Advertisement
เกาะสีเกลียดเป็นเกาะขนาดใหญ่ในอ่าวไทย ตั้งอยู่นอกชายฝั่งอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ห่างจากจังหวัดกรุงเทพมหานคร ไปราวๆ 117 กม. เดินทางเลวระยะไม่เกิน 3 ชั่วโมง (รวมเวลานั่งเรือราว 45 นาที) ก็ถึงที่หมายแล้ว
สนิทสนมกรุงเทพเสียขนาดนั้น แต่ว่าไม่ยักได้เคยไปเยือนสักที
ชื่อนี้มีที่มา
ชื่อสีชังนั้นแปลก แถมโยงใยไปได้ถึงหลายภาษา
บ้างก็ว่ามาจากภาษาจีน เพราะเหตุว่ามีชาวจีน 4 นายที่ย้ายถิ่นมายังประเทศไทย ได้ตั้งรกร้างอาศัยอยู่บนเกาะ จนถึงเรียกเกาะนี้ว่า “ซี่ชั่น” ที่มีความหมายว่า 4 เพื่อน แต่ทว่าเสียงที่ออกยากสำหรับคนประเทศไทย ก็เลยเปลี่ยนเรียกเป็น “สีเกลียด”
อีกด้านหนึ่งว่ากันว่า มาจากคำบาลี “สีห์เกลียดฆ์” ที่มีความหมายว่า แข้งราชสีห์ ด้วยเหตุว่าสัญฐานของรูปเกาะมองดูแต่ไกลเหมือนสิงห์หมอบ
อีกคาดคะเนหนึ่ง คาดการณ์ว่ามาจากภาษาเขมร เนื่องจากว่าในสมัยอยุธยาเรียกเกาะนี้ว่า “สระชง” ที่ผิดเพี้ยนมาจากคำว่า “สทึง” ในภาษาเขมร ที่หมายความว่า ห้วงน้ำลึก
ถิ่นสุขกาย สุขใจ
สีชังเป็นเกาะเดียวในประเทศไทยที่มีสถานะเป็นอำเภอ รวมทั้งเป็นเกาะเดียวในประเทศไทยที่มีราชสำนัก แล้วก็มีในหลวงถึงสามพระองค์เคยเสด็จฯ แปรพระราชฐาน
ถิ่นสุขกายสุขใจด้วย ถิ่นดี
จิตรโปร่งปราศราคี เปียกชื้น
สองสุขที่ชาวสี – เกลียดเกาะ นี้แฮ
อายุย่อมยืนพื้น แม้กระนั้นร้อยเรือนริม
เป็นบทกลอนบางส่วนจาก “บันทึกเหตุการณ์เสด็จฯ เที่ยวเมืองจันท์ พ.ศ. 2419” พระราชนิพนธ์ใน “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สะท้อนให้เห็นประสิทธิภาพอากาศ และก็คุณภาพชีวิตที่ดีของชาวเกาะ ที่ทำให้พระเจ้าแผ่นดินถึงสามพระองค์ ดังเช่นว่ารัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 เสด็จเดินทางมายังที่นี่อยู่เนืองๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงโปรดให้สร้างพระจุฑาธุชราชฐานเพื่อเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานบนเกาะ จนถึงเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับประเทศฝรั่งเศส รศ.112 มีกองกำลังทหารประเทศฝรั่งเศสบุกขึ้นเกาะสีชิงชังแล้วก็ปิดอ่าวไทย จึงได้ยกเลิกราชสำนักนี้ไปท้ายที่สุด
เมื่อนั่งเรือมาถึงเกาะสีชิงชัง ในฐานะนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมคราวแรก ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ที่มองเห็นสะดุดตาแต่ไกล เห็นจะเป็นประภาคารของกรมศุลกากร ที่ดูประหลาดตาทีเดียว เพราะเหตุว่าข้างบนที่เป็นหอสังเกตการณ์นั้น หลังคาสร้างเป็นทรงเก๋งจีน ใส่รับกับเขาคยาศีรษะที่อยู่ถัดห่างไปไม่ไกล เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ที่ อาคารสถานที่สร้างแบบสถาปัตยกรรมจีนผสมกับไทยเมื่อกวาดสายตามองในภาพรวม สีแดงบาดตาจึงเป็นสีต้อนรับผู้มาเยือนกลายๆ
กระโจมไฟของกรมศุลกากร
บริเวณท่าเรือจะมีคิวรถสกายแลป (รถสามล้อรถตุ๊กๆผสมรถจักรยานยนต์) จอดรอให้บริการนักท่องเที่ยวเที่ยวรอบเกาะ ในราคา 250 บาทโดยสถานที่เที่ยวสำคัญที่หยุดแวะพาชมเป็นศาลเจ้าบิดาเขาใหญ่ ช่องเขาขาด พระจุฑาธงราชฐาน รวมทั้ง หาดถ้ำพังทลาย
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
สำหรับผู้มาเยือนต่างแดน การเข้าสักการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำถิ่นนับเป็นการแสดงออกถึงความนับถือต่อสถานที่ การเที่ยวรอบเกาะโดยรถสกายแลปก็เลยเริ่มต้นด้วยการนำเราไปไหว้สัการะเจ้าพ่อเขาใหญ่ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวเกาะสีชิงชัง
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ตั้งอยู่บน เขาคยาศิระที่เป็นเขาหินสูงด้านเหนือของตัวเกาะ เกาะสีเกลียดนั้นเว้นแต่เป็นถิ่นสุขกาย ถิ่นดี ที่มีอากาศบริสุทธิ์เหมาะสมแก่การตากอากาศแล้ว ยังตั้งอยู่บนเส้นทางเดินเรือทะเล เป็นแหล่งถ่ายสินค้าสำคัญแห่งเดียวในประเทศที่ไม่จำเป็นต้องใช้ท่าเรือ เนื่องจากว่าร่องน้ำในทะเลลึกมากพอที่เรือผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่เข้าเทียบท่าได้โดยไม่เกยตื้น อีกทั้งอยู่ห่างจากริมฝั่งออกไปเพียงแต่ 12 กม.เพียงแค่นั้นใกล้กับปากแม่น้ำเจ้าพระยา และก็มีภูเขาสูงบังคลื่นลมก้าวหน้า ก็เลยมีพ่อค้าเรือสำภาต่างประเทศขนสินค้ามาค้าขายมากมาย ในหมู่พ่อค้าที่เป็นชาวจีน ได้มองเห็น รอบๆเขาคยาศีรษะในช่วงค่ำจะปรากฏแสงไฟผ่องใส จึงได้เข้าไปตรวจพื้นที่ พบถ้ำที่มีหินรูปของเจ้าพ่อเขาใหญ่ในลักษณะนั่งประทับอยู่ จึงเกิดศรัทธาแรงกล้า กระทำสักการะบนบานศาลกล่าวขอให้กิจการค้าเจริญก้าวหน้า เมื่อประสบความสำเร็จ พวกเขาจึงก่อสร้างศาลเจ้าบิดาเขาใหญ่ขึ้นข้างในถ้ำ ซึ่งมีลักษณะประสมประสานระหว่างสถาปัตยกรรมจีนรวมทั้งไทย
ทางขึ้นไปยังศาลเจ้าบิดาเขาใหญ่ จำเป็นจะต้องเดินขึ้นบันไดมังกรทองคำไปราวๆ 200 เมตร ด้านบนนั้นนอกจากมีศาลเจ้าบิดาเขาใหญ่แล้ว ยังมีศาลองค์ทวยเทพเห้งเจีย รวมทั้งทวยเทพอื่นๆให้สักการะบูชา
หินรูปเจ้าพ่อเขาใหญ่
ศาลเทพเจ้าเห้งเจีย
ช่องอิศริยาภรณ์ ( หุบเขาขาด )
ช่องอิศริยาภรณ์ หรือเรียกกันชินปากว่า หุบเขาขาด เป็นจุดสำหรับชมวิวที่มองเห็นทั้งผารวมทั้งท้องทะเล เชื่อมต่อกับแหลมมหาพระอินทร์ มีสะพานทางเดินขอบเขาเลื้อยไปถึงตัวแหลม กลางทางลองพักผ่อนเป็นระยะ แล้วเหลียวมองไปรอบด้านจะมีความเห็นว่าภาพทิวทัศน์เปลี่ยนไปตลอดทาง ทำให้การเดินเล่นชมเป็นไปอย่างเพลิดเพลิน ก็เลยไม่ประหลาดใจเลยที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเลือกที่นี่เป็นที่สร้าง “ที่แลราชโกษา” สำหรับเป็นที่ประทับเพื่อชมพระอาทิตย์ตก
พระจุฑาธงราชฐาน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับ ยังเกาะสีชังเป็นระยะเวลานาน แล้วก็หลายครั้ง ทรงโปรดให้สร้างสาธารณสถานเยอะมากๆ เพื่อผลดีแก่ชาวเกาะสีเกลียดแล้วก็ผู้มาเยืน เป็นต้นว่าเรือนพักฟื้นผู้เจ็บป่วยกระโจมไฟ สะพาน ถนน บ่อน้ำ รวมทั้งสถานศึกษา ฯลฯ กระทั่งในที่สุดกรุณาให้สร้างราชสำนักเพื่อเป็นที่ประทับและก็ทรงงานขณะเสด็จแปร และก็ตั้งชื่อว่าพระจุฑาธงราชฐาน ตามชื่อพระบุตรชายของพระองค์ที่ประสูติตรงนี้ จนถึงเกิดกรณีที่มีการพิพาทระหว่างไทยกับประเทศฝรั่งเศส รองศาสตราจารย์112 (พ.