ความปลอดภัยสำหรับการดำเนินการ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความปลอดภัยสำหรับการดำเนินการ  (อ่าน 36 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
itopinter_111
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19201


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: มิถุนายน 02, 2018, 03:32:09 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

อุบัติเหตุเป็นสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายอย่างไม่คาดหวังรวมทั้งเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะมี
ผลกระทบต่อการทำงานทรัพย์สินรวมทั้งบุคคล สิ่งต้องคิดถึงเสมอสำหรับในการดำเนินการเป็นความปลอดภัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างการสร้างโดยเครื่องจักร ซึ่งมีความเสี่ยงสูงหากการคุ้มครองป้องกันไม่รัดกุมเพียงพออาจทำให้เกิด ความทรุดโทรมทั้งยังผู้ปฏิบัติงาน สินค้า และก็เครื่องจักรสำหรับการผลิตสำเร็จเสียการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งมีต่อองค์แขน ยกตัวอย่างเช่น เสียหายต่อทรัพย์สิน เสียชีวิต เสียอวัยวะหรือพิการ เสียเสรีภาพถูกลงโทษทางกฎหมาย เสียเวลากู้สถานการณ์ เสียขวัญและกำลังใจ เสียเวล่ำเวลาฟื้นฟูสภาพจิตใจ เสียประสิทธิ์ภาพการทำงานตกต่ำ เสียชื่อเสียง ยกตัวอย่างเช่น คอนโดที่มีอุบัติเหตุคนตายมักจะขายได้ไม่มาก
กฎหมายที่เกี่ยวพันกับความปลอดภัยสำหรับการดำเนินงาน
งานด้านวิศวกรรม เป็นงานที่เกี่ยวโยงกับความปลอดภัยของมนุษย์เยอะๆ วิศวกรต้องมี
วิชาความรู้ดี ความรู้ความเข้าใจถึงเหตุที่จะมีอันตราย และหาวิธีการปกป้องก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น หาก
อุบัติเหตุจนถึงมีผู้ที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจะเป็นการฝืนกฎหมายในทันที และก็มีความผิดต้องโทษอาญา
เนื่องด้วยเป็นผู้รับผิดชอบในหน้าที่ โดยเหตุนี้วิศวกรจึงควรทราบ ในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับควาไม่มีอันตรายรวมทั้งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้กฎหมายโดยธรรมดาได้รับการกลั่นกรองเพื่อนำมาปฏิบัติ เพื่อคุ้มครองความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นและก็ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคนอื่นกฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยจะอยู่ภายใต้การดูแลดูแลหลายกระทรวง ภายใต้พระราชบัญญัติต่างๆดังเช่นว่า
พ.ร.บ.วิศวกร พ.ศ. 2542
พ.ร.บ.ความปลอดภัยอาชีวอนามัยรวมทั้งสภาพแวดล้อมสำหรับเพื่อการทำงาน พุทธศักราช2554
พระราชบัญญัติปกป้องแรงงานกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 ข้อบังคับความปลอดภัยในโรงงานกฎหมายความปลอดภัยสำหรับเพื่อการปฏิบัติงาน
พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
พ.ร.บ.การควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2542
