Advertisement
โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer Disease)โรคอัลไซเมอร์เป็นยังไง โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นหนึ่งในโรคสมองเสื่อมที่มักพบที่สุด โรคนี้ศึกษาและทำการค้นพบทีแรกโดยจิตแพทย์ชาวเยอรมันชื่อ Alois Alzheimer ในปี พุทธศักราช 2499 ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการถึงแก่กรรมของเซลล์สมอง ทำให้แนวทางการทำงานของโรคสมองเสื่อมลง จนกระทั่งมีผลเสียต่อกิจวัตรที่ทำเป็นประจำทุกวันของคนไข้ ในช่วง 8 -10 ปี ภายหลังจากเริ่มมีลักษณะอาการและไม่ได้รับการดูแลรักษาคนเจ็บโรคอัลไซเมอร์จะมีลักษณะอาการโรคสมองเสื่อมร้ายแรงเพิ่มขึ้น
โดยโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer,s disease, AD) นี้มีรูปร่างคิดเป็นร้อยละ 50 ของผู้เจ็บป่วยภาวการณ์สมองทั้งปวง จะมีอาการลืม โดยจะลืมเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นใหม่ๆในชีวิตประจำวัน ดังเช่นว่า ลืมว่าวันนี้ทานอาหารเช้าหรือยัง ลืมว่าเคยพบคนไหนกันแน่ในวันนี้ ชอบกล่าวซ้ำ ถามคำถามซ้ำ ปัญญาความหลักแหลมจริงๆต่ำลง ทักษะต่างๆเริ่มสูญเสียไป การดำเนินของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป แล้วก็ย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆซึ่งเป็นโรคที่ไม่สามารถที่จะรักษาให้หายสนิทได้
ในปี คริสต์ศักราช2007 มีการกล่าวว่าประเทศอเมริการมีคนเจ็บเป็นโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer,s disease, AD) สูงถึง 5 ล้านคน รวมทั้งจะมากขึ้นเป็น 16 ล้านคน ในอีก 40 ปีด้านหน้า ในประเทศทางแถบซีกโลกตะวันตก พบว่าโรคอัลไซเมอร์จะเกิดกับผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ โดยอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากขึ้นตามอายุ จากบุคคลที่มีอายุ 60-64 ปี มีอัตราเสี่ยงราวๆ 1-3% บุคคลที่แก่มากกว่า 65 ปี มีอัตราเสี่ยง 6-8% และก็เพิ่มขึ้นเป็น 30-40% ในบุคคลที่แก่กว่า 85 ปี
ต้นเหตุของโรคอัลไซเมอร์ ปัจจัยรวมทั้งการดำเนินโรคของโรคอัลไซเมอร์ยังไม่เป็นที่รู้ๆกันดีอยู่แล้วนักในตอนนี้ การค้นคว้าบ่งชี้ว่าโรคนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างเหมือนคราบเปื้อนในสมองที่เรียกว่า พลาก (plaque) และก็แทงเกิล (tangle) แล้วก็ความไม่ปกติที่มีผลโดยตรงต่อสมอง ซึ่งเป็นศูนย์การติดต่อสื่อสารที่น่าประหลาดสำหรับเพื่อการควบคุมความรู้สึก แล้วก็การตอบสนอง การสื่อสารที่สำคัญต่างๆภายในร่างกายจะถูกส่งผ่านสมอง โดยมีสารเคมีที่เรียกว่า สารสื่อประสาท (NEURO-TRANMITTER) เป็นตัวติดต่อสื่อสาร สารนี้จะช่วยนำคำบัญชาจากสมองไปยังอวัยวะวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการดำเนินงานขึ้น สำหรับสารสื่อประสาทที่มีความจำเป็นอย่าง ยิ่งต่อความจำของคนคือ สารอะเซติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์มั่นใจว่าสารนี้ช่วยทำให้มนุษย์มีความสามารถสำหรับเพื่อการจำ และถ้าหากในสมองมีสารนี้ต่ำลงมากจะทำให้เซลล์สมองมีปัญหาสำหรับเพื่อการติดต่อ รวมทั้งพบว่าผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์หรูหราของสารอะเซติลโคลีนน้อยลงอย่างยิ่ง ซึ่งมั่นใจว่าเป็นเหตุทำให้ความรู้ความเข้าใจสำหรับในการจำแล้วก็การใช้เหตุผลของคนไข้ลดน้อยลงตามไปด้วย รวมทั้งยังมีสาเหตุอื่นๆอีกเช่น คนป่วยประมาณ 7% มีเหตุมาจากพันธุกรรม แล้วก็สามารถถ่ายทอดสู่บุตรหลานได้ ตำแหน่งความไม่ปกติบนโครโมโซมที่เจอกระจ่างแล้วว่านำมาซึ่งโรคอัลไซเมอร์อยู่บนโครโมโซมคู่ที่ 21, 14, 1, และ 19 คนที่มีความผิดปกติของกรรมพันธุ์เหล่านี้ จะป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ที่อายุน้อยกว่าคนที่มิได้มีความผิดธรรมดาทางพันธุกรรม นอกจากนั้นพบว่าในผู้ป่วยโรคกลุ่มอาการดาวน์ (Down’s syndrome) ซึ่งมีความผิดปกติคือมีสารพัดธุบาปของโครโมโซมแท่งที่ 21 เกินมา แม้มีชีวิตอยู่เกิน 40 ปี จะมีอาการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ท้ายที่สุด
ลักษณะของโรคอัลไซเมอร์ในระยะก่อนสมองเสื่อม (Predementia) อาการแรกสุดมักจะหลงผิดว่าเกิดขึ้นเองจากความแก่ หรือมีสาเหตุจากสภาวะเครียด ความบกพร่องที่เห็นกระจ่างเป็นการสูญเสียความจำ คือพากเพียรจำข้อมูลที่เรียนรู้เมื่อเร็วๆนี้ไม่ได้และไม่สามารถรับข้อมูลใหม่ๆได้ ในระยะก่อนแสดงอาการทางสถานพยาบาลนี้บางทีอาจเรียกอีกอย่างว่า ความผิดพลาดทางการทราบเล็กน้อย (mild cognitive impairment)
สมองเสื่อมช่วงแรก (Early dementia) อาการเริ่มแรกมักเป็นการลืมเรื่องราวที่เพิ่มเกิดขึ้นใหม่ๆไม่นาน ในขณะความจำเรื่องเก่าๆในสมัยก่อนจะยังดีอยู่ คนไข้อาจถามซ้ำเรื่องที่เพิ่มบอกไปหรือกล่าวย้ำเรื่องที่พึ่งจะเล่าให้ฟัง ยิ่งไปกว่านั้นยังอาจมีอาการอื่นๆอย่างเช่น วางของแล้วลืม ทำอะไรที่เคยทำประจำไม่ได้ งงงันเรื่อง วัน เวลา สถานที่ นึกคำกล่าวไม่ค่อยออกหรือใช้คำไม่ถูกๆแทน มีอารมณ์ พฤติกรรมและลักษณะท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การตัดสินใจห่วยลง ไม่อาจจะมีความคิดเริ่มใหม่ๆได้ อาการต่างๆกลุ่มนี้จะค่อยเริ่มเปลี่ยนแปลง กระทั่งก่อให้เกิดปัญหาต่อการทำงานรวมทั้งงานประจำวัน
โรคสมองเสื่อมระยะปานกลาง (Moderate dementia) เมื่ออาการของโรคเริ่มปรับปรุงถึงขั้นถัดมา คนไข้จะยิ่งมีปัญหาด้านความทรงจำ ผู้เจ็บป่วยมักต้องได้รับความช่วยเหลือสำหรับเพื่อการใช้ชีวิตทุกวัน ดังเช่นว่า การรับประทานอาหาร การอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็การเข้าห้องสุขาทำธุระส่วนตัว โดยอาการที่แสดงเพิ่มขึ้นอาจมีดังนี้
การจำชื่อของคนรู้จักเปลี่ยนเป็นเรื่องยากมากยิ่งขึ้นทุกครั้ง พยายามคิดชื่อเพื่อนพ้องรวมทั้งครอบครัวแต่นึกไม่ออก
เกิดภาวะงงเต็กแล้วก็สูญเสียการรับทราบด้านสถานที่ เวลา รวมทั้งบุคคล ได้แก่ หลงทาง หรือเดินไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่เคยรู้วันเวลา
กระบวนการทำงานประจำวันที่มีหลายขั้นตอนเปลี่ยนเป็นเรื่องยากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การแต่งตัว
มีความประพฤติหมกมุ่น ทำอะไรบ่อยๆหรือวู่วาม
ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจของใหม่ๆมีปัญหาสำหรับในการต่อกรกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
