กระทู้ล่าสุดของ: nainai1199o

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1] 2 3 4
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: ขายมะรุม ทุเรียน ราชาแห่งผลไม้กับประโยชน์ไม่ธรรมดา เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2018, 05:03:04 pm
ประโยชน์มะรุม
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: ขายเห็ดหลินจือ มะเขือเทศเป็นผักหรือผลไม้ ? เมื่อ: ตุลาคม 20, 2018, 02:08:11 pm
จำหน่ายเห็ดหลินจือ
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / บัวบกเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์เเละสรรพคุณ เมื่อ: สิงหาคม 25, 2018, 09:37:19 am
[/b]
บัวบ[/size][/b]
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เติบโตในแถบประเทศอินเดีย แอฟริกา และเอเซียอาคเนย์ ใบรวมทั้งลำต้นนำมาใช้เป็นยารักษาโรคตามแพทย์แผนโบราณของอินเดียและจีนมาอย่างช้านาน ใช้รักษาหลายโรค ได้แก่ โรคซิฟิลิส โรคหอบหืด หรือโรคสะเก็ดเงิน แล้วก็ยังนำมาเข้าครัวได้อีกด้วย
ใบบัวบก
ใบ[url=http://www.disthai.com/16913509/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81]บัวบก
ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์หลักที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอยู่หลากหลายประเภท ได้แก่ ซาโปนิน (Saponin) หรือไตรเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) ทวีปเอเชียติเตียนโคไซด์ (Asiaticoside) กรดทวีปเอเชียตำหนิก (Asiatic Acid) มาเดแคสโซไซด์ (Madecassoside) และกรดมาดีคาสสิค (Madecassic Acid) ก็เลยทำให้ประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์ โดยเชื่อว่ามีสรรพคุณหลายอย่าง เป็นต้นว่า ทุเลาอาการอักเสบ ถ้าใช้รับประทานอาจมีคุณสมบัติช่วยลดความดันเลือดในเส้นเลือดดำ และก็ประยุกต์ใช้รักษาโรคหรืออาการที่มีเหตุมาจากการต่อว่าดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตต่างๆดังเช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ การติดเชื้อที่ระบบทางเดินฉี่ โรคงูสวัด โรคเรื้อน อหิวาต์ โรคบิด โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคพยาธิใบไม้ในเลือด ฯลฯ ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีความเห็นกันว่าถ้าใช้ใบบัวบกทาที่ผิวหนังบางทีอาจช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นหัวใจหลักสำหรับการสมานรอยแผล ลดเลือนรอยแผลเป็น รวมทั้งปัญหาท้องลายที่เกิดจากการท้อง แต่ว่าข้อยืนยันหรือหลักฐานทางการแพทย์มีมากมายน้อยมีมากน้อยเท่าใดที่จะช่วยยืนยันความเชื่อถือ คุณประโยชน์ และก็ความปลอดภัยของใบบัวบกสำหรับการรักษาโรคพวกนี้
การดูแลและรักษาด้วยใบบัวบกที่อาจได้ผล
เส้นโลหิตขอด มีการเรียนรู้ชิ้นหนึ่งรายงานว่าใบบัวบกอาจมีส่วนช่วยทำนุบำรุงและก็สร้างสมดุลสำหรับในการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อเกี่ยวข้อง (Connective Tissues) เพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นเลือด มีผลต่อความดันในเส้นเลือดฝอยแล้วก็เส้นเลือดขอด ลดอัตราการกรองของเส้นเลือดฝอยโดยปรับแก้การไหลเวียนของโลหิต นอกนั้น ยังมีการศึกษาโดยการทบทวนงานค้นคว้าวิจัยที่เกี่ยวพัน 8 ชิ้นเกี่ยวกับการรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบกในคนเจ็บที่มีปัญหาเส้นโลหิตขอดเรื้อรัง พบว่าอาการปวดขา ขาหนัก รวมทั้งอาการบวมน้ำทุเลาลงอย่างเป็นจริงเป็นจัง แม้สารสกัดจากใบบัวบกอาจช่วยทุเลาอาการคนไข้เส้นโลหิตขอดเรื้อรังลงได้ แต่ว่าจากงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยกล่าวว่าข้อสรุปข้างต้นจะต้องแปลความหมายด้วยความรอบคอบเนื่องด้วยความจำกัดต่างๆของงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัย และยังจำเป็นต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาหลักฐานที่มีความถูกต้องชัดเจนและก็มีคุณภาพมากพอในการประเมินความสามารถการดูแลและรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบก
การดูแลและรักษาด้วยใบบัวบกที่เป็นได้ แม้กระนั้นยังมีหลักฐานส่งเสริมไม่พอ
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง (Atherosclerosis) ใบบัวบกบางทีอาจช่วยสำหรับเพื่อการลดปริมาณไขมันในเส้นโลหิตได้ จากการเล่าเรียนชิ้นหนึ่งโดยให้อาสาสมัครโรคเส้นโลหิตแดงแข็งที่ไม่แสดงอาการกลุ่มหนึ่งทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกเป็นเวลา 6 เดือน รวมทั้งอีกกลุ่มไม่รับประทาน แล้วตรวจค้นความหนาแน่นของไขมันหรือพลัค (Plagues) ที่เกาะอยู่ตามเยื่อบุของหลอดเลือด พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของอาสาสมัครทั้งยัง 2 กลุ่มไม่ได้แตกต่างกัน แต่ในกรุ๊ปที่ทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกพบว่า อนุมูลอิสระในเลือดลดลง ปริมาณไขมันหรือพลัคที่เส้นโลหิตแดงใหญ่ที่คอและขาลดลง รวมถึงรูปแบบของพลัคทั้งยังความครึ้มรวมทั้งความยาวก็น้อยลงด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังไม่เจออาการที่ไม่ปรารถนา สามารถทนต่ออาการใกล้กันได้ แล้วก็มีการบันทึกผลการตรวจเลือดบ่อยๆ เพราะว่าหลักฐานส่งเสริมคุณลักษณะของใบบัวบกต่อโรคหลอดเลือดแดงแข็งยังน้อยเกินไป ก็เลยต้องศึกษาต่อไป
ป้องกันลิ่มเลือด การรับประทานใบบัวบกบางทีอาจช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดลิ่มเลือดที่ขาซึ่งเกิดจากการโดยสารเครื่องบินเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จากหลักฐานที่ได้รับการพัฒนาเสนอแนะว่าใบบัวบกบางทีอาจช่วยลดของเหลวและก็เพิ่มการไหลเวียนเลือดในคนที่โดยสารเครื่องบินติดต่อกันนานกว่า 3 ชั่วโมง แม้กระนั้น ยังไม่เป็นที่เด่นชัดว่าการเล่าเรียนชิ้นนี้จะหมายถึงการลดการสะสมของลิ่มเลือด ด้วยเหตุว่าหลักฐานส่งเสริมคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการปกป้องคุ้มครองลิ่มเลือดยังน้อยเกินไป ก็เลยจึงควรศึกษาต่อไป
กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวาน งานศึกษาเรียนรู้หนึ่งให้ผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดฝอยปริมาณ 50 คน รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีสารสามเทอร์พีนอยด์เป็นหัวใจสำคัญ ขนาด 60 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวันตรงเวลา 6 เดือน เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก พบว่าสารไตรเทอร์พีนอยด์ของใบบัวบกมีคุณประโยชน์ต่อการไหลเวียนเลือดในเส้นเลือดฝอยของคนไข้เบาหวาน แม้กระนั้นหลักฐานเกื้อหนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการไหลเวียนของโลหิตยังไม่พอ จึงจึงควรศึกษาต่อไป
แผลโรคเบาหวาน มีการทำการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของการรับประทานสารสกัดจากใบบัวบกต่อแผลเบาหวาน โดยแบ่งคนป่วยเบาหวานจำนวน 200 คนออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งกินสารเอเชียว่ากล่าววัวไซด์ซึ่งเป็นสกัดจากใบบัวบกขนาด 50 มิลลิกรัม และอีกกรุ๊ปรับประทานยาหลอกจำนวน 2 แคปซูลข้างหลังมื้อของกินวันละ 3 ครั้ง และก็มีการประเมินผลทุก 7 วัน พบว่าแผลของผู้เจ็บป่วยที่กินสารสกัดจากใบบัวบกมีการหดรั้ง (Wound Contraction) ที่ดียิ่งกว่าและไม่เจอผลข้างเคียง หรือกล่าวได้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจมีคุณภาพในการสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และก็สามารถใช้ได้โดยสวัสดิภาพโดยไม่เกิดผลข้างๆ แม้กระนั้นเหตุเพราะหลักฐานสนับสนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการดูแลและรักษาแผลโรคเบาหวานยังน้อยเกินไป ก็เลยจึงควรศึกษาต่อไป
รอยแผล สารออกฤทธิ์ของใบบัวบก ดังเช่นว่า ทวีปเอเชียตำหนิวัวไซด์ กรดเอเชียว่ากล่าวก มาเดแคสโซไซด์ แล้วก็กรดมาดีคาสสิค เป็นสารช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในร่างกายรวมทั้งอาจมีความสามารถในการรักษาแผลต่างๆทั้งยังแผลขนาดเล็ก แผลไฟไหม้ แผลเป็นจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคหนังแข็ง รวมทั้งแผลเป็นแบบนูน ซึ่งจากงานศึกษาเรียนรู้วิจัยชิ้นหนึ่งได้แนะนำว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกรอบๆผิวหนังหลังจากเย็บแผลแล้ว 2 ครั้งต่อวัน ตลอดนาน 6-8 อาทิตย์ อาจช่วยลดการเกิดแผลเป็นได้ รวมถึงแผลแบบนูนหรือคีลอยด์ แต่ว่าเพราะว่าหลักฐานเกื้อหนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อแผลเป็นยังน้อยเกินไป ก็เลยควรต้องศึกษาต่อไป
ท้องลาย จากการมีครรภ์ ได้มีการค้นคว้าวิจัยชี้แนะให้คนที่กำลังมีครรภ์ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี และคอลลาเจน บ่อยๆทุกวี่วันในตอน 6 เดือนท้ายที่สุดก่อนที่จะมีการคลอด ซึ่งอาจช่วยปัญหารอยแตกได้ นอกจากนี้ ยังมีการทดลองโดยให้หญิงมีครรภ์ปริมาณ 100 คน ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี แล้วก็คอลลาเจน-อีลาสติน ไฮโดรไลเซท ทาบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของใบบัวบกอาจจะก่อให้กำเนิดรอยแตกหรือท้องลายน้อยกว่าในกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก แต่ว่าเหตุเพราะหลักฐานช่วยเหลือคุณสมบัติของใบบัวบกต่อรอยแตกหรือท้องลายยังไม่แน่นอน จึงจำเป็นต้องศึกษาต่อไป
ลดความรู้สึกกลุ้มใจ การดูแลและรักษาแบบหมอแผนจีนมีการนำใบบัวบกมาใช้เพื่อทุเลาอาการเหงาหงอยแล้วก็ความวิตกกังวล ซึ่งสอดคล้องกับการเล่าเรียนทดสอบชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับความสามารถของใบบัวบกสำหรับเพื่อการลดความรู้สึกหนักใจ โดยสุ่มให้อาสาสมัครกินใบบัวบกในจำนวน 12 กรัมหรือรับประทานยาหลอก จากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าใบบัวบกมีฤทธิ์ต้านความรู้สึกหนักใจ ช่วยลดความตึงเครียด แต่ว่ายังคงจะต้องเล่าเรียนเสริมเติมถัดไปถึงคุณภาพของใบบัวบกสำหรับเพื่อการรักษาโรคไม่สบายใจ
โรคและอาการอื่นๆดังเช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นลมแดด การติดเชื้อฟุตบาทเยี่ยว โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน ท้องร่วง อาหารไม่ย่อย ซึ่งยังจำต้องทำการศึกษาเรียนรู้หาประสิทธิภาพแล้วก็ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรักษาถัดไป
[/b]
ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานใบบัวบก
 การใช้สารสกัดจากใบ[url=http://www.disthai.com/16913509/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81]บัวบก[/url]ทาบริเวณผิวหนังอาจมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แม้กระนั้นการรับประทานใบบัวบกบางทีอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก คนที่กำลังท้อง หรือคนที่อยู่ในตอนให้นมลูก เพราะยังไม่มีหลักฐานด้านการแพทย์เพียงพอที่จะเกื้อหนุนถึงเรื่องความปลอดภัยอีกทั้งต่อเด็ก มารดา หรือลูกในท้อง
การกินใบบัวบกบางทีอาจเป็นต้นเหตุให้กำเนิดความเสื่อมโทรมต่อตับ ด้วยเหตุผลดังกล่าวผู้ที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับไม่ควรรับประทานใบบัวบก เพราะเหตุว่าอาจจะส่งผลให้อาการต่างๆแย่ลงได้ รวมถึงไม่ควรกินใบบัวบกร่วมกับยาที่ส่งผลต่อตับในกลุ่มเหล่านี้ อาทิเช่น พาราเซตามอล อะไม่โอดาโรน คาร์บามาซีป่ายปีน ไอโซไนอะซิด ซิมวาสแตติน ฯลฯ
การกินใบบัวบกในจำนวนมากอาจจะเป็นผลให้รู้สึกง่วงนอนได้มากกว่าปกติ หรือถ้าหากกินร่วมกับยานอนหลับหรือยาความไม่สบายใจน้อยลง ตัวอย่างเช่น โคลนาซีแพม ลอราซีแพม ฟิโนบาร์บิทอล และก็โซลพิเดม
ควรหยุดกินใบบัวบกอย่างน้อย 2 สัปดาห์สำหรับคนที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากว่าบางทีอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้สำหรับในการผ่าตัดและอาจทำให้รู้สึกง่วงนอนได้มากขึ้น
ควรหารือแพทย์ก่อนกินใบบัวบก ถ้าเกิดอยู่ในช่วงการใช้ยาหรืออาหารเสริมจำพวกอื่นๆอยู่เป็นประจำ เพราะว่าอาจจะเป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่ปรารถนาถ้ากินใบบัวบกในระหว่างการรักษาของคนป่วยโรคตื่นตระหนก คนป่วยโรคเบาหวาน คนที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง คนป่วยอัลไซเมอร์ รวมถึงผู้ที่ใช้ยานอนหลับหรือยาคลายความกังวล แล้วก็ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะว่าอาจจะทำให้กดประสาทเยอะขึ้นเรื่อยๆ http://www.disthai.com/[/b]
4  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / คูนประโยชน์-เเละสรรพคุณ ของราชพฤกษ์ เมื่อ: สิงหาคม 16, 2018, 12:01:40 pm

[/b]
ราชพฤกษ[/size][/b]

คูน ประโยชน์แล้วก็สรรพคุณของคูน หรือ ต้ราชพฤกษ์
[/size][/b]
ประวัติดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้ประจำถิ่นของเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน ประเทศอินเดีย ประเทศพม่า รวมทั้งศรีลังกา โดยนิยมปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่โล่ง แล้วก็เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แต่ก็ยังมิได้ข้อสรุปแจ่มชัด จนตราบเท่ามีการลงชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะเหตุว่า ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองชูช่อ มองสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เลยถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์" รวมทั้งมีการลงชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเลิศใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องจากฯลฯไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างมากมาย แล้วก็มีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวโยงกับจารีตสำคัญๆในไทยและก็ฯลฯไม้มงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้มากมาย ได้แก่ ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองสวยงาม พุ่มสวยเต็มต้น เปรียบเป็นสัญลักษณ์ที่ศาสนาพุทธ
  • มีอายุยืนนาน แล้วก็คงทน

คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรประเภทยืนต้นขนาดกลางถึงขั้นใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามเขตแดนต่างๆยกตัวอย่างเช่น ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, ต้นลมแล้ง หรือชัยพฤกษ์ ส่วนปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ และก็กะเหรี่ยง-กาญจนบุรีเรียก กุเพยะ เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรประจำถิ่นของเอเชียใต้ไปจนกระทั่งประเทศอินเดีย ศรีลังกา และก็เมียนมาร์ และก็คูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การดูแลรักษา
           แสง : อยากแสงแดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง รวมทั้งเติบโตเจริญในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญเติบโตเจริญในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ ในอัตรา 2-3 กิโลต่อต้น และก็ควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           แนวทางขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเม็ด โดยใช้เมล็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ว่าจำต้องเลือกขลิบบริเวณด้านป้าน เพราะว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วต่อจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ผ่านวัน จึงค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอเพียงหล่อเลี้ยงเมล็ดได้ แล้วหลังจากนั้นทิ้งเอาไว้อีกคืนก็จะพบรากแตกหน่อ และก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อถือเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าเป็นต้นพืชที่มีความเป็นสิริมงคล ที่ควรปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และถ้าปลูกไว้ในบ้านจะช่วยทำให้ทรงเกียรติยศ เกียรติยศ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เหตุเพราะเป็นพืชที่มีความมงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นไม้ใหญ่ขนาดกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินซึ่งสามารถถ่ายเทน้ำก้าวหน้า ส่วนใบจะมีสีเขียวเป็นเงา โคนมน เนื้อใบสะอาดและบาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ แล้วก็เห็นเส้นกลีบแจ่มกระจ่าง ฝักอ่อนมีสีเขียวรวมทั้งจะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด และก็ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆกั้นเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก รวมทั้งภายในช่องเหล่านี้จะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
คุณประโยชน์รวมทั้งสรรพคุณของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้ลักษณะของการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ รวมทั้งช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามเนื้อบนใบหน้า หรือนำไปต้มกินแก้เส้นพิการ และก็โรคเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอกราชพฤกษ์ – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) รวมถึงโรคกระเพาะอาหาร และก็แผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยสำหรับการฆ่าเชื้อโรคกุฏฐัง ระบายพิษไข้ แก้กลากหรือโรคเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักบริเวณหัว รวมทั้งช่วยถ่ายสิ่งสกปรกโสโครกออกมาจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้ชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยหน้าอก แก้อาการไข้ ไปจนกระทั่งรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีท้อง ไม่เป็นผลข้างเคียงใดๆให้รสเมา
แก่น – ช่วยสำหรับการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้อาการปวดข้อ แก้ต้นตานขโมย ปรับปรุงแก้ไขไข้มาลาเรีย แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือคนที่มีลักษณะท้องผูกเรื้อรัง รวมทั้งถ่ายเสมะแล้วก็แก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนกระทั่งระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กแล้วก็สตรีท้อง ไปจนกระทั่งเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเบื่อ
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้คลื่นไส้ และขับเกลื่อนกลาดที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสเฝื่อนฝาดเมา
เมล็ด – ทำให้อ้วก ให้รสฝาดเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องเดิน ใช้ฝนผสมกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ และน้ำตาล กินเพื่อให้เกิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้ไข้จับสั่น และก็ระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนรวมทั้งกึ่งเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตเจริญในที่โล่งแจ้ง แล้วก็ปลูกได้ง่ายทั้งในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนปนทราย หรือดินร่วนซุยเหนียว รวมถึงยังทนต่อสภาพอากาศแล้งรวมทั้งดินเค็มก้าวหน้า แม้กระนั้นถ้าเกิดอากาศหนาวจัดอาจจะก่อให้ติดโรคราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรราชพฤษ์
5  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา เมื่อ: สิงหาคม 08, 2018, 02:58:03 pm
[/b]
ทับทิ[/size][/b]
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างล้นหลาม โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่ได้ผลสำเร็จสดเยอะที่สุดและก็ยังนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆเป็นต้นว่า น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความสวยงาม อีกทั้งยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
[url=http://www.disthai.com/16488281/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1]ทัมทิม
อุสูดดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระแล้วก็สารพฤกษเคมีหลากหลายประเภทที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ก็เลยมั่นใจว่าอาจเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกันโรคหรือบรรเทาอาการ อย่างเช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจไม่สะดวกจากโรคนี้ โรคหัวใจและหลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในโพรงปากและโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง รวมทั้งอื่นๆ
ในปัจจุบันยังมีงานศึกษาวิจัยที่ศึกษาการใช้ทับทิมในรูปแบบไม่เหมือนกันกับการดูแลรักษาโรคที่ค่อนข้างจะจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถที่จะกำหนดประสิทธิภาพของทับทิมต่อการดูแลรักษาโรคได้แจ่มชัด ซึ่งแบบอย่างการเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นเลือดแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว อย่างเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่มั่นใจว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ และก็ลดการแข็งตัวของหลอดเลือด ก็เลยอาจช่วยลดการเสี่ยงสำหรับการกำเนิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง
จากการศึกษาฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการกินอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (ประกอบด้วยกรดมึงลลิค 610 มิลลิกรัม) รวมทั้งประเมินผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์สำหรับการต้านทานสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนจะมีการทดสอบ พบว่าค่าดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วลดน้อยลง ก็เลยคาดว่าการรับประทานทับทิมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและเส้นเลือด
นอกจากนี้ ยังมีงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยอีกชิ้นให้ผู้เจ็บป่วยโรคเส้นเลือดแดงแข็งปริมาณ 15 คน กินอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปและ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มิได้ทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่ทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่ลดน้อยลงราว 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่น จึงทำให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงจะต้องมีการศึกษาเล่าเรียนเพิ่มในระยะยาวกับกลุ่มการทดสอบขนาดใหญ่มากเพิ่มขึ้น ทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปผลของทับทิมและก็การรักษาโรคเส้นเลือดแดงแข็งได้อย่างแจ่มแจ้ง
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกประเภทที่มีคุณลักษณะช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกสำหรับในการรักษาโรคเหงือก เหตุเพราะการรักษาหลักบางแนวทางที่ยังไม่มีความสามารถเพียงพอสำหรับเพื่อการทุเลาอาการจากโรคมากมายสักเท่าไหร่แล้วก็ลดการเสี่ยงด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางสถานพยาบาลกับคนไข้โรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อมองสมรรถนะของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้แนวทางรักษาที่แตกต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกรรมวิธีขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะข้างใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่เหลือสำหรับเพื่อการทดลอง ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสำหรับคนไข้โรคเหงือกอักเสบพร้อมกันกับการรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่เล่าเรียนคุณภาพของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกรูปแบบเจลในการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพโพรงปากดีขึ้นและก็ปัญหาโรคเหงือกอักเสบต่ำลงมากกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก การศึกษาชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจใช้ประโยชน์เป็นส่วนผสมในสินค้าสำหรับการบำรุงช่องปาก อาทิเช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองป้องกันและทุเลาอาการของโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองป้องกันการเกิดรอยเปื้อนจุลอินทรีย์ สารสกัดจากทับทิมมีคุณภาพในการลดรอยเปื้อนจุลชีวันตามผิวฟัน และอาจส่งผลให้เกิดโรคทางช่องปากอีกหลายชนิด ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขลักษณะในโพรงปากดี ปริมาณ 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ธรรมดา แม้กระนั้นสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดรอยเปื้อนจุลชีพต่ำลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากกว่ายาหลอก แต่มีคุณภาพไม่แตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน ก็เลยเพียงพอจะพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดโอกาสสำหรับการเกิดคราบจุลินทรีย์ภายในโพรงปาก
ขณะเดียวกัน การเรียนรู้อีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมน่าจะมีส่วนช่วยในการลดการเกิดคราบจุลชีพ ซึ่งในการทดลองได้เก็บคราบเปื้อนจุลชีวันจากโพรงปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี จำนวน 60 คน ข้างหลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเทียบผลก่อนรวมทั้งข้างหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทไม่เหมือนกันในแต่ละกลุ่ม อย่างเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน และก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัทับทิม[/url]มีประสิทธิภาพในการลดคราบจุลชีวันลงมากที่สุดโดยประมาณ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน 79% แล้วก็ยาหลอกที่น้อยลงเพียงแค่ 11% จึงอาจจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียรวมทั้งเป็นตัวเลือกสำหรับการใช้จัดการกับรอยคราบจุลชีพบนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงควรจะมีการตำหนิดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากช่วงเวลาในการทดสอบค่อนข้างจะสั้น
สภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีคุณประโยชน์ที่พูดกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการเล่าเรียนผลของการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 แล้วก็มีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงจำนวน 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดลองจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่กินอาหารด้านใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าคนป่วยมีระดับไขมันรวม ไขมันจำพวกไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี แล้วก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดน้อยลง แต่ว่าไม่พบความเคลื่อนไหวของระดับไตรกลีเซอไรด์รวมทั้งระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งชี้ให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนป่วยโรคเบาหวานลง แต่ยังบอกไม่ได้แจ่มกระจ่าง ด้วยเหตุว่าอาหารชนิดอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดไขมันในเลือดได้ด้วยเหมือนกัน แล้วก็กลุ่มการทดลองมีขนาดเล็ก จะต้องขยายผลการเรียนในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเพิ่ม นอกเหนือจากนี้ การดูแลรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูงจะต้องมีการควบคุมของกินรวมทั้งการบริหารร่างกายไปพร้อมกัน ซึ่งบางทีอาจมีคุณประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โรคปอดอุดกันเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายประเภท โดยยิ่งไปกว่านั้นสารโพลีฟีนอลที่มักพบในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องทดลองกล่าวว่าสารกลุ่มนี้มีส่วนสำคัญสำหรับเพื่อการทุเลาลักษณะโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังรวมทั้งอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างรวดเร็ว ก็เลยมีการศึกษาคุณภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเสริมเติม โดยให้คนป่วยโรคปอดอุดกันเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่รับประทานยาหลอกต่อเนื่องกันทุกเมื่อเชื่อวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลทั้งยังในเลือดแล้วก็ปัสสาวะของคนไข้ ทั้งยังยังไม่พบไม่เหมือนกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กรุ๊ป ก็เลยคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยในการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกันเรื้อรัง
โดยทั่วไปสารอาหารที่ไปสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและตรวจพบได้ในเลือดหรือเยี่ยว แม้กระนั้นผลการค้นคว้ากลับไม่เจอสารโพลีฟีนอลจากการรับประทาน ซึ่งอาจมีต้นเหตุจากการเสื่อมสลายสารเหล่านี้โดยจุลินทรีย์ในระบบการทำงานเกี่ยวกับการย่อยอาหาร จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจแนวทางการซับสารอาหารที่แตกต่างกันก่อนจะอ้างถึงถึงคุณประโยชน์ด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการรับประทาน เนื่องจากสารอาหารที่พบในของกินที่กินอาจไม่ได้ถูกนำไปใช้คุณประโยชน์ในร่างกายมนุษย์เราทั้งหมด
โรคแล้วก็อาการอื่นๆอาทิเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ การหย่อนยานสมรรถภาพทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อข้างหลังการบริหารร่างกาย กลุ่มอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงแดด การตำหนิดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเสีย โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และอื่นๆยังจำเป็นที่จะต้องศึกษาค้นคว้าศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค
[/b]
ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มก.
เหล็ก 0.30 มก.
แมงกานีส 12 มก.
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มก.
สังกะสี 0.35 มก.
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับการกินทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยปกติการกินน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แต่ว่าในบางรายที่มีลักษณะอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเป็นผลใกล้กันจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การรับประทานรากและลำต้นของทับทิมในจำนวนมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะไม่มีอันตรายในการกินหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่อาจจะส่งผลให้กำเนิดอาการแพ้น้อยในบางราย ดังเช่นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การกินน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีท้องหรืออยู่ในตอนให้นมบุตร แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยในการกินหรือใช้ทับทิมในต้นแบบอื่น ดังเช่น สารสกัดจากทับทิม ควรต้องปรึกษาหมอก่อนที่จะมีการรับประทานทุกครั้ง
น้ำทับทิมอาจทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงบางส่วน ซึ่งอาจจะก่อให้คนเจ็บที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการเกิดขึ้นอีก
คนที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีความเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
ผู้เจ็บป่วยที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดรับประทานทับทิมขั้นต่ำ 2 สัปดาห์ เพราะว่าทับทิมทำให้ความดันโลหิตต่ำลง จึงบางทีอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมควบคู่กับยาบางจำพวกอาจจะเป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ตัวอย่างเช่น ยาที่เกี่ยวพันกับรูปแบบการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือชนิด P450 3A4 ยาลดระดับความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตว่ากล่าวน คนที่กินยาเสมอๆหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนการกินเพื่อความปลอดภัย
6  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ผลของการทานเห็ดหลินจือมีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างไร เมื่อ: สิงหาคม 04, 2018, 09:01:16 pm
[/b]
เห็ดหลินจื[/size][/b]
เรื่องเล่าประสบการณ์ตรงจากที่ลงภาคสนาม
ยายคนหนึ่ง อายุโดยประมาณ 67 ปี ทำอาชีพขายเห็ดในตลาด ลักษณะการป่วยเป็นโรค ดังนี้
1.[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ
สามารถรักษาโรคเบาหวาน เป็นทุนเดิม เป็นโรคนี้มาประมาณ 1x ปี
2.โรคความดันเลือด เป็นมาพร้อมๆกับโรคเบาหวาน ต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตลอด มีอาการมึนหัว
3.โรคไขมัน มาพร้อมๆกับโรคเบาหวาน จะต้องกินยาแผนปัจจุบันตลอด
4.โรคไตเสื่อม หลังจากเป็นโรคโรคเบาหวานมาประมาณ 10 ปี แพทย์ตรวจเจอว่า ไตเสื่อม ระยะ 2 มีอาการขาบวม หมดแรงเดิน
5.โรคกระเพาะฉี่ อักเสบ มาตอนเป็น ไตเสื่อม ทำให้มีการเกิดอาการเยี่ยวขับ ฉี่ไม่สุด เจ็บแปล็บๆ
6.โรคเก๊า มาตรวจเจอทีหลัง ว่าค่ายูริก เริ่มมากขึ้น
======================
ความประพฤติของผู้ป่วยแล้วก็ประวัติความเป็นมาก่อนกินเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
1.ช่วงเจ็บไข้ตอนเริ่มต้น จะมีลักษณะอาการน้ำตาลในเลือดสูง แทบ 200 มก. แต่ว่าพอผ่านมาเกือบจะ 10 ปี มีความรู้สึกว่าดูแลตนเองเจริญ ผลที่ได้กลับกลายแบบงี้ สักครู่น้ำตาลสูง สักครู่น้ำตาลต่ำ นำมาซึ่งอาการงงงันได้ตลอดวัน งานการไม่ต้องทำแล้ว นอนดียิ่งกว่า
2.พอเพียงมีน้ำตาลในเลือดสูง ความดันจะตามมาเลย กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการโลกหมุน ลายตา ต้องนอนอีกตามเดิม
3.พอระยะหลังเริ่มรับประทานของมันลดน้อยลง สามารถที่จะคุมไขมันได้ แต่ว่าพอนานวันเข้า ไขมันคุมได้ แต่พบไตรกีซาลายสูงซะงั้น
4.ภายหลังจากเจ็บมา 1x ปี ร่างกายก็ไม่ค่อยได้พัก นำมาซึ่งการก่อให้เกิดช่วงอาการน็อคน้ำตาล ไป 2 ที ในรอบ 1 ปีให้หลัง ต้องเข้า รพ. เพื่อเดกซ์โทรส ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
5.พอผ่านมาอีก 6 เดือน หมอตรวจเจอเป็นไตเสื่อมขั้นที่ 2 แถมมีโรคกระเพาะเยี่ยวอักเสบ เนื่องจากว่ามีไข่ขาวรั่วมาทางปัสสาวะมาก ทำให้เรี่ยวแรงสำหรับเพื่อการเดินไม่มี (แทบจะเดินไม่ไหว ก้าวขาไม่ออก) แถมเจอโรคเก๊าต์ สอบถามหาอีก
6.ตอนหลังจากที่ทราบดีว่าเป็นหลายโรค ชีวิต มันช่างมืดมนอย่างมาก ทำให้เบื่อข้าว รับประทานไม่ได้ นอนไม่หลับ ถึงหลับก็ไม่สนิท ขาบวม ใจสั่น ขี้โมโห
7.เพียงพอถึงเวลานี้ คุณยายคนนี้ ความประพฤติปฏิบัติเปลี่ยนไป จากที่เคยต้องออกไปเปิดร้านขายเห็ดในตลาดทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่เคยหยุด กลับทำให้เขาไม่อยากขายของ ขอหยุดนอนอยู่ในบ้าน ปฏิบัติตัวเสมือนไม่มีคุณค่า จำต้องให้ลูกๆมารอดู ทำให้เป็นภาระของลูก
======================
โจทย์ สำหรับลูกที่ดูแล และก็จุดแปลงแนวความคิด
1.ลูกคนนั้น มีความคิด ทำอย่างยังไงก้อได้ ให้แม่หายจากโรคทั้งผองนี้
2.ทำอย่างไงก็ได้ให้คุณแม่กลับมาดำเนินการได้อย่างเดิม
3.ทำอย่างไงก็ได้ให้คุณแม่รับประทานข้าวได้เสมือนยุคเก่าเป็นโรคเบาหวาน
4.ทำอย่างไงก็ได้ให้คุณแม่นอนหลับเจริญ
=======================
ในที่สุดลูกคนนั้นได้มาคุยกับผม ผมเลยแนะนำเห็ดหลินจื[/b]แดงสกัดเข้ม แล้วก็ลูกคนนั้นได้เอาไปให้ท่านแม่ทาน
เริ่มต้นที่ม่าม้าไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้มข้น จะช่วยทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้ เพราะว่าม่าม้าทานสมุนไพร อาหารเสริมมาเยอะแล้ว
=======================
[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]
[/b]
เริ่มกับการทาเห็ดหลินจือ[/url]แดงสกัดเข้มข้น (ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล)[/size][/b]
1.ผมแนะนำให้ทาน 1 วัน 2 เวลา คือ เช้าตรู่-เย็น ในกรณีของคุณแม่คนนี้ มีโรคประจำตัวมาก จะให้ทานอย่างนี้ ภายหลังทานอาหารแล้ว ให้ทานยาแผนปัจจุบัน รวมทั้งคอย 30 นาที ค่อยทานเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
2.พอภายหลังทานได้ช่วงแรก อาการมึนๆงงมากๆเริ่มดียิ่งขึ้น นอนก้าวหน้าขึ้นมาก ปกติจะดูจนถึงเที่ยงคืนและหลังจากนั้นก็ค่อยหลับ แล้วตื่น 6-7 โมงรุ่งเช้า มาจัดร้านขายของ เปลี่ยนเป็น นอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ตื่น 6 นาฬิกายามเช้า
3.หลังจากนอนหลับเจริญ  ทำให้อาการขาบวมดีขึ้น ฉี่ดียิ่งขึ้นมาก ไม่ขัดแล้วก็ปัสสาวะได้สุด ค่าน้ำตาลดีขึ้น ไม่สวิงต่ำ-สูง แล้วก็ผลไตด้วย
4.คนไข้เริ่มทานข้าวได้ปกติ (คุณแม่ไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือช่วยได้จริงไหม เลยทดสอบด้วย กินทุเรียน2เม็ด แล้วพรุ่งนี้ไปตรวจเลือด ผลเลือดที่ออกมาคุณแม่สะดุ้ง ว่าทำไมน้ำตาลปกติ ^_^)
5.พอร่างกายได้ นอนหลับได้เต็มที่ หน้าใส(มีคนทักว่าไปทำอะไรมา) แข็งแรงสามารถชูของหนักๆได้ ซึ่งถ้าเป็นครั้งก่อน แค่เดินยังต้องหาที่นั่งพักเลย
สรรพคุณ[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจื[/b]ที่มีงานศึกษาวิจัยรับรอง....มีอะไรบ้าง
มีความเชื่อกันมานานแล้วว่าเห็ดหลินจือแดงสามารถทำให้หัวใจแข็งแรง เลือดลมดี ผิวพรรณแจ่มใส ช่วยให้แก่ช้าลง ความจำ แล้วก็ช่วยอายุยืนนาน
ส่วนสรรพคุณในทางการดูแลรักษาโรคถูกกล่าวไว้อย่างล้นหลามเช่นกัน ได้แก่ แก้ตับแข็ง รักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคความดัน แล้วก็ภูมิแพ้ฯลฯ
แต่ทีเด็ดเป็น......
มีงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ[url=http://www.disthai.com/]เห็ดหลินจื[/b]รักษาโรคจากคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งสำหรับในการทดสอบเรียนทางคลีนิคและรับรองว่าเห็ดหลินจือมีคุณประโยชน์ดังต่อไปนี้จริง ไม่ใช่แค่ความเลื่อมใสอีกต่อไป อันเช่น
-กระตุ้นภูมิต้านทาน
-ต่อต้านเนื้องอกและมะเร็ง
-รักษาโรคทางเท้าเยี่ยว
-รักษาโรคหัวใจ
-ช่วยทำให้การนอนหลับ
-ลดไขมันในเลือด
-ต่อต้านอนุมูลอิสระ
-ต่อต้านการอักเสบ

