RENOVATE รับตกแต่งออกแบบที่อยู่อาศัย ร้านกาแฟ ภายนอก ทำร้านร้านเล็บ มีภาพจำลอง3D

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: RENOVATE รับตกแต่งออกแบบที่อยู่อาศัย ร้านกาแฟ ภายนอก ทำร้านร้านเล็บ มีภาพจำลอง3D  (อ่าน 43 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ittipan1989
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 25925


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: เมษายน 21, 2018, 02:16:50 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

ให้บริการ - ค่าผลิต คิดตามจำนวนเฟอร์นิเจอร์ในแบบ ไม่มีขั้นต่ำ
Renovate, Innovate,  ออกแบบร้านกาแ

 
ชงกาแฟให้กลมกล่อม
กาแฟอาราบิก้า ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea arabica L. จัดอยู่ในวงศ์เข็ม (RUBIACEAE)
ต้นกาแฟอาราบิก้า เป็นพืชพื้นบ้านของทวีปอัฟริกา บริเวณประเทศเอธิโอเปีย แต่ว่าชาวอาหรับเป็นชาติแรกที่นำกาแฟมาชงดื่ม จึงทำให้ชื่อภาษาละตินของกาแฟใช้คำว่า “อาราบิก้า” (arabica) จุดหมายถึงชาวอาหรับ โดยต้นกาแฟจัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ที่มีความสูงของต้นประมาณ 2-4 เมตร ในขณะนี้เพาะปลูกกันมากมายในเขตร้อนชื้นรวมทั้งครึ่งเย็น
ใบกาแฟอาราบิก้า ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม รูปแบบของใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบแหลมเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-12 ซม. แล้วก็ยาวราว 15-20 ซม. แผ่นใบเรียบเป็นเงา บางโอกาสเป็นคลื่น มีหูใบอยู่ระหว่างก้านใบ
ดอกกาแฟอาราบิก้า ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบดอกเป็นสีขาว ชิดกันเป็นหลอด ดอกมีกลิ่นหอมสดชื่น
ผลกาแฟอาราบิก้า ผลได้ผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ปนรูปทรงกลม โดยผลอ่อนจะเป็นสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีแดงคุณลักษณะเด่นของกาแฟอาราบิก้าหมายถึงมีกลิ่นหอมสดชื่นและสารกาแฟสูง ทำให้เมื่อดื่มแล้วรู้สึกได้ถึงความกระฉับกระเฉง สดชื่น โดยกาแฟประเภทนี้จะมีปริมาณของคาเฟอีนต่ำ เป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง มีความหอมไม่ด้อยกว่าผู้ใด ก็แค่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เนื่องจากขาดการส่งเสริมรวมทั้งการโปรโมทที่ดี ในประเทศไทยมีการปลูกกาแฟประเภทนี้กันมากมายทางภาคเหนือบนดอยสูง
กาแฟโรบัสต้า ชื่อสามัญ Robusta coffee
ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea canephora Pierre ex A.Froehner (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Coffea robusta L.Linden)