ศ. 2436) มีกองกำลังทหารประเทศฝรั่งเศสบุกขึ้นเกาะสีชังและก็ปิดอ่าวไทย ก็เลยมิได้เสด็จมาประทับตรงนี้อีกเลยจนสิ้นรัชกาล บรรดาพระที่นั่ง พระตำหนักที่สร้างด้วยไม้นั้น กรุณาให้รื้อถอนนำไปสร้างที่อื่นๆ แม้กระนั้นไม่ปรากฏหลักฐานว่าไปสร้างที่แห่งไหนบ้าง เว้นแต่ว่าพระที่นั่งมันธาตุ รัตนโรจน์ที่นำไปสร้างใหม่ที่พระราชวังดุสิต แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า พระที่นั่งวิมานเมฆเป็นการยกเลิกพระราชวังที่เกาะสีชิงชัง หลงเหลือแม้กระนั้นตึกเริ่มแรกที่มิได้รื้อถอนจำนวน 5 ข้างหลังเช่น เรือนไม้ชายทะเลอาคารผุดผ่องศรี อาคารอภิรมย์ ตึกวัฒนาและก็พระอุโบสถวัดอัฏฏางคนิมิตร ที่ยังคงรักษาไว้เป็นอย่างดี เปิดให้พสกนิกรทั่วๆไปได้เข้าชม รวมทั้งมีการนำเสนองานมหกรรมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชฐาน
เมื่อเข้าไปในเขตวังจะมียุวมัคคุเทศน์ตัวน้อยๆมาเสนอตัวพานำเที่ยวชม ดูแข็งขัน และมานะอธิบายข้อมูลต่างๆอย่างเต็มความสามารถ โดยเริ่มการเที่ยวดูโดยการพาไปยังพลับพลาพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ซึ่งเด็กน้อยเจื้อยแจ้วอย่างภูมิใจว่า พระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ของที่นี่ทรงอยู่ในอริยาบถสบายๆผลินพระพักตร์ไปยังท้องทะเล เหมือนจะสื่อว่าท่านสบายใจแค่ไหนสำหรับในการที่ได้แปรพระราชฐานมาประทับยังที่นี่
พลับพลาพระรูปรัชกาลที่ 5
พระอุโบสถวัดอัษฏางคนิมิตร
เรือนวัฒนา ที่พักฟื้นสำหรับทั้งคนประเทศไทยและคนต่างประเทศ
เรือนไม้ชายทะเล
ร่องรอยของพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ที่ถูกรื้อถอนนำไปสร้างใหม่ที่วังดุสิต
แล้วต่อจากนั้นยุวมัคคุเทศน์ของพวกเราจึงพาเที่ยวดูตึกด้านในเขตวังกระทั่งครบ รวมไปถึงลานสรง และบ่อน้ำ แล้วก็ที่พลาดมิได้อีกที่หนึ่งเป็นสะพานอัษฏางค์ สะพานที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย สะพานไม้สักสีขาวที่สร้างทอดลงไปยังทะเลข้างหน้าเขตพระราชฐาน ซึ่งรัชกาลที่ 5 ได้พระเจ้าแผ่นดินทานเงินส่วนพระองค์กระทำการสร้างสะพานนี้ด้วยมีความคิดเห็นว่า ในเวลาที่น้ำลง เรือเข้าจอดได้ไม่ถึงชายหาดทำให้ประชากรจำเป็นต้องเดินลุยน้ำแล้วก็ถูกหอยบาดเท้าได้รับบาดเจ็บ ชื่ออัษฏางค์นั้น เป็นการตั้งชื่อตามโอรสของท่าน ที่ได้เสด็จมาประทับรักษา ท่านจากอาการล้มป่วยจนหาย
หาดถ้ำพังทลาย
ชายหาดถ้ำพังเป็นหาดเดียวบนเกาะสีเกลียดที่มีชายหาดละเอียด ลงเล่นน้ำได้ ในขณะที่หาดทรายอื่นเต็มไปด้วยหินขุรขระตรงนี้ก็เลยเป็นจุดหมายสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเล่นน้ำทะเล อีกทั้งรอบๆชายทะเลเองมีห้องอาหาร ร้านขายของเยอะมากให้บริการอำนวยความสะดวก
ขณที่รถยนต์สกายแลปเข้าไปหยุดนบนลาดจอดรถข้างบน มองลงไปยังหาดทรายระดับล่าง แลเห็นอ่าวโค้ง ริมทะเลขาวละเอียดสวยงามอย่างแจ่มแจ้ง ถ้าไม่อยากมาเล่นน้ำ เพียงแค่มาเดินดูทิวทัศน์ เดินย่ำไปตามริมหาดก็เพลิดเพลินแล้ว
เวลา 24 ชั่วโมง บนเกาะสีชังทำให้รู้ว่ามีเรื่องราวย้อนอดีตมากมายบนดินแดนสุขกาย สุขใจ ที่นี้ที่ไม่รู้มาก่อน
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
2017tvdy.comTags : 2017tvdy.com,2017tvdy