กระทู้ล่าสุดของ: df0001sd5

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรบัวบกมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าทึ่ง เมื่อ: สิงหาคม 23, 2018, 10:22:34 am
[/b]
บัวบ[/size][/b]
บัวบก ชื่อสามัญ Gotu kola
บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในตระกูลผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)
สมุนไพร[url=http://www.disthai.com/16913509/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81]บัวบก
มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ), ผักแว่น (ภาคใต้), กะโต่ เป็นต้น จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชีย เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นแรง มีรสขมหวาน
เมื่อพูดถึงบัวบก สมุนไพรจำพวกนี้ขึ้นมาทีไร คนจำนวนไม่น้อยคงจะนึกไปว่ามันเพียงแค่ช่วยแก้อาการช้ำในเฉยๆ(ส่วนอาการอกหักนี้ไม่เกี่ยวกันนะ) แต่ว่าที่จริงแล้ว บัวบกหรือใบบัวบกนั้นมีคุณประโยชน์ล้นหลาม ด้วยเหตุว่าได้รับการกล่าวขานเกี่ยวการดูแลและรักษาโรคได้หลายประเภท อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเสีย อาการท้องอืด แผลในกระเพาะ มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความอ่อนล้าของสมอง
ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญหลากหลายประเภท ดังเช่น บราโมซัยด์ บราไม่โนซัยด์ ตรีเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านการอักเสบ และก็ยังมีกรดมาดิแคสสิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม และกรดอะมิโน เช่น แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสครั้งดิน เป็นต้น
ใบบัวบกเหมาะสำหรับคนที่ขี้ร้อน มีสภาวะแกร่ง หรือมีความร้อนเปียกชื้น เพราะเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
บัวบกประโยชน์ของใบบัวบกคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากใบบัวบก
คุณประโยช์จากใบบัวบก
บัวบกเป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แต่ว่าหรูหราสารออกซาเลตที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายในจำนวนต่ำ
ใบบัวบกช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุและวัย
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยสร้างเสริมและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนแล้วก็อีลาสติน
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างๆภายในร่างกาย
ประโยชน์ของใบบัวบก ช่วยทำนุบำรุงและก็รักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะเหตุว่าบัวบกมีวิตามินเอสูง
ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการใช้ใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นเอาแต่น้ำเอามาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
ช่วยบำรุงรักษาประสาทและสมองเสมือนใบแปะก๊วย
ช่วยทำให้ความจำและก็ทำให้มีปฏิภาณความเฉลียวฉลาดมากขึ้น
ช่วยเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ
เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มไอคิว ความฉลาด แล้วก็ความรู้ความเข้าใจสำหรับการศึกษา
ใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยชะลอลักษณะโรคสมองเสื่อมในคนวัยแก่ สตรีวัยทอง โรคอัลไซเมอร์หรืออาการหลงๆลืมๆระยะสั้นได้
ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
ช่วยเพิ่มความสามารถสำหรับการตกลงใจเฉพาะหน้า
ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ปวดหัวข้างเดียว
ช่วยแก้อาการวิงเวียนหัว
ช่วยคลายเครียด
ช่วยเสริมแนวทางการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ ก็เลยช่วยผ่อนคลายและทำให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดิบได้ดีเพิ่มขึ้น
ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ช่วยบำรุงโลหิตในร่างกาย
ช่วยบำรุงรักษาหัวใจ
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ช่วยให้จิตใจแจ่มใส อารมณ์แจ่มใส
ช่วยให้เค้าหน้าแจ่มใสเหมือนเป็นวัยรุ่น
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยทำนุบำรุงเสียง
ช่วยรักษาลักษณะของการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดราว 1 กำมือ เอามาตำคั้นเอาน้ำแล้วเพิ่มเติมน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบรับประทานเป็นประจำ
ช่วยแก้อยากกินน้ำสรรพคุณใบบัวบก
ใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
ใบบัวบกมีสารยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์ของมะเร็ง ช่วยต้านทานโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในคนป่วยโรคเบาหวานได้ดี
ช่วยรักษาโรคโรคดีซ่านจากสภาวะร้อนเปียกชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลทรายก้อนกรวด 30 กรัม ต้มน้ำ
ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยถนอมอาหารโรคหืด
ช่วยรักษาโรคความดันเลือดสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่ม หรือจะใช้บัวบกสดๆอีกทั้งต้นประมาณ 30 กรัมนำมาค้นเอาน้ำ เพิ่มเติมน้ำตาลเล็กน้อยแล้วดื่มกินราว 5-7 วัน
ช่วยรักษาโรคลมชัก
ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในช่วงแรก ด้วยการใช้บัวบกแล้วก็เปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับเหล้าดื่ม
ช่วยแก้คนเป็นบ้า
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
ช่วยลดความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้เส้นเลือด แล้วก็ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ
ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย เหน็ดเหนื่อย
ช่วยแก้ไข้
ช่วยห้ามเลือดกำเดา เพราะเหตุว่าทำให้เลือดเดิน แต่เลือดจะไม่ออกมาจากเส้นเลือดรวมทั้งยังส่งผลให้ใจร้ายอีกด้วย
ช่วยแก้อาการช้ำใน เจ็บจากการกระทบกระแทก
เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
ช่วยให้เจริญอาหาร กินอาหารได้มากขึ้น
ช่วยแก้อาการท้องร่วง
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์คุ้มครองปกป้องและก็ยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
ช่วยรักษาโรคบิดหรือมีมูกเลือดผสมเมื่อขับถ่าย
ช่วยรักษากระเพาะอาหารเป็นแผล
ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
แก้อาการเยี่ยวติดขัด ด้วยการกางใบบัวบกราว 50 กรัม เอามาตำแล้วพอกรอบๆสะดือ เมื่อปัสสาวะคล่องแคล่วก็ดีแล้วค่อยคัดออก
ช่วยขับความร้อนเปียกชื้นทางเท้าฉี่ ป้องกันการเกิดนิ่ว
ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเดินฉี่ด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำแช่ข้าวครั้งที่ 2 แล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาอาการมีหนองออกจากฉี่
ช่วยแก้อาการน้ำดีในร่างกายมากเกินไป
ช่วยรักษาโรคม้ามโต
ช่วยรักษาอาการติดเชื้อโรคของไวรัสตับอักเสบ
แก้อาการปวดข้อรูมาตอยด์
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการกางใบสดราว 20 ใบเอามาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วเพิ่มขึ้น ช่วยเร่งการผลิตเนื้อเยื่อ
ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว ด้วยการกางใบบัวบกมาทุบให้แหลกแล้วนำมาโปะรอบๆที่บวมช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกราวๆ 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงราว 250 cc. โดยประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วเอามาดื่ม
ใช้บัวบกตำนำมาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกเอามาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกรอบๆที่เป็น
ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆอย่างเช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด ฝึกหัด ฯลฯ
ช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดหนอง
ช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้อย่างดีเยี่ยมแล้วก็ใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
ใช้เป็นยาถอนพิษ ช่วยลดลักษณะของการปวดแสบปวดร้อนจากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้อีกทั้งต้นสดของบัวบกโดยประมาณ 3 ต้นเอามาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วเอามาพอกแผลไฟเผา
บัวบกมีการเอามาสร้างเป็นแคปซูลวางขาย มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงรักษาสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
ตอนนี้มีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในแบบเป็นผงใช้โรยแผล และในรูปแบบเม็ดรับประทานเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสด ไฟเผา น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ แล้วก็ยังช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดแผลอีกด้วย
ช่วยแก้อาการก้างติดคอ ด้วยการนำบัวบกไปต้มน้ำ และก็หลังจากนั้นจึงค่อยๆกลืนน้ำลงคอ
ใบรวมทั้งเถาบัวบกใช้รับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ ฯลฯ
น้ำคั้นจากใบบัวบกเอามาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชโลมหัว มีสรรพคุณช่วยบำรุงรักษาหนังศีรษะและก็เส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ แก้ปัญหาผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย
น้ำใบบัวบกเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับหน้าร้อนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากว่ามีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัน
สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณลักษณะช่วยลดการระคายเคืองผิวและไม่มีอันตรายต่อสภาพร่างกาย
สารสกัดจากใบบัวบกมีการนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องสำอาง
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นอุปกรณ์ปิดแผล
ลบรอยตีนกาตื้นๆด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นกระทั่งละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วรอบๆหางตาหรือทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้โดยประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรจะทาทุกวันก่อนนอน
มีการนำสารสกัดจากใบัวบก[/url]มาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างถึงว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ผิวหน้าเต่งตึงได้
[/b]
วิธีทำน้ำบัวบก
แนวทางการทำน้ำบัวบกวิธีทำน้ำบัวบก ควรเลือกใช้ใบบัวบกที่แก่กว่า กินเป็นผักสด โดยใช้ทั้งยังรากเอามาล้างน้ำทำความสะอาด
ใบบัวบกจะเหนียวให้ตัดเป็น 2-3 ท่อน ก่อนนำมาบด
คั้นน้ำแรกโดยผสมน้ำกับใบบัวบกที่บด แล้วนำกากที่เหลือมาคั้นน้ำที่สองเพื่อให้จับตัวได้ยาสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ (ควรใช้น้ำสะอาด และก็ห้ามใช้น้ำร้อนหรือนำน้ำที่คั้นได้ไปต้ม)
กรองน้ำบัวบกด้วยผ้าขาวบางห่างๆ(แบบผ้ามุ้ง ถี่มากจะกรองมิได้)
หลังกรองจะมีกากให้ทิ้งไป ให้รินเฉพาะน้ำส่วนใสๆมาดื่ม
น้ำบัวบกจำต้องคั้นใหม่ๆจากใบสดๆและไม่ควรจะเก็บน้ำที่คั้นได้ไว้นานหรือควรแช่เย็นเก็บไว้
น้ำเชื่อมถ้าหากทำมาจากน้ำต้มใบเตย จะมีผลให้น้ำบัวบกอร่อยมากขึ้น
คุณประโยชน์ของน้ำใบบัวบกช่วยแก้ร้อนใน ช้ำใน
ไข่เจียวบัวบก
ใบบัวบกวัตถุดิบที่จำต้องตระเตรียมเช่น บัวบกสด 20 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลาเล็กน้อย / น้ำมันพืชสำหรับใช้ทอด
นำบัวบกมาล้างกระทั่งสะอาดแล้วหั่นตรอกเป็นชิ้นเล็กๆ
นำไข่มาตอกแล้วตีไข่ เพิ่มเครื่องปรุงต่างๆ
นำใบบัวบกที่ซอกซอยแล้วผสมลงไปในไข่ คนจะกว่าจะเข้ากัน
เอามาทอดในไฟอ่อนจนถึงไข่สุก
สรรพคุณช่วยทุเลาลักษณะของการปวดศีรษะ แล้วก็วิงเวียนหัว
ข่างปองบัวบก (บัวบกชุบแป้งทอด)
ตระเตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ บัวบกสด / ไข่ไก่ / แป้งทอดกรอบ / กระเทียมหั่นหยาบคาย / หอมแดงหั่นหยาบคาย / เกลือ / พริกไทยป่น
นำบัวบกสดที่ได้มาล้างทำความสะอาด แล้วหั่นหยาบๆให้พอดีคำ
นำแป้งที่ใช้ทอดกรอบมาผสมกับไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง พริกไทย และเกลือ ผสมเข้าด้วยกัน
นำบัวบกที่หั่นตระเตรียมไว้ เอามาชุบกับแป้งที่ผสมไว้
หลักแล้วหลังจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน
แล้วจึงน้ำบัวบกที่ชุบแป้งแล้ว นำมาทอดให้พอเหลืองกรอบแล้วชูลงให้สะเด็ดน้ำมัน
เป็นอันเสร็จ เอามาจิ้มรับประทานกับน้ำจิ้มไก่ตามใจชอบได้เลย
คุกกี้บัวบก
ให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ บัวบกหั่นละเอียด 2 ถ้วยตวง / ไข่ไก่ 1 ฟอง / แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง / เนยสดรสเค็ม 2 ถ้วยตวง / น้ำตาล 1.1/2 ถ้วยตวง / ผงฟู 2 ช้อนชา / กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
นำใบบัวบกมาล้างชำระล้างแล้วหั่นให้ถี่ถ้วน โดยตัดก้านและก็ใบออกมาจากกัน ก้านให้หั่นเป็นท่อนเล็กๆส่วนใบเอามาเรียงซ้อนกันแล้วหั่นตามแนวขวางแล้วก็กลับมาหั่นอีกข้าง แล้วพักไว้
นำแป้งรวมทั้งผงฟูมาร่อนผ่านที่กรอง 2 รอบ แล้วพักไว้
นำเนยสดมาตีให้กับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางจนถึงขึ้นฟู ราว 1 นาที
ใส่ไข่ไก่และกลิ่นวานิลลาลงไป แล้วตีให้ถูกกัน
เบาๆใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปทีละเล็กทีละน้อย (ทีละ 1 ส่วน 3 ของแป้งทั้งผอง) แล้วตีแป้งให้กับส่วนผสมทั้งปวง
นำบัวบกที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงไปในแป้ง แล้วผสมเข้าด้วยกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้ากันอีกรอบ
นำไปอบในตู้อบ โดยวางใส่ถาดที่ทาเนยหรือกระดาษทนความร้อน ซึ่งต้องตักแป้งให้ได้ตามขนาดที่อยากได้
ใช้เวลาอบประมาณ 6-8 นาที ด้วยอุณหภูมิประมาณ 250 องศา หรือมองว่าขอบเริ่มเหลืองก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เสร็จแล้ว คุกกี้บัวบก
แนวทางการทำน้ำมันบัวบก
ตระเตรียมส่วนประกอบดังนี้ บัวบก 4 กก. / น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะพร้าว 1 ลิตร / น้ำสะอาด 1 ลิตร
นำบัวบกมาล้างน้ำชำระล้าง แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
เพิ่มน้ำลงไปในบัวบก แล้วนำไปปั่นกระทั่งละเอียด
เสร็จแล้วให้กรองมัวแต่น้ำบัวบกที่ได้จากการปั่น
นำน้ำบัวบกที่กรองได้ไปเคี่ยวกับน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะพร้าวโดยใช้ไฟอ่อนๆราว 80 องศาเซลเซียส