ต้นกาแฟโรบัสต้า ลำต้นเติบโตมาจากรากแก้ว มีลักษณะเป็นข้อแล้วก็ปล้อง โคนใบจะอยู่ตามข้อของลำต้น เมื่อต้นโตขึ้นใบจะหลุดล่วงไป โคนใบมีตา 2 จำพวก คือ ตาบนแล้วก็ตาล่าง ตาบนจะแตกกิ่งออกมาเป็นกิ่งแขนงที่ 1 ลักษณะเป็นกิ่งนอนขนานกับพื้นดินมีข้อแล้วก็ข้อ แต่ละข้อจะมีกรุ๊ปตาดอกที่จะติดได้ผลสำเร็จกาแฟถัดไป ส่วนตาล่างจะแตกออกเป็นกิ่งตั้ง กิ่งจะตั้งตรงขึ้นไปเสมือนลำต้น และไม่ติดผล แต่สามารถสร้างกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ให้ดอกผลได้ ซึ่งเรียกเป็นกิ่งแขนงที่ 1 เหมือนกัน และกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 1 ยังสามารถแตกกิ่งกิ้งก้านถัดไปได้อีกเป็นกิ่งกิ้งก้านที่ 2 แล้วก็กิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 2 ก็สามารถแตกเป็นกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 3 ได้อีก โดยกิ่งกิ่งก้านสาขาเหล่านี้จะเกิดในลักษณะเป็นคู่สลับเยื้องกันบนลำต้นหรือกิ่งตั้ง เมื่อมีการตัดลำต้นกาแฟ ตาล่างบนลำต้นจะแตกกิ่งตั้งมา กิ่งก็จะแตกเป็นกิ่งแขนงที่ 1, 2 แล้วก็ 3 จากนั้นก็จะมีการสร้างดอกและก็ผลกาแฟต่อไป โดยต้นกาแฟนั้นจะสามารถแพร่พันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเมล็ด
ใบกาแฟ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว กำเนิดที่ข้อเป็นคู่ตรงข้ามกัน โคนใบและหลายใบเรียวแหลม ส่วนขอบใบหยักเป็นคลื่น ตรงกลางใบกว้าง ผิวใบเรียบนุ่มวาว มีปากใบอยู่ด้านท้องใบ แต่ละใบจะมีปากใบราว 3 ล้านถึง 6 ล้านรู โดยปากใบโรบัสต้าจะมีขนาดเล็กกว่าปากใบของกาแฟอาราบิก้า แต่จะมีจำนวนไม่น้อยกว่า อายุใบโดยประมาณ 250 วัน ส่วนก้านใบนั้นมีขนาดสั้น
ดอกกาแฟ ธรรมดาแล้วดอกกาแฟจะออกเป็นดอกเดี่ยวสมบูรณ์เพศ มีกลีบดอกไม้ประมาณ 4-9 กลีบ ส่วนกลีบเลี้ยงมี 4-5 ใบ มีเกสร 5 อัน และก็มีรังไข่ 2 ห้อง ในแต่ละห้องของรังไข่จะมีไข่ 1 ใบ ผลกาแฟก็เลยมีเมล็ด 2 เมล็ด ดอกจะออกเป็นกรุ๊ปๆรอบๆโคนใบบนข้อของกิ่งแขนงที่1, 2 หรือ 3 กลุ่มดอกแต่ละข้อจะมีดอกโดยประมาณ 2-20 ดอก ดอกจะออกมาจากกิ่งแขนงจากข้อที่อยู่ใกล้กับลำต้นออกไปหาปลายกิ่งกิ่งก้านสาขา โดยธรรมดาแล้วต้นกาแฟจะมีดอกตามข้อของกิ่ง ข้อที่ผลิดอกออกผลแล้วในปีหน้าก็จะไม่มีดอกและก็ได้ผลอีก
ผลกาแฟ ผลมีลักษณะเป็นทรงรี ก้านผลสั้น ผลดิบเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีเหลือง สีส้ม แล้วก็สีแดง ผลกาแฟจะประกอบด้วยเปลือก เนื้อที่มีสีเหลือง (เมื่อสุกมีรสหวาน) รวมทั้งกะลาที่หุ้มห่อเมล็ด ช่วงระหว่างกะลากับเม็ดจะมีเยื่อบางๆที่หุ้มเมล็ดอยู่ ซึ่งเราเรียกว่า “เยื่อห่อหุ้มเมล็ด” ในแต่ละผลจะมี 2 เม็ดประกบกันอยู่ ก้านที่ประกบกันจะอยู่ด้านในมีลักษณะแบน มีร่องตรงกลางเมล็ด 1 ร่อง ส่วนด้านนอกโค้ง รูปแบบของเม็ดจะเป็นเม็ดผู้เดียวหรือเมล็ดโทน ในบางครั้งแม้การผสมเกสรไม่สมบูรณ์ จะทำให้ผลติดเมล็ดเพียงแต่เมล็ดเดียว (คิดเป็นโดยประมาณ 5-10%) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปกลมรีเม็ด มีร่องตรงกลาง 1 ร่อง เมล็ดชนิดนี้จะเรียกว่า “พีเบอร์รี่“
จุดเด่นของกาแฟโรบัสต้า โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเราจะนำกาแฟโรบัสต้ามาผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือนำมาผสมกับกาแฟอาราบิก้าบางส่วน เพื่อผลิตเป็นกาแฟคั่วบดให้มีรสชาติที่แตกต่างออกไป สำหรับกาแฟโรบัสต้านั้นมีจุดเด่นในเรื่องของบอดี้ เมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกได้ถึงความนุ่ม ชุ่มคอ กาแฟชนิดนี้จะมีปริมาณของคาเฟอีนสูงขึ้นยิ่งกว่ากาแฟอาราบิก้าเป็น 2 เท่า กาแฟโรบัสต้าในประเทศไทยจะมีการเพาะกันมากทางภาคใต้บนที่ราบ อาทิเช่นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชรวมทั้งจังหวัดชุมพร