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ
7  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / น้ำมันเหลืองเป็นสมุนที่มีประโยชน์ต่อการรักษาอาการปวดตามร่างกายได้อย่างดี เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2018, 05:35:17 pm
[/b]
น้ำมันเหลือง เป็นยังไง?
น้ำมันเหลือง ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรประสิทธิภาพเลิศ ทำจากพืชสมุนไพรชนิดต่างๆกัน คุณประโยชน์ที่ใช้ดม ทา นวด เพื่อบรรเทาอาการต่างๆคุณประโยชน์นี้ไม่เป็นรองยาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว
บริการนวดน้ำมันเหลืองแล้วก็จำนวนมากสร้างความแข็งแรง ระบบภูมิต้านทานและช่วยสำหรับการย่อยของกินดียิ่งขึ้น.
ศิลป์ที่งดงามของการนวดได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วยการนวดน้ำมันบางมากมาย. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณลักษณะรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆสำหรับการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่ยอดเยี่ยมสำหรับสิ่งที่ต้องการเฉพาะบุคคลของคุณแล้วก็บรรเทาร่างกายของคุณด้วยการนวดบรรเทารวมทั้งฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อที่จะรักษาความสมดุลทางจิตวิญญาณของคุณและสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.
ประโยช์จากการนวดน้ำมัน
นวดจริงหมายความว่าการกระตุ้นเนื้อเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อสนับสนุนสุขภาพและก็ฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งหมดทั้งปวง. น้ำมันนวดถูกออกแบบมาเพื่อให้มือเลื่อนได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นในระหว่างนวด และก็ในเวลาเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้ผ่อนคลายมากที่สุดสำหรับทั้งร่างกายและจิตใจ. อ่านต่อไปเพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการนวน้ำมันเหลือง[/url]แล้วก็ผ่อนคลายร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดสดชื่น.
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวดน้ำมันเหลืองเป็นวิธีสำหรับในการดูแลสภาพผิวรวมทั้งสุขภาพที่ขอเสนอแนะเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรและก็พืชต่างๆที่อุดมไปด้วยผลดีที่ดีต่อร่างกาย โดนการนำสารสกัดกลิ่นแล้วก็เนื้อน้ำมันเหล่านั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอมหวน และก็สัมผัสของของน้ำมันที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความเครียด ทำให้พวกเราบรรเทา น้ำมันเหลือง รวมไปถึงช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นและผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้เราจะพาไปดูประโยชน์ของการนวดน้ำมันว่าเป็นประโยชน์ในด้านใดบ้าง
          ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ผลิตขึ้นจากสมุนไพรแท้ 100% ไม่มีส่วนผสมจากสเตอรอยด์หรือสารเคมีอันตรายใด  ซึ่งก็มีข้อกำหนดจำกัดอยู่เหมือนกันสำหรับในการใช้ ซึ่งในกรณีที่มีการแพ้สาร Notoginsenoside, Flavonoid, การบูร
มาดูประโยช์จากน้ำมันนวดกันจ้ะ

  • ปวดต้นคอ บ่า ไหล่ จากการนั่งทํางานนานๆทํางานหน้าคอมฯ Office syndrome ฯลฯ
  • คนทํางานที่ต้องใช้กล้าม อาทิเช่น ยกของหนัก
  • นักกีฬา หรือคนที่บาดเจ็บจากการออกกําลังกาย
  • นักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับ กระดูก ข้อต่อ เอ็น กล้ามเนื้อ ยกตัวอย่างเช่น ข้อเข่าอักเสบ, เอ็นอักเสบ, กระดูกทับ เส้นประสาท ฯลฯ

        น้ำมันเหลือง ซึ่งเรามาดูผลข้างเคียงจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อกันนะคะ ทำไมถึงจำเป็นต้องเลือก น้ำมันนวดเพราะว่า ยาคลายกล้ามเนื้อธรรมดาที่พวกเราทาน ทำให้กล้ามรู้สึกหายเป็นปกติจริง เราจะรู้สึกว่ามันหายเป็นปกติ แล้วหลังจากนั้นก็ออกกำลังกายได้ธรรมดาไม่เจ็บ แต่ที่จริงแล้วกล้ามยังอักเสบอยู่ ถ้าเกิดพวกเรายังคงใช้งานกล้ามเหมือนเดิมจะมีผลให้กล้ามเนื้ออักเสบเยอะขึ้นเรื่อยๆ การที่กินยาแล้วออกกำลังกายส่วนนั้นต่อเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆเข้า ก็บางครั้งอาจจะอัดเสบเรื้อรังได้ อันนี้เป็นข้อผลข้างเคียงทางอ้อมมาจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อน้ำมันเหลือง ซึ่งคนส่วนมากแล้วก็จะใช้กล้ามเนื้อหรือดำเนินการธรรมดาทุกๆสิ่งทุกๆอย่างด้วยเหตุว่าเราไม่รู้สึกปวดหรือเจ็บแล้ว ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่ถูกเนื่องจากว่าการทานยาคลายกล้ามเนื้อยาเมื่อพวกเราทาน
นํ้ามันนวด ตัวนี้เหมาะสำหรับใครบ้าง?

  • คนที่ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการทำงานหนัก
  • ผู้ที่ปวดมือและคอจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ
  • ปวดหลังจาก Office syndrome
  • ปวดข้อจากโรคเกาท์
  • ปวดเข่าจากโรคข้อต่ออักเสบ
  • คนที่ปวดขาจากการเดิน Shopping
  • บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ตีดอท จนกระทั่งปวดมือ
  • ปวดคอจากการเล่นโทรศัพท์เคลื่อนที่
  • ปวดเมื่อยจากการทำงานหนัก
  • ช๊อปจัดหนัก กระทั่งปวดขา

          สำหรับใครที่  มีติดบ้านกันไว้ดีแล้วนะคะ บทความนี้เป็นเพียงแค่รีวิวการใช้สินค้า ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะคะมิได้ขายคอแต่อย่างใด เราใช้แล้วได้ผลจริงจึงมาบอกต่อซึ่ง บทความนี้พวกเราได้หารายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้จากเว็บต่างๆนะคะ น้ำมันเหลืองเพื่อมาประกอบในการรีวิว ซึ่งถ้าเกิดมีจุดบกพร่องประการใด สามารถวิพากษ์วิจารณ์แล้วก็เสนอแนะกันเข้ามาได้ และก็สามารถติดตามบทความรีวิว ของเราได้เรื่อยเลย รวมทั้งพวกเราจะมีผลิตภัณฑ์ดีๆตัวไหนมาเสนอแนะอีกห้ามพลาดเป็นอันขาดนะคะ เจอะกันในบทความหน้า
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือกน้ำมันเหลืองนวดขึ้นอยู่กับการใช้แรงงาน และก็สรรพคุณต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละชนิด โดยส่วนมากน้ำมันรากฐานที่นิยมเอามาผสมทำน้ำมันนวด ได้แก่ น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากเมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งมีวิตามินอี สูงขึ้นยิ่งกว่าน้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากถั่วเหลือง รวมทั้งน้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติภารกิจเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ รวมทั้งทำลายของเสียที่รังแกเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นโลหิต ปกป้องการเกิดโรคมะเร็ง น้ำมันเหลือง นอกจากนั้นน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต้องต่อสถาพทางร่างกาย ทั้งยังช่วยทำให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื่น

Tags : น้ำมันเหลือง
8  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / น้ำมันเหลืองมีสรรพคุณ-ประโยชน์ ที่น่าทึ่ง เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2018, 08:55:56 pm
[/b]
น้ำมันเหลือ[/size][/b]
ส่วนประกอบของสินค้า "น้ำมันเหลืองสมุนไพรประกอบด้วย

วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ "น้ำมันเหลืองสมุนไพร

  • ใช้ดม ใช้ทาแล้วก็นวด บรรเทาอาการต่างๆ
คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ "น้ำมันเหลืองสมุนไพร ตำรับชาววัง"


ทุเลาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด

  • แก้วิงเวียนศีรษะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลมเป็นแล้ง
  • แก้เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว
  • ทาถอดพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
  • ทาท้องเพื่อขับลมข้างในท้อง
  • ทาแผลมีดบาด ไฟใหม้ เลือดจะหยุดโดยทันทีและก็แผลจะหายไวขึ้น
  • ทาแก้ผดผื่น ตุ่มคัน แผลพุพอง เป็นหนอง
  • ทาแล้วช่วยให้จิตใจสงบ ช่วยบรรเทาเครียด
  • ทาก่อนนอนช่วยให้หลับง่ายขึ้น
  • ทาเช็ดนวดฝ่าเท้า ไล่เลือดลม
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากการนวดน้ำมัน
นวดจริงหมายถึงการกระตุ้นเนื้อเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อสนับสนุนสุขภาพแล้วก็ฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งหมด. น้ำมันนวดถูกดีไซน์มาเพื่อมือเลื่อนได้ง่ายมากยิ่งขึ้นในระหว่างนวด รวมทั้งในขณะเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้มีความผ่อนคลายสูงที่สุดสำหรับทั้งกายใจ. อ่านต่อไปเพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณประโยช์จากการนวดน้ำมันแล้วก็บรรเทาร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดชื่นบาน.
เมื่อมาถึงการนวดน้ำมันเหลือง, มีหลายร้อยปิดตัวเลือกที่ต่างกันให้เลือก. คุณได้อย่างอิสระสามารถเลือกจากจำนวนไม่น้อยน้ำหอมรวมทั้งสีที่แตกต่างเพื่อบริการ. น้ำมันนวดบำบัดรักษา, น้ำมันร้อน, น้ำมันนวดกระตุ้นความรู้สึก, น้ำมันหอม
จะสามารถพบได้ในตลาดท้องน้ำมันนวดเพื่อให้คุณสามารถเลือกที่เยี่ยมที่สุดสำหรับความอยากได้แล้วก็ความจำนงของคุณ.
สัมผัสของคนเราสามารถมีการรักษารวมทั้งพลังความสดชื่นสำหรับผิวและก็นวดน้ำมันออกจากผิวนุ่มรวมทั้งเรียบ. เว้นแต่ความรู้สึกสบาย thei พวกเขาถ่ายทอด, น้ำมันนวดนอกเหนือจากนั้นยังมีทางที่น่ามหัศจรรย์ที่ช่วยบำรุงรักษาผิวของคุณและก็กำจัดจุดแห้งบนผิวของคุณ. อย่างไรก็แล้วแต่, หลังการนวด, จะแนะนำให้ใช้เวลาอาบน้ำที่ผ่อนคลายเพื่อล้างน้ำมันออกจากร่างกายของคุณ. น้ำ จะยังช่วยผิวรูขุมขนจะเปิดจึงส่งเสริมการดูดซึมของน้ำมันนวดไปสู่ผิวของคุณ. ลองดูกันผลดีต่อสุขภาพที่สำคัญของการนวดน้ำมันผ่อนคลาย.
ลดการ ความตึงเครียด
[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3https://www.chiangdaonaturefood.com/product/45/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง[/url] เป็นแนวทางที่ดีเลิศมากมาย ลดความเครียด และความตึงเครียดที่มีการสะสมภายในร่างกายของคุณในระหว่างวันที่เหน็ดเหนื่อย.
น้ำมันนวดน้ำมันหอมระเหยที่มีน้ำมันหอมระเหยที่สงบประสาท, ช่วยทำให้คุณผ่อนคลายและก็กำจัดความคิดแง่ลบที่สะกิดความเคร่งเครียด.
สุภาพ, สัมผัสการดูแลการแสดงในงานนวด, ช่วยทำให้คุณ รักษา และคืนจิตวิญญาณรวมทั้งความสมดุลทางอารมณ์ของคุณ.
เสริมการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
หนึ่งในผลตอบแทนที่สำคัญที่สุดของน้ำมันเหลืองนวด คือมันช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตและในขณะเดียวกันจะช่วยลดระดับความดันเลือดซึ่งเป็น น.
สาเหตุ ajor สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ ความดันเลือดสูง.
นวดน้ำมันที่เยี่ยมยอดของคุณผ่อนคลายร่างกายรวมทั้งสนับสนุนการนอนที่ดีมากยิ่งกว่าสำหรับวัน.
หลายๆคนทรมาณสาหัสจากความผิดปกติของการนอนต่างๆได้มองเห็นการปรับปรุงในนิสัยการนอนของพวกเขาข้างหลังการรักษาด้วยการนวดผ่อนคลาย. น้ำมันเหลืองนวดกระตุ้นจิตใจและก็จิตวิญญาณ การบำบัด, ด้วยเหตุนั้นคนจำนวนมากมีประสบการณ์การนอนลึกรวมทั้งพักผ่อนมากเพิ่มขึ้น.
1.การนวดน้ำมันเหลืองจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ให้ดำเนินงานได้ดีมากเพิ่มขึ้น ลดอาการตึงเครียดให้เราบรรเทาจากการความเหน็ดเหนื่อยและความอ่อนเพลียสะสม
2.การนวดน้ำมันเหลือง จะเข้าช่วยการกระตุ้นรูปแบบการทำงานของโลหิต ให้ทำงานได้ดิบได้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมทั้งสามารถหล่อเลี้ยงออกสิเจนแล้วก็สารอาหารต่างๆไปทั่วร่างกายอย่างสมบูรณ์ คุ้มครองโรคต่างๆรวมถึงลดความดันเลือดได้ดิบได้ดีด้วย
3.เพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกาย ด้วยการเข้าไปซ่อมและฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อ ข้อต่อต่างๆในร่างกายให้ปฏิบัติงานก้าวหน้ารวมทั้งมีคุณภาพมากเพิ่มขึ้น
4.เพิ่มความชื้นให้กับผิว ด้วยเข้าไปกำจัดสารพิษ อีกทั้งในร่างกายแล้วก็สภาพผิว ช่วยผลัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออกมาส่งให้ผิวของคุณเรียบเนียนชุ่มชื้น มองผ่องใสและก็ชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆ
5.ช่วยในหัวข้อการนอนหลับให้ดีมากยิ่งกว่าเดิม ผ่อนคลายสมองและร่างกายต่างๆส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้นอนสนิทได้ดียิ่งไปกว่ากว่า ลดอาการนอนไม่หลับได้อย่างดีเยี่ยม
นอกเหนือจากนี้การนวดน้ำมันยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างต่อสุขภาพร่างกาย ซึ่งนับว่าเป็นหนทางแก่คู่รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี
ลดอาการปวดหัวไมเกรน
     สำหรับผู้ที่เคยทรมานจากลักษณะของการปวดหัวไมเกรนอยู่หลายครั้ง หมอก็ได้เสนอแนะให้ทดลองไปนวดบำบัดสุขภาพดูบ้าง เพราะเหตุว่าจากผลวิจัยของมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ พบว่า ผู้ที่มีลักษณะอาการปวดศีรษะไมเกรนที่ได้รับบริการนวดตัวติดต่อกัน 2-3 อาทิตย์ จะสามารถบรรเทาอาการข้างๆของโรคไมเกรน และนอนได้อย่างสนิทขึ้นด้วยจ้ะ
น้ำมันเหลือง ลักษณะของการปวดหลัง เป็นอาการที่ทุกคนจำเป็นต้องเคยเผชิญ ซึ่งพอปวดหลังขึ้นมาทีไรพวกเราก็ต้องการจะนอนพัก หรือไม่ก็ไปนวดผ่อนคลายอาการปวดปวดเมื่อย ทั้งๆที่จริงแล้วอาการปวดหลังอาจจะไม่ได้มีสาเหตุจากลักษณะของการปวดปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเพียงเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นเพราะปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆได้อีกเพียบเลย ดังเช่นว่าที่เราจะพาทุกคนไปศึกษาสาเหตุของลักษณะของการปวดหลังด้านขวา ว่าเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากอะไรและก็อันตรายหรือไม่ เพื่อจะได้ทราบเท่าทันลักษณะของการเจ็บเจ็บไข้ของร่างกาย
9  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / การใช้สมุนไพรน้ำมันเหลืองนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ดีอย่างไรบ้าง?.. เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2018, 11:50:29 am

น้ำมันเหลือ[/size][/b]
น้ำมันเหลือง ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ทำจากพืชสมุนไพรชนิดต่างๆกัน คุณประโยชน์ที่ใช้ดม ทา นวด เพื่อบรรเทาอาการต่างๆสรรพคุณนี้ไม่เป็นรองยาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวด[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง
เป็นวิธีสำหรับในการดูแลภาวะผิวรวมทั้งสุขภาพที่ขอเสนอแนะเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรรวมทั้งพืชต่างๆที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ โดนการนำสารสกัดกลิ่นแล้วก็เนื้อน้ำมันพวกนั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอมหวน รวมถึงสัมผัสของของน้ำมันเหลืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความตึงเครียด ทำให้พวกเราผ่อนคลาย รวมไปถึงช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นรวมทั้งผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้พวกเราจะพาไปดูประโยช์จากการนวดน้ำมันว่ามีสาระในด้านใดบ้าง
บริการนวดน้ำมันนวดแล้วก็ส่วนมากสร้างความแข็งแรง ระบบภูมิต้านทานแล้วก็ช่วยสำหรับการย่อยอาหารดียิ่งขึ้น.
ศิลปะที่สวยของการนวดได้ทวีความร้ายแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยการนวดน้ำมันบางมากมาย. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณลักษณะรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆในการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันเหลืองที่ยอดเยี่ยมสำหรับความปรารถนาเฉพาะบุคคลของคุณและผ่อนคลายร่างกายของคุณด้วยการนวดน้ำมันเหลืองผ่อนคลายและฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อรักษาความสมดุลทางใจวิญญาณของคุณรวมทั้งสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.สรรพคุณมีอะไรบ้าง ?
คุณประโยชน์ของน้ำมันเหลือง สมุนไพรนั้น มีเยอะแยะทีเดียว
ทุเลาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด แก้วิงเวียนหัว หน้ามืดเหมือนจะเป็นลม
แก้กลยุทธ์ขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว ทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
ทาท้องเพื่อขับลมข้างในท้อง
ทาแก้ผื่นผื่น ตุ่มคัน
ทาก่อนนอนทำให้หลับง่ายมากยิ่งขึ้น จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ทาถูนวดฝ่าตีน ไล่เลือดลม
ใช้ทาแก้ เหน็บชา ตะคิว ปวดสันหลังปวดบั้นท้าย ปวดหัวเข่า ปวดขา ฟกช้ำดำเขียว ปวดกล้ามเนื้อ ดมแก้อาเจียน หน้ามืด โรคหอบหืด และไซนัส
- ทุเลาอาการตาลายหัว หน้ามืด คล้ายจะเป็นลมเป็นแล้ง
- แก้กลยุทธ์ขัดยอก ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- ทาท้องเพื่อขับลมด้านในท้อง
- ทาแผลมีดบาด ทาแก้ผดผื่น
- ทาก่อนนอนช่วยทำให้หลับง่ายมากยิ่งขึ้น
- น้ำมันเหลืองบรรเทาอาการคัดจมูก เนื่องจากว่าหวัด
คนไหนกันที่ชอบใช้ น้ำมันเหลือง เป็นประจำห้ามพลาด เพราะวันนี้พวกเรานำน้ำมันเหลืองสูตรใหม่ กลิ่นไม่ฉุนจัด ซึ่งทั่วๆไปนั้นมีการทำกันเปลี่ยนสูตรมาก แล้วแต่ว่าผู้ใดกันถูกใจสูตรไหน เป็น้ำมันเหลือง[/url]ที่ทำจากธรรมชาติล้วนๆใช้สมุนไพรดีๆของไทยทั้งนั้นมักใช้แก้ปวด แก้เวียนหัว แก้ตะคิว รักษาอาการหอบหืด ไซนัส บางสูตรแก้อาการท้องอืดได้ด้วย ไปดูสูตรกระบวนการทำกันเลย
อุปกรณ์ เครื่องใช้ไม้สอย
1.เมนทอล 300 กรัม
2.พิมเสน 100 กรัม
3.การบูร 100 กรัม
4.หัวไพลแก่จัด 200 กรัม
5.น้ำมันงาบริสูทธิ์ 50 กรัม
6.กระทะสำหรับทอดหัวไพล
7.ภาชนะสำหรับผสมสาร ดังเช่น ขวดบรรจุกาแฟ ขวดแก้ว
กระบวนการทำ
1.ล้างหัวไพลให้สะอาดตากให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแห้ง
2.ทอดหัวไพลในน้ำมันงาโดยใช้ไฟอ่อนๆทอดไปกระทั่งน้ำมันเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วใส่สมุนไพรครั้งละตัวทอดต่อให้หมดฟองยกลงจากเตากรองเอากากทิ้ง
3.นำส่วนประกอบทั้งยัง 3 ประเภท ในอัตราส่วนที่กำหนด คือ (เมนทอล 3 ส่วน พิมเสน 1 ส่วน พิมเสน 1 การบูร 1 ส่วน )เทผสมรวมกันในภาชนะสำหรับผสมสาร
4.ใช้ไม้พายเล็กคนให้ส่วนประกอบทั้งปวงละลายเป็นของเหลว (ถ้าไม่ใช่ไม้คนอาจใช้วิธีการเขย่าขวดให้ส่วนผสมละลายก็ได้
5.เติมน้ำมันที่สกัดจากหัวไพลลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียว
6.น้ำมันเหลืองที่ได้บรรจุขวดปิดฝาให้แน่น
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการนวดน้ำมัน
นวดจริงเป็นการกระตุ้นเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อสนับสนุนสุขภาพแล้วก็ฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งหมด. น้ำมันนวดถูกออกแบบมาเพื่อมือเลื่อนได้ง่ายขึ้นในระหว่างนวด รวมทั้งในขณะเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้รู้สึกดีและผ่อนคลายสูงที่สุดสำหรับทั้งกายใจ. อ่านต่อไปเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากการนวดน้ำมันและก็ผ่อนคลายร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดแจ่มใส.
เมื่อมาถึงการนวดน้ำมันเหลือง, มีหลายร้อยปิดตัวเลือกที่แตกต่างให้เลือก. คุณได้อย่างอิสระสามารถเลือกจากหลายชิ้นน้ำหอมและก็สีที่ไม่เหมือนกันเพื่อให้บริการ. น้ำมันนวดบรรเทา, น้ำมันร้อน, น้ำมันนวดกระตุ้นความรู้สึก, น้ำมันหอม
จะสามารถพบได้ในตลาดท้องน้ำมันนวดน้ำมันเหลืองเพื่อคุณสามารถเลือกที่เยี่ยมที่สุดสำหรับสิ่งที่จำเป็นแล้วก็ความประสงค์ของคุณ.
ลดการ ความเคร่งเครียด
นวดเป็นวิธีที่วิเศษมากมาย ลดความเครียด และก็ความตึงเครียดที่มีการสะสมภายในร่างกายของคุณในระหว่างวันที่อ่อนแรง.
น้ำมันนวดน้ำมันหอมระเหยที่มีน้ำมันหอมระเหยที่สงบประสาท, ช่วยให้คุณบรรเทาและกำจัดความคิดแง่ลบที่สะกิดความตึงเครียด.
อ่อนโยน, , ช่วยให้คุณ รักษา และคืนจิตวิญญาณและก็ความสมดุลทางอารมณ์ของคุณ.
เสริมการไหลเวียนของโลหิตดียิ่งขึ้น
หนึ่งในผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของน้ำมัน นวด ซึ่งมันช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตรวมทั้งในเวลาเดียวกันจะช่วยลดระดับความดันเลือดซึ่งเป็น น.

