Advertisement
7 Steps ลดปวดอุ้งเชิงกราน ช่วงตั้งครรภ์
เมื่อคุณแม่อยู่ในอิริยาบถเดิม ๆ เช่น ยืนหรือนั่งนาน ๆ แล้วมีอาการปวดหลัง เอว ก้นกบ จนถึงบริเวณอุ้งเชิงกราน สัญญาณเหล่านี้คืออาการปวดเรื้อรังซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อมได้ค่ะ
7 สาเหตุปวดอุ้งเชิงกราน
อาการปวดที่บริเวณอุ้งเชิงกรานเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 5-6 เดือนไปจนถึงช่วงหลังคลอด เมื่ออายุครรภ์เพิ่มมากขึ้น มดลูกและน้ำหนักตัวลูกจะทำให้ท้องคุณแม่มีขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่ช่วยป้องกันร่างกายคุณแม่ไม่ให้ล้มไปด้านหน้าคือกล้ามเนื้อบริเวณหลังที่ช่วยยืดกระดูกสันหลังทำหน้าที่ดึงรั้งให้ตัวคุณแม่โน้มมาในแนวตรงดังเดิม ซึ่งกระดูกสันหลังนั้นยืดติดกับกระดูกเชิงกราน ทำให้กระดูกบริเวณนี้ต้องทำงานหนัก จนเกิดอาการปวดร้าวได้ค่ะ
โดยสาเหตุหลักของอาการปวด คือ
1.น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากช่วงตั้งครรภ์ โดยทั่วไปคุณแม่ตั้งครรภ์ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15 กิโลกรัม แต่ถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ จะทำให้กระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกรานต้องออกแรงมากขึ้นในการพยุงน้ำหนักของคุณแม่และลูกน้อย จนอาจเกิดอาการปวดอุ้งเชิงกรานได้
2.อายุที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่ ถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์ตอนอายุมาก สภาพความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่นของร่างกายก็จะลดน้อยลง กล้ามเนื้อที่ใช้ยืดบริเวณอุ้งเชิงกรานก็จะรับน้ำหนักได้ไม่ดี
3.ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้น ช่วงตั้งครรภ์ 5-6 เดือน ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนี้มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพื่อเตรียมยืดขยายสำหรับให้ลูกน้อยเคลื่อนผ่านช่องคลอดได้ง่ายขึ้น ทั้งยังส่งผลให้กล้ามเนื้อที่ยืดอุ้งเชิงกรานอีกด้วย ทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง กระดูกเชิงกรานต้องแบกรับน้ำหนักมากขึ้น อาการปวดก็จะตามมา
4.พื้นฐานเดิมของคุณแม่ ถ้าก่อนตั้งครรภ์คุณแม่เป็นคนที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ จะพบกับปัญหาการปวดกระดูกเชิงกรานน้อยกว่าคนที่อ้วนหรือกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงค่ะ
5.พฤติกรรมระหว่างตั้งครรภ์ ทั้งท่านั่ง ท่านอน ท่ายืน มีผลต่อกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานแทบทั้งสิ้น เช่น คุณแม่ที่ท้องใหญ่แล้วต้องมาก้ม ๆ เงย ๆ ยกของ จะทำให้กระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกรานถูกดึงรั้งจึงทำให้เกิดอาการปวดหลังคลอดได้มากยิ่งขึ้น
6.ตั้งครรภ์ในท้องหลัง ๆ กรณีคุณแม่ที่เคยคลอดลูกมาแล้วหลายคน กล้ามเนื้อจะหย่อนยานมากกว่าคุณแม่ท้องแรก เมื่อต้องรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแต่กล้ามเนื้อขาดความแข็งแรงก็จะปวดรุนแรงกว่าค่ะ
7.ชอกช้ำจากการคลอด เช่น ทารกมีขนาดตัวใหญ่ทำให้คลอดยากหรือต้องเบ่งคลอดนาน ส่งผลให้กระดูกเชิงกราน และกล้ามเนื้อรอบ ๆ ชอกช้ำ ทำให้มีอาการปวดได้
ถ้าหากคุณแม่มีอาการปวดกระดูกเชิงกรานเรื้อรัง อาจทำให้กล้ามเนื้อที่ยืดขยายรับน้ำหนักได้ไม่ดี ส่งผลกระทบต่อหมอนรองกระดูกที่จะเสื่อมเร็ว มีโอกาสที่หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท เมื่อกระดูกต้องแบกรับน้ำหนักมากโดยขาดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมาช่วยพยุงน้ำหนัก อาจทำให้กระดูกผุกร่อนจนนำไปสู่ภาวะกระดูกพรุนได้ในระยะยาวค่ะ
7 Steps ปวดอุ้งเชิงกราน
1.หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง เพราะรองเท้าส้นสูงทำให้น้ำหนักตัวของเราโน้มมาด้านหน้ากระดูกสันหลัง และกล้ามเนื้อจะต้องทำงานหนักในการดึงตัวกลับมาทรงตัวอยู่ในแนวตรงได้ตามปกติ อาการปวดก็จะเพิ่มขึ้น
2.ไม่นอนเตียงที่นิ่มเกินไป เพราะจะทำให้หลังไม่ตรง กระดูกเชิงกรานต้องรับน้ำหนักเพิ่ม ทำให้มีอาการปวดมากขึ้น ถ้ามีอาการปวดที่รุนแรงแนะนำให้นอนบนพื้น ซึ่งใน 2-3 วันแรก จะรู้สึกปวดเวลาต้องนอนที่พื้นแข็ง ๆ แต่เมื่อกระดูกสันหลังตรงแล้วก็จะหายปวดได้
3.รักษาแกนร่างกายให้ตรง ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง นอน ยืน โดยควรปฏิบัติมาตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ เช่น หากคุณแม่ตั้งครรภ์จะต้องก้มหยิบของ ควรย่อเข่าลงไปทั้งตัว เพื่อเป็นการผ่อนน้ำหนักไม่ให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำงานหนักเกินไป รวมทั้งเวลานอนก็ควรนอนตะแคงและนำหมอนมารองระหว่างขาเพื่อช่วยรองรับน้ำหนักให้สมดุลยิ่งขึ้น
4.บริหารอุ้งเชิงกราน โดยฝึกขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเหมือนการกลั้นปัสสาวะ เกร็งไว้ประมาณ 10 วินาที โดยทำวันละ 20-30 ครั้ง หรืออาจทำท่าคุกเข่าลงให้ไหล่ หลัง และก้น อยู่ในระดับเดียวกัน จากนั้นยกตัวขึ้นเกร็งไว้ประมาณ 10 วินาที ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้น
5.ประคบร้อนและเย็น [url=http://www.kapaonamron.com]การประคบร้อ