มีลักษณะหลงทาง เชื่อในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงอย่างวางใจ รวมทั้งบางทีอาจรู้สึกหวาดระแวงหรือสงสัยในเพศผู้ดูแลหรือครอบครัวของตนเอง
มีปัญหาเกี่ยวกับการพูดหรือการใช้ภาษาติดต่อสื่อสาร
มีปัญหาด้านการนอน
เกิดความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ อย่างเช่น อารมณ์ไม่คงที่ ปรวนแปรบ่อย มีสภาวะกลัดกลุ้ม หรือวิตกกังวล รำคาญ กระวายกระวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำงานที่ต้องใช้การกะระยะได้ลำบาก
มีลักษณะอาการจิตหลอน
สมองเสื่อมระยะในที่สุด (Advanced dementioa) ระยะที่อาการโรครุนแรงขึ้นอย่างยิ่งจนนำความเศร้าเสียใจรวมทั้งตื่นตระหนกมาให้บุคคลใกล้ชิด ในช่วงนี้คนไข้อาจจำเป็นต้องได้รับการดูแลและก็ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลตลอด ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร การเคลื่อนไหว หรือการเข้าห้องสุขา
อาการหลงทางหรือประสาทหลอนที่เป็นๆหายๆกลับยิ่งห่วยลงเรื่อย
คนป่วยอาจอาละวาด เรียกร้องความพอใจ และไม่วางใจผู้คนรอบตัว
กลืนและรับประทานอาหารทุกข์ยากลำบาก
เปลี่ยนอาการหรือเคลื่อนตนเองตรากตรำ จะต้องได้รับการช่วยเหลือเกื้อกูล
น้ำหนักน้อยลงมาก แม้ว่าจะทานอาหารมากหรือเพียรพยายามเพิ่มน้ำหนักรวมทั้งตาม
มีลักษณะอาการชัก
กลั้นฉี่หรืออุจจาระไม่อยู่
ค่อยๆสูญเสียความสามารถสำหรับการบอกลงไปทีละน้อยๆจนไม่อาจจะติดต่อได้
มีปัญหาด้านความจำในระยะสั้นแล้วก็ระยะยาวอย่างร้ายแรง
ปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่โรคอัลไซเมอร์
อายุ โดยภาวการณ์เสี่ยงจะมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแก่มากขึ้นเรื่อยๆโดยช่วงอายุระหว่าง 65-74 ปี พบว่าจะมีอัตราเสี่ยงโดยเฉลี่ย 3% ช่วงอายุระหว่าง 75-84 ปี พบว่ามีอัตราเสี่ยงสูงขึ้นเป็น 19%
กรรมพันธุ์ รวมทั้ง กรุ๊ปอาการ Down Syndrome จากการเรียนรู้พบว่าในแฝดแม้ หากฝาแฝดคนหนึ่งมีอาการป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์แล้ว แฝดอีกคนหนึ่งจะมีสภาวะความเสี่ยงมากถึง 40-50% และนอกจากหากว่ามีญาติในครอบครัวมีอาการป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ พบว่าก็จะช่องทางเสี่ยงสำหรับในการเป็นเพิ่มสูงมากขึ้น ในเรื่องพันธุกรรมพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของยีนและในผู้ที่เป็น Down Syndrome ถ้าเกิดมีอายุยืนถึง 40-50 ปี จะพบว่ามีภาวการณ์โรคสมองเสื่อมเกิดขึ้นได้
ต้นสายปลายเหตุทางสิ่งแวดล้อม แม้ยีนจะเป็นสาเหตุที่บอกถึงอัลไซเมอร์ในฝาแฝดแท้ แม้กระนั้นอย่างไรก็ดีสภาพแวดล้อมก็น่าจะเป็นอีกเหตุหนึ่งที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ เนื่องมาจากพบว่าฝาแฝดนั้นบางทีอาจได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ไม่เหมือนกันถึง 15 ปี แล้วก็ผู้สูงวัยชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในฮาวายจะมีอัตราการเป็นอัลไซเมอร์สูงยิ่งกว่าคนชราที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น
