โกศเขมา สรรพคุณเเละประโยชน์

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โกศเขมา สรรพคุณเเละประโยชน์  (อ่าน 37 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ittipan1989
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 25925


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2018, 06:42:41 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement



โกศเขมา
ชื่อสมุนไพร  โกศเขมา
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น โกศหอม (ไทย) , ซังตุ๊ก (จีนแต้จิ๋ว) , ซางจู๋ (จีนกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Atractylodes lancea (Thunb.) DC.
ชื่อสามัญ Atractylodes
วงศ์ Compositae
ถิ่นกำเนิด
โกศขมา [/b]มีบ้านเกิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองจีนและแมนจูเรีย แถมเขตเหอหนาน เจียงซู หูเป่ย ซานตง อันฮุย เจ๋อเจียง เจียงซีเสฉวน อื่นๆอีกมากมาย แหล่งผลิตที่มีคุณภาพดีที่สุด คือ เขตเหอดกน แต่แหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุด คือ เขตหูเป่ย

ทั้งนี้ โกศเขมา มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และก็รัสเซียโดยมักจะพบหญ้า ในป่า รวมทั้งตามซอกหิน
ลักษณะทั่วไป
โกศเขมา จัดเป็นไม้ล้มลุกอายุนับเป็นเวลาหลายปี สูง30-100 เซนติเมตร เหง้าทอดนอนหรือตั้ง มีรากพิเศษขนาดเท่าๆกันเป็นจำนวนมาก โดยเหง้าค่อนข้างจะกลมหรือยาว รูปทรงกระบอกมีกลิ่นหอมยวนใจมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนติเมตร ผิวมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำ เป็นปุ่มปม เปลือกเหมือนผิวมะกรูด มีสีน้ำตาลอมเทา สีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำตาลแกมดำ มีรอยย่นและก็รอยบิดตามขวาง เนื้อในแน่น เมื่อฝานหัวออกใหม่ๆจะเป็นสีขาวขุ่นที่เนื้อใน แล้วก็มีทาสีแสดของชันน้ำมันอยู่ประปรายทั่วๆไปมีกลิ่นหอมสดชื่นเฉพาะ รสหวานอมขมนิดหน่อย และเผ็ดร้อน โดยเหง้าใต้ดินนี้เป็นส่วนที่ใช้สำหรับในการทำยาโดยจะเรียกว่า “โกฐเขมา” ส่วนลำต้นขึ้นเดี่ยวหรือเป็นกระจุก ไม่แตกกิ่งหรือแตกกิ่งเฉพาะตอนบน มีขนคล้ายใยแมงมุมเล็กน้อย
ใบเป็นใบลำพัง เรียงเวียนแผ่นใบบางเหมือนกระดาษซึ่งมีหลายแบบแต่ว่าส่วนใหญ่เป็นรูปหอกหยักซี่ฟัน ใบใกล้โดนต้นรูปไข่ กว้าง 5-8 เซนติเมตร ยาว 8-12 ซม. ขอบเรียบหรือหยักแบบขนนก 3-5 แฉก แฉกข้างรูปรีหรือรูปไข่กลับแกมรี แฉกปลายรูปกลม รูปไข่กลับ รูปไข่ หรือรูปรี ก้านใบสั้น ใบรอบๆกลางต้นรูปไข่กลับ รูปไข่กลับแกมรี รูปรีแคบ หรือรูปใบหอกกลับ