Drip : วิธีการนี้เกิดมาราวปี คริสต์ศักราช 1905 ในเยอรมันนีซึ่งต่อมาในปี คริสต์ศักราช 1908 ก็ได้เป็นที่รู้จักอย่างมากมายของผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ที่ชอบชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน
วิธีการชงกาแฟแบบ Drip : จะทำโดยการใช้น้ำร้อนหรือหยดน้ำร้อนผ่านกาแฟบด จากนั้นให้ของเหลวผ่านกระดาษกรอกหรือ filter สำหรับที่ใช้ชงกาแฟแบบ drip ลงไปยังภาชนะรองรับ ซึ่งเมื่อผ่าน filter อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีการเสียรสไปบ้างแต่ไม่มากมาย ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่ง่ายเหมาะสำหรับทำที่บ้านได้ด้วยตัวเอง สามารถใช้ได้กับการชงกาแฟในจำนวนมากกว่า 1 แก้วได้อย่างสบาย โดยจะมีเครื่องต้มกาแฟ ชื่อ drip maker หรือ coffee machine ที่หาซื้อได้อย่างง่ายๆ
French Press : กรรมวิธีการนี้เกิดขึ้นราวๆปี 1850 โดยนักออกแบบชาวอิตาเลียน การชงกาแฟโดยแนวทางแบบนี้นั้น ควรจะมีเครื่องชงกาแฟแบบ French press ซึ่งหาซื้อได้ไม่ยากตามตลาด ทำให้ได้รสของกาแฟที่แท้จริงแต่ไม่ต้องกังวลกับเศษหรือกากกาแฟที่หลุดลอดออกมานะเพราะโน่น คือเสน่ืห์ของวิธีการแบบนี้ ซึ่งกาแฟที่ได้จะไม่ clean เท่าแบบ Drip ก็ไม่ต้องสะดุ้ง
วิธีการชงกาแฟแบบ French Press : ก็ไม่ยุ่งยาก
ขั้นที่ 1 : เราควรจะมีกาแฟบดก่อนซึ่งต้องใช้กาแฟบดที่หยาบคายหน่อยนะเพราะเหตุว่าถ้าพวกเราบดละเอียดมากเลย ผงกาแฟจะหลุดลอดที่กรองของเครื่องชงได้
ขั้นที่ 2 : เติมผงกายุบดลงไปในเครื่องชง ใช้กาแฟประมาณ 7 กรัม
ขั้นที่ 3 : เติมน้ำร้อนลงไปโดยประมาณ 1/3 ของแก้วคอยให้กาแฟซึมน้ำซัก 30-40 วินาที แล้วต่อจากนั้นเพิ่มเติมน้ำร้อนเข้าไปจนเต็ม
ขั้นที่ 4 : เอาฝามาปิด อย่าลืมนะก่อนปิดฝาให้ดึงตะแกรงขึ้นจนกระทั่งสุดก่อน ปิดฝาทิ้งไว้ราว 4 นาที
ขั้นที่ 5 : กดตะแกรงลงมาเพื่อดันเศษกาแฟลงไปด้านล่างแล้วก็รินใส่ถ้วยดื่มได้ในทันทีเลย
Espresso : แนวทางการนี้เกิดขึ้นประมาณปี คริสต์ศักราช 1901 ในเมืองไม่ลาน ประเทศอิตาลี หลายๆท่านบางครั้งก็อาจจะเคยชินกับชื่อนี้อย่างยิ่ง แล้วก็อาจจะมีการเกิดความสับสนเหมือนผมในคราวก่อนว่า มันคือ ชื่อประเภทกาแฟ หรือไม่ก็สูตรกาแฟดำที่ชื่อ เอสเปรสโซ่ จริงๆแล้ว Espresso ชื่อนี้เป็นกรรมวิธีการชงกาแฟ มาจากภาษาละตินที่มีความหมายว่า ดัน หรือ กด รวมทั้งกาแฟที่ได้จากเครื่องนี้ก็จะเรียกว่า “กาแฟเอสเปรสโซ่” ซึ่งก็จะฯลฯทางของแนวทางการทำกาแฟสูตรต่างๆอย่างเช่น Latte, Mocha, Cappuccino, Macchiato หรือ Espresso con Panna ฯลฯ
Chemex : แนวทางนี้เกิดขึ้นในปี คริสต์ศักราช 1931 ซึ่ง ไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่ โดย Chemexเป็นกรวยชงกาแฟชนิดหนึ่ง โดยลักษณะซึ่งคล้ายๆกับการ Drip ที่ใช้น้ำร้อนเทใส่ผงกาแฟและผ่านกระดาษกรองลงไป แต่ว่ากรรมวิธีการนี้เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ทุกขั้นตอนจะทำด้วยมือตั้งแต่การบดจะไปถึงการเทน้ำร้อนใส่ผงกาแฟ