Tags : น้ำมันเหลือง
10  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / น้ำมันเหลือง คืออะไร?...เเละสามารถรักษาอะไรได้บ้าง?.. เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2018, 03:36:45 pm
[/b]
น้ำมันเหลือ[/size][/b]
น้ำมันเหลือง ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรประสิทธิภาพเยี่ยม ทำมาจากพืชสมุนไพรประเภทต่างๆกัน สรรพคุณที่ใช้สูดดม ทา นวด เพื่อทุเลาอาการต่างๆสรรพคุณนี้ไม่เป็นรองยาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว
คุณประโยชน์ของการนวดน้ำมัน
[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือ นวดจริงซึ่งก็คือการกระตุ้นเนื้อเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อส่งเสริมสุขภาพและก็ฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งสิ้น. น้ำมันนวดถูกดีไซน์มาเพื่อให้มือเลื่อนได้ง่ายมากยิ่งขึ้นในระหว่างนวด และในขณะเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้ความรู้สึกผ่อนคลายเยอะที่สุดสำหรับทั้งกายและใจ. อ่านถัดไปเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของการนวดน้ำมันและบรรเทาร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดมีชีวิตชีวา.
เมื่อมาถึงการนวดน้ำมันเหลือง, มีหลายร้อยปิดตัวเลือกที่แตกต่างกันให้เลือก. คุณได้อย่างอิสระสามารถเลือกจากเป็นจำนวนมากน้ำหอมและสีที่แตกต่างเพื่อให้บริการ. น้ำมันนวดบรรเทา, น้ำมันร้อน, น้ำมันนวดกระตุ้นความรู้สึก, น้ำมันหอม
จะสามารถเจอได้ในตลาดท้องน้ำมันเหลืองเพื่อคุณสามารถเลือกที่เยี่ยมที่สุดสำหรับความอยากได้รวมทั้งความหวังของคุณ.
สรรพคุณของน้ำมันเหลือง สมุนไพรนั้น มีจำนวนมากทีเดียว
ทุเลาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด แก้วิงเวียนหัว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
แก้เคล็ดลับขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว ทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
ทาท้องเพื่อขับลมด้านในท้อง
ทาแก้ผื่นผื่น ตุ่มคัน
ทาก่อนนอนทำให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ทาเช็ดนวดฝ่าตีน ไล่เลือดลม
ใช้ทาแก้ เหน็บชา ตะคริว ปวดสันหลังปวดบั้นท้าย ปวดหัวเข่า ปวดขา ฟกช้ำดำเขียว ปวดกล้าม สูดกลิ่นแก้อ้วก ตาลาย อาการหอบหืด รวมทั้งไซนัส
- บรรเทาอาการเวียนหัวหัว หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม
- แก้เคล็ดลับขัดยอก ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- ทาท้องเพื่อขับลมข้างในท้อง
- ทาแผลมีดบาด ทาแก้ผดผื่น
- ทาก่อนนอนช่วยทำให้หลับง่ายมากยิ่งขึ้น
- บรรเทาอาการคัดจมูก เนื่องมาจากหวัด
3.น้ำมันเหลือง ของ ช้อนทองมงคล มีสเตอรอยด์ไหม ?
[url=https://www.chiangdaonaturefood.com/product/45/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง
ของช้อนทองมงคล ไม่มีสเตอรอยด์ ไม่มีสารเคมี ทำจากสมุนไพรไทย 100% จึงสามารถใช้ทาได้ทุกเพศทุกวัย สามารถใช้โดยจะนวดหรือเปล่านวดก็ได้ ใช้แล้วไม่เกิดการสะสม ลูกค้าส่วนมากก็เลยติดอกติดใจ พอประมาณหาย และบอกต่อๆกัน

  • ใช้อย่างไร ในแต่ละลักษณะของการปวด ?

เราแนะนำง่ายๆเพียงแค่ 2 ขั้นตอนเป็น"กด" + "ทา" โดยจะนวดหรือเปล่านวดก็ได้ ทาบริเวณที่มีลักษณะอาการ
เดี๋ยวนี้น้ำมันเหลืองเป็นที่ชื่นชอบใช้อย่างแพร่หลายมาก เพราะเหตุว่าคุณประโยชน์ไม่แพ้ยาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว ลูกค้าส่วนใหญ่อยากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติจริงๆเพราะว่านอกเหนือจากจะรู้สึกปลอดภัยแล้ว ใช้นานหรือบ่อยมากแค่ไหนก็ไม่มีการสะสม
ผู้ใดที่ชอบใช้ น้ำมันเหลือง เป็นประจำห้ามพลาด เนื่องจากวันนี้พวกเรานำน้ำมันเหลืองสูตรใหม่ กลิ่นไม่ฉุนจัด ซึ่งทั่วๆไปนั้นมีการทำกันเปลี่ยนสูตรมากมาย แล้วแต่ว่าคนไหนชอบสูตรไหน เป็นน้ำมันเหลืองที่ทำมาจากธรรมชาติล้วนๆใช้สมุนไพรดีๆของไทยทั้งนั้นมักใช้แก้ปวด แก้วิงเวียน แก้ตะคิว รักษาโรคหอบหืด ไซนัส บางสูตรแก้อาการท้องอืดได้ด้วย ไปดูสูตรกระบวนการทำกันเลย
สิ่งของ เครื่องใช้ไม้สอย
1.เมนทอล 300 กรัม
2.พิมเสน 100 กรัม
3.การบูร 100 กรัม
4.หัวไพลแก่จัด 200 กรัม
5.น้ำมันงาบริสูทธิ์ 50 กรัม
6.กระทะสำหรับทอดหัวไพล
7.ภาชนะสำหรับผสมสาร ดังเช่นว่า ขวดบรรจุกาแฟ ขวดแก้ว
วิธีทำ
1.ล้างหัวไพลให้สะอาดตากให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแห้ง
2.ทอดหัวไพลในน้ำมันงาโดยใช้ไฟอ่อนๆทอดไปจนกระทั่งน้ำมันเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วใส่สมุนไพรตัวทอดต่อให้หมดฟองชูลงจากเตากรองเอากากทิ้ง
3.นำส่วนประกอบทั้ง 3 ประเภท ในอัตราส่วนที่กำหนดหมายถึง(เมนทอล 3 ส่วน พิมเสน 1 ส่วน พิมเสน 1 การบูร 1 ส่วน )เทผสมรวมกันในภาชนะสำหรับผสมสาร
4.ใช้ไม้พายเล็กคนให้ส่วนผสมทั้งหมดทั้งปวงละลายเป็นของเหลว (ถ้าเกิดไม่ใช่ไม้คนอาจใช้วิธีการเขย่าขวดให้ส่วนผสมละลายก็ได้
5.เติมน้ำมันที่สกัดจากหัวไพลลงไป คนให้เข้ามาเป็นเนื้อเดียว
6.น้ำมันเหลืองที่ได้บรรจุขวดปิดฝาให้แน่น
น้ำมันเหลืองผลการศึกษาวิจัยจากมหาวิทยาลัยบอสตันเปิดเผยว่า คนไข้โรคมะเร็งระยะแพร่ขยายที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนหลับได้ดีขึ้น บรรเทาลักษณะการเจ็บปวด รวมทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เผยว่า ผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งระยะแพร่กระจาย จะทรมาทรกรรมจากลักษณะของการเจ็บปวดลดน้อยลง คลื่นไส้น้อยครั้ง หรือเปล่าอาเจียนเลย รู้สึกชื่นบานขึ้น ความดันดีมากกว่าเดิม รวมทั้งเครียดจากลักษณะการป่วยลดน้อยลง ภายหลังได้รับการบำบัดด้วยแนวทางนวด
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือก[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3http://www.chiangdaoherb.com/product/19/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง[/url][/color]ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และก็คุณประโยชน์ต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละชนิด โดยส่วนใหญ่น้ำมันฐานรากที่นิยมนำมาผสมทำน้ำมันนวด เช่น น้ำมันเมล็ดทานตะวัน ฯลฯ ซึ่งมีวิตามินอี สูงกว่าน้ำมันที่ทำจากถั่วเหลือง และน้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติภารกิจเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ แล้วก็ทำลายของเสียที่รังควานเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นโลหิต คุ้มครองป้องกันการเกิดมะเร็ง ยิ่งกว่านั้นน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต้องต่อสภาพทางด้านร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวย
โดยทั้งนี้น้ำมันแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติ และคุณค่าที่นานับประการ ขึ้นกับการเลือกใช้ให้สมควรตามการใช้
11  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / น้ำมันนวดใช้ทาเเล้วดีอย่างไร เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2018, 09:11:50 am
[/b]
น้ำมันนว[/size][/b]
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ สร้างขึ้นมาจากสมุนไพรแท้ 100% ไม่มีส่วนผสมจากสเตอรอยด์หรือสารเคมีอันตรายใด  ซึ่งก็มีข้อที่ไม่อนุญาตจำกัดอยู่เช่นเดียวกันสำหรับการใช้ ซึ่งในกรณีที่มีการแพ้สาร Notoginsenoside, Flavonoid, การบูร
มาดูคุณประโยชน์ของน้ำมันนวดกันค่ะ


          ซึ่งพวกเรามาดูผลกระทบในด้านที่เสียหายจากการทานยาคลายกล้ามกันนะคะ ทำไมถึงจำต้องเลือก น้ำมันนวดเพราะเหตุว่า ยาคลายกล้ามปกติที่เราทาน ทำให้กล้ามรู้สึกหายปกติจริง เราจะมีความรู้สึกว่ามันหายเป็นปกติ และก็ออกกำลังกายได้ธรรมดาไม่เจ็บ แต่ในความเป็นจริงแล้วกล้ามเนื้อยังอักเสบอยู่ หากเรายังคงใช้งานกล้ามเหมือนเดิมจะทำให้กล้ามอักเสบเยอะขึ้น การที่กินยาแล้วบริหารร่างกายส่วนนั้นต่อเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆเข้า ก็บางทีก็อาจจะอักเสบเรื้อรังได้ อันนี้เป็นข้อผลกระทบในด้านที่เสียหายทางอ้อมมาจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งคนโดยมากแล้วก็จะใช้กล้ามหรือปฏิบัติงานธรรมดาทุกๆอย่างเพราะเหตุว่าพวกเราไม่ทราบสึกปวดหรือเจ็บแล้ว ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่ถูกเนื่องจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อยาเมื่อพวกเราทาน
          ข้อเสนอเป็น หลังจากใช้น้ำมันนวดยาแล้ว 48 ชั่วโมงให้ยาหมดฤทธิ์แล้วจริงๆนะคะ จึงค่อยไปบริหารร่างกายหรือดำเนินงานตามเดิมค่ะ ส่วนต้องพักนานขนาดไหนนั้น ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวคุณว่าร่างกายของคุณเป็นยังไงเนื่องจากว่ามีหลายสาเหตุด้วยกัน ตัวอย่างเช่นพวกเราเจ็บมากแค่ไหน รักษายังไง กินยาแล้วปล่อยให้ร่างกายปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมตนเอง อย่างนี้นานหน่อยนะคะ ซึ่งนอกเหนือจากที่จะรับประทานยาแล้วต้องกายภาพบำบัดช่วยนะคะ ดังเช่นว่า ยืดกล้าม ประคบ นวด อย่างถูกแนวทางนะคะ ขอย้ำนะคะต้องถูกทาง
          ซึ่ง การใช้น้ำมันตัวนี้นะคะ เราแค่ทาลงไปในส่วนที่เราปวดนะคะ หรือมีการอักเสบของกล้าม เท่านี้ค่ะตัวยาจะซึมเข้าไปทำให้ลักษณะของการปวดเมื่อยล้าน้อยลง อีกอย่างที่สำคัญนะคะ
นํ้ามันนวด ตัวนี้เหมาะกับผู้ใดบ้าง?

  • คนที่ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • คนที่เมื่อยจากการทำงานหนัก
  • ปวดมือรวมทั้งคอจากการเล่นโทรศัพท์เคลื่อนที่
  • ปวดหลังจาก Office syndrome
  • ปวดข้อจากโรคเกาท์
  • ผู้ที่ปวดหัวเข่าจากโรคข้อต่ออักเสบ
  • คนที่ปวดขาจากการเดิน Shopping
  • เจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ตีดอท กระทั่งปวดมือ
  • ปวดคอจากการเล่นโทรศัพท์เคลื่อนที่
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือกน้ำมันนวดขึ้นกับการใช้แรงงาน และก็คุณประโยชน์ต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละประเภท โดยส่วนใหญ่น้ำมันฐานรากที่นิยมนำมาผสมทำน้ำมัน  เป็นต้น ซึ่งมีวิตามินอี สูงกว่าน้ำมันถั่วเหลือง แล้วก็น้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติภารกิจเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ และก็ทำลายของเสียที่รังแกเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นเลือด คุ้มครองการเกิดมะเร็ง นอกเหนือจากนี้น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ต้องต่อร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยโดยดังนี้น้ำมันแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติ และก็คุณประโยชน์ที่นาๆประการ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ให้สมควรตามการใช้แรงงานนวดน้ำมันที่ดีของคุณผ่อนคลายร่างกายและช่วยเหลือการนอนที่ดีกว่าสำหรับวัน.
ผู้คนจำนวนมากทุกข์ระทมแสนสาหัสจากความไม่ดีเหมือนปกติของการนอนต่างๆได้สังเกตเห็นการปรับปรุงในนิสัยการนอนของพวกเขาหลังการดูแลและรักษาด้วยการนวดบรรเทา. น้ำมันนวดกระตุ้นจิตใจแล้วก็จิตวิญญาณ การบำบัด, เพราะฉะนั้นคนไม่ใช่น้อยมีประสบการณ์การนอนลึกแล้วก็พักผ่อนมากเพิ่มขึ้น.
ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น
นวดน้ำมันมากขึ้นและก็รักษาความยืดหยุ่นของข้อต่อของคุณ. นวดตัวที่มีประสิทธิภาพลักษณะการทำงานของกล้ามทั้งปวง, เนื้อเยื่อรวมทั้งข้อต่อจึงแก้ไขการแสดงกีฬารวมทั้งการดูแลด้านความสะดวกสบายสำหรับการเคลื่อนไหวร่างกายของคุณง่ายดายมากยิ่งขึ้น. นอกจากสิ่งพวกนี้เกิดผลดีต่อสุขภาพ, น้ำมันนวดยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บและเพิ่มความเร็วสำหรับเพื่อการหาย. นวดแผนโบราณยังเป็นวิธีที่ดีสำหรับในการบรรเทาความตึงเครียดของกล้ามรวมทั้งทำนุบำรุงร่างกายของคุณ พอดี แล้วก็มีความยืดหยุ่นเป็นระยะเวลานาน.
กำจัดสารพิษ
ข้อเด่นที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการนวดน้ำมันซึ่งมันช่วยให้ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพกำจัดสารพิษจากสิ่งมีชีวิตโดยเหตุนั้นการส่งเสริมสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น.
ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
บริกาน้ำมันนวด[/url]รวมทั้งโดยมากสร้างความเข้มแข็ง ระบบภูมิต้านทานรวมทั้งช่วยย่อยอาหารดีขึ้น.
ศิลป์ที่งามของการนวดได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆด้วยการนวดน้ำมันบางมาก. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณลักษณะรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆในการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่ยอดเยี่ยมสำหรับสิ่งที่จำเป็นส่วนตัวของคุณและก็บรรเทาร่างกายของคุณด้วยการนวดบรรเทาและก็ฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อจะรักษาความสมดุลด้านจิตวิญญาณของคุณและสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.
โรคนี้จะไม่สามารถหายไปได้เอง!
โรคต่างๆเกี่ยวกับข้อจะไม่อาจจะหายสนิทได้เอง ถึงอาการที่แสดงออกมาจะร้ายแรงลดน้อยลงก็ตาม แล้วก็สุดท้ายก็จะกลายเป็นโรคเรื้อรังรวมทั้งก่อเกิดความลำบากสำหรับการดำเนินชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ

Tags : น้ำมันนวด
12  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / มะนาว มีสรรพคุณเเละประโยชน์ดีๆ อีกมากมายที่เรายังไม่รู้ เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2018, 10:26:05 am
[/b]
มะนา[/size][/b]
ชื่อสมุนไพร มะนาว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น ส้มมะนาว (ภาคกลาง),ส้มทุ่งนาว (ภาคใต้) ,สีมานีปีห์ (มลายู) ,หมากฟ้า (ไทยใหญ่) , โกรยชะม้า (เขมร) , มะเน้าเลย์ , มะนอเกละ , ปะนอเกล (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) , ปะโหน่งกลยาน (กะเหรี่ยง กาญจนบุรี)
ชื่อสามัญ  Common lime, Lime , Sour lime
ชื่อวิทยาศาสตร์  Citrus aurantifolia (Christm. et Panz.) Swing.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Limonia aurantifolia Christm. & Panzer.
ตระกูล  Rutaceae
ถิ่นกำเนิด เช้าใจกันว่ามะนาวเป็นพืชพื้นบ้านในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์เนื่องจากว่าคนที่อยู่ในภูมิภาคนี้ รู้จักการใช้ประโยชน์จากมะนาวกันเป็นอย่างดีมาตั้งแต่อดีตแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย แต่มีการศึกษาและทำการค้นพบอีกชิ้นหนึ่งที่เชื่อว่ามะนาวมีต้นตอในอินเดียภาคเหนือ รวมทั้งเขตเชื่อมต่อกับประเทศพม่า รวมทั้งทางตอนเหนือของมาเลเซีย (แต่ว่าน่าแปลกที่ไม่เจอมะนาวในป่าของไทย) ปัจจุบันมีการปลูกมะนาวทั่วๆไปในเขตร้อน และเขตอบอุ่นกึ่งร้อนทั่วทั้งโลกเนื่องจากว่ามะนาวสามารถขึ้นได้ในที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ แล้วก็ทนต่อดินเนื้อละเอียดได้ดีมากยิ่งกว่าส้ม
ลักษณะทั่วไป มะนาวเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดเล็กมีลักษณะเป็นพุ่มมีความสูงเฉลี่ย 2-5 เมตร ลำต้นมีลักษณะโค้งงอไม่ค่อยแข็งแรง เปลือกของลำต้นมีสีน้ำตาลคละเคล้าเทา กิ่งอ่อนของมะนาวมีสีเขียวอ่อน เมื่อแก่ สีจะเข้มขึ้นจนเป็นสีน้ำตาลส่วนกิ่งที่แก่มากมายจะเป็นสีเทา การออกของกิ่งไม้ไม่ค่อยเรียบร้อย บนลำต้นและกิ่งจะมีหนาม หนามมีลักษณะแหลมมีทั้งหนามสั้นรวมทั้งหนามยาวมีสีเขียวเข้มและสีเขียวอมเหลือง ส่วนบริเวณปลายหนามีสีน้ำตาล เมื่อแก่ขึ้นหนามจะแห้งตามไป
                ใบของมะนาวมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว เป็นมีแผ่นใบอันเดียว ใบมีขนาดเล็กกว้างราวๆ 3-6 เซนติเมตร ยาวราวๆ 6-12 เซนติเมตรรูปร่างเป็นแบบรีหรือทรงไข่ ฐานใบมีลักษณะกลม ปลายใบมีรูปแหลม ป้าน ขอบใบเป็นคลื่น หรือเป็นหยักละเอียด ก้านใบสั้นรวมทั้งมีปีกใบแคบหรืออาจไม่มีปีกใบก็ได้ ดังนี้ขึ้นอยู่กับจำพวกมะนาว ใบอ่อนมีสีเขียวจางแทบเป็นสีขาว ใบแก่มีสีเขียวเข้ม ผิวใบด้านบนละเอียดเป็นเงาส่วนผิวใบข้างล่างค่อนข้างหยาบคายและก็มีสีจางกว่า เมื่อกระทำการขยี้ใบจะมีกลิ่นฉุน
                ดอกมะนาวอาจเกิดเป็นดอกผู้เดียวหรือช่อก็ได้ มีทั้งๆที่เป็นดอกสมบูรณ์และไม่บริบูรณ์ ดอกจะออกรอบๆซอกใบแล้วก็ปลายกิ่ง ดอกมะนาวมีขนาดเล็ก ดอกที่ตูมจะมีขนาดความยาว 1-2 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมีสีเขียวเป็นรูปถ้วยมี 4-6 หยัก ส่วนกลีบมีสีขาว และด้านท้องกลีบอาจมีสีม่วงอมแดงเจืออยู่ด้วย กลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปถ้วย มีปริมาณ 4-5 อัน ปริมาณกลีบในและก็กลีบนอกมีจำนวนเท่าๆกัน แต่ละกลีบมีขนาด 0.8-1.2 เซนติเมตร ดอกมะนาวมีเกสรตัวผู้เยอะแยะถึง 20-40 อัน เชื่อมชิดกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-8 อัน เกสรตัวเมียมีรังไข่รูปร่างเป็นทรงกระบอก ใน 1 ดอก จะมีรังไข่ราว 9-12 อัน
                ผลมะนาวมีรูปร่างแตกต่างกันไปตามประเภทของชนิด มีทั้งรูปร่างยาวรี รูปไข่ และรูปร่างกลม ที่ก้นผลมีลักษณะเป็นจุกหรือปุ่มเล็กๆผลโดยปกติมีขนาดความยาว 3-12 ซม. เปลือกมักษณะตะปุ่มตะป่ำ และก็มีต่อมน้ำมันเปลือกผิว ผิวเปลือกเมื่อแหลม บรรจุอยู่เยอะๆ เนื้อมะนาวมีสีเหลืองอ่อน มีรสเปรี้ยวแล้วก็มีกลิ่นหอมเม็ด ขนาดเล็กคล้ายรูปไข่ ด้านปลายหัวจะแหลม ภายในเม็ดมีเยื่อสีขาว
การขยายพันธุ์  มะนาวเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ดีในดินเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ดินเหนียว ดินปนทราย แต่หากต้องการจะปลูกมะนาว ให้งอกงามดี มี ผลดก รวมทั้งคุณภาพดี ก็ควรจะปลูกภายในพื้นที่ที่เป็นดินที่ร่วนซุย มีการระบาย น้ำดี มีสารอินทรีย์ผสม อยู่มาก และก็ควรเลือกพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ
ส่วนการขยายพันธุ์มะนาวนั้นสามารถทำเป็นหลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น การตอนกิ่ง การทาบกิ่ง แล้วก็การติดตา แม้กระนั้นวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับเพื่อการเพาะพันธุ์มะนาวสูงที่สุดเป็น การตอนกิ่ง โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้

  • เลือกกิ่งที่ไม่แก่หรืออ่อนเหลือเกินและไม่เป็นโรคหรือมีแมลงกัดรับประทาน ยาวประมาณ 30-50 ซม. แล้วก็มีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 0.5 เซนติเมตรขึ้นไป
  • ตัดหนามแล้วก็ใบในบริเวณที่จะควั่นกิ่งออกโดยประมาณ 5 ซม.
  • ควั่นกิ่งออกเป็น 2 รอยให้ลึกถึงเนื้อไม้ห่างกัน 1-2 ซม.
  • ขูดเนื้อเยื่อรุ่งโรจน์ออกให้หมด
  • หุ้มห่อด้วยขุยมะพร้าวที่มีความชื้นหรือใช้ตุ้มตอนสำเร็จ มัดเปาะหัวด้านหลังให้แน่น แล้วทิ้งเอาไว้ราว 30-45 วัน เมื่อรากออกมาแล้วก็ใช้กรรไกรตัดกิ่งตัดเพื่อนำไปแช่น้ำจนถึงอิ่มตัว
  • นำไปชำต่อในถุงดำขนาด 5x8 นิ้ว ที่ผสมดิน 1 ส่วน แกลบ 1 ส่วน และเมื่อกิ่งที่ชำเดินรากได้ดีในถุงสีดำรวมทั้งแข็งแรงแล้วจึงนำไปปลูกต่อไป
การเตรียมพื้นที่ปลูก

  • พื้นที่ลุ่ม จัดเตรียมพื้นที่โดยทำคันดินให้มีความกว้างโดยประมาณ 6-8 เมตร ความสูงให้สังเกตจากจำนวนน้ำที่เคยท่วมสูงโดยให้อยู่สูงขึ้นยิ่งกว่า แนวระดับอุทกภัย 50 ซม. แทงร่องหรือซอยร่องทำประตูน้ำเพื่อ ระบายน้ำเข้าออก ขนาดร่องน้ำกว้าง 1.5 เมตร ลึก 1 เมตร พื้นที่ร่องกว้าง 0.5-0.7 เมตร ใช้ระยะปลูก 5X5 เมตร
  • พื้นที่ดอน ควรไถกระพรวนเพื่อกำจัดวัชพืช และก็ทำให้ดินซึ่งร่วนซุย ใช้ระยะปลูก 4 x 4 – 6 x 6 เมตร ดังนี้ขึ้นกับความอุดมสมบูรณ์ของดิน
กระบวนการปลูก
ควรจะปลูกภายในช่วงต้นหน้าฝน ควรขุดหลุมปลูก ให้มีขนาดกว้างแล้วก็ลึกโดยประมาณ 50 เซนติเมตร ผสมดิน ปุ๋ยคอก และก็ปุ๋ยร็อคฟอสเฟตเข้าด้วยกัน ในหลุมให้ สูงราวๆ 2 ใน 3 ของหลุม ยกถุงกล้า ต้นไม้วางในหลุม โดยให้ระดับของดินในถุงสูงขึ้นมากยิ่งกว่า ระดับดินปากหลุมน้อย ใช้มีดที่คม กรีดถุง จากก้นถุงขึ้นมาถึงปากถุง 2 ด้าน (ช้ายแล้วก็ขวา) ดึงถุงก๊อบแก๊บออก โดยระวังไม่ให้ดินแตก กลบดินที่เหลือลงในหลุม กดดินรอบๆโคนต้นให้แน่น ปักไม้หลักและผูกเชือกยึด เพื่อคุ้มครองปกป้องลมพัดโยก หาวัสดุปกคลุมดินบริเวณโคนต้น ได้แก่ ฟางข้าว หญ้าแห้ง รดน้ำให้โชก ทำร่มเงา เพื่อช่วยอำพรางแสงอาทิตย์
การกระทำรักษา การให้น้ำ ควรจะมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้น ในตอน ที่ปลูกใหม่ๆควรจะให้น้ำวันละครั้งเป็นอย่างน้อย (กรณีฝนไม่ตก) หลังจากปลูกโดยประมาณ 15 วัน มะนาวสามารถตั้งตัวได้แล้ว ให้น้ำเดือนละ 2-3 ครั้ง แล้วก็ควรหา สิ่งของมาคลุมดินบริเวณโคนต้น เพื่อช่วยรักษาความชื้น                ควรจะเริ่มงดเว้นให้น้ำ ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม เป็นต้นไป จนถึงตอนออกดอก เพื่อให้มะนาวสะสม ของกินให้สูงถึงระดับซึ่งสามารถสร้างตาดอกได้ ปกติมะนาวจะมีดอก เมษายน-พฤษภาคม หลังจากมะนาวออกดอก และก็กำลังติดผลอ่อน เป็นช่วงที่มะนาวอยากได้น้ำมากมาย เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต ของผล
[url=http://www.disthai.com/16941374/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7]
[/b]
     ส่วนจำพวกมะนาวที่มีการปลูกกันมากในไทย เป็นต้นว่า

  • มะนาวไข่ ผลกลม หัวด้านหลังยาวคล้ายมะนาวหนัง เมื่อโตเต็มที่ผลมีลักษณะกลมมน เปลือกบางผลโต กว่ามะนาวหนัง
  • มะนาวแป้น ผลใหญ่ ค่อนข้างจะกลมแป้น เปลือกบาง มีน้ำมาก นิยมใช้บริโภคมากกว่าจำพวกอื่นๆเชิงการค้าจะปลูกมะนาวประเภทแป้นดกพิเศษ สามารถบังคับให้ออกหน้าแล้งได้ง่าย
  • มะนาวหนัง ผลอ่อนกลมยาวหัวด้านหลังแหลม เมื่อโตเต็มกำลังผลจะมีลักษณะกลมค่อนข้างจะยาว มีเปลือกหนา ทำให้รักษาผลประโยชน์นาน

องค์ประกอบทางเคมี น้ำจากผลมีกรด citric acid, malic acid, ascorbic acid,  ผิวมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยที่มาจากผู้กระทำลั่นผิวผล ปริมาณร้อยละ 0.3-0.4 มีสารต่างๆตัวอย่างเช่น  d-limonene (42-64%), alpha-berpineol (6.81%), bergamotene ผสมกับ terpinen-4-ol (3%),  alpha-pinene          citric acid       
(1.69%), geraniol (0.31%), linalool,  terpineol, camphene, bergapten (furanocoumarin)    ใบมะนาวเมื่อเอามาสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยการ    camphene
ต้มกลั่น (hydrodistillation) ได้น้ำมันหอมระเหยจำนวนร้อยละ 0.27  ส่วนประกอบทางเคมีของน้ำมันมีสารต่างๆดังเช่น  6-methyl-5-hepten-2-one (3.19), limonene (44.82), neral (4.95), geranial (7.66) , geranyl acetate (8.98), caryophyllene oxide (2.31) ส่วนข้อมูลทางโภชนาการของมะนาวมีดังนี้