ช่อดอกออกเป็นแบบช่อกลุ่มแน่น ออกเดี่ยวหรือหลายช่อ ตามปลายกิ่ง วงใบประดับประดามี 5-7 แถวขอบมีขนคล้ายใยแมงมุมนิดหน่อย ปลายมน ใบตกแต่งวงนอกรูปไข่ถึงรูปใบหอก กว้าง 2-3 มิลลิเมตรยาว 3-6 มม. ใบตกแต่งกลางรูปไขถึงรูปไข่แกมรี หรือรูปรี กว้าง 3-4 มม. ยาว 0.6-1 เซนติเมตร ใบประดับวงในรูปรีถึงรูปแถบ กว้าง 2-3 มิลลิเมตร ยาว 1.1-1.2 เซนติเมตร ปลายใบตกแต่งในสุดอาจมีสีแดง ด้านบนของฐานดอกแบน มีเกล็ดหนาแน่น ดอกสีขาวเป็นดอกบริบูรณ์เพศ หรือดอกเพศเมียที่มีเกสรเพศผู้ลดรูป กลีบหมดจดเป็นขน สีน้ำตาลถึงขาวหม่นหมอง มี 1 แถว โคนชิดกันเป็นวง ยาว 7-8 มิลลิเมตร กลีบดอกไม้ยาวประมาณ 9 มิลลิเมตร ปลายเป็น 5 หยัก เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดที่หลอดกลีบ รังไข่อยู่ได้วงกลีบ มี 1 ช่อง ก้านยอดเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียเป็นสามเหลี่ยมมีขนนุ่ม เกสรเพศเมีย แยกเป็น 2 แฉก ผลแบบผลแห้งเมล็ดล่อน รูปไข่กลับ
การขยายพันธุ์
โกศเขมา สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เหง้า เช่นเดียวกับพืชหัวทั่วๆไป โดยเกฐเฉมาสามารถเจริญวัยเจริญในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 700-2500 เมตร และอุณหภูมิที่สมควร คือ 15-22 องศาเซลเซียส เป็นพืชซึ่งสามารถทนต่ออากาศหนาวเย็นได้ แล้วก็เป็นพืชที่มีการเจริญวัยดีเลิศ โดยสามารถเจริญเติบโตได้ในดินที่มากมายอีกทั้งบนเขา ช่องเขา ที่ราบบนเขา ซึ่งอยากได้ชั้นดินที่ดกแล้วก็ลึก เป็นดินร่วนสมบูรณ์บริบูรณ์ การระบายน้ำดี รังเกียจน้ำหลากขัง และก็จะเติบโตได้ดิบได้ดีมาก รอบๆพื้นดินที่ไม่สูงนักรวมทั้งเป็นดินร่วนคละเคล้าทราย โกศเขมาออกดอกรวมทั้งได้ผลสำเร็จตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงต.ค.มีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 2 ปี
องค์ประกอบทางเคมี โกฐเขมามีส่วนประกอบทางเคมีเป็นน้ำมันระเหยง่ายปริมาณร้อยละ 3.5-5.6 น้ำมันระเหยง่ายนี้มีสารสำคัญคือ สารเบตา-ยูเดสมอล (beta-eudesmol) สารอะแทร็กครั้งโลดิน (atractylodin), beta-selinene, alpha-phellandrene, สารไฮนีซอล (hinesol) สารเอลีมอล (elemol) และก็สารอะแทร็กทีลอน (atractylon) รวมทั้ง สารกลุ่มpolyacetyletylenes เช่น1-(2-furyl)-E-nonene-3,5-diyne-1,2-diacetata, erythro-(1,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, threo-(1,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, (3E,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, (3Z,5Z,11Z)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, (3E,5Z,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate,(3Z,5E,11E),tridecatriene-7,9-diyne-5,6-diyldiacetate,(1Z)-atractylodin,(1Z)-atractylodinol,(1Z)-acetylatractylodinol(4E,6E,12E)-tetradecatriene-8,10-diyne-1,3-diyl diacetate,4,6,12-tetradecatriene-8,10-diyne-1,3,14-สารกรุ๊ป polysacchaccharides