Advertisement
หัวใจสำคัญของการทำงานเป็นการช่วยกันสร้างความปลอดภัยในการดำเนินการโดยวิธีการป้องกัน
(Passive หรือ Prevention) ไม่ให้เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น การฝึกฝนให้ความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกก่อนเข้าดำเนินการการติดตามประเมินผลความประพฤติปฏิบัติในการปฏิบัติงานของบุคลากร แล้วก็สภาพแวดล้อมที่ทำงาน แล้วก็โดยวิธีป้องกัน (Active หรือ Protection) อาทิเช่น การนำเอาเครื่องไม้เครื่องมือข้างนอกมาคุ้มครองป้องกันอวัยวะ ปกปิดสินค้า และปกคลุมเครื่องจักรที่จำเป็นต่อการกระทำงาน เพื่อผ่อนหนักให้เบาลงเพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานอย่างมีคุณภาพนั้น ต้องยึดหลักการ 3E เช่น การใช้วิชาความรู้ทางด้านวิชาการ ด้านวิศวกรรมศาสตร์-(Engineering- E) คือ ในด้านการออกแบบ และคำนวณเครื่องจักร วัสดุ ที่มีภาวะการใช้งานที่ปลอดภัยที่สุด การติดตั้งเครื่องคุ้มครองอันตรายให้แก่ส่วนที่เคลื่อน หรืออันตรายของเครื่องจักร การวางแผนผังโรงงานระบบกระแสไฟฟ้า แสงสว่าง เสียง การถ่ายเทอากาศ ฯลฯ
การให้การศึกษา หรือการฝึกอบรม-(Education-E)เป็นและเสนอแนะคนงาน หัวหน้างาน ตลอดจน
ผู้ที่เกี่ยวข้องสำหรับในการปฏิบัติงาน ให้มีความสามารถสำหรับการคุ้มครองป้องกันอุบัติเหตุ แล้วก็การผลิตความปลอดภัยในงานให้ทราบดีว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้น และปกป้องได้ยังไง แล้วก็จะทำงานวิธีใดจะไม่มีอันตรายที่สุด ฯลฯ
การใช้มาตรการบังคับควบคุม-(Enforcement-E)เป็นการกำหนดวิธีทำงานโดยสวัสดิภาพ และการควบคุมบังคับอย่างเอาจริงเอาจังแล้วก็ครัดเคร่งกัดขัน ให้คนงานปฏิบัติตามเป็นกฎปฏิบัติ และจำต้องประกาศให้รู้ทั่วถึงแม้คนใดฝ่าฝืน ไหมปฏิบัติตามต้องถูกลงโทษ เพื่อกำเนิดสามัญสำนึก กำเนิดเป็นวัฒนธรรมหน่วยงานขึ้น และก็หลบหลีก ความประพฤติปฏิบัติที่ไม่ถูกจำเป็นต้อง หรือเกิดอันตราย หากไตร่ตรองความปลอดภัยสำหรับเพื่อการดำเนินงาน ถูกระบุเป็นกฎหมายบังคับใช้ในด้านต่างๆซึ่งจะต้องศึกษาเล่าเรียนรวมทั้งประพฤติตามอย่างเคร่งครัด และก็การทำงานจริงจึงควรเรียนเนื้อหาเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งเกี่ยวพันกับด้านบุคคลพนักงาน สถานที่ดำเนินงานเครื่องจักรเครื่องใช้ไม้สอย และก็สภาพแวดล้อมในดำเนินการ เป็นต้น
ความปลอดภัยเกี่ยวกับที่อับอากาศ
เรื่องโศกเศร้าที่เกิดขึ้นจากการทำงานในสถานที่อับอากาศครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนหน้านี้ ยกตัวอย่างเช่น อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอยู่กับคนงานชำระล้างห้องเก็บของใต้ท้องเรือขนาดใหญ่ คนงานซ่อมแซม หนองน้ำทิ้ง ฯลฯมีผลให้คนงานที่แม้จะแข็งแรงมากมายเจออันตรายสูญเสียชีวิตแล้วก็ในปริมาณนี้มักเพิ่มเติมชีวิตของเพื่อนร่วมงานที่บากบั่นจะเข้าไปให้ ความช่วยเหลือผู้ เคราะห์ร้ายพวกนั้นด้วยอุบัติเหตุดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะเกิดขึ้นถัดไปอีกถ้าเกิดผู้ปฏิบัติการรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องไม่มีความรู้ในเรื่องอันตรายและก็วิธีการทำงานในสถานที่อับอากาศ
สถานที่อับอากาศ หมายถึง สถานที่ที่มีอากาศหรือจำนวนก๊าซออกชิเจนบางเบาไม่เพียงพอต่อการหายใจ มีปริมาณแก๊สออกชิเจนในบรรยากาศน้อยกว่า 19.5% ซึ่งมีไม่พอต่อการหายใจสถานที่ที่มีก๊าชพิษหรือแก๊สพิษสะสมอยู่ ยกตัวอย่างเช่น บ่อหมักต่างๆแอ่งน้ำเสีย พื้นผิวน้ำเสียทางระบายน้ำที่ปิดทึบท่อน้ำเสียขนาดใหญ่สถานที่ที่มีการถ่ายเทอากาศหรือระบายอากาศไม่ดีพอ ได้แก่ ห้องใต้ดิน บ่อลึก อุโมงค์ ถังที่ปิดฝาตลอดระยะเวลา ท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ สถานที่ที่มีอากาศบางเบา ดังเช่น พื้นหนเหนือฝ้าเพดาน ถังสูงๆที่เปิดฝาทิ้งเอาไว้เตาเผาขนาดใหญ่
สิ่งที่ทำให้เกิดการเสียชีวิต ขณะทำงานในสถานที่อับอากาศการตายได้ง่ายในสถานที่อับอากาศขณะเข้าการทำงานมูลเหตุมาจากขาดออกสิเจนสำหรับการหายใจ หรือหายใจเอาก๊าซพิษที่คงหลงเหลืออยู่ในสถานที่นั้น หรือ ก๊าชพิษมีต้นเหตุมาจากการเข้าไปดำเนินการในถังนอกเหนือจากนั้นยังมีภัยที่เกิดขึ้นมาจากการระเบิดแล้วก็ไฟไหม้ด้วย
กรัม ส่วนมากไม่เข้าใจว่าในสถานที่ที่เข้าไปเป็นที่อับอากาศ
ข. โดยมากไม่ให้ความใส่ใจหัวข้อการระบายอากาศ สำหรับสถานที่ที่อับอากาศ
ค. ส่วนใหญ่หลงผิดมีความรู้สึกว่าในสถานที่ที่เข้าไปมีออกซิเจนเพียงพอเพราะเหตุว่ายังหายใจได้อยู่ร่างกายใช้ออกสิเจนที่ละลายอยู่ในกระแสโลหิต เมื่อใช้ออกซิเจนหมดจากเลือดจะสลบในทันที (ข้างใน 3-5 นาที)
ง. การสลบเกิดขึ้นได้เนื่องมาจาก ออกสิเจนในเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
จ. จำนวนมากไม่เคยทราบว่ามีก๊าซพิษแปดเปื้อนมาก
ฉ. โดยมากรู้เรื่องว่าการหมดสติจากดมก๊าซพิษเข้าไปแท้จริงขาดอากาศหายใจ
ความปลอดภัยสำหรับในการปฏิบัติงานในสถานที่ที่เกิดอันตราย จากการตกจากที่สูง สิ่งของกระเด็น ตกหล่น
และการชำรุดทลาย
การพลัดหล่นจากที่สูงเป็นต้นเหตุการเสียชีวิต หรือพิการ ลำดับต้นๆในงานก่อสร้างเพราะเหตุว่าร่างกายตกลงมากระทบกับพื้นด้านล่างอย่างแรงตามความสูงที่พลัดหล่นลงมา กระดูกแตกหัก สมองกระเทือนอวัยวะของร่างกายฉีกให้ขาดเนื่องจากร่างกายตกลงมาไปกระทบโดนอุปกรณ์ต่าง ถูกบาด ถูกแทง
สิ่งที่ทำให้เกิดการเกิดอุบัติเหตุของการพลัดหล่นจากที่สูงการทำงานบนที่สูงพื้นที่แออัดคับแคบ มีที่ยึดรั้งน้อย การปรับสมดุลยร่างกายไม่ค่อยเสถียร มีแรงกระทำจากข้างนอก กระแสลม แรงชนของอุปกรณ์สถานที่สำหรับทำงานอยู่ ของตกใส่ พื้นที่ยืนอยู่สั่นไหวไม่มั่นคงการเผอเรอ การเกิดอุบัติเหตุมักเกิดขึ้นง่าย ต้นเหตุการเกิดอุบัติเหตุ สรุปได้ดังต่อไปนี้