ต้มไปเรื่อยๆจนเหลือแต่น้ำมันที่ทำจากมะพร้าว โดยให้ดูลักษณะกากของน้ำมัน จะมีลักษณะแห้งแบบทราย ถือว่าเป็นอันใช้ได้ ชูลงจากเตาแล้วกรองเอาน้ำมัน เท่านี้ก็เรียบร้อย
วิธีการใช้น้ำมันบัวบก
ใช้น้ำมันที่ได้เอามาชโลมเส้นผม แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ
นวดเสร็จแล้วให้หมักทิ้งไว้โดยประมาณ 30 นาที
ครบเวลาแล้วให้สระผมด้วยน้ำอุ่นพร้อมแชมพูตามปกติ เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
น้ำมันบัวบก สรรพคุณช่วยทำนุบำรุงหนังศีรษะรวมทั้งเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ แก้ไขปัญหาผมตก ผมหงอกก่อนวัย
คำเตือนแล้วก็ข้อเสนอแนะ
สรรพคุณของใบบัวบกการกินใบบัวบกคุณควรพิจารณารากฐานของร่างกาย อย่ามองดูแต่ว่าคุณประโยชน์เพียงอย่างเดียว
บัวบไม่เหมาะสมกับคนที่มีสภาวะเย็นพร่อง หรือขี้หนาว ท้องเฟ้อบ่อยๆ
การกินบัวบกในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น จะทำให้ธาตุในร่างกา
[url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/
[/b]
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / รู้ไหมว่ากระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์อย่างมากๆ เมื่อ: สิงหาคม 14, 2018, 09:05:01 am
[/b]
กระเทีย[/size][/b]
กระเทียมกับประโยชน์ต่อร่างกาย
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b] เป็นพืชล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเช่นเดียวกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะประกอบด้วย 6-10 กลีบ นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงทำครัว กระเทียมเป็นพืชที่ค่อนข้างต่างจากพืชทั่วไป เพราะอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในจำนวนมาก นอกจากนี้กระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย ดังเช่น อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) รวมทั้งซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
กระเทียม
หลายๆคนอาจจดจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว ซึ่งเกิดขึ้นจากสารอัลลิซิน (Allicin) นอกเหนือจากการที่จะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่เด่นแล้ว อัลลิซินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แล้วก็อาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆ โดยที่ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าการกินกระเทียมอาจช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวเนื่องกับหัวใจรวมทั้งเส้นเลือด ความดันโลหิต คอเลสเตอรอล บรรเทาหวัด รวมทั้งใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อโรคทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมหล่นอีกด้วย
ดังนี้สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์หรือหลักฐานทางการแพทย์มีมากน้อยเท่าใดที่จะช่วยรับรองคุณประโยชน์ คุณประโยชน์ แล้วก็ความปลอดภัยของการกินกระเทียมที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยในการรักษาโรคกลุ่มนี้
ความดันเลือดสูง อัลลิสินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้ในกระเทียมสดหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวในเส้นโลหิตและก็ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวรวมทั้งทำให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดสอบชิ้นหนึ่งให้ผู้เจ็บป่วยที่หรูหราความดันโลหิตสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากกว่าหรือพอๆกับ 140 มิลลิตรปรอท กินกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มก. ตรงเวลา 12 อาทิตย์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดต่ำลงมากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่กินยาหลอก จึงอาจกล่าวได้ว่าการกินกระเทียมบ่มสกัดอาจมีความสามารถสำหรับเพื่อการรักษาคนเจ็บความดันโลหิตสูงได้ดียิ่งไปกว่ายาหลอก
ถึงแม้ว่าจะมีการทดสอบอีก 2 ชิ้นที่ชี้ให้เห็นถึงคุณภาพของกระเทียมสำหรับในการลดความดันโลหิตได้ดีกว่าการใช้ยาหลอก แต่เพราะผลการทดสอบอาจยังไม่ถูกต้องแม่นยำพอเพียงที่จะสรุปสมรรถนะของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นเลือดในคนไข้ความดันโลหิตสูง จึงยังจำต้องเล่าเรียนเพิ่มเพื่อยืนยันคุณภาพที่แน่ชัดเพิ่มขึ้น
โรคมะเร็ง ความเกี่ยวข้องของการบริโภคกระเทียมและก็ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังกำกวมแล้วก็ยังคงเป็นที่คัดค้านกันอยู่ ซึ่งจะมองเห็นได้จากการค้นคว้าชิ้นหนึ่งที่ให้ชาวจีนทั้งสิ้นศชายรวมทั้งเพศหญิงที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะจำนวนกว่า 5,000 คน กินสารอัลลิทริดินขนาด 200 มก.ต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยทำการทดลองเป็นเวลา 5 ปี และก็เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่กินยาหลอกแล้วพบว่ากลุ่มที่รับประทานสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมมีความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกต่ำลง 33 เปอร์เซ็นต์ และก็เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะลดน้อยลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