  • พลังงาน 30 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 10.5 กรัม
  • น้ำตาล 1.7 กรัม
  • เส้นใย 2.8 กรัม terpineol
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • โปรตีน 0.7 กรัม
  • วิตามินบี 1 0.03 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.02 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 3 0.2 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 5 0.217 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 6 0.046 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 9 8 ไมโครกรัม
  • วิตามินซี 29.1 มก.
  • แคลเซียม 33 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 0.6 มก.
  • แมกนีเซียม 6 มก.
  • ธาตุฟอสฟอรัส 18 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม 102 มิลลิกรัม
  • โซเดียม 2 มิลลิกรัม ที่มา : Wikipedia
ผลดี/สรรพคุณ
น้ำมะนาวมีคุณค่าสำหรับการเป็นสารให้ความเปรี้ยว ผิวมะนาวมีกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหย มะนาวเป็นเครื่องปรุงรสของกินไทยที่ขาดเสียไม่ได้ เป็นส่วนประกอบรสเปรี้ยวหลักของน้ำพริก ตำส้ม ยำทุกประเภท ลาบและก็อาหารไทยอีกอีกเพียบเลย ต่างชาติใช้มะนาวทั้งยังในของคาวหวาน ตัวอย่างเช่น ในพายมะนาวของเมืองฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
น้ำมะนาวเว้นแต่ใช้แต่งรสเปรี้ยวในอาหารหลาย ประเภทแล้ว ยังนำมาใช้เป็นเครื่องดื่ม ผสมเกลือ และน้ำตาล เป็นน้ำมะนาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไทย รวมทั้งต่างแดนทั่วโลก นอกจากนั้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บางจำพวกยังนิยมฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆทิ่มไว้กับขอบแก้ว เพื่อใช้แต่งรส
โดยข้างในผลมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยถึงจำนวนร้อยละ 7 น้ำมะนาวจึงมีประโยชน์สำหรับใช้เป็นส่วนประกอบน้ำยาทำความสะอาด เครื่องหอม การบำบัดด้วยกลิ่น (aromatherapy) หรือน้ำยาที่เอาไว้สำหรับล้างจาน
นอกจากนั้นยังมีการใช้ประโยชน์จากมะนาวด้านอื่นๆอีกได้แก่ หุงข้าวให้ขาวรวมทั้งอร่อยขึ้น ด้วยการใช้น้ำมะนาวโดยประมาณ 2-3 ช้อนนำไปซาวข้าว  ทอดไข่ให้ฟูและนุ่ม มะนาว 4-5 หยดจะช่วยได้  มะนาวช่วยลดเหม็นกลิ่นคาวจากปลาเมื่อประกอบอาหารและทำให้ปลาอาจรูปไม่เหลว เมื่อใช้มีดผ่าปลี มีดจะมีสีม่วงคล่ำ ล้างออกลำบาก เอามาท้องนาวที่ผ่าแล้วมาถูตามใบมีด จะช่วยทำให้มีดสะอาดเหมือนเดิม  การเชื่อมกล้วยหักมุกให้น่าอร่อย เมื่อน้ำตาลเดือดเป็นยางมะตูมแล้ว ให้บีบมะนาวครึ่งซีกลงไป จะช่วยให้กล้วยใส น่ากินมากเพิ่มขึ้น  มะนาว 2-3 ลูกใส่เอาไว้ภายในถังข้าวสารช่วยคุ้มครองปกป้องมอดได้  ส่วนการแปรรูปมะนาว มะนาวดัดแปลงได้ อย่างเช่น น้ำมะนาวทำกับข้าว มะนาวแช่อิ่มตากแห้ง น้ำมะนาวเข้มข้น มะนาว ผง เครื่องดื่มผสมน้ำมะนาว แยมมะนาว เยลลีมะนาว แยมเปลือกมะนาว แยมนะทุ่งนาวดอง มะนาวดองเค็ม มะนาวหวาน กิมจ้อมะนาว เปลือกของมะนาวสามรส เปลือกของมะนาวเส้นปรุงรส เปลือกมะนาวเชื่อม เปลือกมะนาวแช่อิ่ม มาร์มาเลดมะนาว ฯลฯ
ส่วนคุณประโยชน์ทางยานั้นระบุว่า หนังสือเรียนยาไทยผิวมะนาวจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” ประกอบด้วย ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มโอ ผิวส้มจังหวัดตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะกรูด และผิวมะนาว (หรือผิวส้มโอมือ) มีสรรพคุณแก้ลมกองละเอียด กองหยาบคาย แก้เสลดโลหะ ใช้ปรุงยาหอม แก้ทางลม
           นอกนั้นบัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้ผิวมะนาว ในยารักษาอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ปรากฏตำรับ”ยาหอมเทพจิตร” มีส่วนประกอบของผิวมะนาว อยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณในการแก้ลมตาลาย แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในท้อง
                ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันเจาะจงถึงสรรพคุณของมะนาวว่า สารดี-ลิโมนิน (d-limonin) เป็นสารที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความขมในน้ำมะนาว น้ำมันผิวมะนาว (lime oil) พบได้ทั่วไปบริเวณผิวเปลือกของมะนาวมีสารดี-ลิโมนิน เป็นองค์ประกอบหลักเกินกว่าร้อยละ 90 พบว่าน้ำมันผิวมะนาว มีคุณลักษณะคุ้มครองป้องกันแล้วก็รักษาโรคมะเร็งหลายประเภท
ชาวต่างประเทศทั่วไปมักกินน้ำส้ม หรือน้ำจากผลพืชเชื้อสายส้ม เป็นต้นว่า ส้มโอ หรือมะนาว ประกอบกับอาหารมื้อเช้า น้ำผลไม้กลุ่มนี้มีวิตามินซี และมีสารกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ (flavonoid) มีสารเฮสเพอริดิน (hesperidin) รูทิน (rutin) และก็นาริงจิน (naringin) และก็ลิโมนิน เป็นฟลาโวนอยด์หลักของพืชเชื้อสายส้ม จากนี้จะเรียกสารกลุ่มนี้ว่าฟลาโวนอยด์ส้ม (citrus bioflavonoid)
สารกลุ่มฟลาโอ้อวดนอย์ส้มนี้มีรายงานทางด้านการแพทย์ตะวันตกว่าใช้สำหรับในการรักษามาลาเรีย โรครูมาตำหนิสม์เรื้อรังและก็โรคเกาต์ ใช้สำหรับการป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน คุ้มครองการตกเลือดข้างหลังคลอด รวมทั้งช่วยบรรเทาอาการระคายคอจากการตำหนิดเชื้อรวมถึงโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งโรคที่เกิดขึ้นและมีสาเหตุมาจากการได้รับวิตามินซีในอาหารน้อยเกินไป ซึ่งอาจจะเป็นผลให้มีลักษณะอาการของโรคเกิดขึ้นภายใน 8-12 อาทิตย์ ผู้ป่วยมักมีอาการเหมือนป่วยหนัก เมื่อยล้า ง่วงซึม โลหิตจาง ปวดกล้าม เจ็บกระดูก มีแผลฟกช้ำดำเขียวหรือบวมง่าย มีจุดเลือดออกแดงๆตามผิวหนัง กำเนิดโรคทางปริทันต์ เป็นแผลแล้วหายยาก อารมณ์แปรปรวน หรือมีภาวะเศร้าหมอง สำหรับประโยชน์ซึ่งมาจากน้ำมะนาวต่อโรคนี้ มีงานค้นคว้าเมื่อก่อนที่ให้คนไข้โรคนี้กินส้มกับมะนาวเหลือง พบว่าคนป่วยสามารถฟื้นได้อย่างสมบูรณ์แล้วก็เร็ว เมื่อเทียบกับคนป่วยอีกกลุ่มที่กินอาหารจำพวกอื่น ยิ่งไปกว่านี้ในน้ำมะนาวยังมีกรด citric ซึ่งมีรสเปรี้ยว จะกระตุ้นให้มีการขับน้ำลายออกมาทำให้ชุ่มคอ จึงช่วยทุเลาลักษณะของการเจ็บคอได้
ต้นแบบ/ขนาดวิธีการใช้
อาการไอ  ระคายคอจากเสมหะใช้น้ำจากผลที่โตสุดกำลัง  เพิ่มเกลือเล็กน้อย  จิบเสมอๆหรือ จะทำน้ำมะนาวเติมเกลือแล้วก็น้ำตาลเล็กน้อย           อาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด   ใช้เปลือกผลสด 1/2-1 ผล ฝานเป็นชิ้นเล็กๆบางๆชงด้วยน้ำเดือด ปิดฝาทิ้งไว้ 5-10 นาที ดื่มแม้กระนั้นน้ำขณะมีอาการ หรือหลังอาหาร 3 เวลาใช้มะนาว 1 ผล บีบเอาน้ำมะนาวมาชงกับน้ำร้อนดื่มหรือใช้มะนาวฝานบางๆจิ้มเกลือกินจะช่วยขับเสมหะได้เช้าตรู่หลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้ว ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว บีบมะนาว 1/4 ผล (หรือใส่เกลือนิดหน่อย) จะช่วยทุเลาท้องผูก และก็ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายน้ำมะนาวผสมผงกำมะถันใช้ทาก่อนนอน แก้อาการกลาก โรคเกลื้อน หิดใช้น้ำมะนาวทาที่ตุ่มคัน ทิ้งเอาไว้ให้แห้ง ล้างน้ำสบู่แล้วขัดถูให้แห้ง แล้วก็ใช้แป้งทาตุ่มคัน แก้น้ำกัดเท้าในด้านความสวยงาม ผลัดเซลล์ผิว ลดรอยด่างดำ ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ชั่วประเดี๋ยว ล้างออกโดยการใช้นำที่สะอาดแล้วซึมซับให้แห้ง ทำสัปดาห์ละครั้ง ผิวหน้าจะดูสดใส หรือใช้น้ำมะนาวผสมน้ำแช่อาบใช้สำหรับในการแก้ไข้ทับเมนส์ ด้วยการเอาใบมะนาวโดยประมาณ 100 ใบมาต้มรับประทานช่วยแก้ลิ้นเป็นฝ้า ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำมะนาวถูที่ลิ้นวันละ 2-3 ครั้ง
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา การเล่าเรียนสัตว์ทดสอบในหนู พบว่าเมื่อให้สารเฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์หลักจากเปลือกในพืชเครือญาติส้มกับหนูไขมันสูง ส่งผลเพิ่มไขมันที่ดี (เอชดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดไขมันไม่ดี (แอลดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดจำนวนไขมันรวมแล้วก็ไตรกลีเซอไรด์ ในหนูดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว รวมทั้งมีผลลดความดันเลือดแล้วก็ขับปัสสาวะในหนูความดันสูง การทดสอบในห้องปฏิบัติในแคนทุ่งนาดาการพบว่า ฤทธิ์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นของฟลาโวนอยด์ส้มมีต้นเหตุมาจากผลการกระตุ้นหลักการทำงานของยีนรีเซปเตอร์ไขมันไม่ดี (แอลดีแอล) ในตับ ณ ตำแหน่งที่ควบคุมโดยสเตอรอคอยล (sterol regulatory element, SRE)
ในสหรัฐฯ การค้นคว้าวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า ฟลาโวนอยด์ส้มสองกลุ่ม เป็นต้นว่ากรุ๊ปเฮสเพอริดิน และก็กลุ่มโพลีเมโททอกสิเลตฟลาโอ้อวดน (PMFs) มีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลในพลาสม่าของสัตว์ทดสอบ ซึ่งเกื้อหนุนผลที่เกิดจากงานวิจัยในหนูถีบจักรของแคนาดา
เมืองจีน การค้นคว้าวิจัยพบว่า ทุ่งนาริงจิน และก็เฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของยีนอะดีโพเนกทิน (adiponectin) ซึ่งเป็นยีนสำคัญในเมตาบอลิซึมของกลูโคสแล้วก็ไขมันที่เกี่ยวโยงกับการสร้างพลัคตันของหลอดเลือดและแนวทางการอักเสบ ผลการศึกษาวิจัยบอกว่าฟลาโวนอยด์ส้มทั้ง 2 จำพวกแสดงผลลัพธ์ต้านการเกิดพลัคโดยกระตุ้น perovisome proliferator-activated receptor (PPAR) รวมทั้งยีนอะดีโพเนกทินในเซลล์ไขมันอะดีโพไซต์
นอกจากนั้น สารทั้งสองยังมีฤทธิ์เอสโทรเจนอย่างอ่อน มีผลต่อการสร้างไนตริกออกไซด์ในเซลล์ผนังเส้นโลหิตผ่านการกระตุ้นรีเซปเตอร์ของเอสโทรเจน จึงมีฤทธิ์คุ้มครองการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจ ส่งผลให้สนับสนุนการกินมะนาว แล้วก็ฟลาโวนอยด์ส้มเพื่อลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด คุ้มครองโรคเส้นเลือดหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงวัยทอง
การค้นคว้าหนึ่งพบว่า น้ำมะนาวเข้มข้น (concentrated lime juice, CLJ) มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์โมโนปรมาณูในระบบภูมิต้านทาน รวมทั้งโปรตีนในน้ำมะนาวเข้มข้นมีฤทธิ์ต้านทานการแบ่งตัวของเซลล์ของโรคมะเร็ง การเรียนรู้ในห้องแลปในรัฐเท็กซัสรวมทั้งแคลิฟอเนีย อเมริกาพบว่า สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์ต้านทานออกซิเดชั่นพอควร แต่น้อยกว่าฟลาโวนอยด์ในพืชตระกูลขิง มีบทความทางการแพทย์บอกว่า ฟลาโวนอยด์ส้มยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ปอด โพรงปาก กระเพาะอาหาร และก็มะเร็งเต้านมจากการทดลองในห้องปฏิบัติการและในสัตว์ทดสอบหลากหลายประเภท แม้กระนั้นยังไม่เจอผลการศึกษาวิจัยทางสถานพยาบาล
ส่วนฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของมะนาวที่เกี่ยวกับแก้เจ็บคอมีดังต่อไปนี้  ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย มีการทำการศึกษาเรียนรู้ผลของทั้งน้ำมันหอมระเหยแล้วก็สารสกัด พบว่า น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Bacillus cereus แล้วก็ E. coli สารสกัด 80% เอทานอลจากเปลือกผิว มีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus แล้วก็ Bacillus cereus สารสกัดจากเมล็ดมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ Bacillus subtilis, E. coli. Pseudomanas cichorii และ Salmonella typhimurium สารสกัดเอทานอลจากส่วนกิ่ง (branches) ความเข้มข้น 20 มก./มิลลิลิตร ไม่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus, Bacillus subtilis รวมทั้ง Streptococcus faecalis
การเรียนรู้ทางพิษวิทยา การทดสอบความเป็นพิษ  เมื่อให้น้ำสกัดจากใบมะนาวทางปาก หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนูเม้าส์ ด้วยขนาด 10 กรัม/กก.น้ำหนักตัว (เท่ากันกับ 1,852 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน) ไม่เจอความผิดปกติอะไรก็แล้วแต่เมื่อป้อนสารสกัดรากมะนาวด้วยน้ำครั้งเดียวทางปาก ในขนาด 5 กรัม/โลน้ำหนักตัว ให้หนูแรทไม่พบว่าเป็นพิษอีกทั้งแบบรุนแรงแล้วก็กึ่งเรื้อรัง แต่ว่าพบว่าในหนูที่ได้รับสารสกัด 1.2 กรัม/โลน้ำหนักตัว/วัน  มีเอ็นไซม์ในตับมากขึ้นแต่ว่ายังอยู่ในตอนปกติ และไม่เจอความเปลี่ยนไปจากปกติของอวัยวะภายใน  ส่วนสารสกัดจากเปลือกผิวมะนาวมีผลยั้งฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์  และก็การทดสอบฤทธิ์ระคายโดยแนวทางการ Patch test พบว่าสารสกัดจากมะนาวให้ผล positive
คำแนะนำ/ข้อควรปฏิบัติตาม

  • การทาน้ำมันมะนาวลงบนผิวหนังโดยตรงอาจไม่ปลอดภัยในผู้ที่มีผิวหนังแพ้ง่าย ซึ่งสามารถส่งผลให้ผิวหนังไวต่อแสงอาทิตย์อย่างมาก โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่มีผิวค่อนข้างจะขาว ภายหลังการใช้น้ำมันมะนาวทาลงผิวหนังจะต้องทาครีมที่มีไว้ป้องกันแดดและสวมเสื้อผ้ามิดชิดเพื่อคุ้มครองป้องกันก่อนออกไปพบเจอกับแดด
  • รสเปรี้ยวของมะนาวอาจทำให้กำเนิดท้องร่วงหรือท้องเดินได้ถ้ากินมากจนเกินไป
  • หลังจากกินน้ำมะนาวแล้วไม่ควรแปรงฟันในทันทีเพราะอาจจะส่งผลให้สารเคลือบฟันตามธรรมชาติหลุดได้
  • ถ้าเกิดดื่มหรือกินมะนาวเสมอๆรวมทั้งเป็นระยะเวลานานติดต่อกันอาจจะส่งผลให้ฟันผุร่อนได้
  • คนที่มีภาวะโลหิตจางไม่สมควรกินมะนาว เนื่องจากรสเปรี้ยวจะไปกัดฟอกโลหิตก่อให้เกิดอันตรายได้
  • ยาบางชนิดที่จะถูกเปลี่ยนแปลงด้านในตับ โดยมะนาวอาจส่งให้ระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนรูปของยาพวกนี้ลดลง การกินน้ำมะนาวขณะรับประทานยาบางชนิดที่เปลี่ยนรูปในตับจึงอาจจะส่งผลให้มีผลข้างๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาทิเช่น ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) เฟกโซเฟนาดีน (Fexofenadine) ตรีอาโซแลม (Triazolam) เพราะฉะนั้น ก่อนกินมะนาวควรขอคำแนะนำหมอเกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ด้วย
เอกสารอ้างอิง

  • วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. 2536. พจนานุกรมสมุนไพรไทย. กรุงเทพ ฯ : พิมพ์ครั้งที่ 2, สำนักพิมพ์สุริยบรรณ.
  • รวี เสรฐภักดี.2553.คู่มือประกอบการฝึกอบรมโครงการปลูกมะนาวและการผลิตมะนาวนอกฤดู:การสร้างสวนไม้ผลยุคใหม่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.นครปฐม
  • Sethpakdee, R. 1992. Citrus aurantifolia (Christm. & Panzer) Swingle . In: L.P.A. Oyen and Nguyen Xuan Dung (Editors): Plant Resourses of South-East Asia No 2. Edible fruits and nuts. Prosea Foundation, Bogor, Indonesia. pp. 126-128.
  • รศ.สุธาทิพ ภมรประวัติ.มะนาว ลดคลอเรสเตอรอลป้องกันโรคหลอดเลือด.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่354.คอลัมน์บทความพิเศษ.ตุลาคม.2551.
  • มะนาว.ฐานข้อมูลเครื่องยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีธิราภา แสนเสนา นพดล กิตติวราฤทธิ์ มาลิน จุลศิริ รุ่งระวี เติมศิริฤกษ์กุล. ฤทธิ์ต้านเชื้อและฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ของสารสกัดจากผิวผลพืชตระกูลส้ม. โครงการพิเศษ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2536.
  • มะนาว.สมุนไพรที่ใช้ในงานสาธารณสุขมูลฐาน.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/[/b]
  • อรรถศิษฐ์  วงศ์มณีโรจน์.2553.คู่มือประกอบการฝึกอบรมโครงการปลูกมะนาวและการผลิตมะนาวนอกฤดู ดินและปุ๋ยสำหรับการปลูกมะนาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.นครปฐม.ไม้ผลเศรษฐกิจ.ฉบับที่102(251)/2552.วารสารเมืองไม้ผล.เทคนิคการปลูกมะนาวพันธุ์แป้นเกษตรดกพิเศษให้ออกในช่วงฤดูแล้ง.88-93 น.
  • Prabuseenivasan, S. et al. 2006. Invitro antibacterial activity of some plant essential oils. BMC Complement Altern Med 30(6):39
  • ประโยชน์ของมะนาวต่อการรักษาโรคได้ผลชัวร์หรือไม่.พบแพทย์ดอทคอม
  • อาจินต์ ปัญจพรรค์. ขุดทองในบ้าน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อนงค์ศิลป์การพิมพ์, 2524.
  • Ross SA, El-Keltawi NE, Megalla SE. Antimicr
13  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / มะขามที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถนำมาเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้ เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2018, 03:22:20 pm
[/b]
มะขา[/size][/b]
ชื่อสมุนไพร มะขาม
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น ขาม (ภาคใต้) , ม่องวัวล้ง (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี) , ตะลูบ (วัวราช) หมากแกง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) , อำเปียล (เขมร-จังหวัดสุรินทร์) , ส่าหม่อเกล (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ซึงกัก , ทงฮ้วยเฮียง (จีน)
ชื่อสามัญ  tamarind
ชื่อวิทยาศาสตร์  Tamarindus indica Linn.
ตระกูล  Fabaceae
ถิ่นกำเนิด เช้าใจกันว่ามะขามมีถิ่นเกิดในแอฟริกา แถบประเทศซูตานในขณะนี้ แล้วหลังจากนั้นมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้นำมะขามมาปลูกเอาไว้ภายในแถบประเทศอินเดีย รวมถึงในประเทศแถเขตร้อนของทวีปเอเชียและประเทศแถบลาตินอเมริกา แม้ว่าจะมีหลักฐานว่ามะขามมีบ้านเกิดดั้งเดิมอยู่ในทวีปแอฟริกา แม้กระนั้นสำหรับในประเทศไทยมะขามก็เข้ามา รวมทั้งมีชื่อเสียงดีเลิศว่า 700 ปีแล้ว ดังปรากฏเนื้อความในแผ่นจารึกหลักที่ 1 ยุคพ่อขุนรามคำแหง ที่เอ่ยถึงมะขามอยู่หลายที่ ยกตัวอย่างเช่น ตอนหนึ่งว่า “หมากขามก็หลายในเมืองนี้คนใดกันสร้างได้ไว้แก่มัน” ฯลฯ  จากหลักฐานดังที่ได้กล่าวมาแล้วจึงอาจจะบอกได้ว่า มะขามเป็นพืชที่มีการกระจายชนิดเข้ามาสู่ประเทศไทยกว่า 700 ปีมาแล้ว  นอกนั้นมะขามยังเป็นพันธุ์ไม้พระราชทางแล้วก็เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์อีกด้วย
ทั้งนี้มะขามฯลฯไม้แข็งแรงแข็งแรง และเป็นต้นไม้ที่แก่ยืนยาวมากมายประเภทหนึ่ง ในประเทศศรีลังกามีกล่าวว่าเจอมะขามที่มีอายุมากยิ่งกว่า 200 ปี ส่วนในประเทศไทย พบมะขามยักษ์ที่วัดแค อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี มีขนาดลำต้น 6-7 คนโอบ เชื่อว่าแก่กว่า 300 ปี โดยวัดแคนี้มีปรากฏชื่อในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนเณรแก้วเรียนวิชากับอาจารย์คงเจ้าวัดวัดแค ว่า
“ทั้งตำราพิชัยสงครามล้วนความรู้บางทีก็อาจจะปราบศัตรูไม่สู้ได้
      ฤกษ์พานาทีทุกสิ่งไปทั้งยังเสกใบมะขามดีกว่าแตน”
มีชาวสุพรรณฯ เยอะๆมั่นใจว่า มะขามยักษ์ที่วัดแคในตอนนี้ เป็นมะขามต้นเดียวกันกับต้นที่เณรแก้วฝึกฝนเสกใบมะขามเป็นต่อแตนในครั้งนั้น
ลักษณะทั่วไป  มะขามเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 6-20 เมตร เปลือกต้นสีเทา ดำ มีริ้วรอยมาก แตกกิ่งก้านสาขามาก ไม่มีหนาม ใบเป็นใบประกอบ ปลายเป็นใบคู่ ใบยาว 8-11 เซลเซียสม. มีใบย่อย 14-40 ใบ ใบย่อยลักษณะใบยาวปลายมนกลม ยาว 1-2,4 เซลเซียสม. กว้าง 4.5-9 ม.ม. ปลายใบมน หรือครั้งคราวก็เว้าเข้าบางส่วน ฐานใบทั้ง 2 ข้างเว้าเข้าไม่เท่ากัน ตัวใบเรียบไม่มีขน ดอกออกที่ปลายก้านหรือจากซอกใบ เป็นช่อบานจากโคนไปปลาย ดอกมีกลีบห่อหุ้มดอกอ่อน 1 กลีบ สีแดง ขอบมีขนสั้นสีขาว เมื่อดอกบานจะหลุดหล่นไปกลีบเลี้ยงไปกลีบเลี้ยงมี 4 กลีบ สีเหลืองปลายกลีบแหลมมีสีแดงเรื่อๆกลีบมี 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน สีเหลืองมีลายเส้นกลีบดอกไม้สีแดงเข้ม ริมกลีบมีรอยย่นๆกลีบดอกไม้ 2 กลีบด้านล่างจะฝ่อ เล็กหายไป มีเกสรตัวผู้ 3 อัน ก้านเกสรติดกันจากศูนย์กลางลงมา รังไข่มี 1 อัน เป็นฝักยาว ส่วนปลาย เป็นก้านเกสรตัวเมีย มีเมล็ดมากมาย ฝักทรงกระบอก แบนเล็กน้อย ยาว 3-14 ซ.ม. กว้าง 2 เซลเซียสม. เปลือกนอกสีเทา ด้านในมีเมล็ด 3-10 เมล็ด เม็ดมีผิวนอก สีน้ำตาลแดงเรียบเป็นเงา มีดอกในตอนพ.ค.เป็นต้นไป ฝักแก่ในราวเดือนธันวาคม
การขยายพันธุ์  โดยปกติ มะขามสามารถแพร่พันธุ์จะได้ด้วยเม็ด แต่ว่าปัจจุบันนี้ มะขามเริ่มมีการปลูกเพื่อการค้าขายมากยิ่งขึ้น จึงนิยมปลูกจากต้นประเภทที่ได้จากการตอน และก็การทิ่มยอดเป็นหลัก เนื่องจากสามารถให้ผลผลิตได้เร็วเพียงไม่ถึงปีหลังการปลูก ทั้ง ต้นที่ปลูกด้วยแนวทางแบบนี้จะมีลำต้นไม่สูงเสมือนการเพาะเมล็ด ทำให้ไม่ยุ่งยากต่อการจัดการ และก็การเก็บผลผลิตซึ่งการปลูกขั้นตอนต่างๆดังนี้

  • การเตรียมแปลง จัดเตรียมแปลงด้วยการไถกลบหน้าดิน แล้วตากดิน แล้วก็หญ้าให้ตายก่อน 1 ครั้ง ระยะตากดินนาน 7-14 วัน จากนั้น ค่อยไถกลบอีกครั้ง แล้วตากดินทิ้งไว้อีก 5-7 วัน ก่อนที่จะทำขุดหลุมปลูกเอาไว้ในระยะ 8 x 8 เมตร หรือ 10 x 10 เมตร ขนาดหลุมลึก 50 เซนติเมตร กว้างยาว 50 เซนติเมตร
  • การปลูก ใช้ต้นประเภทที่ได้จากการตอน หรือการเพาะเม็ด ควรที่จะทำการเลือกขนาดต้นชนิดที่สูงโดยประมาณ 0.5-1 เมตร ก่อนปลูกให้โรยตูดหลุมด้วยปุ๋ยธรรมชาติหรือปุ๋ยธรรมชาติหรือสิ่งของทางการเกษตรอื่นๆร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตราที่หลุมละ 1 กำมือ แล้วโกยดินลงคลุกผสมให้หลุมตื้นขึ้นมาเหลือประมาณ 25-30 เซนติเมตร ก่อนนำต้นชนิดลงปลูก พร้อมกลบดิน รวมทั้งรดน้ำให้เปียก ต่อไป ให้นำฟางข้าวมาวางปกคลุมรอบโคนต้น
  • การดูแล การให้น้ำ ภายหลังการปลูกแล้วจะทำการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้นในระยะต้นเพื่อให้ต้นตั้งตัวได้ โดยควรให้น้ำในทุกๆ3-5 วัน/ครั้ง หลังจากนั้น ค่อยให้ลดน้อยลงมาเหลือ 3-4 ครั้ง/เดือน ดังนี้ บางทีอาจไม่ให้น้ำเลยหากเป็นตอนๆหน้าฝนไม่ต้อง

การใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในเวลานี้จวบจนกระทั่งต้นจะเติบโตพร้อมได้ผล ซึ่งตอนนั้นก็เลยเริ่มให้ปุ๋ยสูตร 12-12-24 ร่วม เพื่อรีบผลผลิต ความถี่การใส่ปุ๋ยราว ปีละ 2-3 ครั้ง ทั้งนี้ ควรให้ปุ๋ยคอกโรยรอบโคนต้นด้วยทุกครั้งหลังจากการปลูกแล้วโดยประมาณเข้าปีที่ 2 หรือปีที่ 3 จึงให้เริ่มติดผลได้
                นอกเหนือจากนั้นมะขามยังสามารถปลูกได้ในประเทศแถบร้อนเปียกชื้น อย่างเช่น ประเทศในแถบอเมริกากลาง เอเซียอาคเนย์ รวมทั้งทวีปอาฟริกา  ก็เลยนับว่ามะขามไม้ผลที่มีค่าทางด้านเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคโดยยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยและก็อินเดียที่เป็นแหล่งปลูกมะขามขนาดใหญ่ซึ่งมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับมะขามจำนวนไม่ใช่น้อย
ส่วนประกอบทางเคมี
จากข้อมูลเบื้องต้นเมล็ดมะขามมีอัลบูมินอยด์ (albuminoids)  โดยที่มีจำนวนไขมัน 14 -20%, คาร์โบไฮเดรต 59 – 60 %,น้ำมันที่ถูกทำให้แห้งเล็กน้อย  (semi-drying fixed oil) 3.9 – 20 %,น้ำตาลรีดิวซ์  (reducing sugar) 2.8%, สารที่มีลักษณะเป็นเมือก  (mucilaginous material) 60% ดังเช่น โพลีโอส (polyose) ซึ่ง       Tannin : Wikipedia
ใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า เมื่อวิเคราะห์ดูองค์ประกอบสำคัญๆพบว่าเปลือกหุ้มเม็ดมะขามประกอบไปด้วยโปรตีน 9.1% และก็เส้นใย 11.3% โดยที่เม็ดมะขามประกอบด้วยโปรตีน 13 % ลิปิด 7.1 % เถ้าถ่าน 4.2% และคาร์โบไฮเดรต 61.7%
โปรตีนหลักที่เจอในเม็ดมะขามเป็นอัลบูมิน (albumins) รวมทั้งโกลบูลิน  (globulins) โปรตีนจากเมล็ดมะขามประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่มีซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบ คือ สิสเทอีนและก็เมทไธโอนีน อยู่มากถึง 4.02% เมื่อเทียบกับมาตรฐาน FAO/WHO (1991) ซึ่งตั้งค่าไว้พอๆกับ 2.50%  นอกเหนือจากนั้นเปลือกเมล็ดมะขามยังประกอบด้วยสารพวกอทนนิน โดยมีกล่าวว่าในเปลือกเม็ดมะขามประกอบไปด้วยแทนนิน (tannins) ถึง 32% ซึ่งแทนนินนี้แยกประเภทได้เป็นโฟลบาแทนนิน  (phlobatannin) 35%ที่เหลือเป็นคะเตโคแทนนิน (Catecholtannin)
ส่วนในเนื้อมะขามที่ให้รสเปรี้ยวยังพบกรดทาริทาริก (Tartaric acid)  และในใบมะขามพบกรด ทาริทาริก (Tartaric acid) รวมทั้งกรดมาลิก (Malic acid) นอกนั้น ส่วนต่างๆของมะขามจะมีเม็ดสี ซึ่งได้มีหัวหน้าไปใช้ประโยชน์กันอย่างมากมาย โดยมะขามประเภทแดงมีแอนโทไซยานิน (anthocyanin) คริสแซนทีนิน (chrysanthemin) ส่วน Tartaric acid : Wikipedia
มะขามพันธุ์อื่นๆมีเม็ดสีจำพวกแอนทอลแซนติเตียนน (anthoxanthin) ลูทีนโอลีน (lute olin) รวมทั้งอาปิเจนิน (apigenin) อยู่ในใบมะขามประมาณปริมาณร้อยละ 2 ฝักมะขามมีแอนทอคแซนตินเล็กน้อย ในดอกมะขามมีแซนโทฟิล (xanthophyll) เพียงแค่นั้น และในเปลือกเมล็ดมะขามมีลิววัวแอนโทไซยานิดิน (leucoanthocyanidin) เป็นต้น
ส่วนค่าทางโภชนาการของมะขามีดังต่อไปนี้

  • พลังงาน 239 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 62.5 กรัม
  • น้ำตาล 57.4 กรัม Malic acid : Wikipedia       
  • เส้นใย 5.1 กรัม
  • ไขมัน 0.6 กรัม
  • โปรตีน 2.8 กรัม
  • วิตามินบี 1 0.428 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.152 มิลลิกรัม Chrysanthemin : Wikipedia       
  • วิตามินบี 3 1.938 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 5 0.143 มก.
  • วิตามินบี 6 0.066 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 9 14 ไมโครกรัม
  • โคลีน 8.6 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 3.5 มก. Luteolin : Wikipedia           
  • วิตามินอี 0.1 มิลลิกรัม
  • วิตามินเค 2.8 ไมโครกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 74 มก.
  • ธาตุเหล็ก 2.8 มิลลิกรัม Apigenin : Wikipedia           
  • ธาตุแมกนีเซียม 92 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 113 มิลลิกรัม
  • ธาตุโพแทสเซียม 628 มก.
  • ธาตุโซเดียม 28 มิลลิกรัม Xanthopyll : Wikipedia           
  • ธาตุสังกะสี 0.1 มิลลิกรัม

ประโยชน์/สรรพคุณ ประโยช์จากมะขามอย่างแรกที่พวกเรามักใช้ประโยชน์กันหลายครั้งคือใช้บริโภคไม่ว่าจะรับประทานใหม่ๆหรือใช้ทำมะขามเปียกไว้สำหรับทำอาหาร มะขามเปียกมีกรดอินทรีย์อยู่สูงก็เลยเปรี้ยวมากมาย ใช้ปรุงอาหารไทยที่ต้องการรสเปรี้ยว ดังเช่นว่า แกงส้ม ต้มส้ม ต้มโคล้ง รวมทั้งต้มยำโฮกอือ ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้นยังคงใช้สำหรับในการปรุงเครื่องจิ้มน้ำพริกต่างๆหลากหลายประเภท อย่างเช่น น้ำปลาหวาน หลนต่างๆน้ำพริกเผา น้ำพริกตาแดง น้ำพริกเมืองนรก และน้ำพริกคั่วแห้ง เป็นต้น
ดังนี้มะขามฝักอ่อนและใบมะขามอ่อน ก็เอามาปรุงอาหารได้อย่างเดียวกัน ทั้งยังสามารถนำมะขามมาทำผลิตภัณฑ์แปรรูปได้อีกหลายชนิด เช่น มะขามดอง , มะขามกวน , มะขามแช่อิ่ม , มะขามแก้ว , แล้วก็เหล้าองุ่นมะขาม ผงมะขาม , สบู่ , และยาสระผมมะขาม ฯลฯ  ส่วนคุณประโยชน์ด้านอื่นๆก็มีอีกได้แก่ แก่นไมมะขาม
สำหรับคนไทยแล้วเขียงกว่าร้อยละ 90 ทำจากไม้มะขาม เนื่องจากมีคุณลักษณะเหมาะสมกว่าไม้อื่นๆเช่น เหนียว เนื้อละเอียด สีขาวสะอาด ไม่มีกลิ่นหรือพิษที่จะปนไปกับอาหาร ยิ่งไปกว่านั้นยังหาง่ายอละทนอีกด้วย เว้นเสียแต่ใช้ทำเขียงแล้ว ยังเหมาะกับทำครก สาก เพลา แล้วก็ดุมเกวียน ใช้กลึงหรือแกะ หากนำมาเผาเป็นถ่าน จะให้ความร้อนสูง  เม็ดมะขาม (แก่) นำมาใช้เป็นอาหารได้หลายชนิด อย่างเช่น คั่วให้สุกแล้วรับประทานโดยตรง เอามาเพาะให้แตกออกก่อน (ราวกับถั่วงอก) แล้วค่อยนำไปทำกับข้าว หรือนำไปคั่วให้ไหม้เกรียม แล้วบดละเอียด ใช้ชงดื่มแทนกาแฟ ยิ่งไปกว่านี้เมล็ดแห้งนำไปบดเป็นแป้งใช้ลงผ้าให้อยู่ตัวได้ดิบได้ดี
สำหรับคุณประโยชน์ทางยานั้น ตามตำรายาไทยกล่าวว่า ดอก ใบและฝักอ่อน ปรุงเป็นอาหารกินแก้ร้อนในหน้าร้อน แก้อาการไม่อยากกินอาหารและของกินไม่ย่อยในช่วงฤดูร้อนลดความดันโลหิต น้ำคั้นจากใบ ใช้แก้ของกินไม่ย่อยรวมทั้งฉี่ทุกข์ยากลำบาก น้ำต้มจากใบให้เด็กรับประทานขับพยาธิ รวมทั้งมีสาระในคนเป็นโรคโรคดีซ่าน ใบสด ใช้พอกรอบๆหัวเข่าหรือข้อพับทั้งหลายที่บวมอักเสบหรือที่เคล็ดปวดเมื่อย, ฝี, ตาเจ็บ แล้วก็แผลหิด ใบแห้งบดเป็นผง ใช้โรยบนแผลเปื่อยยุ่ยเรื้อรัง รวมทั้งใช้ผสมน้ำเป็นยากลั้วคอ ใบมีฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียได้ ใบสดมะขามใช้เป็นยาถ่าย ยาระบาย ขับลมในลำไส้ ใบสดมะขามช่วยรักษาหวัด อาการไอ ช่วยสำหรับในการรักษาโรคบิด  ช่วยฟอกโลหิต เอามาต้มผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆใช้อาบข้างหลังคลอด เปลือกต้น ฝาดสมานเป็นยาบำรุงและก็แก้ไข้ ,แก้ท้องร่วง , รักษาแผล เนื้อห่อหุ้มเม็ด (เนื้อมะขาม) มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆบางทีอาจเนื่องมาจากกรดตาร์ตาริค แต่ว่าถ้าหากเอาไปต้มจนกระทั่งสุก ฤทธิ์ระบายอ่อนๆนี้จะหายไป นอกจากนั้นยังใช้แก้เลือดออกตามไรฟัน ช่วยในการย่อย ขับลม ขับเสลด , ละลายเสมหะ  ฝาดสมาน แก้ไข้ แก้กระหายน้ำ ทำให้แจ่มใส ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย  และเป็นยาฆ่าเชื้อ รวมทั้งให้กินในรายที่ท้องผูกเป็นประจำ แก้พิษเหล้า อาหารไม่ย่อย อาเจียน ไม่สบายรวมทั้งท้องเดิน เนื้อในเม็ด ใช้ถ่ายพยาธิไส้เดือน รากมะขามมีส่วนช่วยแก้อาการท้องร่วง ช่วยสำหรับการสมานแผล รักษาโรคเริม รักษาโรคงูสวัด
แบบ/ขนาดการใช้ แก้ร้อน จากอากาศร้อน ไม่อยากอาหาร แพ้ท้อง คลื่นไส้คลื่นไส้ ท้องผูก เด็กเป็นต้นตานขโมย ใช้เนื้อห่อเม็ด 15-30 กรัม ผสมน้ำ คั้นแล้วอุ่นให้กิน  แก้พิษสุรา ขับเสลด ใช้เนื้อห่อเม็ด 3 กรัม ผสมน้ำตาลทรายกิน  แก้ไข้ ใช้เนื้อห่อหุ้มเม็ดแช่น้ำ ผสมน้ำตาลให้มีรสหวาน ใช้ดื่มแก้กระหายช่วยลดความร้อน ใช้เป็นยาระบาย รับประทานเนื้อห่อหุ้มเม็ด แล้วดื่มน้ำตามมากๆใช้ใบต้มน้ำอาบ หลังคลอดและก็หลังรู้สึกตัวใช้ ทำให้มีชีวิตชีวา หรือใช้อบไอน้ำ แก้หวัด คัดจมูก ขับเสลด แก้ท้องอืดแน่น ของกินไม่ย่อย ใช้เปลือกต้นผสมเกลือ เผาในหม้อดินจนเป็นขี้เถ้าขาว รับประทานทีละ 60-120 มก. รวมทั้งยังคงใช้ขี้เถ้านี้ผสมน้ำอมบ้วนปากล้างคอ แก้คอเจ็บแล้วก็ปากเจ็บได้อีกด้วย หรือบางทีอาจใช้เนื้อหุ้มห่อเมล็ดกินครั้งละ 15 กรัม ช่วยย่อยอาหาร  หรือ   ใช้เนื้อมะขามรักษาท้องผูก       สามารถทำได้ 3 วิธี เป็นใช้เนื้อจากฝักละลายน้ำแล้วผสมเกลือสวนเข้าทางทวาร หรือใช้เนื้อจากฝักผสมเกลือรับประทาน หรือ เอาเนื้อจากฝักผสมเกลือนิดหน่อย แล้วปั้นเป็นลูกกลอนรับประทาน แก้ท้องเดิน ท้องร่วง ใช้เปลือกเมล็ดสีน้ำตาลแดงวาว 600 มก. เทียนขาว(Cumin) อย่างละเท่าๆกัน ผสมน้ำตาล ต้มกินวันละ 2-3 ครั้ง แก้อาการผิดปกติเกี่ยวกับน้ำดี ใช้เนื้อหุ้มเม็ด รับประทานทีละ 10-60 กรัม เปลือกต้น ใช้ต้มกับน้ำ (จะมีแทนนินออกมา) ใช้เป็นยาสมานฝี แผล กันอักเสบ แก้ท้องเสียแล้วก็คลื่นไส้และใช้แก้โรคหืด ช่วยถ่ายพยาธิตัวกลมในลำไส้ พยาธิไส้เดือน ด้วยการใช้เม็ดมะขามมาคั่ว กะเทาะเปลือกออก นำเนื้อในเม็ดมาแช่น้ำเกลือจนถึงนุ่ม แล้วรับประทานครั้งละ 20 เม็ด เครื่องดื่มชื่อ “เชอร์เบต” (sherbet) ซึ่งผสมโดยต้มเนื้อมะขาม 30 กรัม ในนม 1 ลิตร เพิ่มเติมลูกเกด 2-3 ลูก กานพลู กระวานและการบูรบางส่วน ใช้ดื่มแก้ไข้แล้วก็อาการอักเสบต่างๆอาทิเช่น จับไข้ ของกินไม่ย่อย อาการแตกต่างจากปกติเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ท้องเสีย และใช้แก้ลมแดดก้าวหน้า ส่วน น้ำชงจากเนื้อมะขาม จัดเตรียมโดยแช่เนื้อมะขามในน้ำ แล้วรินออกมารับประทาน แก้อาการเบื่อข้าว (ความสามารถของยาชง จะเพิ่มขึ้นอีก โดยการเติมพริกไทยดำ น้ำตาล กานพลู กระวานและการบูร ช่วยเพิ่มรส) และในระยะฟื้นไข้ ก็ให้รับประทานเนื้อหุ้มเม็ดกับนม เนื้อหุ้มเมล็ดอุ่นให้ร้อนใช้พอกแก้บวมอักเสบ เนื้อหุ้มห่อเมล็ดผสมเกลือให้เป็นครีมใช้เช็ดนวดในโรครูห์มาตำหนิสซั่ม น้ำมะขามใช้อมบ้วนปากล้างคอแก้เจ็บคอ กระเพาะอักเสบ  นำมะขามเปียกไปแช่น้ำ ลอกเอาใยออก นำมะขามมาเช็ดตัวเบาๆช่วยให้ผิวหนังกระชุ่มกระชวยตลอดทั้งวัน มะขามแฉะแล้วก็ดินสอพองผสมจนกระทั่งถูกกัน เอามาพอกหน้าทิ้งเอาไว้ราวๆ 20 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยทำให้ผิวหน้าดูกระชับผ่องใสแล้วก็สะอาดยิ่งขึ้น  มะขามเปียกผสมกับน้ำอุ่นรวมทั้งนมสด ใช้พอกผิว ช่วยให้ผิวหนังที่มีรอยดำคล้ำกลับมาขาวดูดีและก็สดใส
[/b]
การเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย   สารสกัดน้ำร้อนจากใบ สารสกัดเอทานอล 95% จากใบ ไม่ระบุขนาดที่ใช้  สารสกัดอีเทอร์-เฮกเซน-เมทานอล จากใบ ความเข้มข้น 100 มค.ก. แล้วก็สารสกัดเอทานอล 95% จากผล ไม่ระบุขนาดที่ใช้ ต้านเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus สารสกัดน้ำร้อนจากผล ไม่เจาะจงขนาดที่ใช้ ได้ผลยับยั้งเชื้อ S. aureus ไม่ชัดแจ้ง ในตอนที่สารสกัดอัลกอฮอล์จากผล ความเข้มข้น 200 มิลลิกรัม/มล. ให้ผลยั้งเชื้อดังที่กล่าวมาแล้วต่ำมาก สารสกัดเอทานอล 95% และก็สารสกัดน้ำร้อนจากราก ไม่ระบุขนาดที่ใช้ สารสกัดเฮกเซนและสารสกัดน้ำจากผล ความเข้มข้น 200 มิลลิกรัม/มล. และสารสกัดน้ำ ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้ ความเข้มข้น 1 กรัม/มิลลิลิตร ไม่เป็นผลยั้ง S. aureus สารสกัดส่วนเนื้อมะขามด้วยแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ยั้งเชื้อแบคทีเรียในหลอดทดสอบที่เป็นต้นเหตุของโรคท้องร่วง ดังเช่น  Bacillus subtilis, Escherichia coli และ Salmonella typhi แต่ว่าสารสกัดด้วยคลอโรฟอร์ม และสารสกัดด้วยน้ำ มีฤทธิ์ยั้งเชื้อดังที่กล่าวถึงมาแล้วอย่างอ่อน
มีการทดลองในสัตว์ (in vivo study) โดยให้เปลือกหุ้มเมล็ดมะขาม หรือเมล็ดมะขาม ให้สัตว์ทดลองกินพบว่าเปลือกเม็ดมะขามที่กำจัดแทนนินออกแล้วมีค่าจำนวนที่สมควรสำหรับในการบริโภคในไก่เป็น100 มก.ต่อโล โดยซึ่งสามารถลดความตึงเครียดจากความร้อน (heat stress) และก็ลดภาวะออกซิเดทีฟสเตรทได้ แม้กระนั้นการศึกษาเล่าเรียนอีกฉบับรายงานว่าเมล็ดมะขามต้มแล้วเอกเปลือกเม็ดมะขามออกนั้นไม่สารถเพิ่มคุณค่าทางของกินในไก่ได้ ไก่ที่กินเมล็ดมะขามดังกล่าวพบผลกระทบในทางร้ายเป็น กินน้ำเพิ่มมากขึ้นและก็มีขนาดของตับอ่อนแล้วก็ความยางของลำไส้เล็กมากขึ้น โดยที่ผลที่ได้นี้ผู้ทำการวิจัยชี้แนะว่ามีต้นเหตุที่เกิดจากโพลีแซคติดอยู่ไรด์ที่ไม่สามารถที่จะย่อยได้
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
          หนูถีบจักรเพศผู้รวมทั้งเพศเมียที่ทานอาหารผสมด้วยส่วนสกัดโพลีแซคคาไรด์จากเม็ด ขนาด 5% ของอาหาร ไม่เจอพิษ แม้กระนั้นหนูถีบจักรเพศภรรยาที่รับประทานอาหารผสมดังที่กล่าวมาแล้วขนาด 1.2 และ 5% จะมีน้ำหนักลดน้อยลงตั้งแต่สัปดาห์ที่ 34
          ไก่ (Brown Hisex chicks) กินอาหารผสมด้วยเนื้อมะขามสุก 2% แล้วก็ 10% นาน 4 อาทิตย์ พบว่าน้ำหนักลดน้อยลง (weight gain) แล้วก็ feed conversion ratios ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ  มีการเปลี่ยนทางพยาธิภาวะเป็นมีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไขมันของตับ (fatty change) เซลล์ตับ แล้วก็ cortex ของไตตาย (necrosis) ในสัปดาห์ที่ 2 รวมทั้ง 4 ไก่กลุ่มที่กินอาหารผสม 10% จะมีพยาธิสภาพรุนแรงกว่าไก่กลุ่มที่กินอาหารผสม 2% ผลการตรวจทางซีรัมพบว่า กรดยูริก total cholesterol, alkaline phosphatase (ALP), glutamic oxaloacetic trans-aminase (GOT) ในซีรั่มมากขึ้น total serum protein ต่ำลงมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม (กรุ๊ปที่ไม่ได้รับอาหารผสมเนื้อมะขามสุก) sorbitol dehydrogenase และ total bilirubin ไม่เปลี่ยนแปลง ค่า ALP กรดยูริก cholesterol รวมทั้ง total protein จะไม่กลับสู่ภาวการณ์ธรรมดาในช่วง 2 อาทิตย์ภายหลังไม่ได้รับอาหารผสมแล้ว ผลการตรวจทางโลหิตวิทยาไม่มีความเคลื่อนไหว
หนูขาวเพศเมียและก็เพศผู้รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของโพลีแซคติดอยู่ไรด์จากเม็ดมะขาม 4, 8 รวมทั้ง 12% นาน 2 ปี ไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของความประพฤติ อัตราการตาย น้ำหนักร่างกาย  การกินของกิน ผลทางชีวเคมีในปัสสาวะรวมทั้งเลือด ผลการตรวจเลือด น้ำหนักอวัยวะ และพยาธิสรีระ
          หนูถีบจักรที่รับประทานสารสกัดเอทานอล:น้ำ (1:1) จากดอก พบว่าขนาดความเข้มข้นของสารสกัดสูงสุดที่หนูทนได้ เท่ากับ 1 ก./กิโลกรัม นน.ตัว
          หนูขาว Sprague-Dawley SPF รับประทานอาหารที่ผสมด้วย pigments จากเมล็ดที่เผาในขนาด 0, 1.25, 2.5 และก็ 5% ของของกิน เป็นเวลา 90 วัน ไม่เจอความแตกต่างจากปกติใดๆความเข้มข้นสูงสุดของ pigments ที่ให้โดยการผสมในของกินในหนูเพศผู้เท่ากับ 3,278.1 มก./กก./วัน และในหนูเพศเมียเท่ากับ 3,885.1 มก./กก./วัน ไม่พบพิษ
พิษต่อตัวอ่อน  L-(-)-di-Butyl malate ที่ได้จากสารสกัดเมทานอลจากฝักมะขาม เป็นพิษต่อเซลล์ตัวอ่อนของ Sea urchin แต่ว่าสารสกัดเอทานอล : น้ำ จากฝักมะขาม ให้ทางสายยางเข้าไปในกระเพาะของกินหนูขาวที่ตั้งท้อง ขนาด 100 มิลลิกรัม/กก. ไม่เจอพิษต่อตัวอ่อนในท้อง และสารสกัดเอทานอล 100% จากผล ให้ทางสายยางให้อาหารลงไปยังกระเพราะอาหารหนูขาวเพศเมีย ขนาด 200 มก./กก. ไม่ทำให้แท้ง และไม่ส่งผลต่อต้านการฝังตัวของตัวอ่อน
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์    ฝักมะขามขนาด 0.1 มก./จานเพาะเชื้อ ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ของ Salmonella typhimurium TA1535 แต่ว่าไม่เป็นผลต่อ S. typhimurium TA1537, TA1538 และก็ TA98
ข้อเสนอ/ข้อควรระวัง