Cupping : กระบวนการนี้ใช้สำหรับนักลองกาแฟ หรือ Master Taster โดยก่อนที่ผู้ผลิตกาแฟจะส่งขายไปยังผู้บริโภคจะต้องมีการลองกาแฟก่อน ซึ่งผู้ลองกาแฟก็จะชงกาแฟด้วยวิธี Cupping คือ บดกาแฟที่อยากได้ชิมรสชาติ ยกตัวอย่างเช่น กาแฟ 1 ประเภทก็จะคั่ว 3 ระดับคือ อ่อน กึ่งกลาง รวมทั้ง เข้ม แล้วก็เอามาบดแล้วใส่ผงกาแฟลงในถ้วยแก้ว 3 ถ้วยจากนั้นก็เพิ่มน้ำร้อนลงไป พอถึงกับขนาดตอนการลอง เค้าก็จะเอาช้อนปาดหรือตักผงกาแฟที่ลอยอยู่ออกรวมทั้งเริ่มทำลองกาแฟได้เลย
สรรพคุณของกาแฟ

  • เป็นที่เชื่อกันว่ากาแฟมีสรรพคุณที่ช่วยชูกำลังได้
  • กาแฟมีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ จากการศึกษาที่ติดตามดูผู้หญิงจำนวน 27,000 คน เป็นเวลา 15 ปี พบว่าการดื่มกาแฟประมาณวันละ 1-3 ถ้วย จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจให้น้อยลงได้ถึง 26% แต่การดื่มกาแฟในปริมาณมากกว่านี้ต่อวันจะไม่ได้ผลในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ส่วนอีกการศึกษาหนึ่งที่ทำการศึกษาในกลุ่มผู้หญิงที่ดื่มกาแฟไม่เกินวันละ 5 ถ้วย พบว่ากาแฟไม่มีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากขึ้น แม้ในรายที่มีปัญหาเส้นเลือดหดตัวหรือหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ส่วนผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 6 ถ้วยขึ้นไปทุกวันก็ไม่มีอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงเกินกว่าปกติ การดื่มกาแฟจะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เพราะกาแฟมีสาร theobromine (เมล็ด)
  • ใช้แก้อหิวาตกโรค (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ขั้นตอนง่ายๆที่จะเป็นแถวทางสู่บ้านในฝัน
การออกแบบด้วยสถาปนิกนั้นนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการสร้างบ้าน นักออกแบบที่เก่ง จะช่วยแก้ไขปัญหาการจัดสรรพื้นที่ ช่วยให้บ้านของเรางดงาม มีสไตล์ แถมยังอยู่สบายสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้อาศัยในบ้าน แต่ถ้าหากต้องการสร้างบ้านข้างหลังเล็ก เน้นการอาศัยอย่างง่าย การออกแบบบ้านด้วยตัวเองเป็นอีกหนึ่งแนวทางซึ่งสามารถทำเป็น จุดเด่นเป็นการสื่อสารกับช่างก่อสร้างให้ได้ทราบถึงความอยากของพวกเราเอง และวิธีการสื่อสารที่ง่ายที่สุดสำหรับในการสร้างบ้าน โน่นคือการวาดแบบแปลนบ้านนั่นเองครับ สำหรับวันนี้ “บ้านไอเดีย” ขอนำหลักการวางแบบบ้านด้วยตัวเองอย่างง่าย โดยจะเน้นไปถึงการจัดสรรพื้นที่ พร้อมกับวาดแผนผังแบบแปลนในบ้านด้วยตนเอง เพื่อนำแปลนดังที่ได้กล่าวมาแล้วไปให้ผู้รับเหมาทำการก่อสร้าง หรืออาจส่งต่อให้คนเขียนแบบวาดแบบแบบแปลนมาตรฐาน เพื่อจะได้นำไปต่อยอดเป็นแบบแปลนบ้านใช้งานจริงกันนะครับ
1. สำรวจที่ดิน : ก่อนที่จะถึงขนาดตอนการออกแบบบ้าน สิ่งแรกที่สำคัญอย่างยิ่งเป็นการเรียนแปลงที่ดินของเราเองอย่างรอบคอบ ที่ดินมีหน้ากว้างกี่เมตร ลึกกี่เมตร ด้านไหนอยู่ด้านไหนบ้าง การสำรวจแนวทางนี้เพื่อจะให้เราได้วางผังบ้านได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับลักษณะของอากาศ ลมและแสงแดด ขนาดของที่ดินยังบอกถึงขนาดรวมทั้งทรงของบ้าน เป็นต้นว่า มีที่ดิน 40 ตร.มัธยม แต่ว่าอยากได้พื้นที่ใช้สอย 200 ตำรวจม แน่ๆว่าจะต้องออกแบบเป็นบ้าน 2 ชั้นแค่นั้น รวมทั้งการออกแบบต้องเผื่อขอบเขตระยะร่นตามกฎหมายกำหนดไว้ (อ่านข้อบังคับระยะร่น)