การตรวจพบโปรตีนชนิดหนึ่งในยีนที่อยู่ในโครโมโซมคู่ที่ 19 ผลจากหายๆการค้นคว้าวิจัยบอกว่า apolipoprotein E4 (APOE4) จะเพิ่มภาวการณ์การเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์
การใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช้สเตียรอยด์อย่างไม่สม่ำเสมอ จากการเล่าเรียนพบว่าคนที่ใช้ยาในกรุ๊ป NSAIDS เสมอๆ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี มีอัตราเสี่ยงลดลงถึง 30-60% ที่จะเป็นอัลไซเมอร์ การวิจัยอีกขั้นหนึ่งระบุว่าหลังจากที่ใช้ NSAIDS เพิ่มขึ้นพบว่า ภาวะการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจแล้วก็อารมณ์น้อยลง
การใช้หรือเปล่าได้ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ระยะสั้นในวัยหมดประจำเดือนจากหลายๆกรณีการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัย พบว่าหญิงในวัยหมดระดูที่ได้รับฮอร์โมนทดแทนสามารถคุ้มครองหรือ ชะลอโรคอัลไซเมอร์ได้ ดังนั้นฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจมีผลต่อการช่วยรักษาโรคนี้ได้
ภาวะขาดสารอาหารที่มีแอนตี้ออกซิแดนท์เป็นที่ชื่อกันว่า โมเลกุลออกสิเจน ในร่างกาย หรือ เรียกว่า Free radicles ฯลฯต่อของการเกิดโรคมะเร็งโรคลำไส้และก็ยังมีส่วนนำมาซึ่งโรคอัลไซเมอร์ได้สารอาหารที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์เป็นส่วนประกอบ อาทิเช่น วิตามินเอ ซี อี ซีเลเนียม
ภาวการณ์เกิดสมองกระเทือน มีหลักฐานที่เสนอแนะว่าการที่สมองได้รับการกระทบสะเทือนกระทั่งทำให้สลบ จะส่งผลนำไปสู่โอกาสเป็นอัลไซเมอร์สูงขึ้น
โรคเส้นเลือดหัวใจ โรคนี้มีสาเหตุการเกิดมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ทางที่ดีควรเปลี่ยนแปลงด้วยการเลิกดูดบุหรี่ รับประทานอาหารมีประโยชน์ รักษาน้ำหนักให้ไม่มากเกิน ดื่มแอลกอฮอล์ให้ลดน้อยลง รวมทั้งตรวจสุขภาพบ่อยๆ เพื่อคุ้มครองป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจรวมทั้
โรคอัลไซเมอร์[/url]ไปในคราวเดียวกัน เพศ (SeX) จากรายงานการเรียนทางระบาดวิทยา พบว่าเพศเป็นปัจจัยเสี่ยงของพัฒนาการของภาวะโรคสมองเสื่อมเหมือนกัน โดยพบว่าเพศหญิงมีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์มากยิ่งกว่าผู้ชายถึง 3.5 เท่าการบริหารร่างกาย (Physical activity) จากรายงานการวิจัยหลายฉบับรับรองได้ว่า การบริหารร่างกายในคนวัยชราจะช่วงเพิ่มความสามารถสำหรับในการทำความเข้าใจ (cognitive function) นอกนั้นยังช่วยลดความลดน้อยสำหรับในการทำความเข้าใจ (cognitive decline) ลงได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็เลยได้โอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้มากกว่าคนที่บริหารร่างกาย
วิธีการรักษา
โรคอัลไซเมอร์ ในการตรวจพื้นฐานจะตรึกตรองจากอาการที่ผู้ป่วยหรือคนใกล้ชิดแจ้งให้ทราบ รวมทั้งซักถามครอบครัวหรือคนที่อยู่รอบข้างของคนเจ็บเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวม ประวัติสุขภาพ ความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการดำเนินชีวิตทุกวัน ความประพฤติแล้วก็ลักษณะนิสัยที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้เจ็บป่วย รวมถึงใช้การถามคำถามหรือทำข้อสอบความจำ การจัดการปัญหา การนับเลข หรือทักษะทางด้านภาษา เพื่อตรวจสอบแนวทางการทำงานของสมองในแต่ละส่วนรวมทั้งใคร่ครวญว่าควรจะรับการตรวจเพิ่มเติมอีกหรือส่งให้ผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะทางตรวจรักษาต่อไปหรือเปล่า