แม้กระนั้น มีการทำการวิจัยอีก 19 ชิ้นแสดงให้เห็นว่า ยังไม่พบหลักฐานที่น่าเชื่อถือพอดีจะช่วยส่งเสริมความเกี่ยวข้องของการบริโภคกระเทียมต่อการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะ มะเร็งทรวงอก มะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และก็มีหลักฐานที่ค่อนข้างจะจำกัดที่เกื้อหนุนว่าการบริโภคกระเทียมอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งในโพรงปาก หรือมะเร็งรังไข่
ทั้งนี้สถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) ได้บอกว่ากระเทียมเป็นผักประเภทหนึ่งที่อาจมีคุณสมบัติต้านทานโรคมะเร็ง แม้กระนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆยกตัวอย่างเช่น ลักษณะของสินค้าที่ทำจากกระเทียม หรือปริมาณความเข้มข้นที่มากมาย อาจจะส่งผลให้พิสูจน์ถึงสมรรถนะของกระเทียมได้ยาก รวมทั้งเมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บเอาไว้ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจก่อให้คุณภาพของกระเทียมเสื่อมสลายไปได้ด้วยเหมือนกัน
แก้หวัด หลายคนมั่นใจว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อจุลินทรีย์รวมทั้งเชื้อไวรัส และก็มีการนำมาใช้เพื่อคุ้มครองและก็บรรเทาอาการหวัดมาอย่างช้านาน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครปริมาณ 146 คน รับประทานสารสกัดจากกระเทียมชนิดเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิซินขนาด 180 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 12 อาทิตย์ แล้วให้อาสาสมัครเขียนบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกรุ๊ปที่รับประทานสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 65 ครั้ง ทั้งยังพบว่าช่วงเวลาของการเป็นหวัดในกลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากกระเทียมมีปริมาณวันที่น้อยกว่า แต่ว่าช่วงเวลาการฟื้นฟูสภาพจากอาการหวัดของอีกทั้ง 2 กรุ๊ปมีความต่างกันเพียงนิดหน่อย แม้ผลการทดลองข้างต้นจะชี้ให้เห็นถึงความสามารถของกระเทียม แม้กระนั้นหลักฐานการทดลองทางสถานพยาบาลยังน้อยเกินไปรวมทั้งจึงควรเล่าเรียนเพิ่มเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของกระเทียมให้ชัดแจ้งเพิ่มขึ้น
ลดน้ำหนักแล้วก็มวลไขมัน ในผู้เจ็บป่วยภาวะไขมันพอกตับ ที่ไม่ได้มีต้นเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่มักมีสาเหตุมาจากโรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันเลือดสูง รวมทั้งไขมันในเลือดสูง ซึ่งการดูแลรักษาด้วยการรับประทานยา การผ่าตัด หรือลดความอ้วนอาจไม่เพียงพอ ถ้าไม่ดูแลหัวข้อการทานอาหารพร้อมกันไปด้วย การรับประทานกระเทียมจึงบางทีอาจเป็นหนทางหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเหตุว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และสารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณลักษณะคุ้มครองภาวะอ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้ผู้เจ็บป่วยไขมันพอกตับที่มิได้เป็นผลมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งเพศชายและก็เพศหญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี จำนวนทั้งปวง 110 คน รับประทานกระเทียมผงชนิดแคปซูลขนาด 400 มิลลิกรัม ซึ่งข้างในประกอบไปด้วยสารอัลสิลินขนาด 1.5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 15 อาทิตย์ โดยสามารถกินอาหารได้ตามเดิม แต่รับประทานกระเทียมได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 กลีบ จากผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า น้ำหนักรวมทั้งมวลร่างกายลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก จึงอาจกล่าวได้ว่าการรับประทานกระเทียมอาจช่วยลดปริมาณไขมันในตับและก็คุ้มครองหรือชะลอการเกิดภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้มีเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ แม้กระนั้นการศึกษาเล่าเรียนในอนาคตยังจำเป็นที่จะต้องวางแบบการทดสอบให้ดียิ่งขึ้นและก็ควรจะเพิ่มช่วงเวลาสำหรับในการทดลองเพื่อรับรองประสิทธิภาพของกระเทียมให้แจ่มกระจ่างยิ่งขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงไม่ตรงกัน จึงทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับการทดสอบแล้วก็การเรียนโดยการทบทวนการค้นคว้าที่เกี่ยวพันปริมาณ 29 ชิ้น ได้ชี้ให้เห็นว่า การกินกระเทียมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้บางส่วน แม้กระนั้นไม่ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงขึ้น หรือไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลดน้อยลงแต่อย่างใด ก็เลยยังควรต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเพื่อหาข้อสรุปรวมทั้งยืนยันประสิทธิภาพของ[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทียม
ต่อระดับคอเลสเตอรอลที่แจ่มชัดเพิ่มขึ้น
[/b]
ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานกระเทียม
การกินกระเทียมค่อนข้างจะไม่เป็นอันตรายหากรับประทานในปริมาณที่สมควร แม้กระนั้นอาจจะเป็นผลให้เป็นผลข้างๆได้ ได้แก่ ปากเหม็น มีกลิ่นตัว รู้สึกแสบร้อนที่รอบๆปากหรือที่กระเพาะอาหาร แสบร้อนกึ่งกลางอก อาการท้องอืด อ้วก อาเจียน หรือท้องร่วง อาการเหล่านี้อาจทวีความร้ายแรงขึ้นเมื่อรับประทานกระเทียมสด ทั้งการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่บริเวณผิวหนังอาจก่อให้เกิดอาการแสบร้อนรวมทั้งระคายเคืองได้
ข้อควรปฏิบัติตามสำหรับเพื่อการกินกระเทียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้
คนที่กำลังท้องหรือคนที่อยู่ในตอนให้นมลูก การกินกระเทียมในตอนการมีครรภ์ค่อนข้างไม่เป็นอันตรายถ้ากินเป็นอาหารหรือในจำนวนที่เหมาะสม แม้กระนั้นบางทีอาจไม่ปลอดภัยถ้าเกิดกินกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าเชื่อถือพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในตอนการมีครรภ์หรือให้นมลูก
เด็ก การกินกระเทียมในจำนวนที่สมควรรวมทั้งในระยะสั้นๆอาจไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แม้กระนั้นการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะก่อให้กำเนิดอาการแสบร้อนแล้วก็เคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยอาหาร อาจจะส่งผลให้มีการเคืองที่ทางเดินของกินได้
ผู้ที่มีความดันเลือดต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจจะก่อให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลงมากยิ่งกว่าปกติ
คนที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานกระเทียมก่อนการผ่าตัดอย่างต่ำ 2 สัปดาห์ด้วยเหตุว่าอาจก่อให้เลือดออกมากแล้วก็ส่งผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด และก็คนที่มีภาวการณ์เลือดออกเปลี่ยนไปจากปกติไม่สมควรรับประทานกระเทียม โดยยิ่งไปกว่านั้กระเทียม[/url]สด เพราะว่าบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
คนที่อยู่ในระหว่างการกินยารักษาโรค ดังเช่นว่า ไอโซไนอะซิด เพราะเหตุว่ากระเทียมอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายแล้วก็มีผลต่อคุณภาพรูปแบบการทำงานของยา รวมถึงไม่สมควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดโรคไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคเอดส์
ยาคุม
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านทานเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/[/b][/size][/b]

Tags : สมุนไพรกระเทียม
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ขิง เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 03, 2018, 10:26:13 am
[/b]
ขิ[/size][/b]
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’เจอ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)
[url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิง
จัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายๆด้าน ด้วยเหตุว่าอุดมไปด้วยวิตามินแล้วก็ธาตุที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อสภาพร่างกายของพวกเรา เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยจำนวนหลายชิ้นอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ซึ่งมาจากขิงนั้น พวกเราสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น รวมทั้งผลก็ได้ทั้งนั้น
คุณประโยช์จากขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศ
มีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะๆ ช่วยชะลอความแก่และก็ชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการป้องกัน ต้านทานการเกิดโรคมะเร็ง ต้านทานการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ช่วยลดผลข้างเคียงจากสารเคมีที่ใช้สำหรับการรักษามะเร็ง ฉะนั้นควรจะรับประทานขิงพร้อมกันไปกับการดูแลรักษามะเร็งจะเป็นประโยชน์
[url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิง[/url] มีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น แล้วก็ช่วยสำหรับการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นสดๆเอามาทุบให้แหลกราว 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำกิน
ช่วยลดหุ่น ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากไส้ แล้วปลดปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดศีรษะและไมเกรน ด้วยการกินน้ำขิงเป็นประจำ
ช่วยลดความต้องการของผู้ติดสิ่งเสพติดลงได้
แก้ตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วเอามารับประทาน
ช่วยรักษาโรคความดันเลือด ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำกิน
ช่วยทำนุบำรุงหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยบรรเทาลักษณะของโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจหม่นหมอง (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับคุณแม่ข้างหลังคลอดบุตร ด้วยการรับประทานไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดโดยประมาณ 1 องคุลีเอามาต้มกับน้ำดื่ม ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้รับประทานเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงนมของมารดา (ผล)
ช่วยทำให้นอนหลับได้อย่างสบาย
การรับประทานขิงจะช่วยให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ประมาณครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วนำมาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการได้
ช่วยแก้หวัด ทุเลาอาการไอ ทุเลาหวัดจับเสลด ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือนิดนึง
ละอองน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในผู้ป่วยที่มีอาการติดยาสลบหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการใช้ขิงสดเอามาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำ (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
ช่วยขจัดปัญหาผมหล่น หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟจนกระทั่งอุ่น แล้วเอามาตำให้แหลก เอามาพอกรอบๆที่มีผมร่วง วันละ 2 ครั้งจนกระทั่งอาการ หรืออีกวิธีก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะกอกแล้วนำมาหมักผม นวดให้ทั่วหัวโดยประมาณ 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมหล่นได้เช่นเดียวกัน แถมยังช่วยทำให้ผมงาม แข็งแรง มีความอ่อนนุ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยทำนุบำรุงสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา แล้วก็ใช้แก้อาการตาฝ้า (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้งผาก เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอยุ่ย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาตีอย่างละเอียดคั่วกับน้ำสารส้มกระทั่งเกรียม แล้วบดจนถึงเป็นผง แล้วต่อจากนั้นนำมาพอกบริเวณฟันที่ปวดแก้เสลด เสมหะขาวเหลวจำนวนมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาสภาวะน้ำลายมากมาย คลื่นไส้เป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นแล้วก็เกลือเล็กน้อย เอามาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยบำรุงรักษาฟันและก็คุ้มครองการเกิดฟันผุ
ช่วยดับกลิ่นจั๊กกะแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาตีให้แหลก แล้วเอามาคั้นเอาน้ำมาทาจั๊กกะแร้เสมอๆ จะสามารถช่วยในการจัดการกับคราบกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำจนถึงแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งน้อย คนจนเข้ากันแล้วเอามาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดราวๆ 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลทรายแดง นำมาตำจนกระทั่งเข้ากัน แล้วกิน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดราว 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ เอามาทุบให้แตกแล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดการอ้วกอาเจียนจากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงท้องไม่สมควรกินหลายครั้งจนถึงเกินไป)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในลำไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาตีเพียงพอแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งเอาไว้ราวๆ 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้อของกิน
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดในช่วงก่อนหรือหลังรอบเดือน ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วประมาณ 30 กรัมมาต้มกับน้ำบ่อยๆ
ช่วยในการย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ดอก)
ช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดแผลในกระเพาะ ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยในการถ่าย รวมทั้งช่วยในเรื่องของระบบลำไส้ให้ดำเนินการได้อย่างปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกลำไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วเอามาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดปัสสาวะ (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาเยี่ยวรดที่พักผ่อนในคนไข้ที่มีภาวการณ์หยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการฟกช้ำ (ใบ)
ขิง ช่วยรักษาอาการปวดข้อตามร่างกายด้วยการกินขิงสดบ่อยๆ
มีฤทธิ์ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
แก้ปัญหาหนังที่มือลอกเป็นเกล็ด ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วนำมาแช่สุรา 1 ถ้วยชา ทิ้งเอาไว้ 1 วัน แล้วนำแผ่นขิงมาเช็ดบริเวณดังกล่าวมาแล้วข้างต้นวันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมบริเวณหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว เอามาเผาผิวนอกจนเป็นถ่าน คอยเฉือนถ่านที่ผิวนอกออกไปเรื่อยๆแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูนำมาทาบริเวณที่เป็นแผลหากถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆเอามาวางทับบริเวณที่ถูกกัดจะช่วยทุเลาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง ฯลฯ ช่วยปกป้องการแพ้อาหารทะเลจนถึงเกิดผื่นคัน ลมพิษ หรือของกินช็อกประโยชน์ของขิง
ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกบริเวณแผล เพื่อคุ้มครองปกป้องการอักเสบแล้วก็การเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันเหม็นหืนในน้ำมันได้
ในด้านการประกอบอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสของกินได้เป็นอย่างดี และสามารถช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารเจริญอีกด้วย
ในด้านความสวยสดงดงามนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนเพิ่มขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วนำมานวดรอบๆต้นขา ตูด หรือรอบๆที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความขรุขระของผิวได้อีกด้วย
สินค้าจากขิงนั้นนำมาแปรรูปได้หลายสิ่งหลายอย่าง อาทิเช่น ขนมบัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว เป็นต้น
[/b]
ขั้นตอนการทำน้ำขิง
วิธีการทำน้ำขิงขั้นตอนการทำน้ำขิงขั้นตอนแรกให้ตระเตรียมส่วนประกอบดังนี้ ขิงแก่ 1 กิโล / น้ำตาล 1 ถ้วยตวง / น้ำสะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด เอามาทุบให้แตก แล้วนำมาใส่ไว้ในหม้อต้ม เติมน้ำที่สะอาดลงไป เอาขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มกระทั่งน้ำเดือดและก็หลังจากนั้นจึงค่อยค่อยไฟลง ต้มราว 20 นาทีจนกระทั่งน้ำขิงละลายออกมากระทั่งหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วชูลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เติมน้ำตาลลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามความต้องการ) แล้วคนจะกว่าจะเข้ากัน
เรียบร้อยและก็สามารถนำมาดื่มได้ โดยเอามาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้ด้วยเหมือนกัน แต่ว่าควรจะเติมน้ำตาลมากยิ่งกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากจนเกินความจำเป็น ด้วยเหตุว่ามีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่ควรใช้จำนวนที่เข้มข้นจนถึงเกินความจำเป็น เพราะเหตุว่าจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เพราะว่าจะไปหยุดการบีบตัวของไส้ กระทั่งทำให้ไส้หยุดการบีบตัว โดยเหตุนี้ควรจะคั้นในปริมาณน้อยๆหรือดื่มจนเคยชินก่อน
เราชอบรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นของกินที่นิยมนำมาใช้สำหรับการเข้าครัวและก็ทำเครื่องดื่ม ซึ่งที่จริงแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการเยียวยารักษาโรคต่างๆได้สารพัด นับได้ว่าเป็นตัวช่วยสำหรับการรักษาโรคได้อย่างยิ่งจริงๆ แต่ว่าดังนี้เราก็ไม่สมควรจะหวังพึ่งคุณประโยชน์ของขิงเพียงอย่างเดียวสำหรับการรักษาโรค น่าจะทำอย่างอื่นหรือดูแลสุขภาพของพวกเราร่วมด้วยจะได้ประสิทธิภาพที่ดีนักแล
พวกเรามักนิยมใช้ขิงแก่ เนื่องจากยิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน ก็เลยมีคุณประโยชน์ทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน แล้วก็ยังมีใยอาหารเยอะขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย แต่ว่าเนื่องมาจากขิงมีรสเผ็ด มีคุณสมบัติอุ่น ก็เลยไม่เหมาะสมกับคนที่มีความร้อนภายในร่างกายอยู่แล้ว เช่นคนที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกกลางคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากกว่าปกติ แม้กระนั้นถ้าหากจะกินควรรอบคอบเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรขิง
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย