โรคไส้ติ่งอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคไส้ติ่งอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 16 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
anonchobpost
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20030


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 07, 2018, 11:39:13 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)
โรคไส้ติ่งอักเสบเป็นอย่างไร  ไส้ติ่ง (Vermiform appendix) เป็นส่วนเสริมของลำไส้ที่ยื่นออกมาจากกระพุ้งไส้ใหญ่ (Cecum) ไส้ติ่งมีรูปร่างราวกับถุงยาวๆขนาดเท่านิ้วก้อย ยื่นออกมาจากลำไส้ใหญ่ อยู่ตรงรอบๆท้องน้อยข้างขวา โดยมีลักษณะเป็นถุงแคบและก็ยาว มีขนาดกว้างเพียง 5-8 มม. รวมทั้งมีความยาวหรือก้นถุงลึกโดยเฉลี่ย 8-10 ซม. (ในคนแก่) ภายในมีรูติดต่อกับลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ผนังด้านในของไส้ติ่งมีเยื่อต่อมน้ำเหลืองกระจัดกระจายอยู่ ซึ่งเป็นเยื่อมีการอักเสบได้ง่าย โดยเยื่อนี้จะมีการเพิ่มปริมาณมากช่วงวัยรุ่น จึงเจอไส้ติ่งอักเสบเกิดได้บ่อยในวัย รุ่น ไส้ติ่งนับว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของลำไส้ใหญ่ที่ฝ่อตัวลงและไม่ได้ทำหน้าที่สำหรับการย่อยและดูดซับอาหาร เนื่องจากเป็นท่อขนาดเล็กปลายตัน เมื่อมีการอักเสบก็เลยทำให้เนื้อฝาผนังไส้ติ่งเน่าตายและก็เป็นรูทะลุในเวลาอันรวดเร็วได้
ไส้ติ่งอักเสบคือ อาการบวมรวมทั้งติดเชื้อของไส้ติ่งนับเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันแล้วก็อันตราย ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัดอย่างรีบ ด่วน เพราะถ้าหากว่าทิ้งไว้นาน ไส้ติ่งที่อักเสบมักแตกกระจายเชื้อโรคสู่ช่องท้อง และก็อาจเป็นสา เหตุร้ายแรงจนถึงติดโรคในกระแสโลหิตจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
โดยการตายส่วนมากของโรคไส้ติ่งอักเสบเกิดขึ้นจากภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบแล้วก็สภาวะช็อค โรคไส้ติ่งอักเสบได้รับการอธิบายเป็นครั้งแรกโดย Reginald Fitz ในปี พ.ศ. 2429 ตอนนี้ได้รับการยินยอมรับว่ายอดเยี่ยมในสาเหตุของลักษณะของการปวดท้องรุนแรงเฉียบพลันที่พบได้บ่อยที่สุดทั่วทั้งโลกและก็ โรคไส้ติ่งอักเสบยังพบเป็นต้นเหตุอันดับต้นๆของโรคปวดท้อง ที่จำต้องรักษาด้วยการใช้วิธีผ่าตัดเร่งด่วน บ่อยมากที่ค้นพบว่าผู้เจ็บป่วยปลดปล่อยให้มีลักษณะปวดท้องนานยาวนานหลายวันแล้วค่อยมาโรงพยาบาล  ซึ่งมักจะพบว่าเป็นถึงขนาดไส้ติ่งแตกแล้ว ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่พบมาก เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กอายุ 2 ขวบไปจนถึงผู้สูงวัย และยังรวมไปถึงหญิงท้อง แต่ว่าจะพบมากในช่วงอายุ 10-30 ปี (เจอได้น้อยในคนสูงอายุ เพราะว่าไส้ติ่งตีบแฟบมีเนื้อเยื่อหลงเหลือน้อย รวมทั้งในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ด้วยเหตุว่าโคนไส้ติ่งยังออกจะกว้าง) ในผู้หญิงรวมทั้งเพศชายมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เท่าๆกัน รวมทั้งมีการคาดประมาณว่าในตลอดชีพของคนเราจะได้โอกาสเป็นโรคนี้ราวๆ 7% ในปีๆหนึ่งจะมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้ราว 1 ใน 1,000 คน
ต้นเหตุของโรคไส้ติ่งอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ เป็นผลมาจากมีภาวการณ์อุดกันของรูไส้ติ่ง ส่วนการอุดกันนั้นส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นการเกิดขึ้นเองโดยไม่เคยทราบต้นสายปลายเหตุชัดเจน แม้กระนั้นส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากมีเศษอุจจาระแข็งๆเรียกว่า "นิ่วอุจจาระ" (fecalith) ชิ้นเล็กๆตกลงไปอุดกันอยู่ภายในรูของไส้ติ่ง แล้วทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในรูไส้ติ่งปริมาณน้อยเกิดการเจริญรุ่งเรืองขยายพันธุ์รวมทั้งรุกล้ำเข้าไปในผนังไส้ติ่ง จนมีการอักเสบตามมา ถ้าหากปล่อยไว้เพียงแต่ไม่กี่วัน ฝาผนังไส้ติ่งก็มีการเน่าตายและแตกทะลุได้ และมูลเหตุที่พบได้รองลงมาคือ เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลือง (Lymphoid tissue) ที่ฝาผนังไส้ติ่งที่หนาตัวขึ้นตามการอักเสบต่างๆที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย นอกเหนือจากนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะสิ่งปลอมปน (เป็นต้นว่า เมล็ดผลไม้), หนอนพยาธิ (ที่สำคัญคือ พยาธิไส้เดือน พยาธิเส้นด้าย พยาธิตืดหมู) หรือเนื้องอก หรือบางโอกาสก็อาจเป็นเพราะการตำหนิดเชื้อที่ระบบฟุตบาทหายใจส่วนบน ที่ทำให้ต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย และก็ต่อมน้ำเหลืองในไส้ติ่งเกิดการปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการขยายตัวขึ้นกระทั่งไปขัดขวางไส้ติ่ง รวมทั้งทำให้ไส้ติ่งที่อาจมีเชื้อโรคอาศัยอยู่เกิดอาการอักเสบในที่สุด ในคนเจ็บบางรายอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสไซโตเมกะโล (Cytomegalovirus)  ซึ่งมักจะพบได้ในคนไข้โรคภูมิคุมกันบกพร่อง แล้วก็บางรายอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบโดยที่หมอไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลยก็ได้
ลักษณะโรคไส้ติ่งอักเสบ อาการสำคัญของโรคไส้ติ่งอักเสบนั้นเป็น ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะอาการปวดท้องที่มีลักษณะต่อเนื่องและก็ปวดแรงขึ้นนานเกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไป ถ้าหากมิได้รับการดูแลรักษาก็ชอบปวดอยู่นานยาวนานหลายวัน จนกระทั่งผู้ป่วยทนปวดไม่ไหวต้องพาส่งโรงพยาบาล ซึ่งลักษณะของไส้ติ่งอักเสบนั้นบางทีอาจแบ่งได้สองชนิด เป็นชนิดไม่อ้อมค้อมและชนิดไม่ขวานผ่าซากดังต่อไปนี้ ชนิดตรงไปตรงมาแรกเริ่มบางทีอาจปวดแน่นตรงลิ้นปี่คล้ายโรคกระเพาะ บางคนอาจปวดบิดเป็นช่วงรอบๆสะดือ คล้ายลักษณะของการปวดแบบท้องเสีย อาจเข้าส้วมหลายครั้ง แต่ถ่ายไม่ออก (แต่บางคนอาจมีอาการถ่ายเป็นน้ำหรือ ถ่ายเหลวร่วมด้วย)ต่อมาจะมีอาการอาเจียน อาเจียน ไม่อยากอาหารร่วมด้วย ลักษณะของการปวดท้องมักจะไม่ทุเลา แม้ว่าจะรับประทานยาแก้ปวดใดๆ ถัดมาอีก 3-4 ชั่วโมง ลักษณะของการปวดจะย้ายมาที่ท้องน้อยข้างขวา มีลักษณะปวดเสียดตลอดระยะเวลา และจะเจ็บเยอะขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีการขยับตัว หรือเวลาเดินหรือไอจาม คนป่วยจะนอนนิ่งๆถ้าเป็นมากคนไข้จะนอนงอขา ตะแคงไปข้างหนึ่ง หรือเดินตัวงอ เพื่อรู้สึกสบายขึ้น  เมื่อถึงขั้นที่มีอาการอักเสบของไส้ติ่งชัดเจน มีวิธีตรวจอย่างง่ายๆคือ ให้คนไข้นอนหงายแล้วใช้มือกดลงลึกๆหรือใช้กำปั้นตีเบาๆตรงรอบๆไส้ติ่ง (ท้องน้อยข้างขวา)ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บมาก (เรียกว่า อาการกดเจ็บ) คนป่วยอาจมีไข้ต่ำๆ(อุณหภูมิ 37.7-38.3 องศาเซลเซียส) ส่วนชนิดไม่ขวานผ่าซากนั้นอาจเริ่มจากมีลักษณะอาการปวดเริ่มที่หน้าท้องด้านล่างขวาตั้งแต่ต้น ท้องร่วง รวมทั้งมีการดำเนินโรคที่ช้านานค่อยเป็นค่อยไปกว่าชนิดตรงไปตรงมา หากไส้ติ่งที่อักเสบสัมผัสกับกระเพาะปัสสาวะอาจส่งผลให้มีอาการปัสสาวะบ่อยมาก แม้ไส้ติ่งที่อักเสบอยู่ข้างหลังลำไส้เล็กตอนปลายอาจมีอาการคลื่นไส้ร้ายแรงได้ บางรายบางทีอาจรู้สึกเจ็บปวดเบ่ง

ส่วนผู้ป่วยในกลุ่มที่เป็นเด็ก หรือสตรีตั้งครรภ์ อาจมีอาการบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างจากคนปกติทั่วไป ดังนี้

  • ในกลุ่มคนเจ็บที่เป็นเด็ก เด็กที่มีอายุต่ำว่า 2 ปี ลงไป จะมีลักษณะอาการที่เห็นได้ชัดคือ คลื่นไส้มากมาย ท้องเฟ้อ ถ้าหากใช้มือกดบริเวณหน้าท้องจะรู้สึกเจ็บ ส่วนเด็กที่มีอายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไปจะเริ่มแสดงอาการได้ ซึ่งอาการก็จะไม่ต่างจากคนทั่วๆไป
  • ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นสตรีมีท้อง เหตุเพราะอวัยวะต่างๆที่ถูกดันให้สูงขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของมดลูก ไส้ติ่งของสตรีท้องจะเคลื่อนไปอยู่ที่รอบๆท้องส่วนบน ซึ่งถ้าหากมีลักษณะไส้ติ่งอักเสบจะทำให้ปวดรอบๆพุงส่วนบนทางขวาแทน ยิ่งไปกว่านี้อาจมีอาการปวดบีบที่ท้อง มีแก๊สในกระเพาะ หรืออาการแสบร้อนที่กึ่งกลางอก บางรายอาจเจออาการท้องเดิน หรือท้องผูกควบคู่กัน

คนเจ็บโรคไส้ติ่งอักเสบถ้าหากไม่ได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดภายใน 24-36 ชั่วโมงข้างหลังมีการอักเสบ ไส้ติ่งจะขาดเลือดแปลงเป็นเนื้อเน่าและตาย ในที่สุดผนังของไส้ติ่งที่เปื่อยจะแตกทะลุ หนองรวมทั้งสิ่งสกปรกด้านในลำไส้จะไหลออกมาในท้อง ทำให้กลายเป็นเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) และถ้าเชื้อแบคทีเรียแผ่ขยายเข้าสู่กระแสเลือดก็จะเกิดการติดโรคในกระแสเลือด ทำให้เป็นอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
กรรมวิธีรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคที่มีปัญหาในการวิเคราะห์ให้ที่ถูกต้องค่อนข้างจะมากมาย คนเจ็บบางรายได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ แต่เมื่อผ่าตัดเข้าไปก็พบว่าไส้ติ่งไม่มีการอักเสบ ผู้ป่วยบางรายแม้จะไปพบแพทย์แต่ก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอื่น จวบจนกระทั่งไส้ติ่งแตกแล้วจึงได้รับการดูแลและรักษาวิเคราะห์ที่ถูก เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบเกือบทุกรายมักจะวินิจฉัยโรคนี้ได้ภายหลังการแตกของไส้ติ่งแล้ว ในเด็กเล็กรวมทั้งคนเจ็บสูงอายุพบว่าบางทีอาจเกิดปัญหาร้ายแรง ถ้าเกิดได้รับการวินิจฉัยรวมทั้งรักษาโรคชักช้าเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันต่ำ
                การวิเคราะห์โรคไส้ติ่งอักเสบ การวิเคราะห์โรคในคนป่วยส่วนใหญ่อาศัยลักษณะทางสถานพยาบาล (clinical menifestation) เป็นอาการแล้วก็การตรวจเจอเป็นหลัก ส่วนการตรวจทางห้องปฎิบัติการและก็การค้นหาทางรังสีวิทยา (radiologic investigation) หรือการตรวจเพิ่มอีกอื่นๆมีความจำเป็นน้อย เป็นประโยชน์เฉพาะในผู้ป่วยบางรายที่ลักษณะทางคลินิกกำกวมเท่านั้นโดยมีวิธีการวิเคราะห์ดังนี้

  • การวินิจฉัยลักษณะของไส้ติ่งอักเสบ คือ
  • ลักษณะของการปวดท้อง เป็นอาการที่สำคัญที่สุด ตอนแรกมักจะปวดรอบๆสะดือ หรือบอก มิได้แจ่มแจ้งว่าปวดที่บริเวณใดแม้กระนั้นระยะต่อมาลักษณะของการปวดจะกระจ่างที่ท้องน้อยทางด้านขวา (right lower quadrant-RLQ)
  • อาการอื่นๆที่บางทีอาจเจอร่วมด้วยคือ

                          - คลื่นไส้ อาเจียน อาการนี้พบได้ในคนป่วยดูเหมือนจะทุกราย
                          - ไข้ ชอบกำเนิดภายหลังเริ่มลักษณะของการปวดท้องแล้วระยะหนึ่ง
                          - ไม่อยากอาหาร
                          - ท้องร่วง เจออาการในผู้เจ็บป่วยบางราย ชอบกำเนิดภายหลังไส้ติ่งแตกทะลุ หรือ อธิบาย ได้จากไส้ติ่งอักเสบที่อยู่ตำแหน่งใกล้กับลำไส้ใหญ่ส่วน sigmoid หรือ rectum

  • ในเด็กที่มีไส้ติ่งแตกทะลุอาจมาด้วยอาการของลำไส้ตันได้
  • การตรวจร่างกาย เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเพื่อการวินิจฉัยโรค
  • การกดเจ็บเฉพาะที่ (local tenderness) แทบจะทั้งหมดจะมี maximal tenderness ที่ RLQ และก็อาจมี guarding และก็ rebound tenderness ด้วย ในผู้เจ็บป่วยไส้ติ่งแตกทะลุ tenderness และ guarding มักตรวจเจอบริเวณกว้างขึ้นหรือพบทั่วบริเวณท้องน้อยข้างล่างอีกทั้ง 2 ข้าง จากการมี pelvic peritonitis ในรายที่เป็นก้อนไส้ติ่งอักเสบ (appendiceal mass) จาก phlegmon หรือ abscess มักลูบคลำได้ก้อนที่ RLQ
  • การตรวจทางทวารหนัก (rectal examination) ถือว่าเป็นคุณประโยชน์มาก จะพบว่ากดเจ็บที่ทางด้านขวาของ cul-de-sac แต่ว่าไม่นิยมทำในเด็กเล็กเนื่องจากว่าแปลผลประโยชน์ทุกข์ยากลำบาก ในเด็กผู้หญิงอาจมีผลดีสำหรับเพื่อการวิเคราะห์แยกโรคจาก twisted ovarian cyst เนื่องจากบางทีอาจคลำได้ก่อน ส่วนในรายที่สงสัยว่าอาจเป็นเพราะ pelvic inflammatory disease นอกจากจะได้เรื่องราวมีเซ็กส์แล้วการตรวจภายใน (per vagina examination - PV) จะให้ผลดีมาก
  • การตรวจอื่นๆอาจได้ผลบวกสำหรับเพื่อการตรวจ อาทิเช่น

                          - Rovsing sign
                          - Obturator sign
                          - Psoas sign

  • การตรวจทางห้องปฎิบัติการ ไม่ค่อยมีความจำเป็นมากนักในคนเจ็บส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อการตรวจร่างกายสามารถให้การวิเคราะห์ได้อยู่แล้ว แต่ว่าจะทำเป็นรากฐานเพื่อการดูแลระหว่างการดูแลรักษาต่อไป ดังเช่นว่า
  • complete blood count มักพบว่า เม็ดเลือดขาวสูงขึ้นมากยิ่งกว่าปกติและมี shift to the left
  • การตรวจเยี่ยว ไม่ค่อยมีคุณประโยชน์มากสักเท่าไรนักสำหรับการวิเคราะห์แยกโรค แต่ว่าช่วยแยกโรคอื่น ดังเช่น มีเม็ดเลือดแดงในเยี่ยวบางทีอาจจะต้องระลึกถึงนิ่วในท่อไต
  • การตรวจพิเศษ ในรายที่ลักษณะทางสถานพยาบาลบ่งชัดเจนว่าเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบกะทันหัน การตรวจพิเศษเพิ่มอีกก็ไม่จำเป็น แต่ว่าในรายที่ลักษณะทางสถานพยาบาลไม่ชัดแจ้งนั้น การตรวจพิเศษอาจมีคุณประโยชน์ในการวิเคราะห์แยกโรค ยกตัวอย่างเช่น
  • การถ่ายรูปรังสีของท้อง บางทีอาจพบเงาของ fecalith หรือ localized ileus ที่ RLQ
  • การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonography) ของท้อง หรือ barium enema ไม่จำเป็นในผู้เจ็บป่วยโดยมาก แต่อาจช่วยสำหรับการวินิจฉัยโรคในผู้เจ็บป่วยบางรายที่มีปัญหาในการวินิจฉัยโรค

ไส้ติ่งอักเสบสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเท่านั้น เนื่องจากว่าจะช่วยรักษาอาการรวมทั้งช่วยกำจัดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะไส้ติ่งแตก โดยการผ่าตัดที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) เพราะเหตุว่าเป็นการผ่าตัดเล็กสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ทันที เหมาะกับกรณีไส้ติ่งที่อักเสบยังอยู่ในระยะไม่รุนแรงนัก แม้ร้ายแรงถึงขนาดไส้ติ่งแตก ก็ต้องใช้การผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgery) ซึ่งเป็นผ่าตัดแบบมาตรฐาน เพราะว่านอกเหนือจากต้องนำไส้ติ่งที่แตกออกแล้ว ยังจำเป็นต้องชำระล้างด้านในท้อง แล้วก็ใส่ท่อเพื่อระบายหนองจากฝีที่เกิดขึ้นอีกด้วย โดยแพทย์จะตรึกตรองผ่าตัดรักษาดังนี้

  • ในรายที่ลักษณะทางสถานพยาบาลระบุว่าน่าจะเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ แนะนำให้การรักษาด้วยการใช้การ ผ่าตัดโดยด่วน ภายหลังการเตรียมคนเจ็บให้พร้อมและเหมาะสมต่อการให้ยาสลบแล้วก็การผ่าตัด
  • ในรายที่ลักษณะทางคลินิกไม่ชัดแจ้งว่าจะเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ แม้กระนั้นมีสิ่งที่ทำให้สงสัยว่าบางครั้งอาจจะเป็นโรคนี้ ควรรับตัวไว้พินิจอาการในโรงหมอ เพื่อติดตามประเมินลักษณะทางคลินิกต่อเป็นระยะๆโดยงดเว้นน้ำและของกิน และไม่ให้ยาปฎิชีวนะ เมื่อลักษณะทางสถานพยาบาลบ่งชี้กระจ่างแจ้งขึ้นว่าน่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบกระทันหัน จะได้นำคนป่วยไปกระทำผ่าตัดรักษาอย่างทันทีทันควัน
  • ในรายที่ลักษณะทางคลินิกชี้ชัดว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบทันควัน ไม่แตกทะลุ ไม่จำเป็นที่ต้องให้ยายาปฏิชีวนะทั้งก่อนและก็ข้างหลังผ่าตัด แม้กระนั้นแพทย์ผู้ดูแลอาจใคร่ครวญให้ยาปฏิชีวนะก่อนผ่าตัดก็ได้ เมื่อผ่าตัดพบว่าไส้ติ่งอักเสบไม่แตกทะลุ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ยาต่อ
  • ในรายที่ลักษณะทางสถานพยาบาลไม่อาจจะแยกได้ว่าไส้ติ่งแตกทะลุเด่นชัด นิยมให้ยาปฏิชีวนะ โดยเริ่มตั้งแต่ก่อนผ่าตัด หากผ่าตัดแล้วพบว่าไส้ติ่งไม่แตกทะลุ ไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะต่อหลังผ่าตัด แต่ถ้าพบว่าไส้ติ่งแตกทะลุก็ให้ยายาปฏิชีวนะต่อ
  • ในรายที่การตรวจร่างกายบ่งชี้ว่ามี peritonitis ซึ่งเป็นผลมาจากการแตกของไส้ติ่งอักเสบ ในเด็กมักมีลักษณะ generalized peritonitis ส่วนคนแก่จะเป็น pelvic peritonitis ก่อนนำคนเจ็บไปทำผ่าตัดควรที่จะใช้แนวทางรักษาแบบทะนุถนอมให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสมสำหรับในการให้ยาสลบแล้วก็การผ่าตัด อย่างเช่นการให้ intravenous fluid ที่เหมาะสมให้เพียงพอซึ่งบางทีอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง ดูว่าผู้เจ็บป่วยมีฉี่ออกดีแล้ว ให้ยาปฎิชีวนะที่เหมาะสม ให้ยาลดไข้หรือเช็ดตัวให้อุณหภูมิร่างกายลดลงถ้าจับไข้สูง หากท้องเฟ้อมากมายควรใส่ nasogastric tube ต่อ suction บางทีอาจใช้เวลาสำหรับการจัดเตรียมคนไข้ 3-4 ชั่วโมงก่อนนำคนป่วยไปผ่าตัด
  • ในกรณีที่ไส้ติ่งแตกทะลุระหว่างการผ่าตัด หรือไส้ติ่งไม่แตกทะลุ แม้กระนั้นร้ายแรงถึงขั้น gangrenous appendicitis เสนอแนะให้ยาปฏิชีวนะระหว่างการผ่าตัด และก็ต่อเนื่อง 1-3 วันสุดแท้แต่พยาธิสภาพ
  • ในรายที่มีอาการมานับเป็นเวลาหลายวันและก็การตรวจร่างกายพบว่ามีก้อนที่ RLQ ที่ชี้ว่าน่าจะเป็น appendiceal phlegmon หรือ abscess น่าจะรักษาโดยวิธีประคับประคองโดยให้ยาปฎิชีวนะที่ออกฤทธิ์ครอบคลุมกว้างใหญ่ หากคนป่วยสนองตอบดีต่อการดูแลและรักษา เป็นต้นว่า อาการปวดท้อง ก้อนเล็กลง ให้รักษาต่อโดยแนวทางทะนุถนอม และนำผู้ป่วยไปทำ elective appendectomy หลังจากนั้น 6 สัปดาห์ - 3 เดือน แต่ถ้าเกิดการดูแลและรักษาด้วยยาปฎิชีวนะดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นไม่ได้รับการโต้ตอบที่ดีบางทีอาจจึงควรผ่าตัดเลย ถ้าเกิดพยาธิสภาพรุนแรงมาก บางทีอาจทำเพียงแต่ระบายหนอง แต่หากพยาธิภาวะไม่ร้ายแรง แล้วก็สามารถตัดไส้ติ่งออกได้เลย ก็ชี้แนะให้ทำ

กรุ๊ปอาการที่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคไส้ติ่งอักเสบ มีลักษณะปวดท้องที่มีลักษณะไม่เสมือนลักษณะของการปวดโรคกระเพาะ ท้องร่วง หรือปวดระดู ก็ให้สงสัยว่าบางทีอาจเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบได้ ควรจะรีบไปพบหมอ หากมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

  • ปวดร้ายแรง หรือปวดติดต่อกันเป็นเวลานานเกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไป
  • กดหรือเคาะเจ็บตรงรอบๆที่ปวด
  • อ้วกหลายครั้ง รับประทานอะไรก็ออกหมด
  • มีลักษณะอาการหน้ามืด เป็นลม ใจหวิว ใจสั่น
  • เป็นไข้สูง หรือหนาวสั่น
  • หน้าตาซีดเผือดเหลือง
  • รับประทานยาบรรเทาปวดแล้วอาการไม่ทุเลาหรือกลับรุนแรงขึ้น
  • คนไข้ที่มีลักษณะอาการท้องผูกร่วมด้วย ถ้าพบว่ามีลักษณะปวดท้องร้ายแรงกว่าธรรมดา ก็ห้ามกินยาถ่าย หรือทำการสวนทวาร

การติดต่อของโรคไส้ติ่งอักเสบ โรคไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่เกิดจากการอุดตันของรูไส้ติ่ง จากสิ่งปลอมปนต่างๆทำให้ไส้ติ่งมีการอักเสบติดโรคแล้วก็แตกท้ายที่สุด ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะกับคนเจ็บแต่ละคน และไม่ได้เป็นโรคติดต่อที่แพร่ให้คนใกล้กันแต่อย่างใด
การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ  เหตุเพราะโรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคเร่งด่วน ต้องไปพบหมอทันที ที่ห้องเร่งด่วนของโรงพยาบาลเพื่อกระทำผ่าตัดและไม่ควรจะรับประทานยาระบายหรือสวนอุจจาระ เมื่อมีลักษณะท้องผูกร่วมด้วย เพราะอาจจะทำให้ไส้ติ่งอักเสบนั้นแตกเร็วขึ้น

  • การกระทำตัวก่อนการผ่าตัดไส้ติ่ง คนป่วยควรปฏิบัติดังนี้

o    เมื่อมีลักษณะอาการของไส้ติ่งอักเสบ ก่อนไปพบแพทย์คนไข้จะต้องงดเว้นของกินรวมทั้งน้ำไว้ด้วยเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดรีบด่วน
o   ในเรื่องที่มีลักษณะอาการปวดท้องแต่คนป่วยยังไม่เคยรู้สาเหตุ ห้ามรับประทานยาพารา แต่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยก่อน ด้วยเหตุว่ายาแก้ปวดจะไปบังลักษณะของการปวดทำให้หมอแยกโรคได้ตรากตรำ
o  งดการใช้ครีมและเครื่องแต่งหน้าทุกชนิด และก็ทำร่างกายให้สะอาด อาบน้ำ สระผม ตัดเล็บ เพื่อให้หมอพิจารณาอาการไม่ปกติจากการขาดออกสิเจนได้

  • การกระทำตัวข้างหลังการผ่าตัดไส้ติ่ง ข้างหลังการผ่าตัดไส้ติ่ง 24 ชั่วโมง คนเจ็บจะต้องกระทำลุกจากเตียง เพื่อให้ไส้มีการเคลื่อนเร็วขึ้น งดของกินแล้วก็น้ำข้างหลังผ่าตัดวันแรก ส่วนการดูแลแผลผ่าตัด ห้ามให้ผ้าปิดแผลเปียกน้ำ ห้ามให้แผลโดนน้ำ ห้ามเกา รวมทั้งเวลาไอหรือจามให้ใช้มือพยุงแผลไว้ด้วยเพื่อคุ้มครองปกป้องแผลที่เย็บแยกออก หากถ้าเกิดแผลยังไม่แห้งดีอย่าเพิ่งจะอาบน้ำ แม้กระนั้นให้ใช้แนวทางการเช็ดตัวแทน นอกจากเป็นการกินยาจากที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ เน้นย้ำการกินอาหารที่มีโปรตีนสูง เนื่องจากจะช่วยทำให้แผลติดเร็วมากขึ้น นอกจากคือ การขับถ่ายอย่างสม่ำเสมอ และพักให้พอเพียง

การปกป้องคุ้มครองตัวเองจากโรคไส้ติ่งอักเสบ ในทุกวันนี้ยังไม่ครั้งการศึกษาและทำการค้นพบแนวทางคุ้มครองปกป้องอาการไส้ติ่งอักเสบ เนื่องมาจากไส้ติ่งอักเสบเป็นอาการกระทันหันที่ไม่สามารถที่จะหาต้นเหตุที่แจ่มชัดได้ แต่ว่ามีข้อคิดเห็นว่า สามัญชนที่นิยมกินอาหารพวกผักผลไม้มาก (ดังเช่นว่า ชาวแอฟริกา) จะมีอัตราการเป็นไส้ติ่งอักเสบน้อยกว่ากรุ๊ปที่กินผักและผลไม้น้อย (เป็นต้นว่า คนตะวันตก) ก็เลยมีการชี้แนะให้พยายามทานผักและก็ทานผลไม้ให้มากมายๆทุกวี่วัน ซึ่งเกิดผลดีต่อการคุ้มครองป้องกันโรคท้องผูก ริดสีดวงทวาร โรคอ้วน และก็ยังเชื่อว่าบางทีอาจป้องกันไส้ติ่งอักเสบ แล้วก็มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านี้มีการเรียนรู้ที่ค้นพบว่า ภาวะท้องผูกมีส่วนสมาคมกับการเกิดไส้ติ่งอักเสบ โดยพบว่าผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบจะมีปริมาณครั้งสำหรับเพื่อการขี้ต่อสัปดาห์น้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง และก็ยังพบว่า คนป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และก็มะเร็งไส้ตรงมักจะเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบนำมาก่อน อีกทั้งยังมีผลการเล่าเรียนหลายงานที่ศึกษาค้นพบว่า การรับประทานอาหารที่มีกากใยต่ำจะมีส่วนสำหรับการนำไปสู่โรคไส้ติ่งอักเสบอีกด้วย
สมุนไพรที่ช่วยป้องงกัน/บรรเทาโรคไส้ติ่งอักเสบ เนื่องจากการดูแลและรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบจะต้องรักษาโดยใช้การผ่าตัดเท่านั้นและก็ในตอนนี้ยังไม่มีการรับรองว่าสมุนไพรจำพวกไหนที่จะช่วยคุ้มครองหรือ บรรเทา/รักษา โรคไส้ติ่งอักเสบได้ รวมถึงยังไม่มีรายงานการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นไหนที่กล่าวว่าสมุนไพรประเภทไหนสามารถช่วยป้องกันหรือ / รักษาโรคไส้ติ่งอักเสบได้
เอกสารอ้างอิง

  • (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ). “ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)”.หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป     หน้า 525-527.
  • Fitz RH (1886). "Perforating inflammation of the vermiform appendix with special reference to its early diagnosis and treatment". Am J Med Sci(92): 321–46.(อังกฤษ)
  • ไส้ติ่งอักเสบ-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม.
  • Adamis D, Roma-Giannikou E, Karamolegou K (2000). "Fiber intake and childhood appendicitis". Int J Food Sci Nutr51: 153–7. (อังกฤษ)
  • รศ.นพ.สุรเกียรติอาชานานุภาพ.ไส้ติ่งอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่301.คอลัมน์ สารานุกรมทันโรค.พฤษภาคม.2547
  • SCHWARTZ, Principle of Surgery , McGRAW HILL
  • Wangensteen OH, Bowers WF (1937). "Significance of the obstructive factor in the genesis of acute appendicitis". Arch Surg34: 496–526. (อังกฤษ)
  • โรคไส้ติ่งอักเสบ(APPENDICITIS).แนวทางการรักษาพยาบาลผู้ป่วยทางศัลยกรรม.ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