เป็นต้นว่า arabino-3,6-galactans,galacturonic acid รวมทั้งสารกรุ๊ปอื่นๆยกตัวอย่างเช่น coumarins (osthol) วิตามินเอ (vetinol) วิตามินบี (thiamine) วิตามินดี(calcifrol) กรดไขมัน (linoleic acid, oleic acid และ palmitic acid)คุณประโยชน์/สรรพคุณ โกศเขมา เป็นสมุนไพรที่ใช้ในยาหลายตำรับมากมาย อีกทั้งในแบบเรียนหมอแผนจีนแล้วก็แผนไทย มีการการันตีอยู่ในตำรับยาแห่งประเทศเมืองจีน ฉบับคริสต์ศักราช 2000 ในชื่อ Rhimosa atractylodis สำหรับประเทศไทยก็มีการใช้มาก ตัวยาสมุนไพรที่มีการจดทะเบียนยาแผนโบราณของอย. (อ.ย.) มี โกศเขมา ถึง 1,100 ตำรับ
ซึ่งแบบเรียนตามสรรพคุณยาไทยเจาะจงไว้ว่า โกศเขมา มีกลิ่นหอมหวน รสร้อน ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ เป็นยาบำรุงกำลัง แก้โรคเข้าข้อ เป็นยาเจริญอาหาร ยาขับฉี่ แก้โรคในปากในคอ แก้หวัดคัดจมูก แก้ไข้ แก้ไข้รากสาดเรื้อรัง ระงับอาการหอบเหมือนยาอีเฟรดริน
ช่วยขับลม ใช้เป็นยาบำรุง แก้โรคในปากในคอเป็นแผลเน่า แก้เสียดแทงสองราวข้าง แก้จุกแน่น แก้อาการหอบหืด แก้ลมตะกัง แก้เหงื่อออกมากมาย แก้ขาปวดบวม ขาไม่มีแรง ปวดข้อ แก้ท้องเดิน นอกนั้นโกฐเฉมายังเป็นเยี่ยมในพิกัดโกฐอีกทั้ง 5 หีบศพทั้ง 7 และก็โกศอีกทั้ง 9 ส่วนในคุณประโยชน์ยาจีนบอกว่าแพทย์แผนจีนนิยมใช้โกฐเขมามากมาย เข้าในยาจีนหลายขนาน ตำรายาจีนว่าใช้แก้อาการท้องเสียท้องเสีย แก้อาการบวมโดยยิ่งไปกว่านั้นอาการบวมที่ขา แก้ปวดข้อ ด้วยเหตุว่าโรคข้ออักเสบ แก้หวัดแล้วก็แก้โรคตาบอดช่วงเวลาค่ำคืน
นอกจากนี้บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้โกฐเฉมาในยารักษาลักษณะโรคในระบบต่างๆของร่างกาย รวม 2 ตำรับ คือยารักษากรุ๊ปอาการทางระบบไหลเวียนเลือด (แก้ลม) ปรากฏตำรับ”ยาหอมเทพจิตร” แล้วก็ตำรับ ”ยาหอมนวโกฐ” มีส่วนประกอบของโกฐเฉมาอยู่ในพิกัดโกฐอีกทั้ง 9 ร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับมีสรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ลายตา ใจสั่น คลื่นเหียนอาเจียน คลื่นไส้ แก้ลมจุกแน่นในท้องยารักษากรุ๊ปอาการทางระบบอาหาร ปรากฏตำรับ “ยาธาตุบรรจบ” มีส่วนประกอบของโกฐเฉมาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ ใช้บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ อาการอุจจาระธาตุพิการ ท้องเดินชนิดที่ไม่มีเหตุที่เกิดจากการได้รับเชื้อ
รูปแบบ/ขนาดวิธีการใช้
ในตำรายาแพทย์แผนจีนกำหนดให้ใช้เหง้าต้ม รับประทานทีละ 3-9 กรัม แต่ว่าในบางหนังสือเรียนก็เจาะจงให้ใช้ 5-12 กรัม ส่วนในหนังสือเรียนยาไทยมักจะใช้เป็นเครื่องยาตามตำรับยา มีวิธีการตระเตรียมเหง้าโกศเขมาเพื่อใช้ทำยา 3 วิธีเป็น
1. ตากแห้ง โดยแช่เหง้โกศเขมา[/url]ในน้ำชั่วประเดี๋ยว เพื่อให้นุ่มลง แล้วหั่นเป็นแว่นครึ้มๆนำไปตากให้แห้ง จะจับตัวได้ยารสชาติเผ็ดขม อุ่น จะให้สรรพคุณ ขับความชุ่มชื้นเสริมระบบการย่อยของอาหารแก้ความชุ่มชื้นกระทบส่วนกลาง (จุกเสียด อึดอัดลิ้นปี่ อ้วก เบื่อข้าว ท้องร่วง) แก้ปวดข้อและกล้ามเนื้อ ทุเลาอาการไข้หวัดจากลมเย็นหรือความชื้น (ไข้ขึ้น หนาวๆร้อนๆปวดศีรษะ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตัว)
2. ผัดรำข้าวสาลี โดยนำรำข้าวสาลีใส่ลงในกระทะตั้งไฟปานกลางกระทั่งควันขึ้น แล้วนำเหง้โกศเขมา[/url]ตากแห้งใส่ลงไป คนอย่างเร็วกระทั่งผิวของตัวยาเป็นสีเหลืองเข้ม นำออกจากเตา แล้วร่อนเอารำข้าวสาลีออก ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นจะทำให้ความเผ็ดลดลง แต่ว่าเนื้อยาจะนุ่มนวลขึ้น และมีกลิ่นหอมหวน จะให้สรรพคุณ ช่วยรักษาลักษณะของม้ามรวมทั้งกระเพาะดำเนินงานไม่สัมพันธ์กัน (กระเพาะปฏิบัติหน้าที่ย่อยของกินจนได้สารจำเป็นจะต้อง ส่วนม้ามปฏิบัติภารกิจลำเลียงสารจำเป็นต้องนี้ไปใช้ทั่วร่างกาย) แก้เสลดหนืด แก้ต้อหิน แก้ตาบอดช่วงเวลากลางคืน
3. ผัดเกรียม โดยนำเหง้าโกศเขมาตากแห้งใส่กระทะ ผัดโดยใช้ไฟปานกลาง จนตราบเท่าผิวนอกมีสีน้ำตาลไหม้ พรมน้ำนิดหน่อย แล้วผัดต่อโดยใช้ไฟอ่อนๆจนถึงตัวยาแห้ง นำออกจากเตา ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นแล้วร่อนเอาเศษเล็กๆจะจับตัวได้ยารสออกเผ็ด จะให้คุณประโยชน์ ช่วยทำให้แนวทางการทำงานของไส้แข็งแรง แก้ท้องเดินเป็นหลัก ใช้รักษาอาการท้องเดินเนื่องจากม้ามพร่อง โรคบิดเรื้อรัง
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของไส้ การเรียนรู้ฤทธิ์ของสารสกัดเหง้าโกฐเขมา แล้วก็น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากเหง้า คือ β-eudesmol ต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก แล้วก็ช่วงเวลาที่ทำให้กระเพาะอาหารว่างในหนูเม้าส์เพศผู้ ที่ถูกกระตุ้นด้วย atropine, dopamine และก็ 5-hydroxytryptamine (5-HT)โดยให้สารสกัดโกฐเฉมาในขนาด 500 หรือ 1000 มก./กก.แล้วก็ β-eudesmol ขนาด 50 หรือ 100 มก./กิโลกรัม แล้วก็ยามาตรฐาน itopride hydrochloride ขนาด 10 หรือ 50 มิลลิกรัม/โล ผลของการทดลองพบว่าสารสกัดโกฐเขมามีฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก แล้วก็ทำให้ของกินเคลื่อนผ่านกระเพาะเร็วขึ้น ในหนูที่ถูกกระตุ้นด้วยdopamine ขนาด 1 มก./กก. รวมทั้งสารสกัดโกฐเฉมาในขนาด 1000 มก./โล และ β-eudesmol ขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโล มีฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็กในหนูที่ถูกกระตุ้นด้วยatropine แต่ไม่มีผลต่อช่วงเวลาที่ทำให้กระเพาะว่างนอกเหนือจากนั้นสารสกัดโกฐเฉมาในขนาด 500 หรือ 1000 มิลลิกรัม/โล และ β-eudesmol ขนาด 25, 50 หรือ 100 มิลลิกรัม/กก. มีฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก รวมทั้งทำให้ของกินเคลื่อนผ่านกระเพาะเร็วขึ้น ในหนูที่ถูกกระตุ้นด้วย 5-HT ขนาด 4 มก./กก.หรือ 5-HT3 receptor agonist จากงานวิจัยนี้จึงสรุปว่าสารสกัดโกฐเฉมาแล้วก็น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากโกฐเขมา เป็น β-eudesmolทำให้อาหารเคลื่อนผ่านกระเพาะเร็วขึ้น และก็กระตุ้นการเคลื่อนไหวของไส้ผ่านมายากลไลการยั้ง dopamine D2 receptor รวมทั้ง 5-HT3 receptor สามารถเอามาปรับปรุงยารักษาอาการท้องอืดเฟ้อ อาการคลื่นไส้ อึดอัดแน่นจากของกินที่อยู่ในกระเพาะ รักษาโรคกระเพาะอาหาร ซึ่งมีต้นเหตุมาจากเส้นประสาทของกระเพาะอาหารถูกทำลาย (gastroparesis) ส่งผลให้กล้ามเนื้อกระเพาะอ่อนเพลีย ทำให้ไม่สามารขับของกินให้ผ่านไปยังส่วนต้นของลำไส้ (duodenum) ได้ จึงมีของกินเหลือหลงเหลือในกระเพาะ
 
ฤทธิ์ต้านทานการปวด
 การทดลองในหนูพบว่า สาร β-eudesmol มีฤทธิ์ต้านปวดโดยยับยั้ง nicotinc Ach receptor channels ที่neuromuscular junction และก็พบว่ามีผลต่อกล้ามเนื้อของหนูที่เป็นเบาหวานมากยิ่งกว่าหนูธรรมดา
ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ สาร β-eudesmol , atractylochromene , 2-(2E0-3,7-dimethyl-2,6-octadienyl -6-methyi-2,5-cyclohexadiene-1,4-dione , 2-(2’E)-3’7’-dimethyl-2’6’-octadienyl-4-methoxy-6-methylphenol,(3Z,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diynyl-1-0-(E)-fenulate มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบโดยยับยั้งเอนไซม์ 5-lipoxygenase รวมทั้งcyclooxygenase-1
ฤทธิ์ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ สารสกัดจากเหง้าของโกฐเขมาเมื่อป้อนให้หนูแรทสายพันธุ์ sprague-dawley ซึ่งถูกรั้งนำให้กำเนิดแผลในกระเพาะอาหารโดยใช้กรด acetic acid ทำการเก็บเลือด แล้วก็เซลล์เนื้อเยื่อกระเพาะของหนู วัดระดับของ epidermal growth factor (EGF), trefoil factor 2 (TFF2), tumor necrosis factor-α(TNF-α), interleukin 6, 8 (IL-6, เจ๋ง รวมทั้ง prostaglandin E2 (PGE2) ที่เกิดขึ้น โดยใช้แนวทาง (ELISA) แล้วก็วัดการแสดงออกของ mRNA อย่างเช่น EGF, TFF2, TNF-α และก็ IL-8 ในกระเพาะอาหาร จะถูกวิเคราะห์โดยใช้วิธี real-time-PCR ผลของการทดสอบพบว่าการถูกทำลายจากกรดของเซลล์เยื่อกระเพาะลดน้อยลงและยังยั้งการสร้างสารที่เกี่ยงงอนข้องกับการอักเสบเป็นต้นว่าTNF-α, IL-8, IL-6, แล้วก็ PGE2และมีฤทธิ์ป้องกันกระเพาะอาหารโดยเพิ่มการแสดงออกของ mRNA ของ EGF, TFF2เพิ่มการผลิตEGF, TFF2
ฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิต้านทาน สารสกัดน้ำที่มีสาร polysaccharides ที่มีน้ำตาลเชิงคนเดียวเป็น galacturonic acid มีฤทธิ์กระตุ้นระบบคุ้มกันในหนูที่ติดเชื้อโรครา Candida albicans ทำให้หนูมีชีวิตรอดเพิ่มมากขึ้น และสารกรุ๊ป arabino-3,6-galactan มีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิต้านทานในหนู
ฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร สารสกัดน้ำมีฤทธิ์ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้นสารสำคัญเป็นสารกรุ๊ป polyacetylenes
ฤทธิ์ต่อต้านการขาดออกสิเจนในร่างกาย สารสกัดอะซิโตนมีฤทธิ์ต้านทานการขาดออกสิเจนในร่างกายหนูถีบจักรเนื่องด้วยสารโปแตสเซียมไซยาไนด์ สาระสำคัญคือ β-eudesmol
ฤทธิ์แก้ท้องเฟ้อเฟ้อ ฤทธิ์เพิ่มช่วงเวลาที่ทำให้กระเพาะว่าง ของน้ำมันหอมระเหยจากเหง้าโกฐเฉมา ในหนูแรทเพศผู้ สายพันธุ์วิสตาร์ ที่อยู่ในสภาวะเครียด และผลของฮอร์โมนที่ควบคุมรูปแบบการทำงานของกระเพาะอาหารและก็ไส้ ซึ่งหลั่งจากต่อมไฮโปธาลามัส หรือ corticotropin-releasing factor (CRF) ทดลองโดยป้อนน้ำมันหอมระเหยจากเหง้า ในขนาดต่างๆเป็น 30,60 รวมทั้ง 120 mg/kg ต่อวัน แก่หนูเป็นเวลา 7 วัน พบว่าไม่เป็นผลเปลี่ยนขณะที่ทำให้กระเพาะว่างในหนูธรรมดา แต่ว่ามีผลทำให้เพิ่มระยะเวลาที่ทำให้กระเพาะอาหารว่างได้ในหนูที่มีภาวะเครียด น้ำมันหอมระเหยสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมน motilin (MTL) รวมทั้ง gastrin (GAS) และก็ลดระดับ somatostatin (SS) แล้วก็ CRF อย่างมีนัยสำคัญ โดยพบว่ากลไกสำคัญเกี่ยวโยงกับระดับฮอร์โมน คือยั้งการหลั่ง CRF ซึ่งผลเหล่านี้ทำให้เพิ่มระยะเวลาที่ทำให้กระเพาะอาหารว่างเร็วขึ้น ก็เลยลดอาการป่วยหนักท้อง ท้องอืดเฟ้อจากความตึงเครียดในหนู (ภาวะเครียดทำให้แนวทางการทำงานของกระเพาะอาหารและก็ลำไส้ลดลง)
การเรียนทางพิษวิทยา
การทดลองพิษเฉียบพลันของสารสกัดเหง้าด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 โล (คิดเป็น 1,786 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) แล้วก็ให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโล ไม่พบอาการเป็นพิษ
ข้อเสนอแนะ/ข้อความระวัง
1. คนเจ็บที่มีอาการท้องเสีย ที่มีอุจจาระร่วงเป็นน้ำ ควรที่จะใช้โกศเขมาด้วยความระแวดระวัง
2. สตรีตั้งครรภ์และสตรีให้นมบุตรควรจะขอคำแนะนำหมอ และก็ผู้เชียวชาญก่อนใช้เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยในสตรีมีท้องแล้วก็สตรีให้นมบุตร
3. อาการใกล้กันที่พบได้ในผู้ที่ใช้  โกศเขมาเป็น อ้วก อาเจียน ปากแห้ง รวมทั้งมีกลิ่นปาก
4. ไม่ควรใช้โกฐเฉมาในจำนวนที่มากเกินไปหรือใช้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานเนื่องจากว่าบางทีอาจมีผลต่อระบบต่างๆของร่างกายได้
หนังสืออ้างอิง
1. วิทยา บุญวรพัฒน์.“โกฐเฉมา”.หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยมากในประเทศไทย. หน้า 102.
