[/b]
เหงือกปลาหม[/size][/b]
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากโรคเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มหมอ แก้มแพทย์เล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในหนังสือเรียนยาไทยบอกว่า [url=http://www.disthai.com/16488281/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1]
เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกประเภท
ในเมื่อ
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์เด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้กระทั้ง โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสก็จะลดลงลง
สมุนไพร เหงือกปลาหมอเป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางสูงโดยประมาณ 1-2 เมตร ส่วนของลำต้นแล้วก็ใบจะมีหนามมีหนาม ใบหนามแข็งและมีขอบเว้าหนามแหลมใบออกเป็นคู้ตรงกันข้ามกัน ส่วนของดอกจะออกเป็นช่อตามยอด กลีบดอกไม้จะมีสีขาอมม่วง มี 4 กลีบแยกจากกันผลเป็นฝักสีน้ำตาล มี เม็ด จะสามารถพบได้บ่อยตามชายน้ำ ริมฝั่งลำคลองรอบๆปากแม่น้ำ
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสเอดส์ แม้ว่าจะรุนแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แต่เมื่อใช้เหงือกปลาหมอเป็นทั้งยารับประทานและก็ต้มน้ำอาบต่อเนื่องกันเป็นเวลานานกว่า 3 เดือนขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะเบาลงลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับผู้เจ็บป่วยโรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยารวมทั้งวิธีใช้ยาก็มีหลายแนวทาง คือ แนวทางต้มยากินแล้วก็อาบ
เอาเหงือกปลาแพทย์สดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จะต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำเป็นต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำธรรมดาตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง รุ่งเช้า-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่ว่าถ้าเกิดมีเหงือกปลาหมอเยอะมากๆ บางทีก็อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่ทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
กระบวนการทำเป็นยาลูกกลอนนำเหงือกปลาหมอทั้งยัง 5 ทีตากแห้งมาบดเป็นผุยผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ผู้ใหญ่กินทีละ 2 เม็ด เด็กบางครั้งก็อาจจะกินทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุและก็น้ำหนัก รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะกินอาหาร เช้าตรู่-เย็น รับประทานไปเรื่อยจนกว่าจะหาย แม้กระนั้นถ้าหากเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานผิดพลาดก็จำต้องรับประทานตลอดไป
[/b]
วิธีทำเป็นแคปซูลนำผง
เหงือกปลาหมอที่ผ่านการบินเป็นผุยผงละเอียดเสมือนแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มก. ผู้ใหญ่กินครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนกินอาหาร เด็กลดลงตามส่วน
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์จำนวนมาก เช่น
-ราก มีคุณประโยชน์สำหรับการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ และก็ใช้ขับเสลด
-ต้น มีสรรพคุณรักษาโรคหลากหลายประเภท โดยใช้ต้นตำผสมน้ำกินรักษาวัณโรค อาการผอมบาง ถ้าใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้สรรพคุณทางยาไม่เหมือนกันออกไปอีก
-อีกทั้งต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้ต้นลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-ทั้งต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มรับประทานแก้พิษโรคฝีดาษ ฝีทั้งสิ้น ผลกินเป็นยาขับเลือดระดู นอกเหนือจากนั้น หากตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งยังต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาหมดทั้งตัว
- อีกทั้งต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะ
- ตำเอาน้ำดื่มกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ป่วยจับสั่น
- ทั้งต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผ่ายผอมเหลืองทั้งตัว กินทุกวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือนิดหน่อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดให้งวดก็เลยยกลง อั้นลมหายใจกินขณะอุ่นจนกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนหมดทั้งตัว เวียนหัว ตามัว เจ็บระบมหมดทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาแพทย์" 5 รวมราก กับ อาหารเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ปริมาณเสมอกัน กะตามอยากได้ ต้มกับน้ำจนเดือดดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดียิ่งขึ้น ไปให้หมอเอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย แล้วก็ต้องระมัดระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ- "
เหงือกปลาแพทย์" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นรับประทานทุกวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค ปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกจำพวกหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 พวก หูดี
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่รู้จักเมื่อยล้า
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงน่าฟัง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"
เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงกินกับน้ำร้อนถ้าหากผิวแตกตลอดตัวหายได้ ทั้งหมดที่บอกเป็นแบบเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่ควรดูถูกดูแคลน ทราบไว้เป็นวิชา
http://www.disthai.com/[/b]