Advertisement
5 เหตุผลทำไม iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ยังน่าซื้อน่าใช้
5 เหตุผลทำไม iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ยังน่าซื้อมาใช้งาน ทำไมต้องซื้อ iPhone 8 ราคาหรือความคุ้มค่าดีกว่าไหม เมื่อเทียบกับ iPhone Xs มาดูเหตุผลกันว่าทำไม ?
เชื่อว่าตอนนี้หลาย ๆ คนให้ความสนใจกับการมาของ iPhone Xs, iPhone Xs Max และ iPhone XR สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2018 ของแอปเปิล ที่เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของราคาที่หลายคนบ่นกันว่าแพงมาก (แต่ก็ยังมีคนยอมจ่าย) สำหรับใครที่กำลังมองหาความคุ้มค่า iPhone รุ่นเก่าอย่าง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกและมีทีเด็ดซ่อนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะใครที่กำลังจะเปลี่ยนมือถือใหม่ และมีงบจำกัด วันนี้กระปุกดอทคอมมี 5 เหตุผลทำไม iPhone 8 ยังน่าซื้อมาใช้งาน มาดูกันว่า มีอะไรบ้า
928bet[/url]
1. ราคาถูก พร้อมโปรโมชั่นมากมาย
เหตุผลแรกก็คงจะเป็นเรื่องราคาที่ถูกลงกว่าเดิม เพราะเป็นเรื่องปกติของตลาดมือถือเมื่อมีรุ่นใหม่มาแทน รุ่นเก่าก็จะถูกปรับให้ราคาถูกลง สำหรับใครที่มีงบในการซื้อจำกัด และต้องการความคุ้มค่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าซื้อมาใช้งาน ด้วยราคาที่ถูกลงกว่าเดิม ปัจจุบันราคา iPhone 8 เริ่มต้นที่ 23,900 บาท (จากราคาเดิม 28,500 บาท) ส่วน iPhone 8 Plus ราคาเริ่มต้นที่ 27,900 บาท (จากราคาเดิม 32,500 บาท) อ้างอิงราคาจาก Apple Online Store ประเทศไทย นอกจากราคาที่ถูกลงแล้ว iPhone รุ่นเก่า ๆ ยังมีโปรโมชั่นให้เลือกมากมายจากค่ายมือถือหรือตัวแทนจำหน่าย แถมบางทีอาจจะได้ราคาถูกลงไปอีก
2. ชอบดีไซน์เดิมและมีปุ่มโฮม
สำหรับ iPhone 8 เรียกได้ว่าเป็นรุ่นท้ายที่สุดที่แอปเปิลได้ใช้ดีไซน์แบบเดิมมาตั้งแต่ iPhone 6 ก่อนที่จะเปลี่ยนดีไซน์ใหม่เป็นแบบ iPhone X ที่ไม่มีปุ่มโฮม หน้าจอขอบบาง กล้องหลังคู่แนวตั้ง แต่สำหรับใครที่ยังชอบดีไซน์เดิม ๆ ของ iPhone เหมือนยุคก่อน ก็คงต้องเลือก iPhone 8 ที่ใช้วัสดุฝาหลังเป็นกระจก ขอบอะลูมิเนียม มี 3 สีใหม่ให้เลือก ได้แก่ สีเทาสเปซเกรย์ สีเงิน และสีทอง รวมถึงยังมีปุ่มโฮมพร้อม Touch ID ให้ใช้งานสำหรับใครที่ไม่ชอบสแกนใบหน้า (Face ID)
3. สเปกยังแรง ใช้ได้อีกนา
928bet[/url]
เป็นเรื่องปกติของแอปเปิลจะทำการอัปเกรดสเปก iPhone ให้แรงขึ้นทุกครั้งที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ออกมา แต่สำหรับ iPhone 8 ที่เปิดได้เพียง 1 ปี สเปกยังคงแรงและใช้งานได้อีกนาน สำหรับสเปกของ iPhone 8 มาพร้อมซีพียู A11 Bionic แบบ 6 แกน ที่มาพร้อมคอร์ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ ซึ่งเร็วกว่าซีพียู A10 Fusion ถึง 70% และคอร์ประมวลผลการทำงาน 2 คอร์ที่เร็วขึ้น 25% พร้อมโปรเซสเซอร์ร่วม M11 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหวในตัว ส่วนจีพียูเร็วขึ้น 30% และรองรับ Augment Reality การใช้งานแอปฯ และเกมด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง (Augmented Reality) แบบเดียวกับ iPad Pro ทำงานร่วมกับซีพียูและจีพียูที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
4. กล้องด้อยกว่า iPhone X เพียงเล็กน้อย
หลายคนอาจจะกังวลเรื่องของกล้องถ่ายภาพระหว่าง iPhone 8 Plus และ iPhone X ต้องบอกเลยว่ากล้องหลังของทั้งสองรุ่นนี้ เมื่อเทียบสเปกแทบแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยตรงขนาดรูรับแสง แต่มีความละเอียดเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซลทั้งสองเลนส์ จากผลการทดสอบกล้องของ DxOMark รายงานว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีคะแนนทดสอบอยู่ที่ 92 คะแนน กับ 94 คะแนน ส่วน iPhone X มีคะแนนทดสอบรวมอยู่ที่ 97 คะแนน ในส่วนของกล้องหน้าก็มีความละเอียดเท่ากันที่ 7 ล้านพิกเซล แต่ iPhone X จะได้ฟีเจอร์ Portrait Lighting แบบเดียวกับกล้องหลัง สามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอได้ รวมถึงมีสแกนใบหน้า
5. รองรับเทคโนโลยี AR
อีกหนึ่งจุดขาย iPhone 8 ที่ถูกโชว์ในงานเปิดตัวก็คือ เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) เทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจริงเข้าไว้กับโลกเสมือนที่จะเปิดโลกให้กับผู้ใช้ iPhone ในอนาคต โดยกล้องแต่ละตัวได้รับการปรับอย่างละเอียด และมีไจโรสโคปพร้อมด้วยอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบใหม่ที่ช่วยให้ติดตามการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ ทำงานร่วมกับซีพียู A11 Bionic รองรับการติดตามโลกรอบตัว การรู้จำฉาก และจีพียูที่ช่วยให้กราฟิกทำงานได้อย่างลื่นไหลที่ระดับ 60fps ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ หรือเกม ก็ใช้งานได้เหมือน ๆ กับ iPhone X สามารถสัมผัสประสบการณ์การใช้งาน AR ได้ไม่แตกต่างกั
928bet[/url]
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 เหตุผลที่ยังทำให้ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus น่าซื้อมาใช้งานอยู่ หวังว่าพอจะช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อ iPhone รุ่นใหม่ได้บ้าง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและรูปแบบการใช้งานของเราด้วย อย่าลืม ! เลือกแบบที่คิดว่าคุ้มค่ามากที่สุดนะ
ที่มา Kapook