ผู้เจ็บป่วยเป็นฝ่ายพูดก่อน หายใจลึกๆแล้วออกเสียงให้ดังกว่าที่ตั้งใจไว้
  • รอบๆทางเดินหรือในห้องน้ำควรมีราวเกาะและไม่วางของขวางทางเท้า
  • การแต่งตัว ควรใส่เสื้อผ้าที่ถอดใส่ง่าย เช่น กางเกงเอวยางยืด เสื้อติดแถบกาวแทนกระดุม
  • ญาติพี่น้อง ควรที่จะใส่ใจดูแลคนเจ็บอย่างใกล้ชิด ระแวดระวังการเกิดอุบัติเหตุ ตัวอย่างเช่น การเดินหกล้ม เป็นต้น

สิ่งจำเป็นก็คือ คนสนิทของผู้เจ็บป่วยรวมทั้งพี่น้อง ควรจะเรียนรู้และทำความเข้าใจผู้ป่วยพาร์กินสัน  แม้ว่าจะมีข้อมูลว่าการดื่มกาแฟ การสูบยาสูบ การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน(ในผู้หญิงวัยหมดระดู) จะช่วยลดการเกิดโรคพาร์กินสันได้ แม้กระนั้นก็ไม่ชี้แนะ เนื่องจากว่ามีโทษทำให้มีการเกิดโรคอื่นๆที่น่าสยองก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้มากกว่า

  • การคุ้มครองตนเองจากโรคพาร์กินสัน ด้วยเหตุว่าสาเหตุที่จริงจริงของการเกิดโรคพาร์กินสันยังไม่เคยทราบเด่นชัด ด้วยเหตุดังกล่าวการคุ้มครองเต็มที่จึงเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าบางการเรียนรู้พบว่า การกินอาหารมีสาระ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม โดยจำกัดของกินกลุ่มไขมันรวมทั้งเนื้อแดง (เนื้อของสัตว์เลือดอุ่น) จำกัดอาหารในกรุ๊ปผลิตภัณฑ์จากนม กินผัก ผลไม้มากขึ้นให้มากๆเหตุเพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง อาจช่วยลดจังหวะกำเนิดอาการ หรือ ลดความรุนแรงจากอาการโรคนี้ลงได้บ้าง นักค้นคว้าแห่งแผนกแพทยศาสตร์ Chapel Hill มหาวิทยาลัยนอร์ธแคโลไรที่นาได้คิดวิธีทดสอบแบบง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้ แล้วก็ทำเสร็จภายในระยะเวลาเพียงแค่ ๑ นาที

แนวทางทดลองดังที่กล่าวมาข้างต้นมี 3 ขั้นตอนกล้วยๆเป็น

  • ให้คนไข้ยิ้มให้ดู
  • ให้ชูแขนขึ้นทั้งยัง 2 ข้างและให้ค้างเอาไว้
  • ท้ายที่สุดให้คนเจ็บบอกประโยคง่ายๆให้ฟังสักประโยค

นักค้นคว้าทดลอง ด้วยการให้คนที่เคยมีอาการสมองขาดเลือดไปเลี้ยง เป็นตัวแสดงร่วมกับคนธรรมดาคนอื่นๆรวมแล้ว ๑๐๐ คน แล้วให้อาสาสมัครสมมติตัวเป็นคนผ่านมาพบเหตุการณ์ที่มีคนเจ็บเกิดอาการสมองขาดเลือดไปเลี้ยง ให้อาสาสมัครลองทดสอบด้วยคำสั่งข้างต้นกับตัวละครอีกทั้ง ๓ ข้อ เวลาเดียวกันก็โทรศัพท์บอกผลของการทดสอบให้ผู้ทำการวิจัยรู้ โดยผู้วิจัยอยู่ในอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งไม่เห็นท่าทีหรือการแสดงออกของคนที่สงสัยจะมีลักษณะสมองขาดเลือดไปเลี้ยง ผลที่ออกมาพบว่า นักวิจัยสามารถแยกคนเจ็บออกมาจากคนปกติได้อย่างแม่นยำถึงร้อยละ ๙๖ ทีเดียว โดยแยกอาการกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนล้า (facial weakness) ได้จำนวนร้อยละ ๗๑ แยกกล้ามเนื้อแขนอ่อนกำลังได้ถึง ร้อยละ ๙๕ รวมทั้งแยก  ประสาทกลางสถานที่ทำงานไม่ดีเหมือนปกติทางคำพูดได้ร้อยละ ๘๘ ซึ่งถือได้ว่าถูกต้องมากด้านในเหตุการณ์ที่แพทย์ไม่อยู่ในจุดเกิดเหตุ

  • สมุนไพรที่ช่วยปกป้อง/รักษาโรคพาร์กินสัน สารสกัดจากบอระเพ็ด ชื่อ columbamine เป็นสารกรุ๊ปอัลคาลอยด์ ที่มีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยพบว่า สามารถยับยั้งฤทธิ์ของเอ็นไซม์ชื่อ acetyl cholinesterase ได้สูงมากมาย ซึ่งการยับยั้งเอนไซม์ acetyl cholinesterase เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของการเป็นยารักษาคนป่วยสมองเสื่อม (Senile dementia), คนไข้จำอะไรไม่ค่อยได้ (Alzheimer’s diseases), โรคพาร์กินสันที่มีภาวะโรคสมองเสื่อมร่วมด้วย (Parkinson’s disease with dementia, PDD) อาการเซ หรือ ภาวการณ์กล้ามเสียสหการ (Ataxia) รวมทั้งโรคกล้ามอ่อนแรง (myasthenia gravis)

               ผลของการรักษาด้วยการใช้บอระเพ็ดในผู้ป่วยพาร์กินสัน สอดคล้องกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่มีการค้นพบในงานศึกษาเรียนรู้วิจัย โดยเห็นผลสำหรับเพื่อการรักษากระจ่างแจ้งในด้านภาวการณ์รู้คิด     การกระทำโดยรวมรวมทั้ง อาการทางประสาทดียิ่งขึ้นในสภาวะโรคสมองเสื่อมที่เจอในคนไข้พาร์กินสัน เหตุเพราะโรคพาร์กินสันเมื่อมีการดำเนินของโรคมานาน 5-10 ปี จะเกิดความเสื่อมของสมองในส่วนอื่นๆตามมา นำมาซึ่งความแตกต่างจากปกตินอกเหนือจากการขยับเขยื้อน ดังเช่นว่า การนอน ความแตกต่างจากปกติทางด้านอารมณ์และจิตใจ ภาวการณ์ย้ำคิดย้ำทำ อาการเศร้าใจ ตื่นตระหนก ฯลฯ
                แม้กระนั้นยังไม่มีข้อมูลในทางสถานพยาบาล หรือการศึกษาในคนเจ็บกรุ๊ปโรคดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วอย่างเป็นระบบ เสนอแนะหากสนใจใช้บอระเพ็ด ควรที่จะใช้ในทางเสริมการรักษาควบคู่กับยาแผนปัจจุบันเป็นหลัก และก็ควรมีช่วงที่หยุดยาขยันง เช่น แนะนำใช้ยาเดือนเว้นเดือน หรือ 2-3 เดือน เว้น 1 เดือน
ยิ่งกว่านั้นข้อควรปฏิบัติตามเป็นห้ามใช้บอระเพ็ดในคนที่มีภาวการณ์โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับผิดพลาด หรือผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคตับ หรือโรคไตรุนแรง ผู้ที่มีทิศทางความดันเลือดต่ำเกินไป หรือน้ำตาลในเลือดต่ำ สตรีตั้งครรภ์ สตรีให้นมบุตร
[url=http://www.disthai.com/16662691/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A2]หมามุ่ย
ประเทศอินเดีย เป็นสมุนไพรที่ศาสตร์อายรุเวทของอินเดีย ใช้รักษาโรคพาร์กินสันมาเป็นระยะเวลานาน ผลการค้นคว้าพบว่าเม็ดหมามุ่ยอินเดีย เป็นแหล่งธรรมชาติของสาร แอล-โดปา (L-dopa)เจอ 3.1-6.1% และก็อาจเจอสูงถึง 12.5% ซึ่งสารแอล-โดปานี้จะเป็นสารขึ้นต้นของโดพามีน โดยพบว่าสารแอล-โดขว้างในหมามุ่ยอินเดียมีจุดเด่นกว่ายาสังเคราะห์ Levodapa ตรงที่มีความแรงสำหรับการออกฤทธิ์มากกว่า Levodopa 2-3 เท่า เมื่อเปรียบในขนาดเทียบเท่ากับ Levodapa เดี่ยว
โดยมีการตั้งสมมติฐานว่าในสารสกัดเม็ดหมามุ่ยประเทศอินเดียอาจมีสารสำคัญบางตัวที่ทำหน้าเหมือน Dopamine Decarboxylase Inhibitors ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่จำต้องให้ร่วมกับ Levodopa เสมอ เพื่อยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี Dopamine Decarboxylase ที่จะทำลาย Levodopa อันจะทำให้การออกฤทธิ์ของ Levodopa ลดลง ยิ่งไปกว่านี้ยังพบว่าเมล็ดหมามุ่ยประเทศอินเดียยังออกฤทธิ์ได้เร็วกว่า และมีช่วงเวลาการออกฤทธิ์นานกว่า  Levodopa/Carbidopa
อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลในการค้นคว้าทางสถานพยาบาลและการเรียนในคนไข้โรคพาร์กินสัน ดังนั้นจำเป็นต้องรอให้มีการทำการค้นคว้าเพิ่มเติม แล้วก็มีผลการศึกษาวิจัยยืนยันว่าไม่มีอันตรายก่อนที่จะใช้
เอกสารอ้างอิง

  • นพ.อัครวุฒิ วิริยเวชกุล.โรคพาร์กินสัน.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่382.คอลัมน์ โรคน่ารู้.กุมภาพันธ์.2554
  • ศ.นพ.นิพนธ์ พวงวรินทร์.โรคพาร์กินสันกับผู้สูงอายุ.ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล
  • Kedar, NP. (2003). Can we prevent Parkinson,s and Alzheimer,s disease?. Journal of Postgraduate Medicine. 49, 236-245.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2. “โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 641-645.
  • Parkinson’s disease, in Harrison’s Principles of Internal Medicine, 17th edition, Braunwald , Fauci, Kasper, Hauser, Longo, Jameson (eds). McGrawHill, 2008 (electronic book). http://www.disthai.com/[/b]
  • โรคพาร์กินสัน.วิกิพีเดียสารานุกรม
  • โรคพาร์กินสัน-โรคสั่นสันนิบาต.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่219.คอลัมน์โรคน่ารู้.กรกฎาคม.2540
  • พญ.สลิล ศิริอุดมภาส.โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) .หาหมอ.com
  • รศ.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