ฉะนั้นเมื่อวิเคราะห์จากอาการได้แล้วว่าคนป่วยมีสภาวะของสูญเสียความจำเกิดขึ้น ขั้นถัดไปแพทย์จะต้องตรวจค้นสาเหตุของความจำเสื่อมนั้น โดยอาศัยการตรวจร่างกาย การตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้วก็การเอกซเรย์ต่างๆเพื่อการวินิจฉัยโรคที่เป็นต้นเหตุของสูญเสียความทรงจำ แล้วก็ให้การรักษาที่ถูกต่อไป ยกตัวอย่างเช่น การเจาะเลือดมองภาวะต่อมไทรอยด์ฮอร์โมน การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองเพื่อมองว่ามีเนื้องอกในสมอง มีเลือดออกใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมองหรือไม่ เป็นต้น ถ้าหากการตรวจวิเคราะห์ไม่เจอต้นสายปลายเหตุอื่นๆประกอบกับอาการรวมทั้งการทดสอบทางสมองและก็ภาวะจิต ตรงเกณฑ์การวิเคราะห์ของโรคอัลไซเมอร์ ก็เลยจะวิเคราะห์ว่าคนไข้เป็นโรคอัลไซเมอร์ ในเรื่องที่มีปัญหาสำหรับเพื่อการวินิจฉัย บางทีอาจจำเป็นต้องอาศัยการตัดชิ้นเนื้อสมองเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
ปัจจุบันนี้ยังไม่มีกระบวนการรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายสนิท การรักษาด้วยยาอาจช่วยรักษาอาการที่เป็นไปได้มากน้อยแตกต่างกันไป แม้กระนั้นไม่มียาตัวไหนที่จะสามารถชะลอหรือหยุดการดำ เนินของโรคได้ แบ่งการดูแลและรักษาออกได้เป็น3 รูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น
การดูแลรักษาด้วยยา แบ่งเป็น
การดูแลรักษาอาการความจำเสื่อม เดี๋ยวนี้มียาอยู่ 4 จำพวกที่ได้รับการยืนยันจากภาควิชา กรรมการอาหารรวมทั้งยาแห่งสหรัฐอเมริกา สำหรับการนำมาใช้กับคนเจ็บโรคอัลไซเมอร์ คือ Donezpezil , Rivastigmin, Galantamine, และ Memantine มีการเล่าเรียนพบว่า การใช้สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba) ช่วยบรร เทาลักษณะของผู้เจ็บป่วยได้ แต่ก็ยังไม่มีคุณวุฒิยืนยันชัดเจน บางการเรียนรู้พบว่าการให้วิตามินอี เสริมในขนาดสูงจะช่วยชะลอการเสียชีวิตได้ แต่ว่าก็อาจมีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจรวมทั้งเส้นเลือดได้
การดูแลรักษาอารมณ์แล้วก็ความประพฤติที่ร้ายแรง รวมทั้งอาการประสาทหลอน โดยการใช้ยารักษาโรคจิตมารักษาตามอาการที่ปรากฏ
การรักษาทางใจสังคม อาทิเช่น
การรักษาที่เน้นการกระตุ้นสมอง อย่างเช่น ศิลป์บำบัดรักษา ดนตรีบำบัด การบำบัดโดยอาศัยสัตว์เลี้ยง
การบำบัดด้วยการระลึกถึงเรื่องราวในอดีตกาล ตัวอย่างเช่น การรวมกลุ่มทำกิจกรรมแลกเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงประสบการณ์ในสมัยก่อน การใช้ภาพถ่าย สิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน ดนตรี ที่ผู้ป่วยเคยชินในอดีตกาลมาช่วยฟื้นฟูความทรงจำ