2. ระบุสไตล์ : การเลือกสไตล์ของบ้าน เป็นการระบุขอบเขต เป้าหมาย เพื่อให้จินตนาการของสิ่งที่ต้องการมีความแจ่มแจ้งเยอะขึ้นเรื่อยๆ คนอ่านอาจขับรถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆพักรีสอร์ท เลิศบ้านเพื่อน หรือหากให้สะดวกหน่อยก็เพียงแค่คลิกเข้าชมเว็บไซต์บ้านไอเดีย ตัวอย่างบ้านเหล่านี้เราสามารถเอามาประยุกต์ กำหนดแนวทางการออกแบบบ้านในฝันของเราได้ แต่จำเป็นต้องขอย้ำให้รู้กันก่อนว่า พวกเราสามารถนำดีไซน์มาดัดแปลงได้ แม้กระนั้นไม่สามารถที่จะไปจำลองแบบได้ครับ เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองแบบโดยตรง โดยธรรมดาแล้วสไตล์ของบ้านมีค่อนข้างจะนานาประการ ไทยประยุกต์ , Vintage , Loft , Minimal , Tropical , หรืออาจเลือกเอกลักษณ์ของบ้านจากต่างถิ่น ตัวอย่างเช่น บ้านสไตล์ทัสคานี ฯลฯ ทั้งปวงนี้ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีส่วนประกอบที่เหมือนกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องเป๊ะ เราอาจประสมประสานรวมแต่ละสไตล์ เลือกจุดที่ถูกใจนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้แปลงเป็นสไตล์ของเราเองได้เหมือนกันนะครับ พบเจอที่แหน่งใด ถ่ายรูปเก็บไว้ หรือถ้าเกิดถูกใจแบบอย่างแบบบ้านในเว็บบ้านไอเดีย ก็บางครั้งอาจจะเซฟลิงค์เก็บไว้ เผื่อตอนใช้งานจริงจะได้ค้นหาข้อมูลพบ การเลือกสไตล์บ้านที่ดี เว้นเสียแต่ความรู้สึกชื่นชอบส่วนตัวแล้ว สถานที่ทำการก่อสร้างเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรวางแบบบ้านให้เหมาะสม สอดคล้องหรือมองกับสถานที่ ชุมชนที่อยู่อาศัยด้วยนะครับ
3. เขียนความอยากลงไป : ก่อนที่จะมีการวางแบบของจำเป็นอย่างมาก เป็นการวิเคราะห์ความปรารถนา ขั้นตอนนี้จึงควรเสวนากันทั้งครอบครัว มีสมาชิกกี่คน อยากได้อะไรบ้าง อยากได้แบบไหน มีเฉลียง เฉลียงระเบียง มีกี่ห้องนอน กี่สุขา เป็นคนชอบทำครัวหรือเปล่า ห้องนั่งเล่น ห้องดูโทรทัศน์ ห้องทำงาน โจทย์พวกนี้แต่ละบ้านย่อมมีความต่างกัน โดยเฉพาะสิ่งที่มีความต้องการหลักรากฐาน อาทิเช่น ปริมาณห้องนอน สุขา เป็นต้น
4. ระบุขนาด : เมื่อรู้ความอยากแล้ว กำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอยของแต่ละห้องลงไป อยากให้กว้าง ยาว กี่เมตร การกำหนดขนาดแต่ละห้องจะช่วยทำให้สามารถพินิจพิจารณาหาพื้นที่ใช้สอยรวมทั้งสิ้นได้ ผลวิเคราะห์นี้จะมีผลให้การออกแบบบ้านชัดเจนเพิ่มขึ้น และยังช่วยทำให้พวกเราทราบอีกว่า เราควรจะสร้างบ้านกี่ชั้นถึงจะเหมาะสม หากมีที่ดินอยู่แล้วควรต้องออกแบบให้สอดคล้องกับที่ดิน แต่ว่าถ้าเกิดยังไม่มีที่ดิน การกำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอย จะก่อให้เราหาซื้อที่ดินได้ตามขนาดที่อยากได้ การกำหนดขนาดนี้ยังสามารถนำไปอิงกับการวัดราคาก่อสร้างได้อีกด้วยขอรับ
5. กำหนดตำแหน่ง ทิศทาง : การออกแบบผังบ้านที่ดีควรออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อให้การอาศัยภายในบ้านเป็นไปอย่างเหมาะสมที่สุด โดยรวมแล้วจะนึกถึงแนวทางของแดด แล้วก็ทิศทางลม โดยแสงอาทิตย์จะส่องมากในทิศตะวันตก ทิศใต้ ห้องที่อยากได้แสงสว่างมาก เป็นห้องที่อยากกำจัดความชื้น เป็นต้นว่า ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องชะล้าง ส่วนห้องที่ต้องการแสงสว่างเพียงพอเหมาะ ตัวอย่างเช่น ห้องนอน , ห้องรับแขก , ห้องทำงาน , ห้องดูหนัง เนื่องจากว่าหากแสงสว่างมากเกินไปบางทีอาจหมายคือความร้อนที่มากขึ้นด้วยเหมือนกันขอรับ
6. สำหรับทิศทางลม ลมมีสองแนวทางหลัก ทิศเหนือแล้วก็ทิศใต้ขึ้นกับฤดูกาล (ทิศใต้มีลมเข้า 8-9 เดือน ทิศเหนือ 2-3 เดือน) ซึ่งถ้าเกิดอ้างอิงร่วมกับทิศทางแดด แดดทางใต้จะค่อนข้างแรงเกือบตลอดวัน ส่วนทิศเหนือแดดจะร่มแทบตลอดทั้งวัน ชาวไทยจึงนิยมสร้างบ้านให้เบือนหน้าไปทางทิศเหนือ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่เลือกหันไปด้านทิศใต้ เพื่อต้องการรับกระแสลมเกือบตลอดทั้งปี ทั้งนี้ก็มิได้เป็นข้อจำกัดแต่อย่างใด ด้วยเหตุว่าการใช้แรงงานของแต่ละบ้านนั้นต่างกัน บางคนอาจวางแบบเพื่อย้ำการใช้ข้างบ้าน , หลังบ้าน ก็ขึ้นกับการใช้แรงงานจริงด้วยขอรับ
7. ทดลองวาด : อุปกรณ์รากฐานที่สุดที่ใช้เพื่อการวาดแบบแปลนเป็นดินสอ + กระดาษ A4 หรือนักอ่านถนัดใช้เครื่องมือใดก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ ทั้งวาดด้วยมือหรือใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์มาช่วยก็สามารถทำได้ด้วยเหมือนกันครับ วิธีการวาดแบบแปลน วาดเป็นมุมภาพ 2D โดยให้นึกถึงการมองรูปภาพที่นำมาจากบนหลังคาบ้าน ซึ่งบางทีอาจจำต้องทำความเข้าใจกับเครื่องหมายเบื้องต้นกันสักหน่อย เช่น ประตู หน้าต่าง ส่วนห้องอื่นๆสามารถวาดเป็นสี่เหลี่ยมในแบบห้องทั่วไป ทั้งนี้ถ้านักอ่านไม่เข้าใจสัญลักษณ์ ก็ไม่คือปัญหาใด เพียงแค่วาดรวมทั้งเขียนคำชี้แจงประกอบร่วมด้วย ให้พอเพียงติดต่อได้ตรงกัน เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปคุยกับช่างรับเหมาได้แล้วนะครับ
 
ข้อควรจะรู้ก่อนที่จะมีการสร้างบ้าน
สถานที่ตั้งบ้าน ความสำคัญของสถานที่ตั้งบ้านนั้นเป็นความสำคัญลำดับแรกที่เราต้องคิดก่อนจะก่อสร้างบ้าน เพราะว่าพวกเราจะต้องนึกถึงการเดินทางระหว่าง บ้านไปยัง สถานที่สำหรับทำงาน,สถานที่เรียน ,ตลาด,ศุนย์การค้าขาย,สถานีรถไฟฟ้า,ราคาที่ดิน ฯลฯ ในแต่ก่อนทำเลที่ตั้งที่ดีเป็นทำเลที่จำต้องอยู่กลางเมืองเพราะระบบรถยนต์สาธารณะยังไม่ครอบคลุมราวกับอย่างตอนนี้ ทำให้ผู้คนต่างก็ไปกลุ่มกันอยู่ในเมืองเพียงอย่างเดียว ไม่ถูกกับปัจจุบันนี้ที่ทำเลที่ดีเป็นทำเลที่อยู่ไกล้รถไฟฟ้า, ก่อนที่เราจะนึกถึงการผลิตบ้านพวกเราจำเป็นที่จะต้องมองหารอบๆที่เราสามาถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะกลุ่มนี้ได้อย่างสะดวกที่สุด รวมทั้งความปลอดภัยของเขตที่อยู่ที่จำต้องไม่ดูเปลี่ยวจนกระทั่งเกินความจำเป็น ในค่ำคืนอีกด้วย ได้แก่การซื้อบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านอาจจะรู้สึกอุ่นใจกว่าการผลิตบ้านเดียวที่แต่ละข้างหลังตั้งอยู่ห่างกันจำนวนไม่ใช่น้อยฯลฯ และก็อย่ามุ่งมาดกับแผนการต่างๆที่ยังไม่ทราบว่าจะเกิดเมื่อไหร่หรือเกิดจริงๆหรือเปล่าก็ไม่เคยรู้ยกตัวอย่างเช่น รอบๆนั้นจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ๆผ่าน ทางด่วน หรือ หนทางผ่าน เนื่องจากว่าเราไม่อาจยืนยันได้ว่ามันจะกำเนิดเมื่อไร(นอกจากการซื้อเพื่อเก็งกำไร) ควรที่จะเลือกจากสภาพเดี๋ยวนี้ที่เยี่ยมที่สุด จะดีมากกว่าขอรับ
จะถมดินสูงขนาดไหนดีนะ อันนี้เป็นคำถามยอดฮิตก่อนการสร้างบ้านเลยทีเดียว บางบุคคลบอก 50 ซม บ้างก็ว่า 30 ซึม ก็พอแล้วบางบุคคลบอก 1 เมตรไปเลย แล้วจริงๆมันควรจะกลบมากแค่ไหนหละ คำตอบของประเด็นนี้เป็น แล้วแต่ความพอใจขอรับไม่มีการกำหนดที่แน่นอนก็แค่มันจะต้องสูงกว่าระดับถนนหนทางคอนกรีตหรือถนนลาดยางหน้าบ้านเรา ราว 50 ซึม ก็เพียงพอ แต่ว่าถ้าหากถนนหนทางหน้าบ้านเป็นถนนดินแดงก็ให้เพิ่มความสูงของระดับดินกลบเป็น 1 ม.เพื่อเป็นการรองรับความสูงของถนนหนทางที่จะเพิ่มสูงมากขึ้นจากการลาดยางหรือทำถนนคอนกรีตในอนาคตนั้นเอง อีกปัจจัยนึงเป็นระดับน้ำท่วมสูงสุดในบริเวณนั้น ถ้าเกิดสามารถหาข้อมูลได้พวกเราก็ควรถมที่ดินให้สูงกว่าระดับดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นราวๆ 50 ซม.ขึ้นไป
การถมดินเพื่อสร้างบ้านเจ้าของบ้านจำเป็นที่จะต้องเผื่อการยุบตัวของดินด้วยครับ เป็นเพื่มปริมาณดินกลบสูงขึ้นไปอีก 30 % เพื่อเผื่อให้ดินได้เซ็ตตัวหรือยุบตัว นั้นเอง ดังเช่นว่า จะถมดินสูง 50 ซึม แต่ว่าให้กลบดินไว้ที่ระดับ65 ซมนั้นเอง และควรถมดินไว้ก่อนการก่อสร้างบ้านอย่างน้อย 4-6 เดือนยิ่งทิ้งเอาไว้ผ่านหน้าฝนซักครั้งจะยิ่งทำให้ดินแน่นมากยิ่งขึ้นทำให้ลดปัญหาดินทรุดหลังสร้างบ้านได้อย่างดีเยี่ยม
แนวทางแดดลม กับ การกำหนดตำแหน่งบ้าน ผู้คนจำนวนมากอาจจะมีความรู้สึกว่าไอ้เรื่องพวกนี้ มันจะสำคัญอะไรมากไม่น้อยเลยทีเดียวนักจะปลูกบ้านที่ไหนมันก็มีลมทั้งนั้นล่ะ รวมทั้งที่สำคัญเราก็เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวันอยู่แล้วมองไม่เห็นมีอะไรน่าวิตก คนใดกำลังจะมีความคิดอย่างงี้มั้งครับผม หากมีเสนอแนะว่าให้อ่านหัวข้อนี้ก่อนแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยมาคิดอีกครั้งครับ
เพราะอะไรต้องมองแนวทางแดด-ลม ก่อนจะมีการวางตำแหน่งบ้าน ก็เนื่องจากว่าพวกเราคงจะไม่อยากนอนในห้องนอนที่แสนจะร้อนในค่ำคืนหรือต้องอับอึดอัดอยู่ในบ้านที่ไม่มีลมระบายเลย เรื่องเหล่านี้ค่อนข้างละเอียดลออ มีข้อสังเกตุหลายแบบสำหรับเพื่อการวางตำแหน่งบ้านเพื่อบ้านหลังเป็นบ้านที่อยู่อย่างสบาย สุขสบาย และใชัพลังงานน้อยลง
ธรรมดาแดดของบ้านพวกเราจะวิ่งเป็นแนวตะวันออกแล้วอ้อมโค้งไปตอนใต้ก่อนที่จะตกในทิศตะวันตก จะก่อให้ทิศใต้ไปจนกระทั่งทิศตะวันตกได้รับแสงสว่างมากที่สุดของวันคือตั้งแต่หลังเที่ยงไปจนถึงห้านาฬิกาเย็น ด้านนี้จำเป็นจะต้องเป็นส่วนหลังบ้านแล้วก็ส่วนชะล้างหรือกิจกรรมอื่นที่อยากแสงเยอะๆๆส่วนทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงอ่อนๆในรุ่งเช้ารวมทั้งแสงสว่างจะแรงมากแค่เพียงช่วง 10 นาฬิการุ่งเช้าจนกระทั่งเที่ยงซึ่งก็เพียงแค่ 3 ชม ยิ่งทิศเหนือแล้วยิ่งได้รับแดดน้อยที่สุด 2 ด้านนี้จึงเหมาจะวางตำแหน่งของห้องพักผ่อนที่ต้องการแสงก่อกวนน้อย ดังเช่นว่า ห้องนอนและห้องนั่งเล่น