ก. การก้าวเดิน ยืนพลาด ลื่นไถล เดินสะดุดบนพื้นทางเดิน
ข. การโดนแรงด้านนอกทำ ได้แก่โดนวัสดุชนกระแทก กระแสลมพัด ของล่นใส่
ค. ส่วนประกอบที่รองรับพัง พังทลาย เสียหาย
หลักความปลอดภัยสำหรับในการดำเนินการการคุ้มครองป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงาน ผู้ปฏิบัติการจำต้องตระหนักถึงความปลอดภัยตลอดระยะเวลาสถานที่ทำงานบนที่สูง เพราะว่าไม่มีช่องทางพลาดได้ เพื่อเป็นการคุ้มครองป้องกันอันตรายจาก อุบัติเหตุจากการทำงานในที่สูงจะต้องปฏิบัติดังนี้
กรัม การกระทำตาม กฎกระทรวงกำ ทีดมาตรฐานในการบริหารรวมทั้งการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยแล้วก็สิ่งแวดล้อมสำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับงานก่อสร้าง พ.ศ. 2551
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการดำเนินงานเกี่ยวกับเครื่องจักร
เครื่องจักรระหว่างที่กำลังทำงานโดยส่วนใหญ่จะใช้มอเตอร์ขับซึ่งจะหมุนเร็ว และก็แรง ตลอดระยะเวลาการเกิดอุบัติเหตุมักเกิดขึ้นง่าย แล้วก็ร้ายแรง พิการ หรือเสียชีวิตอยู่เสมอ
ต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุสำหรับในการดำเนินการเกี่ยวกับเครื่องจักรจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับเครื่องจักร มูลเหตุการเกิดอุบัติเหตุมาจากหลากหลายเหตุด้วยกัน แล้วก็ สามารถควรหลบหลีกได้ หรือ ปกป้องให้กำเนิดน้อยที่สุด ซึ่งสรุปปัจจัยที่เกิดได้ดังต่อไปนี้
ก. ความประพฤติปฏิบัติของคน
กรัม1 การแต่งกายไม่เหมาะสม เช่น ปล่อยผมยาวลอยละลิ่วไสวทำให้เครื่องจักรดึง หมุนม้วน
พันเข้าไป ใส่เสื้อผ้าหลวมรุ่มราม แขวนห้อยเครื่องเพชรพลอยแกว่งออกมาเขลอะกะใส่รองเท้าแตะลื่น
กรัม2 ความเลินเล่อ สะเพร่า มักง่าย ไม่รอบคอบ ดังเช่นว่า วางประแจไวบนฝาครอบ
เครื่องจักรกำลังหมุน เมื่อมีการสั่นประแจจะเลื่อนตกใส่เครื่องจักรกำลังหมุนรวมทั้งเหวี่ยงออกมาโดน
ก.3 ไม่สวมใส่เครื่องไม้เครื่องมือป้องกันภัยเฉพาะบุคคล ยกตัวอย่างเช่น แว่นคุ้มครองป้องกันวัตถุกระเด็นใส่ตา
ขณะกลึง เจียร ตัด ไส เชื่อม ถุงมือคุ้มครองปกป้องการบาดและก็ทิ่มแทง
ก.4 ขาดประสบการณการทำงานอย่างถูกแนวทาง
กรัม5 ขาดระเบียบในการปฏิบัติงาน ยกตัวอย่างเช่น ไม่หยุดเดินเครื่องขณะซ่อมแก้ไขใช้มือสัมผัสโดยตรง
แทนที่จะใช้เครื่องไม้เครื่องมือ
ข. สภาพของเครื่องจักร
ข.1 นำเครื่องจักรชำรุดทรุดโทรมใช้งานไม่หยุดซ่อมบำรุงก่อนใช้งาน
ข.2 เครื่องจักรขาดการบำรุงรักษา
ข.3 การใช้งานเครื่องจักรที่ไม่มีระบบคุ้มครองปกป้องอันตราย
ค. สภาพแวดล้อมสำหรับการทำงาน
ค.1 การวางอุปกรณ์ เครื่องใช้ไม้สอยขวาง ไร้ระเบียบเป็นระเบียบ
ค.2 ไม่ระบุขอบเขตพื้นที่ต่างๆสำหรับเพื่อการดำเนินการ เส้นทางจราจรคน พาหนะขนย้าย
สิ่งของให้แจ้งชัด
ค.3 แสงไฟที่เหมาะสมกับการทำงานในเครื่องจักร อาทิเช่น แสงไฟไม่เพียงพอ
ค.4 พื้นที่ปฏิบัติงาน เลอะน้ำมัน เปียกลื่น
หลักความปลอดภัยสำหรับเพื่อการทำงานเพื่อเป็นการคุ้มครองอันตรายจากอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงาน อันดับแรกผู้ปฏิบัติการจะต้องเล่าเรียนและก็รู้จักกฎความปลอดภัยสำหรับในการทำงาน ดังต่อไปนี้
ก. รับการฝึกอบรมสำหรับเพื่อการใช้เครื่องจักรอย่างถูกวิธี ก่อนควบคุมเครื่องจักร
ข. จำต้องเชื่อฟัง หรือทำตามคำสั่งของหัวหน้างานผู้ควบคุมโดยเคร่ง
ค. แต่งกายให้รัดกุมเหมาะสมกับการปฏิบัติงาน ไม่สวมเครื่องเพชรพลอยต่างๆ
ง. ตรวจดูสภาพของวัสดุ เครื่องใช้ไม้สอย เครื่องจักร ว่าอยู่ในภาวะพร้อมปฏิบัติงานไหม
จังหวัด ไม่ใช้เครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องจักร ที่ยังมิได้รับคำแนะนำวิธีการใช้
ฉ. ต้องสวมเครื่องไม้เครื่องมือป้องกันอันตรายทุกครั้ง เมื่อปฏิบัติการ
ช. ไม่เล่น หรือหยอกกันในขณะปฏิบัติการ
ซ. ถ้าเกิดเครื่องมือ เครื่องไม้เครื่องมือหรือเครื่องจักรชำรุดขณะปฏิบัติงาน ต้องแจ้งหัวหน้างานผู้ควบคุม
รู้ทันที
ฌ. ถ้าหากอุบัติเหตุ ขณะดำเนินงาน จำเป็นต้องแจ้งหัวหน้างานผู้ควบคุมทราบโดยทันที
ญ. เมื่อเลิกทำงาน จำต้องชำระล้างเครื่องไม้เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักร พื้นโรงงานให้สะอาดปราศจากเศษโลหะ และก็คราบน้ำมัน
ฎ. งานแต่ละประเภท จะมีกฎความปลอดภัยเฉพาะ พนักงานจำต้องเล่าเรียน และปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
ฏ. ขณะปฏิบัติงาน จะต้องเอาใจจดจ่ออยู่กับงานที่ตนเองรับผิดชอบ อย่าใจลอย
ฐ. ในการชูชิ้นงานที่หนัก น่าจะจำต้องสำรวจก่อนว่า สามารถยกผู้เดียวได้ไหมถ้าหากยกได้ควรใช้กล้ามเนื้อบริเวณขาช่วยยก ปวดเมื่อยกขึ้นแล้ว มานะยืดข้างหลังให้ตรง แม้ยกผู้เดียวมิได้ควรจะเรียกเพื่อนใกล้เคียงมาช่วยชู
ฑ. การถือวัสดุ เครื่องใช้ไม้สอยมีคมทุกประเภท เป็นต้นว่า มีด สิ่ว สกัด ฯลฯ ให้หันเอาคมตัดทิ้งจากตัวผู้ถือ และก็ควรระมัดระวังในการถือ
ฒ. เครื่องจักรแต่ละตัวควรมี สวิทช์หยุดฉุกเฉิน (Emergency Stop)
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการกีฬายกน้ำหนัก
การวางเป้าหมายสำหรับเพื่อการชูของ วิธีการทั่วๆไปสำหรับเพื่อการกำหนดแผนการชูของ เพื่อจัดแจงพร้อมก่อนยก มีดังต่อไปนี้
1. จำต้องประเมินน้ำหนักของอุปกรณ์ข้าวของ ว่าจะยกตามลำพังเพียงผู้เดียวได้ไหม
2. ถ้าหากไม่สามารถที่จะชูได้ต้องหาคนช่วยยก ไม่สมควรพยายามชูเปลี่ยนที่สิ่งของข้าวของที่หนักมากมายโดยลำพัง
3. ตรวจภาวะรอบๆที่จะชูโดยรอบ อย่างเช่น ต้องไม่มีสิ่งกีดขวางทาง มีพื้นที่ว่างมากพอในการชูเปลี่ยนที่ พื้นจะต้องไม่ลื่น แล้วก็มีแสงไฟเพียงพอ เป็นต้น
4. ควรใช้เครื่องมือทุ่นแรงที่สมควร เพื่อลดการใช้พลังงานคน
5. จัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ข้าวของที่จะยก ไม่สูงมากเกินกว่าระดับไหล่
6. การทำงานกับสิ่งของสิ่งของที่มีน้ำหนักต่างๆกัน เมื่อยล้ากของที่หนักแล้วให้สลับมายกของเบาเพื่อพักกล้ามเนื้อ แล้วก็เพื่อช่วยลดความตึงตัวของกล้าม
7. ควรใช้ถุงมือ เพื่อคุ้มครองการถลอกปอกเปิก ขูดขีด รวมทั้งการถูกบาดจากของมีคม รวมทั้งสวมใส่รองเท้านิรภัยเพื่อป้องกันการลื่นลื่น และก็ป้องกันการบาดเจ็บจากอุปกรณ์สิ่งของหล่นทับ
การชูของที่ถูกวีธี
แบ่งเป็น การยกข้าวของคนเดียว รวมทั้งการยกสิ่งของด้วยคนสองคน
การยกวัสดุข้าวของคนเดียว โดยสิ่งของอยู่ในระดับพื้น
1. ยืนใกล้สิ่งของสิ่งของ วางเท้าให้ถูกและก็มีความยั่งยืนและมั่นคง เพื่อปกป้องการเสียสมดุลของร่างกาย
2. ย่อเข่าให้หลังเป็นแถวตรง เพื่อรักษาภาวะความโค้งงอของกระดูกสันหลังให้เป็นแนวตรง หรือเป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อแรงกดลงบนหมอนรองกระดูกสันหลังมีการกระจายตัวเท่าๆกัน
3. จับสิ่งของข้าวของให้มั่นคงโดยใช้ฝ่ามือจับ เพื่อป้องกันการลื่นหลุดมือ รวมทั้งถ้าเป็นไปได้ ควรมีด้ามจับหรือหูจับ เพื่อทำให้จับได้ถนัดและก็ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
4. ควรให้แขนใกล้ลำตัว ไม่ควรกางแขนออก แล้วก็ให้วัสดุข้าวของที่จะยกอยู่ชิดกับลำตัวให้เยอะที่สุด เพื่อน้ำหนักของวัสดุสิ่งของผ่านลงที่ต้นขาทั้งสองข้าง
5. ควรจะให้ตำแหน่งของศีรษะชมรมกับร่างกาย โดยให้หัวแล้วก็กระดูกสันหลังอยู่ในแนวเดียวกัน เป็นอยู่ในแนวตรง ซึ่งจะก่อให้มองเห็นฟุตบาทได้แจ้งชัดในช่วงเวลาที่ยกขึ้นและก็เดิน
6. เบาๆยืดเข่า เพื่อยืนขึ้นโดยใช้ความรุนแรงจากกล้ามขา บั้นท้าย ไหล่ รวมทั้งต้นแขน ในเวลาที่ยืนขึ้น หลังจะอยู่ในแนวตรงหรือเป็นไปตามธรรมชาติ
การยกข้าวของด้วยคนสองคน
เป็นลักษณะการช่วยชูสิ่งของข้าวของหนึ่งชิ้นด้วยคนปริมาณสองคน โดยยกที่ด้านหัวและด้านท้ายของวัสดุสิ่งของ ซึ่งใช้ลีลาการชูแบบเดียวกับการยกผู้เดียว ในการยกย้ายที่ ควรยกขึ้นพร้อมกัน อาจใช้แนวทางนับหนึ่ง สอง สาม แล้วชู ฯลฯ รวมทั้งควรที่จะใช้ความเร็วสำหรับการยกเท่ากัน ในกรณีที่น้ำหนักด้านหัวรวมทั้งด้านหลังของวัสดุข้าวของแตกต่างกัน รวมทั้งจำเป็นต้องยกบ่อยมาก ผู้ชูทั้งคู่ควรจะสลับด้านกัน โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ยืนชิดอุปกรณ์สิ่งของ วางเท้าให้ถูกต้องและมีความมั่นคงและยั่งยืนเพื่อป้องกันการเยสมดุลของร่างกาย
2. ย่อเข่าให้ข้างหลังเป็นแนวตรง เพื่อรักษา
Tags : anusorn bestsafe