พระราชบัญญัติ แล้วก็ข้อบังคับ อื่นๆ
พ.ร.บ.ต่างๆจะกำ ทีดกฎหมายออกมาควบคุมในด้านต่างๆยกตัวอย่างเช่น ด้านแรงงานด้านก่อสร้าง ด้านเครื่องจักร ด้านอาชีวอนามัย หรือเฉพาะด้าน อย่างเช่น ด้านกัมมันตภาพรังสี หรือด้านสภาพแวดล้อม เป็นต้น
ต้นเหตุของอุบัติเหตุ (Causes of Accidents) H.W. Heinrich ได้เรียนรู้ถึงต้นสายปลายเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุในงานที่เกี่ยวข้องกับด้านอุตสาหกรรมต่างๆในปี ค.ศ. 1920 ผลการศึกษาวิจัย สรุปได้สิ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ที่สำคัญมี 3 ประการ เช่น
ต้นเหตุที่เกิดจากคน (Human Cause) มีปริมาณมากที่สุดหมายถึง88% ของการเกิดอุบัติเหตุทุกครั้ง อย่างเช่น การทำงานที่ผิดจะต้อง ความเผอเรอ ความไม่มีความระมัดระวัง การมีนิสัยชอบเสี่ยงในการปฏิบัติงานฯลฯ
สาเหตุจากการออกแบบที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม ดังเช่นว่า ด้านกระบวนการผลิต
ด้านวิศวกรรม ด้านการดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขไม่เป็นตามหลักวิชาการ (Health, Safety, Environmental impact,Energy) เป็นต้น
สาเหตุจากการผลิต จัดตั้งไม่ถูกจะต้องเหมาะสม อย่างเช่นด้านความรู้สำหรับในการติดตั้งไม่ละเอียด
ด้านการไม่เล่าเรียนการทำงานของเครื่องจักรที่ติดตั้ง ความรู้ด้านติดเครื่อง การหยุดเครื่องเฉียบพลัน ระบบนิรภัยที่จำเป็น เครื่องมือช่วยกรณีเร่งด่วน
การใช้งานแล้วก็การบำรุงรักษา เช่น การตรวจเช็คตามระยะเวลาต่างๆการสอบเทียบเคียงอุปกรณ์ตรวจวัด การบำรุงรักษา การซ่อมแซม ฯลฯ
มูลเหตุที่เกิดขึ้นจากข้อผิดพลาดของเครื่องจักร (Mechanical Failure) มีปริมาณเพียงแต่ 10%ของการเกิดอุบัติเหตุทุกหน เป็นต้นว่า ส่วนที่ก่อให้เกิดอันตรายของเครื่องจักรที่ไม่มีเครื่องปกป้อง เครื่องจักรเครื่องมือหรือเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆเสียขาดตกบกพร่อง รวมทั้งการวางแผนผังโรงงานไม่เหมาะสม สภาพแวดล้อมสำหรับในการดำเนินงานไม่ปลอดภัย เป็นต้น
ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ (Natural Disaster) มีจำนวนเพียง 2 % เป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ นอกเหนือการควบคุมได้ ดังเช่นว่า แผ่นดินไหว ลมพายุ น้ำหลาก ฟ้าผ่า เกิดพิกัดที่ดีไซน์รองรับ เป็นต้น
การสร้างความปลอดภัยในการดำเนินการ
หัวใจหลักของการทำงานเป็นการช่วยกันสร้างความปลอดภัยสำหรับการดำเนินการโดยวิธีการป้องกัน(Passive หรือ Prevention) มิให้เกิดขึ้น เป็นต้นว่า การอบรมให้ความรู้ความเข้าใจ ความเข้าใจ ที่ถูกต้องก่อนเข้าทำงานการตำหนิดตามประมวลผลพฤติกรรมในการดำเนินงานของบุคลากร และสิ่งแวดล้อมสถานที่ทำงาน และโดยวิธีคุ้มครองปกป้อง (Active หรือ Protection) อย่างเช่น การนำเอาเครื่องไม้เครื่องมือข้างนอกมาคุ้มครองอวัยวะ ปกปิดสินค้า และปกคลุมเครื่องจักรที่จำเป็นต้องต่อการปฏิบัติงาน เพื่อผ่อนหนักให้เบาลงเพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยสำหรับในการทำงานอย่างมีคุณภาพนั้น จำเป็นต้องยึดหลักการ 3E เป็นการใช้วิชาความรู้ทางด้านวิชาการ ด้านวิศวกรรมศาสตร์-(Engineering- E)เป็นในด้านการออกแบบ แล้วก็คำนวณเครื่องจักร เครื่องมือ ที่มีสภาพการใช้งานที่ปลอดภัยที่สุด การต่อว่าดตั้งเครื่องป้องกันอันตรายให้แก่ส่วนที่เคลื่อน หรืออันตรายของเครื่องจักร การวางแผนผังโรงงานระบบไฟฟ้า แสงไฟ เสียง การถ่ายเทอากาศเป็นต้น
การให้การเรียนรู้ หรือการฝึกอบรม-(Education-E) คือ รวมทั้งแนะนำคนงาน หัวหน้างาน ตลอดจน
ผู้เกี่ยวข้องสำหรับเพื่อการทำงาน ให้มีความเข้าใจในการป้องกันอุบัติเหตุ รวมทั้งการผลิตความปลอดภัยในงานให้รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้น รวมทั้งป้องกันได้ยังไง รวมทั้งจะดำเนินงานแนวทางใดจะไม่มีอันตรายที่สุด ฯลฯ การใช้มาตรการบังคับควบคุม-(Enforcement-E) คือ การกำหนดการทำงานอย่างปลอดภัย รวมทั้งการควบคุมบังคับอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้วก็เอาจริงเอาจังกัดขัน ให้คนงานกระทำตามเป็นกฎที่ต้องปฏิบัติปฏิบัติ รวมทั้งต้องประกาศให้ทราบทั่วถึงหากคนไหนกันแน่ละเมิด หรือไม่ทำตามจะต้องถูกลงโทษ เพื่อเกิดจิตสำนึก กำเนิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรขึ้น และก็เลี่ยง ความประพฤติปฏิบัติที่ไม่ถูกจำต้อง หรือมีอันตราย ถ้าพิจารณาความปลอดภัยในการดำเนินการ ถูกระบุเป็นกฎหมายบังคับใช้ในด้านต่างๆซึ่งจำต้องเล่าเรียนแล้วก็กระทำตามอย่างเคร่งครัด และก็การทำงานจริงควรต้องเรียนรายละเอียดเยอะขึ้น เพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งเกี่ยวโยงกับด้านบุคคลผู้ปฏิบัติงาน สถานที่ดำเนินการเครื่องจักรเครื่องมือ แล้วก็สภาพแวดล้อมในปฏิบัติงาน เป็นต้น
ความปลอดภัยส่วนตัว
ความปลอดภัยส่วนบุคคล เป็นสิ่งที่ต้องนึกถึงเป็นลำดับแรก ความปลอดภัยส่วนตัว มักจะเป็นเชิงคุ้มครองป้องกันด้วยวัสดุอุปกรณ์สำหรับความปลอดภัยเป็นหลักโดยจำต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันอวัยวะต่างๆของร่างกาย สำหรับการปฎิบัติงาน ผู้ปฎิบัติงานจำเป็นต้องทราบวิธีการใช้งาน ชนิด ความจำกัด ตลอดจนการดูแลรักษาอย่างแม่นยำเพื่อประโยชน์ต่อตัวผู้ปฎิบัติงานเอง วัสดุอุปกรณ์ปกป้องความปลอดภัยส่วนตัว หมายถึง เครื่องมือหรือบางสิ่งบางอย่างที่จะนำมาสวมใส่บนส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือหลายส่วนของบุคคลนั้นๆเพื่อคุ้มครองปกป้องไม่ไห้เป็นอันตรายจากการทำงาน หรือลดความร้ายแรงของการเผชิญอันตรายที่อาจเกิดขึ้นชนิดของอุปกรณ์คุ้มครองป้องกันอันตรายส่วนตัวสามารถ
จำแนกแยกแยะตามลักษณะของงานที่ใช้ปกป้องอันตรายได้ ดังนี้
เครื่องไม้เครื่องมือคุ้มครองศีรษะ (Head Protection)
วัสดุอุปกรณ์คุ้มครองป้องกันเท้า (Foot Protection)
เครื่องมือคุ้มครองปกป้องหน้าและก็ดวงตา (Face and Eye Protection)
เครื่องมือป้องกันระบบทางเดินหายใจ (Respiratory Protection)
เครื่องใช้ไม้สอยคุ้มครองปกป้องระบบการได้ยิน (Hearing Protection)
วัสดุอุปกรณ์ปกป้องมือรวมทั้งแขน (Hand and Arm Protection)
วัสดุอุปกรณ์ปกป้องการตกจากที่สูง (Fall Protection)
เครื่องใช้ไม้สอยตรวจจำนวนพิษประจำตัว
1.วัสดุอุปกรณ์คุ้มครองปกป้องศีรษะ (Head Protection)
เครื่องใช้ไม้สอยคุ้มครองป้องกันศีรษะ สำหรับคุ้มครองศีรษะจากการกระแทก ชน หรือวัสดุจากที่สูงมากมายระทบโดยเครื่องไม้เครื่องมือจะมีลักษณะแข็งแรง และก็ทำด้วยวัสดุที่แตกต่างออกไป ซึ่งมี หมวกนิรภัยซึ่งใช้ป้องกันการกระแทก การเจาะทะลุของสิ่งของที่ตกลงมากระทบกับศีรษะหรือใช้ต่อต้านไฟฟ้า ทนไฟไหม้ หมวกกันหัวชน ซึ่งใช้งานในที่แคบๆและก็หมวกหุ้มผม เพื่อคุ้มครองป้องกันเส้นผมไม่ให้เกี่ยวพันกับเครื่องจักรหรือส่วนประกอบอะไรก็ตามซึ่งจะดึงรั้ง กระชากมีอันตรายต่อศีรษะได้ เช่น หมวกนิรภัย (Safety Helmet) ใช้เพื่อคุ้มครองป้องกันศีรษะจากการชน การเจาะทะลุ วัตถุลอยละล่อง หรือกระเด็นมาโดน และไฟฟ้า มีลักษณะแข็งแรงทำด้วยสิ่งของที่ต่างๆนาๆหมวกนิรภัยประกอบไปด้วยตัวหมวก (Head Shell) รองในหมวก (SuspensionLine) แล้วก็สายรัดคาง (Chin Straps)
2.เครื่องไม้เครื่องมือปกป้องเท้า (Foot Protection)
เครื่องมือปกป้องเท้ามีความสำคัญและก็จำเป็นมากสำหรับคนที่จำเป็นต้องปฏิบัติงานในสถานที่ที่อาจ
เป็นอันตรายกับเท้าได้ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานควรหารองเท้าหุ้มห่อข้อหรือรองเท้าที่เสริมด้วยเครื่องใช้ไม้สอยคุ้มครองปกป้องต่างๆที่เรียกว่า รองเท้านิรภัย (Safety Shoes) เป็นรองเท้าที่สวมใส่สำหรับในการปฏิบัติงานเพื่อป้องกันการบาดเจ็บของเท้า บางครั้งอาจจะเป็นรองเท้าธรรมดาที่ใช้งานทั่วๆไป แต่ว่าใส่เครื่องใช้ไม้สอยคุ้มครองลงไปอาจครอบลงที่ศีรษะหรือพื้นรองเท้าอุปกรณ์ปกป้องควรจะรับได้โดยประมาณ 11,000 กก. และแรงกระแทก (Impact Load) เกินกว่า 20 กิโลที่ระยะทาง 1 ฟุต รองเท้านิรภัยแบ่งเป็น 6 ชนิด อาทิเช่น
กรัม รองเท้านิรภัยประเภทหัวโลหะมีเหล็กหัวบัว (Steel Toe Cap) คุ้มครองปกป้องอันตรายที่บางทีอาจกำเนิด
กับนิ้วเท้า อาจมีแผ่นโลหะรองพื้นกันการแทงทะลุของของมีคมนิยมใช้แพร่หลาย
ข. รองเท้าตัวนำไฟฟ้า มีตัวนำกระแสไฟฟ้าประกอบเหล็กอยู่ที่ตัวรองเท้าเพื่อให้ประจุไฟฟ้าไหลผ่านไปได้ รวมทั้งส่วนประกอบจำพวก nonferrous เพื่อลดการเกิดประกายเนื่องด้วยการเสียดสี
ค. รองเท้าขัดเกลาโลหะเพื่อคุ้มครองป้องกันความร้อนรวมทั้งอันตรายจากโลหะที่หลอมเหลวมักทำมาจากสิ่งของคุ้มครองปกป้องความร้อนตัวอย่างเช่น อลูมินัมหรือแอสเบสทอส
ง. รองเท้าป้องกันการปะทุเป็นรองเท้านิรภัยที่ปกป้องไม่ให้เกิดประกายไฟขณะการใช้แรงงาน
จังหวัด รองเท้าคุ้มครองป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าวัสดุที่ใช้เป็นยางเพื่อรองเท้าจะไม่มีส่วนที่เป็นโลหะนอกจากส่วนที่เป็นเหล็กหัวบัว ซึ่งจะถูกหุ้มด้วยฉนวน
ฉ. รองเท้าป้องกันสารเคมีทำด้วยวัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อนของน้ำมัน หรือสารเคมี
3.วัสดุอุปกรณ์คุ้มครองปกป้องดวงตาแล้วก็ ใบหน้า (Eye and Face Protection)
การกระทำงานอะไรบางอย่างที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่อาจจะมีการเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า โดยเหตุนั้น เครื่องใช้ไม้สอยคุ้มครองป้องกันใบหน้าแล้วก็ดวงตาต้องในการคุ้มครองปกป้องความร้อน การแผ่รังสีที่มีอันตราย การเชื่อมโลหะการตัดโลหะ ได้แก่ หน้ากากกรองแสงสว่าง หมวกครอบกันกรด หมวกครอบแบบจ่ายอากาศ แล้วก็เครื่องใช้ไม้สอยปกป้อง
แบบใช้มือถือ โดยจะสร้างจากสิ่งของทนไฟ ป้องกันแสงสว่างที่เป็นอันตรายและทนต่อการใช้น้ำยาที่ใช้เพื่อการทำความสะอาดน้ำหนักค่อย สำหรับ แว่นครอบตามีถ้วยครอบตาพร้อมกับเลนส์ 2 ชิ้น ถ้วยครอบตาทั้งสองยึดติดกันด้วยสะพานเชื่อม ถ้วยครอบตาทำด้วยพลาสติก หรืออุปกรณ์ที่ทนร้อน คุ้มครองการติดเชื้อ คุ้มครองป้องกันน้ำซึมที่ถ้วยครอบตาแต่ละข้างจะยึดด้วยกรอบเลนส์ ซึ่งจะทำด้วยโลหะหรือพลาสติกก็ได้ ดังเช่นว่า แว่นตานิรภัย(Safety Glasses or Spectacles) แว่นตานิรภัยมีรูปร่างคล้ายแว่นสายตาที่ใช้ทั่วไปไม่เหมือนกันตรงที่เลนส์ของแว่นนิรภัยสามารถทนต่อแรงชน แรงเจาะความร้อนและก็สารเคมีได้ดี แว่นสายตานิรภัย เหมาะที่จะใช้กับงานกลึง ไสเจียระไนหรืองานที่เสี่ยงต่ออุปกรณ์กระเด็นมากมายระทบดวงตา
4.เครื่องใช้ไม้สอยป้องกันอันตรายระบบทางเดินหายใจ (Respiratory Protection)
พนักงาน น่าจะจัดหาสำหรับปกป้องอันตรายที่เกิดขึ้นกับระบบหายใจในสภาพการณ์ห้อมล้อมที่มีมลภาวะหรือมีอุปสรรคต่อการหายใจ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานควรเลือกใช้เครื่องใช้ไม้สอยปกป้องระบบทางเท้าหายใจให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมสำหรับเพื่อการทำงานแต่ละสถานที่ ซึ่งเครื่องมือคุ้มครองระบบทางเท้าหายใจเป็นการหายใจเอาอากาศสะอาดเข้าสู่ร่างกายย่อมมีผลดีต่อสุขภาพ แต่ว่าในสภาวะแวดล้อมในการปฏิบัติงานบางแห่งที่มีสารอันตรายปนเปื้อนในสภาพแวดล้อม บางทีก็อาจจะก่อให้เกิดผลเสียที่เป็นโทษ ต่อสุขภาพของคนทำงานได้ โดยธรรมดาแล้ว วัตถุเจือปนในสภาพแวดล้อมสามารถแบ่งตามจำพวกของวัตถุเจือปนได้ดังนี้
ก. ฝุ่นละออง เกิดขึ้นจากการแตกตัวของของแข็งเป็นต้นว่า บด ชน ขัด เช่น ฝุ่นผงไม้ ฝุ่นหิน เป็นต้น
ข. ละออง เป็นอนุภาคของเหลวขนาดเล็กเกิดจากการผสมฉีดพ่น เช่น ละอองจากการฉีด
พ่นสารเคมี
ค. ควัน มีเหตุมาจากโลหะถูกหลอมเปลี่ยนเป็นไอและก็เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น งานบัดกรี
หลอมโลหะ
ง. แก๊ส เป็นสิ่งแปดเปื้อนที่ฟุ้งกระจายไปได้ไกล ดังเช่นว่า แอมโมเนีย
จ. ไอ เจอได้ในงานที่เป็นสารตัวทำละลาย เป็นต้นว่า ทาสี ผสมสี นอกเหนือจากสิ่งปนเปื้อนแล้วใน
อากาศเหล่านี้บางส

Tags : อนุสรณ์,เบสเซฟ



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