พวกเรานิยมวางแนวด้านแคบของตัวบ้านหันไปทางทิศทางรับแดด เพื่อให้ฝาผนังที่รับแดดมีน้อยที่สุด ทำให้ฝาผนังสามาถดูดกลืนความร้อนในจำนวนน้อยและทำให้ในบ้านไม่ร้อนจนถึงเกินไปในช่วงเวลากลางคืน เนื่องจากธรรมชาติของผนังปูนนั้นจะดูดความร้อนเมื่อแดดส่องแล้วก็จะระบายความร้อนออกมาในช่วงเวลาค่ำคืน ด้วยเหตุนี้ถ้าเกิดผนังบ้านถูกแดดตะวันตกน้อยก็จะมีผลให้ความร้อนที่จะถ่ายออกมาช่วงเวลากลางคืนมีน้อยเช่นกัน
ส่วนลมนั้นลมประจำฤดูของบ้านพวกเราจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งจะพัดพาลมหนาวจากจีนมาในตอนหน้าหนาว รวมทั้ง จากทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่จะพัดพาความชื้นจากสมุทรมาในช่วงฤดูร้อนรวมทั้งฤดูฝน บ้านที่ดีด้านยาวของบ้านจำเป็นต้องหันเข้าพบแนวทางลมเพื่อลมธรรมชาติพัดเข้าตัวบ้านเพื่อระบายความร้อนออกไปให้ได้มากที่สุดแล้วก็ทำให้ออมค่าไฟสำหรับแอร์ในบ้านเป็นต้น
 
 
ออกแบบ เพื่อนำเสนอห้าง
โครงการ : ร้านอาหาร / เครื่องดื่ม
style : cottage style

พื้นที่ใช้สอย : 40 ตร.ม.
ค่าออกแบบ : 220 บ./ตร.ม.


รับทำออกแบบ Design & RE-NOVATE BUILD มีจำลอง3D ติดต่อ
สาขากทม. 098 292 4496 หัวหิน 094 982 2636

เครดิตบทความจาก : [url=http://www.alldecorate.com/][url]http://www.alldecorate.com/
[/url]

Tags : รับตกแต่งร้านกาแฟ,ออกแบบคอนโด,ออกแบบบ้าน



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Related Topics
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
RENOVATE รับตกแต่งออกแบบสำนักงาน ร้านกาแฟ ภายนอก ทำร้านร้านเล็บ มีภาพจำลอง3D ติด
สินค้าอื่นๆ
pramotepra222 0 58 กระทู้ล่าสุด พฤษภาคม 03, 2018, 04:34:29 pm
โดย pramotepra222
RENOVATE รับตกแต่งออกแบบสำนักงาน ร้านกาแฟ ภายนอก ทำร้านร้านเล็บ มีภาพจำลอง3D ติด
สินค้าอื่นๆ
Navaphon11991 0 88 กระทู้ล่าสุด มิถุนายน 11, 2018, 01:31:23 pm
โดย Navaphon11991
งานซ่อมโครงสร้างแตกร้าว บ้าน อาคาร ต้อง home-renovate เท่านั้น ไม่เช่นนั้นอย่าหา
พูดคุยทั่วไป
pruksa 0 50 กระทู้ล่าสุด มีนาคม 01, 2023, 08:35:24 pm
โดย pruksa
งานซ่อมโครงสร้างแตกร้าว บ้าน อาคาร ต้อง home-renovate เท่านั้น ไม่เช่นนั้นอย่าหา
พูดคุยทั่วไป
pruksa 0 62 กระทู้ล่าสุด เมษายน 26, 2023, 10:45:56 pm
โดย pruksa
งานซ่อมโครงสร้างแตกร้าว บ้าน อาคาร ต้อง home-renovate เท่านั้น ไม่เช่นนั้นอย่าหา
พูดคุยทั่วไป
pruksa 0 55 กระทู้ล่าสุด กรกฎาคม 22, 2023, 10:32:18 pm
โดย pruksa
งานซ่อมโครงสร้างแตกร้าว บ้าน อาคาร ต้อง home-renovate เท่านั้น ไม่เช่นนั้นอย่าหา
พูดคุยทั่วไป
pruksa 1 58 กระทู้ล่าสุด มกราคม 26, 2024, 01:30:12 am
โดย pruksa
รับรีโนเวท บ้าน อาคาร ซ่อมโครงสร้างแตกร้าว บ้าน อาคาร ต้อง home-renovate เท่านั้
พูดคุยทั่วไป
pruksa 0 54 กระทู้ล่าสุด มีนาคม 31, 2024, 01:13:54 pm
โดย pruksa
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