การให้เข้าไปอยู่ในห้องที่เรียกว่า Snoezelen room ซึ่งเป็นห้องที่วางแบบให้มีสิ่งแวดล้อมด้านในที่เหมาะกับแนวทางการกระตุ้นการรับรู้และความรู้สึกที่หลากหลาย ที่เรียกว่า Multisensory integration อันยกตัวอย่างเช่น การมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรับสัมผัส แล้วก็การเคลื่อนไหว
การให้การดูแลผู้เจ็บป่วย เป็นเรื่องจำเป็นที่สุด คนที่อยู่ใกล้ชิดจะต้องเข้าใจลักษณะของโรคจำเป็นต้องทำใจ เห็นด้วย และทรหดอดทน ไม่ละเลยคนเจ็บไว้คนเดียว และเข้าใจการดำเนินของโรคว่า คนเจ็บจะต้องอาศัยการช่วยเหลือเพื่อตอบสนองความอยากรากฐานเยอะขึ้น
การติดต่อของโรคอัลไซเมอร์ ด้วยเหตุว่าโรคอัลไซเมอร์เป็นหนึ่งในโรคของสภาวะสมองเสื่อมที่เกิดจากความผิดแปลกของสมอง ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คน
การกระทำตนเมื่อมีอาการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ ผู้เจ็บป่วยที่เริ่มมีอาการของความจำเสื่อมควรจะหยุดขับรถด้วยตัวเองผู้เดียว ไม่ควรไปยังสถานที่ไม่คุ้นเคยคนเดียวหรือไปทำธุระคนเดียวโดยยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นสิ่งจำเป็น เป็นต้นว่า ธุรกรรมด้านการเงิน รวมทั้งเมื่อมีลักษณะอาการมากแล้วควรจะมีผู้ดูแลสนิทสนมตลอดระยะเวลา
คนป่วยจำเป็นต้องไปพบแพทย์หรือให้ผู้ดูแลพาไปพบแพยท์ตามนัดหมายสม่ำเสมอ เพื่อประเมินอาการต่างๆติดตามการใช้ยา และก็ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
คนเจ็บควรจะพกป้ายประจำตัว หรือใส่สายข้อมือที่ระบุชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรติด ต่อให้แจ่มกระจ่าง เพื่อคุ้มครองป้องกันการพลัดหลงถ้าหากจำต้องออกนอกบ้าน หรือกำเนิดเดินหนีออกนอกบ้านไปผู้เดียว
ควรมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมด้านในภาย เพื่อผู้เจ็บป่วยมีความปลอดภัยและลดภาระหน้าที่ต่อผู้ดูแลได้บ้าง ดังเช่นว่า การล็อกบ้านรวมทั้งรั้วไม่ให้คนป่วยออกนอกบ้านไปคนเดียว การตำหนิดป้ายบนของใช้ต่างๆในบ้านให้กระจ่างแจ้งโดยระบุว่าเป็นอย่างไร ใช้งานอย่าง ไร การตำหนิดป้ายหน้าห้องต่างๆให้แน่ชัดว่าเป็นห้องอะไร ฯลฯ
คนเจ็บควรจะหากิจบาปทำ และควรจะเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกับผู้ที่ดูแลและคนที่อยู่ในบ้าน เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้ผู้เจ็บป่วยเป็นประจำ
คนเจ็บควรออกกำลังกายเท่าที่จะทำได้เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงซึ่งส่งผลที่ดีไปถึงสมองได้
การป้องกันตัวเองจากโรคอัลไซเมอร์ ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลพอเพียงสำหรับในการปกป้องโรคนี้ แต่การปฏิบัติตัวบางสิ่งอาจช่วยทำให้สมองมีความจำที่ดีได้ ยกตัวอย่างเช่น
เลี่ยงยาหรือสารที่จะก่อให้ทำให้เป็นอันตรายแก่สมอง ได้แก่ การกินเหล้าจัด การสูบยาสูบ การรับประทานยาโดยไม่จำเป็น
การฝึกฝนสมอง ยกตัวอย่างเช่น การพยายามฝึกฝนให้สมองได้คิดเสมอๆยกตัวอย่างเช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือบ่อยๆคิดเลข มองเกมส์ตอบปัญหา ฝึกหัดการใช้วัสดุอุปกรณ์ใหม่ๆฯลฯ
ออกกำลังกายบ่อย สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ได้แก่ เดินเที่ยว รำมวยจีน ฯลฯ
การคุย พบปะสนทนาคนอื่นๆบ่อยๆอาทิเช่น ไปวัด ไปงานเลี้ยงต่างๆหรือเข้าชมรมผู้สูงอายุ เป็นต้น
ตรวจสุขภาพประจำปี หรือถ้าหากมีโรคประจำตัวอยู่เดิมก็จะต้องติดตามการรักษาเป็นระยะ ตัวอย่างเช่น การตรวจหา ดูแลรวมทั้งรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น
ระแวดระวังเรื่องอุบัติเหตุต่อสมอง ระวังการหกล้ม เป็นต้น
อุตสาหะมีสติในสิ่งต่างๆที่กำลังทำและฝึกฝนสมาธิอยู่ตลอดเวลา
พยายามไม่คิดมากมาย ไม่เครียด หากิจบาปต่างๆทำเพื่อผ่อนคลายความเคลียด เหตุเพราะความเคร่งเครียดแล้วก็อาการเศร้าใจอาจจะทำให้จำอะไรได้ไม่ดี
สมุนไพรที่ช่วยปกป้อง/รักษาโรคอัลไซเมอร์ ขมิ้นชัน หรือ ขมิ้น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma longa L. มีรายงานการวิจัยหลายฉบับยืนยันว่าสาร curcumin มีคุณภาพสำหรับเพื่อการต่อต้านอนุมูลอิสระ สาร curcumin มีคุณสมบัติปกป้องรักษาเซลประสาทในสมองของสัตว์ทดลองจากการทำลายของสารเอทานอล (ethanol-induced brain injury) สารจำพวกนี้ยังช่วยลดจำนวน lipid peroxide และก็เพิ่มปริมาณ glutathione ในสมองหนูแรท สาร curcumin และก็ curcuminoids ที่ได้จากเหง้าขมิ้น มีฤทธิ์สัมพันธ์กับการต้านอนุมูลอิสระและก็การต้านการอักเสบ ที่เป็นต้นเหตุหนึ่งของโรคอัลไซเมอร์
บัวบก มีชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica L. มีรายงานการวิจัยพบว่า น้ำมันหอมระเหยจากใบบัวบก ซึ่งมีสารกลุ่ม monoterpenes เช่น bornyl acetate, α-pinene, β-pinene, γ-terpinene มีฤทธิ์ยั้งหลักการทำงานของเอ็นไซม์acetylcholinesterase พบว่าสารสกัดจำพวกนี้มีฤทธิ์กล่อมประสาท (tranquilizing) ซึ่งมีเหตุมาจากสารตรีเทอร์ปีนป่าย (triterpenes) ที่ชื่อว่า brahmoside สารสกัดจากใบบัวบกยังมีฤทธิ์กดประสาท (sedatvie) ต้านอาการซึมเซา (antidepressant) และก็มีฤทธิ์เป็น cholinomimetic ในสัตว์ทดลอง จากการศึกษาค้นพบนีก็เลยอาจนำบัวบกไปใช้รักษาอาการหม่นหมองรวมทั้งอาการหนักใจในคนไข้อัลไซเมอร์ได้ โดยส่งผลกระตุ้นระบบ cholinergic activity และทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นในการทำความเข้าใจ (cognitive function)
ถั่ว เว้นเสียแต่ถั่วจะเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีแล้ว ถั่วยังเป็นแหล่งของวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระระดับแม่ทัพตามธรรมชาติ และเป็นแหล่งของเกลือแร่ที่มีส่วนสำคัญในระบบลักษณะการทำงานของร่างกาย รวมทั้งระบบการนำประสาทต่างๆด้วย ยกตัวอย่างเช่น แมกนีเซียม สังกะสี ซีลีเนียม ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
ใบติดก้วย (Ginkgo biloba) เป็นสมุนไพรจีนที่ได้รับความนิยมไปทั่วทั้งโลกมีสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอดเยี่ยม แล้วก็มีคุณประโยชน์สำหรับในการเพิ่มสมาธิรวมทั้งความจำ
เอกสารอ้างอิง- รศ.อารีย์ ตัณฑ์เจริญรัตน์. โรคอัลไซเมอร์ ALZHE1MER DISEASE. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.ปีที่ฉบับที่2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2553.หน้า 169-182.
- ภก.ผศ.ชาญชัย สาดแสงจันทร์.ศักยภาพของพืชสมุนไพรไทยกับภาวะสมองเสื่อม.วารสารไทภษัชยนิพนธ์(ฉบับการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์) มศก.ปีที่ฉบับเดือน มกราคม-เดือนธันวาคม 2555 หน้า 1-21
- กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.(2544).เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ.กรุงเทพฯ.กรมการแพทย์.
- อัลไซเมอร์ โรคอัลไซเมอร์ หาหมอ.com (ออนไลน์)เข้าถึงได้จากhttp://haamor.com/th
- Barnes DE,Yaffe K, Satariano WA, et al.A longitudinal study of cardiorespiratory fitness and cognitive function in older adults. Journal of the American Geriatric Society 2003;51:459-65.
- ผศ.นพ.วีรศักดิ์ เมืองไพศาล โรคสมองเสื่อม.ภาควิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
- Karp A, Paillard-Borg S, Wang HX, et al. Mental, physical and social components in leisure activities equally contribute to dementia risk. Dementia Geriatric Cognitive Disorders 2006; 21: 65-73.
- บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล.(2551).ตำราบำบัดโรคด้วยอาหารและสารเสริม.กรุงเทพฯ: บริษัท รวมทรรศน์ จำกัด http://www.disthai.com/[/b]
- อัลไซม์เมอร์-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://pobpad.com
- พนัส ธัญญะกิจไพศาล.(2544).คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์.กรุงเทพฯ:โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา.
- กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.(2544).ความรู้เรื่องอัลไซเมอร์.กรุงเทพฯ:ศูนย์สารนิเทศและประชาสัมพันธ์.
- Alzheimer’s disease, in Harrison’s Principles of Internal Medicine, 17th edition, Braunwald , Fauci, Kasper, Hauser, Longo, Jameson (eds). McGrawHill, 2008 (electronic book)
- Berchtold NC, Cotman CW (1998). "Evolution in the conceptualization of dementia and Alzheimer's disease: Greco-Roman period to the 1960s". Neurobiol. Aging 19 (3): 173–89. PMID 9661992. doi:10.1016/S0197-4580 (98) 00052-9
- Tiraboschi P, Hansen LA, Thal LJ, Corey-Bloom J (June 2004). "The importance of neuritic plaques and tangles to the development and evolution of AD". Neurology 62 (11): 1984–9. PMID 15184601
- Albert MS. Changing the trajectory of cognitive decline? The New England Journal
Medicine 2007; 357: 502-3.
- Walsh DM, Selkoe DJ. Deciphering the molecular basis of memory failure in Alzheimer’s disease. Neuron 2004; 44: 181-93.
- May AB, Adel B, Marwan S, et al, Sex differences in the association of the apolipoprotein E epsilon 4 allele with incidence of dementia, cognitive impairment, and decline. Neurobiology of Aging 2012; 33(4): 720-731.
- Yaffe K, Barnes D, Nevitt M, et al. A prospective study of physical activity and cognitive decline in elderly women: women who walk. Archives International Medicine 2001; 161: 1703-8.