2. นพมาศ เสนาะเจริญนนท์.โกฐเขมา จุลสารข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ปีที่28 .ฉบับที่ 3 ม.ย. 2554.หน้า17-19
3. ชยันต์ พิเขียรสุนทร แม้มาส ชวลิต วิเชียร จีรวงศ์.คำชี้แจงแบบเรียนพระโอสถพระนารายณ์.จังหวัดกรุงเทพมหานคร: สถานที่พิมพ์อมรินทร์.2542 https://www.disthai.com/[/b]
4. “โกฐเฉมา Atractylis”. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.หนังสือสมุนไพรสวนสิรีต้นไม้. หน้า 217.
5. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2546. ประเมินผลงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยด้านพิษวิทยา ของสถาบันวิจัยสมุนไพร เล่ม 1.สถานที่พิมพ์การศาสนา:กรุงเทพฯ.
6. โกศเขมา.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ ม.อบ. (ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก http://www.thaicrudedrug.com/main.php?action=viewpaye&pid=27
7. Yu KW, Kiyohara H, Matsumoto T, Yang HC, Yamada H. lntestinal immune system modulating poly-saccharides from rhizomes of Atractylodes lancea. Planta Med 1998;64(เจ๋ง:714-9.
8. Kimura Y, Sumiyoshi M. Effects of an Atractylodes lancea rhizome extract and a volatile component beta-eudesmol on gastrointestinal motility in mice. J Ethnopharmacology. 2012;141:530-536.
9. Yu Y, Jia T-Z, Cai Q, Jiang N, Ma M-Y, Min D-Y, et al. Comparison of the anti-ulcer activity between the crude and bran-processed Atractylodes lancea in the rat model of gastric ulcer induced by acetic acid. J Ethnopharmacology. 2015;160:211-218.
10. Nakai Y, Kido T,Hashimoto K, Kase Y, Sakakibara l, Higuchi M, Sasaki H. Effect of the rhizomes of Atractylodes lancea and its constituents on the delay of gastric emptying. J Ethnopharmacol 2003;84(1):51-5.
11. Lehner MS, Steigel A, Bauer R. Diacetoxy-substituted polyacetyenes from Atractylodes lancea. Phyto-chemistry 1997;46(6):1023-8
12. Resch M, Heilmann J,Steigel A, Bauer Rauer R. Futher phenols and polyacetyenes from the rhizomes of Atractylodes lancea and their anti-inflammatory activity. Planta Med 2001;67(5):437-42.
13. Zhang H, Han T, Sun L-N, Huang B-K, ChenY-F, Zheng H-C, et al. Regulative effects of essential oil from Atractylodes lancea on delayed gastric emptying in stress-induced rats. Phytomedicine. 2008;15:602–611.
14. Chiou LC, Chang CC. Antagonism by β-eudesmol of neostigmine-induced neuromudcular failure in mouse diaphragms. Eur J Pharmacol 1992;216(2):199-206.
15. Kimura M, Nojima H, Muroi M, Kimura l. Mechanism of the blocking action of β-eudesmol on the nicotic acetylcholine receptor channel in mouse skeletal muscles. Neuropharmacology 1991;30(เจ๋ง:835-41.
16. Kimura M, Tanaka K, Takamura Y, Nojima H, Kimura l, Yano S, Tanaka M. Structural componets of beta-eudesmol essential for its potentiating effect on succinylcholine-induced neuromuscular blockade in mice. Biol Pharm Bull 1994;17(9): 1232-40.
17. Yamahara J, Matsuda H, Naitoh Y, Fujimura H, Tamai Y. Antianoxic action and active constituents of atractylodis lanceae rhizome. Chem Pharm Bull 1990;38(7):2033-4.
18. Lnagaki N, Komatsu Y, Sasaki H, Kiyohara H, Yamada H, lshibashi H, Tansho S, Yamaguchi H, Abe S, Acidic polysaccharides from rhizomes of Atractylodes lancea as protective principle in Candida-lnfected mice. Planta Med 2001;67(5):428-31.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 86


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2018, 03:28:18 pm »

โกศเขมา สมุนไพรที่ควรรู้จัก

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