  • สำหรับในการเลือกซื้อมะขามมาใช้ประโยชน์(โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะขามสุก)นั้นควรที่จะทำการเลือกมะขามที่ปลอดเชื้อรา เพราะว่าบางทีอาจทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
  • การบริโภคมะขามมากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบกับร่างกายได้ยกตัวอย่างเช่น ท้องร่วง ท้องเสีย
  • การบริโภคมะขามไม่สมควรหวังผลในการรักษา/คุณประโยชน์ของมะขามมากจนเกินไปควรจะบริโภคแต่พอดีและไม่ควรจะบริโภคติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
  • ยังมีมีผลการศึกษาเรียนรู้ที่ชี้ชัดว่ามะขามสามารถใช้ลดหุ่นได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรใช้มะขามมาลดความอ้วน
เอกสารอ้างอิง

  • สมพล ประคองพันธ์.วันชัย สุทธนันท์ .การใช้ดพลีแซคคาไรต์จากเมล็ดมะขามในยาอิมัลชั่นและยาแขวนตะกอน.วารสารเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล 1988:53
  • ภัคสิริ สินไชยกิจ,ไมตรี สุทธิจิตต์.คุณสมบัติชีวเคมีและการประยุกต์ใช้ของเมล็ดมะขาม,บทความปริทัศน์.วารสารนเรศวรพะเยา.ปีที่4.ฉบับที่2.พฤษภาคม-สิงหาคม.2554.
  • กองวิจัยทางการแพทย์. สมุนไพรพื้นบ้าน ตอนที่ 1.  กรุงเทพฯ: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, 2526.
  • Aengwanish, W. and Suttajit, M. Effect of polyphenols extracted from tamarind (Tamarindus indica L.) seed coat on physiological changes, heterophil/ lymphocyte ratio, oxidative stress and body weight of broiler (Gallus domesticus) under chronic heat stress. Ani Sci J 2010; 81: 264-270
  • เดชา ศิริภัทร.มะขาม.ต้นไม้ประจำครัวไทย.คอลัมน์ต้นไม้ใบหญ้า.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่163.พฤศจิกายน.2535
  • Ahmad I, Mehmood Z, Mohammad F.  Screening of some Indian medicinal plants for their antimicrobial properties.  J Ethnopharmacol 1998;62:183-93. http://www.disthai.com/[/b]
  • บวร เอี่ยมสมบูรณ์.  ดงไม้.  กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม, 2518.
  • มะขาม.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Pugalenthi M, Vadivel V, Gurumoorthi P, Janardhanan K. Comparative nutritional evaluation of little known legumes, Tamarindus indica, Erythrina indica and Sesbania bispinosa. Tropic Subtropical  Agroecosys 2004; 4(3): 107-123
  • George M, Pandalai KM.  Investigations on plant antibiotics. Part IV.  Further search for antibiotic substances in Indian medicinal plants.  Indian J Med Res 1949;37:169-81.
  • ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ.มะขามและผักคราดหัวแหวน.คอลัมน์อื่นๆ นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่15.กรกฎาคม.2523
  • ก. กุลฑล.  ยาพื้นบ้าน.  กรุงเทพฯ:ปรีชาการพิมพ์, 2524.
  • Ross Sa, Megalla SE, Bishay DW, Awad AH.  Studies for determining antibiotic substances in some Egyptian plants. Part 1. Screening for antimicrobial activity.  Fitoterapia 1980;51:303-8.
  • Watt JM, Breyer-Brandwijk MG. The Medicinal and Poisonous Plants of Southern and Eastern Africa. 2nd edition. Edinburgh an
14  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เห็ดหลินมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่อาจเป็นไปได้จริงหรือ? เมื่อ: มิถุนายน 30, 2018, 11:10:12 am
[/b]
สมุนไพ[/size][/b]
เห็ดหลินมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่อาจเป็นไปได้จริงหรือ?
แม้มีการค้นคว้าทดลองมากมายเกี่ยวกับคุณสมบัติและคุณประโยชน์ที่อาจเป็นไปได้ของเห็ดหลินจือ
แต่ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่แน่ชัดถึงคุณลักษณะและคุณประโยชน์ที่อาจเป็นไปได้ของ[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ
แต่ ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่แน่ชัดถึงคุณลักษณะและประสิทธิผลด้านใดๆ ดังนั้น ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลของสมุนไพร เห็ดหลินจือ ปริมาณและวิธีการบริโภคที่เหมาะสม รวมทั้งข้อจำกัดต่างๆ และปัจจัยทางสุขภาพของตนให้ดีก่อนการบริโภค
ตัวอย่างงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือที่อาจมีผลต่อสุขภาพ
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
งานค้นคว้าหนึ่งได้ทดลองเห็ดหลินจือหาประสิทธิผลและความปลอดภัยของการบริโภคอาหารเสริมเห็ดหลืนจือในผู้ป่วย โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จำนวน 32 ราย  ผลลัพธ์คือ เห็ดหลินจืออาจมีสรรพคุณในด้านการระงับอาการปวด สมุนไพรปลอดภัยต่อการรับประทานเข้าสู่ร่างกายและไม่มีผลข้างเคียง อย่างไรก็ตาม กลับไม่ปรากฏผลที่มีนัยสำคัญในการต้านปฎิกิริยาออกซิเดชัน การต้านการอักเสบ หรือผลการปรับระบบภูมิคุ้มกันแต่อย่างใด
[/b]

สมุนไพร อย่างไรก็ตามฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งของมะเร็งของสารสกัดเห็ดหลินจือที่กล่าวไปนั้น ยังคงเป็นเพียงผลการทดลองในหลอดทดลองเท่านั้น ขณะนี้คณะแพทย์ศาสตร์ของมหาลัยเชียงใหม่กำลังวิจัยผลที่มีต่อผู้ป่วยโรคมะเร็วจริงๆและคาดว่าผลการศึกษานี้คงจะตีแผ่ให้เพื่อนๆได้ทราบกันในเร็วๆนี้ค่ะ แต่ตอนนี้มีรายงานการศึกษาจากประเทศจีนพบว่า เห็ดหลินจือสามารถเสริมภูมิคุ้มกันได้จริงในผู้ป่วยมะเล็กลำไส้ใหญ่ ปอด และผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งขั้นลุกลาม โดยไม่มีผลข้างเคียงและสามารถใช้ได้ติดต่อกันเป็นเวลานานได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามในประเทศไทย การใช้เห็ดหลินจือในการรักษาโรคมะเร็งนั้นยังไม่ใช่ช่องทางหลักในการรักษา เน้นเรื่องเสริมภูมิต้านทานมากกว่า

เพิ่มสมรรถภาพร่างกาย
มีการทดลองที่ทดสอบประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือในด้านการเพิ่มสรรถภาพของร่างกาย โดยได้ ทดลองในผู้ป่วยโรคปวดกล้ามเนื้อไฟโปรไมอัลเจีย (Fibromyalgia)เพศหญิงจำนวน 64 ราย ตลอดระยะเวลาการทดลอง 6 สัปดาห์ ผู้ป่วยบริโภคเห็ดหลินจือปริมาณ 6 กรัม/วัน จากนั้นจึงทดสอบสมรรถภาพร่างกายของผู้ป่วย ผลการทดลองและวางแผนการรักษาผู้ป่วยโรคนี้ต่อไป แต่ยังคงขาดหลักฐานสนับสนุนที่ชัดเจน จึงควรมีการศึกษาค้นคว้าในด้าน เพื่อหาหลักฐานและข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อไป
จากการวิเคราะห์ผลการทดลองทางการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิด 2 เข้าร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่มีผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพเพียงพอจะสนับสนุนผลทางการรักษาเหล่านั้น และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอในการยืนยันด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเช่นเดียวกัน โดยหนึ่งในงานวิจัยเหล่านั้น ได้แสดงถึงผลข้างเคียงจากการบริโภคเห็ดหลินจือในผู้ป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องร่วง หรือท้องผูก
ดังนั้นจึงควรมีการค้นคว้าทดลองถึงประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือในการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆเหล่านี้เพื่อป้องกันและการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจต่อไป รวมทั้งให้ได้ความกระจ่างชัดดเจนในด้านดังกล่าวมากยิ่งขึ้น อันเป็นประโยชน์ต่อแนวทางการรักษาป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและอาการต่างๆที่เกี่ยวข้องต่อไปในอนาคต
ปริมาณที่เหมาะสมในการบริโรคเห็ดหลินจื[/color]อย่างชัดเจน เนื่องประสิทธิผลและผลข้างคียงจากการบริโภค ดังนั้น ผู้บริโภค ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการบริโรค เพราะแม้เห็ดหลินจือในแต่ละรูปแบบจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่สารเคมีและส่วนประต่างอาจส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกัน
โดยทั่วไป ปริมาณการบริโภคเห็ดหลินจือ/วันได้แก่
-[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพ[/b] เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่ควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
-ผงสารสกัดเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม
-สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1 มิลลิลิตร/วัน
ความปลอดภัยในการบริโภคเห็ดหลินจือ
แม้จะมีการพิสูจน์ถึงคุณประโยชน์ในบางด้านที่อาจเกิดขึ้นได้จากการบริโภเห็ดหลินจือ
แต่ผู้บริโภคก็ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรระมัดระวังในด้านปริมาณและรูปแบบเห็ดหลินจือที่บริโภค เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ในภายหลัง
ในเห็ดหลินจือมีสารอาหารที่อาจส่งผลดีต่อสุขภาพมากมาย จำพวกเส้นใยต่างๆ โปรตีนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุบางชนิด เชเนแคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัสแมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี มองแดง สารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ เย่างสเตียรอยด์(Steroids) เทอร์ปีนอยด์ (Terpenoide) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) ไกลโคโปรตีน (Glycoproteins)พอลิแซ็กคาไรค์ (Polrsacchayides) และสารอนุพันธ์อื่นๆโดยเฉพาะกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) และลิวซีน (Leucine)ด้วยเหตุนี้ มีบางคนหรือในบางวัฒนธรรมนำ[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจื[/b]มาประกอบอาหารและแปรรูปเพื่อการบริโภค
15  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial virus infec เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2018, 12:33:21 pm
โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial virus infection)  disthai.com
หน้า: [1] 2 3 4
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย