กระทู้ล่าสุดของ: duooitt01vg

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: ขิง เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อ: กันยายน 01, 2018, 08:38:31 am
ขิงเป็นสมุนไพรที่น่าอัศจรรย์อย่างไร
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / บัวบกเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์เเละสรรพคุณ เมื่อ: สิงหาคม 20, 2018, 09:03:08 am
[/b]
บัวบ[/size][/b]
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เติบโตในแถบอินเดีย แอฟริกา รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใบรวมทั้งลำต้นนำมาใช้เป็นยารักษาโรคตามหมอแผนโบราณของประเทศอินเดียและจีนมาอย่างยาวนาน ใช้รักษาหลายโรค เช่น โรคซิฟิลิส โรคหอบหืด หรือโรคสะเก็ดเงิน และก็ยังนำมาทำครัวได้อีกด้วย
ใบบัวบก
ใบ[url=http://www.disthai.com/16913509/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81]บัวบก
มีสารออกฤทธิ์หลักที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอยู่หลายอย่าง เช่น ซาโปนิน (Saponin) หรือสามเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) ทวีปเอเชียตำหนิวัวไซด์ (Asiaticoside) กรดทวีปเอเชียว่ากล่าวก (Asiatic Acid) มาเดแคสโซไซด์ (Madecassoside) รวมทั้งกรดมาดีค้างสสิค (Madecassic Acid) จึงทำให้นำมาใช้ในทางการแพทย์ โดยเชื่อว่ามีสรรพคุณหลายประเภท ตัวอย่างเช่น ทุเลาอาการอักเสบ แม้ใช้รับประทานอาจมีคุณลักษณะช่วยลดระดับความดันโลหิตในหลอดโลหิตดำ รวมทั้งประยุกต์ใช้รักษาโรคหรืออาการที่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการต่อว่าดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตต่างๆเช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ การตำหนิดเชื้อที่ระบบทางเท้าฉี่ โรคงูสวัด โรคเรื้อน อหิวาต์ โรคบิด โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคพยาธิใบไม้ในเลือด เป็นต้น นอกเหนือจากนี้ ยังมีความคิดว่าแม้ใช้ใบบัวบกทาที่ผิวหนังบางทีอาจช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการสมานบาดแผล ลดเลือนรอยแผลเป็น รวมถึงปัญหาท้องลายที่มีต้นเหตุมาจากการตั้งครรภ์ แต่ว่าสิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์หรือหลักฐานทางการแพทย์มีมากน้อยมีมากน้อยเท่าใดที่จะช่วยยืนยันความเลื่อมใส คุณประโยชน์ แล้วก็ความปลอดภัยของใบบัวบกสำหรับเพื่อการรักษาโรคพวกนี้
การดูแลรักษาด้วยใบบัวบกที่บางทีอาจได้ผล
เส้นโลหิตขอด มีการเรียนชิ้นหนึ่งแถลงการณ์ว่าใบบัวบกอาจมีส่วนช่วยบำรุงแล้วก็สร้างสมดุลในการเติบโตของเยื่อเกี่ยวข้อง (Connective Tissues) เพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นเลือด ส่งผลต่อความดันในเส้นเลือดฝอยรวมทั้งเส้นโลหิตขอด ลดอัตราการกรองของเส้นเลือดฝอยโดยแก้ไขการไหลเวียนของเลือด นอกจากนี้ ยังมีการเรียนโดยการทบทวนการค้นคว้าที่เกี่ยวโยง 8 ชิ้นเกี่ยวกับการรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบกในผู้เจ็บป่วยที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดเรื้อรัง พบว่าอาการปวดขา ขาหนัก และก็อาการบวมน้ำทุเลาลงอย่างเป็นจริงเป็นจัง แม้สารสกัดจากใบบัวบกอาจช่วยทุเลาอาการคนเจ็บเส้นเลือดขอดเรื้อรังลงได้ แต่ว่าจากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยกล่าวว่าบทสรุปข้างต้นจำเป็นต้องตีความหมายด้วยความระวังเพราะว่าความจำกัดต่างๆของงานศึกษาวิจัย แล้วก็ยังจำเป็นที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกเพื่อหาหลักฐานที่มีความถูกต้องและก็มีคุณภาพมากพอสำหรับการประเมินประสิทธิภาพการดูแลรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบก
การรักษาด้วยใบบัวบกที่เป็นไปได้ แต่ยังมีหลักฐานเกื้อหนุนน้อยเกินไป
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง (Atherosclerosis) ใบบัวบกบางทีอาจช่วยสำหรับเพื่อการลดจำนวนไขมันในเส้นเลือดได้ จากการศึกษาชิ้นหนึ่งโดยให้อาสาสมัครโรคเส้นเลือดแดงแข็งที่ไม่แสดงอาการกรุ๊ปหนึ่งกินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกตรงเวลา 6 เดือน แล้วก็อีกกรุ๊ปไม่รับประทาน แล้วตรวจค้นความหนาแน่นของไขมันหรือพลัค (Plagues) ที่เกาะอยู่ตามเยื่อบุของเส้นโลหิต พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของอาสาสมัคร 2 กรุ๊ปไม่ได้มีความแตกต่างกัน แม้กระนั้นในกลุ่มที่รับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกพบว่า อนุมูลอิสระในเลือดต่ำลง จำนวนไขมันหรือพลัคที่เส้นโลหิตแดงใหญ่ที่คอแล้วก็ขาลดลง รวมถึงรูปแบบของพลัคทั้งความครึ้มแล้วก็ความยาวก็ต่ำลงด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังไม่พบอาการที่ไม่พึงปรารถนา สามารถทนต่ออาการใกล้กันได้ แล้วก็มีการบันทึกผลการตรวจเลือดบ่อยๆ เพราะเหตุว่าหลักฐานสนับสนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อโรคเส้นเลือดแดงแข็งยังไม่พอ จึงจะต้องศึกษาต่อไป
ปกป้องลิ่มเลือด การกินใบบัวบกอาจช่วยปกป้องการเกิดลิ่มเลือดที่ขาซึ่งมีต้นเหตุมาจากการโดยสารเครื่องบินเป็นระยะเวลานาน จากหลักฐานที่ได้รับการพัฒนาชี้แนะว่าใบัวบก[/url]อาจช่วยลดของเหลวและเพิ่มการไหลเวียนเลือดในคนที่ขึ้นรถเครื่องบินติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง แม้กระนั้น ยังไม่เป็นที่กระจ่างแจ้งว่าการเรียนชิ้นนี้จะหมายถึงการลดการสั่งสมของลิ่มเลือด เพราะว่าหลักฐานสนับสนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการคุ้มครองลิ่มเลือดยังน้อยเกินไป จึงจำเป็นจะต้องศึกษาต่อไป
กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวาน งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยหนึ่งให้คนไข้เบาหวานที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดฝอยปริมาณ 50 คน รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีสารตรีเทอร์พีนอยด์เป็นข้อสำคัญ ขนาด 60 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวันตรงเวลา 6 เดือน เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก พบว่าสารตรีเทอร์พีนอยด์ของใบบัวบกมีประโยชน์ต่อการไหลเวียนของโลหิตในหลอดเลือดฝอยของผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่หลักฐานส่งเสริมคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการไหลเวียนเลือดยังน้อยเกินไป จึงจึงควรศึกษาต่อไป
แผลโรคเบาหวาน มีการทำการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลกระทบของการกินสารสกัดจากใบบัวบกต่อแผลโรคเบาหวาน โดยแบ่งคนเจ็บเบาหวานจำนวน 200 คนออกเป็น 2 กรุ๊ป โดยกรุ๊ปหนึ่งรับประทานสารเอเชียตำหนิโคไซด์ซึ่งเป็นสกัดจากใบบัวบกขนาด 50 มิลลิกรัม และอีกกรุ๊ปรับประทานยาหลอกปริมาณ 2 แคปซูลหลังมื้ออาหารวันละ 3 ครั้ง และก็มีการให้คะแนนทุก 7 วัน พบว่าแผลของผู้เจ็บป่วยที่กินสารสกัดจากใบบัวบกมีการหดรั้ง (Wound Contraction) ที่ดีกว่าและไม่พบผลข้างเคียง หรือบอกได้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจมีความสามารถสำหรับในการรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น แล้วก็สามารถใช้ได้โดยสวัสดิภาพโดยไม่เกิดผลใกล้กัน แม้กระนั้นเพราะเหตุว่าหลักฐานช่วยเหลือคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการดูแลและรักษาแผลโรคเบาหวานยังไม่เพียงพอ จึงควรต้องศึกษาต่อไป
แผล สารออกฤทธิ์ของใบบัวบก ได้แก่ ทวีปเอเชียติโคไซด์ กรดทวีปเอเชียติก มาเดแคสโซไซด์ และก็กรดมาดีคาสสิค เป็นสารช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกายรวมทั้งอาจมีคุณภาพสำหรับเพื่อการรักษาแผลต่างๆทั้งยังแผลขนาดเล็ก แผลไฟลุก แผลเป็นจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคหนังแข็ง รวมถึงแผลแบบนูน ซึ่งจากงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยชิ้นหนึ่งได้แนะนำว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกรอบๆผิวหนังภายหลังเย็บแผลแล้ว 2 ครั้งต่อวัน ตลอดนาน 6-8 สัปดาห์ บางทีอาจช่วยลดการเกิดแผลได้ รวมถึงแผลแบบนูนหรือคีลอยด์ แต่เพราะเหตุว่าหลักฐานเกื้อหนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อแผลเป็นยังไม่พอ ก็เลยต้องศึกษาต่อไป
ท้องลาย จากการท้อง ได้มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยเสนอแนะให้ผู้ที่กำลังตั้งท้องทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี แล้วก็คอลลาเจน เสมอๆแต่ละวันในช่วง 6 เดือนสุดท้ายก่อนจะมีการคลอด ซึ่งบางทีอาจช่วยปัญหารอยแตกได้ ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีการทดสอบโดยให้หญิงมีครรภ์จำนวน 100 คน ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี รวมทั้งคอลลาเจน-อีลาสติน ไฮโดรไลเซท ทาบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของใบบัวบกอาจก่อให้กำเนิดรอยแตกหรือท้องลายน้อยกว่าในกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก แม้กระนั้นเนื่องมาจากหลักฐานเกื้อหนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อรอยแตกหรือท้องลายยังไม่แน่นอน ก็เลยจะต้องศึกษาต่อไป
ลดความรู้สึกกังวล การดูแลรักษาแบบแพทย์แผนจีนมีการนำใบบัวบกมาใช้เพื่อทุเลาอาการเซื่องซึมและความรู้สึกกังวล ซึ่งสอดคล้องกับการเล่าเรียนทดสอบชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับสมรรถนะของใบบัวบกสำหรับในการลดความกลุ้มใจ โดยสุ่มให้อาสาสมัครรับประทานใบบัวบกในปริมาณ 12 กรัมหรือรับประทานยาหลอก จากผลของการทดสอบทำให้เห็นว่าใบบัวบกมีฤทธิ์ต้านทานความไม่สบายใจ ช่วยลดความตึงเครียด แม้กระนั้นยังคงจำต้องเล่าเรียนเสริมเติมต่อไปถึงสมรรถนะของใบบัวบกสำหรับการรักษาโรคกังวล
โรครวมทั้งอาการอื่นๆดังเช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นลมเป็นแล้งแดด การติดเชื้อฟุตบาทฉี่ โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน ท้องเสีย ของกินไม่ย่อย ซึ่งยังจึงควรทำการวิจัยหาสมรรถนะและก็ความปลอดภัยในการรักษาถัดไป
[/b]
ความปลอดภัยในการรับประทานใบบัวบก
 การใช้สารสกัดจากใบบัวบกทาบริเวณผิวหนังอาจมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แม้กระนั้นการรับประทานใบบัวบกอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ผู้ที่กำลังท้อง หรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมลูก เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานด้านการแพทย์เพียงพอที่จะเกื้อหนุนถึงเรื่องความปลอดภัยอีกทั้งต่อเด็ก คุณแม่ หรือทารกในท้อง
การรับประทานใบบัวบกบางทีอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความย่ำแย่ต่อตับ ด้วยเหตุดังกล่าวคนที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับไม่ควรรับประทานใบบัวบก เพราะว่าอาจก่อให้อาการต่างๆแย่ลงได้ รวมถึงไม่สมควรกินใบบัวบกร่วมกับยาที่มีผลต่อตับในกรุ๊ปเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น พาราเซตามอล อะมิโอดาโรน คาร์บามาซีป่ายปีน ไอโซไนอะซิด ซิมวาสแตติเตียนน ฯลฯ
การรับประทานใบบัวบกในจำนวนมากอาจส่งผลให้รู้สึกง่วงงุนได้มากกว่าธรรมดา หรือแม้รับประทานร่วมกับยานอนหลับหรือยาความหนักใจน้อยลง อาทิเช่น โคลนาซีแพม ลอราซีแพม ฟิโนบาร์บิทอล รวมทั้งโซลพิเดม
ควรหยุดรับประทานใบบัวบกขั้นต่ำ 2 สัปดาห์สำหรับผู้ที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากบางทีอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้เพื่อการผ่าตัดและอาจส่งผลให้รู้สึกง่วงงุนได้มากขึ้น
ควรขอคำแนะนำหมอก่อนกินใบบัวบก ถ้าหากอยู่ในตอนการใช้ยาหรืออาหารเสริมประเภทอื่นๆอยู่เป็นประจำ เนื่องจากว่าอาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่ปรารถนาถ้าหากรับประทานใบบัวบกในระหว่างการรักษาของคนป่วยโรคกังวล ผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ผู้เจ็บป่วยอัลไซเมอร์ รวมทั้งคนที่ใช้ยานอนหลับหรือยาความกลุ้มอกกลุ้มใจลดลง รวมทั้งผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจจะก่อให้กดประสาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ http://www.disthai.com/[/b]
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรรากสามสิบรู้หรือไม่ว่ามีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 16, 2018, 03:59:47 pm
[/b]
รากสามสิ[/size][/b]
รากสามสิบ ชื่อสามัญ Shatavari8
รากสามสิบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Asparagus racemosus Willd. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Protasparagus racemosus (Willd.) Oberm.) จัดอยู่ในตระกูลหน่อไม้ฝรั่ง (ASPARAGACEAE) และก็อยู่ในสกุลย่อย ASPARAGOIDEAE4
สมุนไพร[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิ[/b] มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า สามร้อยราก (จังหวัดกาญจนบุรี), ผักหนาม (จังหวัดนครราชสีมา), ผักชีช้าง (จังหวัดหนองคาย), จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ), เตอสีเบาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เพียงพอควายเมะ (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), ชีช้าง, ผักชีช้าง, จั่นดิน, ม้าสามต๋อน, สามสิบ, ว่านรากสามสิบ, ว่านสามสิบ, ว่านสามร้อยราก, สามร้อยผัว, สาวร้อยผัว, ศตาวรี ฯลฯ
รูปแบบของรากสามสิบ
ต้นรากสามสิบ จัดเป็นไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม (หนามเปลี่ยนแปลงมาจากใบเกล็ดรอบๆข้อ) สามารถเลื้อยป่ายปีนต้นไม้อื่นขึ้นไปได้สูงราว 1.5-4 เมตร แตกแขนงเป็นเถาห่างๆลำต้นเป็นสีเขียวหรือสีขาวแกมเหลือง เถามีขนาดเล็กเรียว กลม เรียบ ลื่น แล้วก็เป็นเงา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 2-5 มิลลิเมตร เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม หนามมีลักษณะโค้งกลับ ยาวโดยประมาณ 1-4 มิลลิเมตร รอบๆข้อมีกิ่งแตกแขนงแบบรอบข้อ และกิ่งนี้จะกลายเป็นสีเขียวลักษณะแบนเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม กว้างโดยประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร และก็ยาวโดยประมาณ 0.5-2.5 มม. ทำแทนใบ มีเหง้าแล้วก็รากอยู่ใต้ดิน ออกเป็นกลุ่มเหมือนกระสวย รูปแบบของรากออกเป็นพวงเหมือนรากกระชาย ลักษณะอวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว มีขนาดโตกว่าเถามาก มีเขตผู้กระทำระจายชนิดในประเทศไทย อินเดีย ศรีลังกา ชวา จีน มาเลเซีย รวมทั้งออสเตรเลีย พบขึ้นตามป่าในเขตร้อนชื้น ป่าเขตร้อนแห้งแล้ง ป่าผลัดใบ ป่าโปร่งหรือตามเขาหินปูน
ต้นรากสามสิบ
สามร้อยราก
ใบรากสามสิบ ใบเป็นใบลำพัง แข็ง ออกรอบข้อเป็นฝอยๆเล็กเหมือนหางกระรอก หรือออกเรียงสลับเป็นกระจุก 3-4 ใบ ใบเป็นสีเขียวดก ลักษณะของใบเป็นรูปเข็มขนาดเล็ก ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีขนาดกว้างประมาณ 0.5-1 มม. และยาวราวๆ 10-36 มิลลิเมตร แผ่นมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน มีหนามที่ซอกกระจุกใบ ก้านใบยาวประมาณ 13-20 เซนติเมตร
ใบรากสามสิบ
ดอกรากสามสิบ มีดอกเป็นช่อกระจะ ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร โดยจะออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบและข้อเถา ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ดอกเป็นสีขาวและมีกลิ่นหอมยวนใจ มีประมาณ 12-17 ดอก ก้านดอกย่อยยาวประมาณ 2 มม. มีกลีบรวม 6 กลีบ แยกเป็น 2 วง วงนอก 3 กลีบ และวงในอีก 3 กลีบ กลีบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายกลีบมน ขอบเรียบ กลีบกว้างราว 0.5-1 มม. รวมทั้งยาวประมาณ 2.5-3.5 มิลลิเมตร กลีบมีลักษณะบางและก็ร่น โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปดอกเข็มยาวราว 2-3 มิลลิเมตร ส่วนปลายแยกเป็นแฉก ดอกมีเกสรผู้เชื่อมรวมทั้งอยู่ตรงข้ามกับกลีบรวม เป็นเส้นเล็ก 6 อัน ก้านชูอับเรณูเป็นสีขาว อับเรณูเป็นสีน้ำตาลเข้ม รังไข่เป็นรูปไข่กลับ อยู่เหนือวงกลีบ ยาวโดยประมาณ 1 มิลลิเมตร มี 2 ช่อง ในแต่ละช่องมีออวุล 2 เมล็ด หรือมากยิ่งกว่า ส่วนก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 แฉกขนาดเล็ก โดยจะออกดอกในตอนราวเมษายนถึงมิถานายน1,2,4,5
ดอรากสามสิบ
[/size][/b]
ผลรากสามสิบ ลักษณะของผลเป็นทรงค่อนข้างกลม หรือเป็นพู 3 พู ผิวผลเรียบวาว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-6 มิลลิเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีม่วงแดง ภายในผลมีเม็ดราว 2-6 เมล็ด เมล็ดเป็นสีดำ เปลือกมีลักษณะแข็งแม้กระนั้นเปราะ ให้ผลในตอนราวเมษายนถึงกรกฎาคม1,8
ผลรากสามสิบ
เม็ดรากสามสิบ
[/b]
สรรพคุณของรากสามสิบ
รากสามสิบมีรสเฝื่อนเย็น มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง ใช้เป็นยาชูกำลัง (ราก)
ตำราเรียนยาไทยจะใช้รากเป็นยาแก้กระษัย (ราก)
ในประเทศประเทศอินเดียจะใช้รากเป็นยากระตุ้นประสาท (ราก)
รากใช้ผสมกับเหง้าขิงป่าและต้นจันทน์แดง ผสมกับสุราโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาลดความดันโลหิตและก็ลดไขมันในเลือด (ราก)
รากสามสิบมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยไปกระตุ้นการทำงานของตับอ่อนให้เพิ่มการหลั่งสาร insulin (ราก)
อีกทั้งต้นหรือรากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาโรคคอพอก (ราก, ทั้งต้น)
ผลมีรสเย็น ใช้ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อเป็นยาดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง (ผล)
รากมีรสเฝื่อนเย็น ใช้กินเป็นยาแก้พิษร้อนในหิวน้ำ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอ (ราก)
ช่วยขับเสมหะ4 แก้การต่อว่าดเชื้อที่หลอดลม (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาช่วยขับลม และก็ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร (ราก)
ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับไส้ แก้อาการของกินไม่ย่อย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้อาการท้องร่วง แก้บิด (ราก)
ใบมีสรรพคุณเป็นยาระบาย (ใบ)
หนังสือเรียนยาสมุนไพรประจำถิ่นของจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้รากเอามาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
รากมีคุณประโยชน์เป็นยาแก้ขัดค่อย ขับฉี่ ช่วยหล่อลื่นรวมทั้งกระตุ้น (ราก)
ช่วยรักษาอาการรอบเดือนเปลี่ยนไปจากปกติของสตรี (ราก)
ต้นหรือรากเอามาต้มกับน้ำเป็นยาแก้ตกเลือด (ราก, ทั้งต้น)
ในอินเดียจะใช้รากสามสิบเป็นยากระตุ้นสมรรถภาพทางเพศทั้งชายแล้วก็หญิง คนทางภาคเหนือบ้านพวกเราจะใช้รากสามสิบทำเป็นยาดอง ใช้รับประทานเป็นยาบำรุงสำหรับเพศชาย กินแล้วรื่นเริงเหมือนม้า 3 ตัว ก็เลยมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ม้าสามต๋อน” ส่วนหมอยาโบราณจะใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งเป็นสาเหตุของชื่อ “สาวร้อยสามี” หรือ “สามร้อยสามี” พูดอีกนัยหนึ่งไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้ อายุเท่าไรก็ยังมองสาวเสมอ แม้กระนั้นไม่ใช่กินแล้วจะสามารถมีสามีได้เป็นร้อยคน ในตำราอายุรเวทจะใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับในการบำรุงสตรี ทำให้กลับมาเป็นสาว ช่วยจัดการกับปัญหาต่างๆของสตรี ไม่ว่าจะเป็นภาวการณ์รอบเดือนแตกต่างจากปกติ ภาวการณ์หมดประจำเดือน ปวดประจำเดือน ตกขาว มีลูกยาก ไม่มีอารมณ์ทางเพศ ช่วยบำรุงรักษาท้อง บำรุงนม คุ้มครองป้องกันการแท้ง ฯลฯ สำหรับแนวทางการใช้ก็ให้นำรากมาต้มกิน หรือนำรากมาตากแห้งแล้วบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง ยิ่งไปกว่านี้ยังคงใช้กระตุ้นนมในวัวนมได้อีกด้วย (ราก)
ใช้เป็นยาบำรุงตับและก็ปอดให้กำเนิดกำลังเป็นปกติ แก้ตับและปอดพิการ (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้พิษจากแมลงป่องกัดต่อย (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้ลักษณะของการปวดฝี ทำให้เย็น ช่วยทำลายพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน (ราก)
ช่วยทุเลาอาการระคายเคือง (ราก)
รากใช้รับประทานเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย ครั่นตัว (ราก)
ช่วยแก้อาการปวดข้อและคอ (ราก)
ใบมีสรรพคุณช่วยขับนม ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)
รากใช้เป็นยาบำรุงเด็กแรกเกิดในท้อง บำรุงน้ำนม บำรุงร่างกายข้างหลังการคลอดลูกของสตรี (ราก)
ใน “พระคัมภีร์สรรพคุณ (แลมหาพิกัด)” ได้เอ๋ยถึงคุณประโยชน์ของรากสามสิบไว้ว่า “ผักหวานตัวผู้มีรสหวาน แก้กำเดา แก้ตาโรค รากสามสิบทั้งยัง 2 มีคุณมากกว่าผักหวาน” กำเดาหรือไข้กำเดา มีอยู่ 2 ประเภท สิ่งแรกหมายถึงตัวร้อน เบื่อข้าว ปวดหัว และอีกอย่างหนึ่งหมายถึงมีลักษณะอาการรุนแรงมากกว่า มีเม็ดผุดขึ้นตามร่างกาย มีลักษณะอาการคัน ไอ มีเสมหะ รวมทั้งมีเลือดออกทางปากรวมทั้งจมูก (ราก)
ส่วนในหนังสือ “พระหนังสือเวชศาสตร์อนุเคราะห์” ได้เอ่ยถึงตำรับยารักษาคนธาตุหย่อนยาน อันมีตัวยารากสามสิบรวมอยู่ด้วยร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆอีกหลากหลายประเภท โดยบอกว่ามีคุณประโยชน์ (ที่ค่อนจะเข้าใจยาก) ว่าช่วยจำเริญชีวิตให้กำเนิดกำลัง ให้บำรุงธาตุไฟ ให้เจริญอินทรีย์แต่ละอย่าง มีกำลังมากไม่เหมือนกัน รับประทานเข้าไปแล้วหาโทษไม่ได้ ใช้ได้อีกทั้งเด็ก คนชรา คนมีกำลัง คนผอม คนไม่มีกำลัง คนธาตุหย่อน ให้ประกอบยานี้กันเหอะ อนึ่ง รับประทานแล้วให้มีขึ้นบุตร ให้อกตอแค่นดวงเดือนง 4 มีกำลัง ถึงกระหักก็ดี แพทย์ก็เชื่อถือรักษาด้วยการใช้ยานี้เถอะ (ราก)
อีกตำรับหนึ่งเป็นยาแก้โรคผอมแห้งแรงน้อย แก้หอบหืด แก้ปิดตะ และแก้โรคลมต่างๆจะมีสมุนไพรอยู่ด้วยกัน 20 อย่างแล้วก็รากสามสิบ (ราก)
ใน “พระคู่มือวรโยคสาร” ตำรับยา “วะระนาทิคณะ” เป็นตำรับยาที่ประกอบไปด้วยรากไม้ 17 อย่าง รวมทั้งรากสามสิบ ซึ่งเป็นตำรับยาที่ใช้แก้อันตะวิทราโรค หรือโรคที่มีอาการทิ่มแทงในลำไส้ใหญ่ ใช้เป็นยาแก้มันทาคินี แก้เสมหะ แก้ลุกลุมโรคหายแล และยังมีตำรับยาอีกอย่างก็คือ ตำรับยาแก้เสมหะ ที่มีสมุนไพรรวมอยู่ด้วย 16 อย่าง รวมถึงรากสามสิบ (ราก)
ตำรับยาบำรุงท้อง แก้ไข้ แก้ปวดหัว ประกอบไปด้วยสมุนไพร 13 จำพวก ได้แก่ รากสามสิบ แก่นสน กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก ชะลูด อบเชย เปลือกสมุลแว้ง เทียนทั้งยัง 5 บัวน้ำ 5 โกฐ 5 จันทน์ 4 และก็เทพทาโร (ใช้อย่างละเท่ากัน) นำทั้งสิ้นมาใส่ไว้ในหม้อฉาบหรือหม้อดิน เติมน้ำลงไปให้ท่วมยาสูงราว 6-7 ซม. แช่ทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 15 นาที แล้วนำขึ้นตั้งด้วยไฟอ่อนๆต้มต้มราว 30 นาที น้ำยาเดือดและมีกลิ่นหอมจึงยกลงจากเตา ใช้ดื่มก่อนที่จะกินอาหารเช้าตรู่รวมทั้งเย็น วันละ 2 เวลา เป็นยาบำรุงครรภ์อย่างยอดเยี่ยม (ราก)
นอกเหนือจากนั้นยังมีคุณประโยชน์ของรากสามสิบตามเว็บไซต์ต่างๆนอกเหนือจากที่กล่าวมา สมุนไพรชนิดนี้ยังมีสรรพคุณช่วยสร้างสมดุลให้แก่ระบบฮอร์โมนผู้หญิง แก้วัยทอง เพิ่มขนาดอกแล้วก็สะโพก ช่วยไขปัญหาช่องคลอดอักเสบ ดับกลิ่นในช่องคลอด ช่วยกระชับช่องคลอด ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ช่วยกระชับสัดส่วน ลดไขมันส่วนเกิน บำรุงเลือด บำรุงผิวพรรณ ลดสิว ลดฝ้า ทำให้ผิวขาวใส ช่วยชะลอความแก่เฒ่า ลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก ช่วยสร้างเสริมแล้วก็พัฒนาความจำรวมทั้งสติปัญญา (ไม่มีอ้างอิง)
ขนาดรวมทั้งวิธีใช้ : การใช้รากตาม ให้ใช้รากประมาณ 90-100 กรัม เอามาต้มกับน้ำดื่มวันละครั้งในเวลาเช้า
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของรากสามสิบ
สารสำคัญที่พบ ดังเช่นว่า asparagamine, cetanoate, daucostirol, sarsasapogenin, shatavarin, racemosol, rutin
สมุนไพรรากสามสิบมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต่อต้านเชื้อรา ลดการอักเสบ แก้ลักษณะของการปวด คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดจากความดันเลือดสูง ขับนม มีฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยั้งเบาหวาน ลดระดับไขมันในเลือด กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ ยับยั้งพิษต่อตับ
สารสำคัญที่พบในรากเป็นสาร steroidal saponins ซึ่งเป็นสารที่ปฏิบัติหน้าที่เอาอย่างฮอร์โมนเพศ จึงน่าจะมีบทบาทในการรักษาอาการที่เกิดขึ้นในช่วงวัยหมดระดูของสตรี รวมถึงการช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นเลือดรวมทั้งโรคกระดูกพรุน
จากการศึกษาเล่าเรียน
ในหนูแรทโดยใช้สารสกัดจากรากด้วยเอทานอล แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงฉับพลันรวมทั้งตอนยาวตลอด โดยการเล่าเรียนในช่วงรุนแรงป้อนสารสกัดเอทานอลจากรากสามสิบในขนาด 1.25 กรัมต่อกิโลกรัม ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน หนูแรทที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 แล้วก็จำพวกที่ 2 พบว่าไม่เป็นผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ช่วยทำให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของเดกซ์โทรส ในนาทีที่ 30  ส่วนการเล่าเรียนช่วงยาวสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 2 พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30%เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน แล้วก็เพิ่มไกลโคเจนที่ตับ เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปเบาหวานควบคุม ก็เลยสรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดจากรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการขัดขวางการสรุปยแล้วก็การดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต แล้วก็เพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งคงจะมีคุณประโยชน์สำหรับการนำไปใช้รักษาผู้เจ็บป่วยเบาหวานได้9
จากการทดลองทางคลินิก คือ การใช้รักษาโรคกระเพาะในคนจริงๆโดยการกินผงแห้งของราก พบว่าได้ประสิทธิภาพที่ดีสำหรับการรักษาแผลที่กระเพาะรวมทั้งลำไส้เล็ก จากการที่กรดเกิน
เมื่อปี ค.ศ.1997 ที่ประเทศอินได้ทำทดลองใช้รากสามสิบกับคนไข้ความดันโลหิตสูงจำพวก mild hypertension โดยทดลองเปรียบเทียบกับยาลดความดัน (Propranolol) ใช้ช่วงเวลากระทำการทดสอบนาน 3 เดือน ผลการทดลองพบว่า คนเจ็บมีความดันเลือดลดลง < 90 mm.Hg. แล้วก็ลดไขมันได้ประสิทธิภาพที่ดี

  • K. Mitra และภาควิชา (ค.ศ.1996) ที่อินเดียได้กระทำทดสอบการใช้สารสกัดจากรากสามสิบกับตัวทดลองที่ถูกกระตุ้นด้วย Streptozotocin ผลของการทดสอบพบว่า สารสกัดดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถกระตุ้นตับอ่อนของหนูให้เพิ่มการหลักhttp://www.disthai.com/[/b]


    Tags : สมุนไพรรากสามสิบ
4  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ตะไคร้สามารถนำมาทำอะไรได้บ้างเเละมีสรรพคุณประโยชน์อย่างไร เมื่อ: สิงหาคม 11, 2018, 04:23:26 pm
[/b]
ตะไคร้บ้า[/size][/b]
[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้
คุณประโยชน์[/size][/b]
"ตะไคร้" (Lemongrass) เป็นสมุนไพรก้นครัวที่พวกเรารู้จักแล้วก็รู้จักดีกันมานาน เนื่องจากว่าในของกินไทยหลายชนิดมักใส่ตะไคร้ลงไปเป็นเลิศในเครื่องปรุงด้วยเสมอ เป็นต้นว่า ต้มยำ ต้มข่าไก่ ยำ น้ำพริกต่างๆช่วยเพิ่มรสชาติและก็ค่าให้กับของกิน ส่งกลิ่นหอมเชื้อเชิญรับประทาน จนถึงแปลงเป็นสิ่งที่จะจำเป็นมากเลยในอาหารกลุ่มนี้ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมหวนส่วนตัวจากน้ำมันหอมระเหย ทำให้ตะไคร้ถูกใช้ประโยชน์เป็นกลิ่นในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากมาย ทั้งน้ำมันหอยระเหย น้ำมันทาตัว ยาจุดกันยุง สบู่ต่างๆ
ตะไคร้ จัดเป็นไม้ล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูลต้นหญ้า มีหลากหลายชนิด เว้นเสียแต่นำไปเข้าครัวแล้วแล้วก็ทำเป็นยาสมุนไพรแล้ว ตะไคร้บางประเภทยังช่วยไล่ยุงมดแมลงได้อีกด้วย จึงจัดเป็นพืชผักสวนครัวที่อยู่คู่กับคนประเทศไทยมานาน หลายบ้านก็เลยนิยมปลูกไว้ภายในบ้าน จะใช้เมื่อไรก็ตัดมาใช้ได้ทันที
ตะไคร้จัดเป็นสมุนไพรที่หลบคุณค่าไว้มาก เพราะว่าเป็นของกินรวมทั้งยารักษาโรค มีวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส แล้วก็โฟเลต คุณภาพคับแก้วขนาดนี้เกลียดตะไคร้ทดลองเปลี่ยนความคิดกันใหม่ หันมาชอบตะไคร้ให้มากขึ้นเรื่อยๆ จะได้ประโยชน์มากมายก่ายกองแน่นอน
ตะไคร้หอมไล่ยุงได้จริงหรือ?
ในตะไคร้หอม มีน้ำมันหอยละเหยอยู่ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับในการป้องกันแมลงได้ โดยครีมที่มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมละเหยในตะไคร้สามารถคุ้มครองปกป้องยุงลาย ยุงก้นปล่อง แล้วก็ยุงหงุดหงิดกัดได้ ยิ่งกว่านั้นยังฤทธิ์สำหรับในการกำจัดลูกน้ำยุงได้อีกด้วย
เว้นเสียแต่ยุงแล้ว สารสกัดจากตะไคร้หอมยังช่วยคุ้มครองแมลงประเภทอื่น อย่างเช่น ถ้าผสมสารสกัดตะไคร้กับสะเดาจะมีผลช่วยลดเพลี้ยอ่อนแล้วก็หนอนเจาะฝักซึ่งเป็นศัตรูของถั่วค้าง ส่วนยาสระผมที่มีส่วนผสมจากตะไคร้หอม สามารถฆ่าเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงได้
ลักษณะ
ลำต้นทรงกระบอก แข็ง เกลี้ยง ตามบ้องมักมีไขปกปะทุลม เหง้า มีข้อแล้วก็บ้องสั้นมาก กาบใบสีขาวนวล หรือสีขาวปนม่วง รสปร่า  มีกลิ่นหอมสดชื่นเฉพาะ
คุณประโยชน์
– ต้น : ใช้เป็นยารักษาโรคหือหอบ แก้ปวดท้อง ขับเยี่ยว และก็แก้อหิวาต์ นอกจากนั้นยังคงใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น รักษาโรคได้ อาทิเช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และขับเหงื่อ
– ใบ : ช่วยลดระดับความดันเลือดสูง แก้ไข้
– ราก : ใช้เป็นยาปรับแก้ เจ็บท้อง ท้องเดิน
– ต้น : ใช้เป็นยาขับลม ยาแก้ไม่อยากกินอาหาร แก้โรคฟุตบาทฉี่ นิ่ว เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญ ยิ่งไปกว่านี้ยังคงใช้ขจัดกลิ่นคาวได้ด้วย
– น้ำมัน : มีฤทธิ์ต้นเชื้อรา แล้วก็มีกลิ่นไล่สุนัขรวมทั้งแมว
ตำราเรียนยาไทย : ต้น รสหอมปร่า ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องอืดแน่นจุกเสียด แก้อาการเกร็ง ขับเหงื่อ แก้โรคทางเท้าเยี่ยว แก้อาการขัดเบา แก้นิ่ว แก้ฉี่เป็นเลือด ทำให้เจริญอาหาร ลดระดับความดันเลือด เหง้า แก้เบื่อข้าว บำรุงไฟธาตุ แก้กระษัย ขับลมในไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้เยี่ยวขัด แก้ฉี่ทุพพลภาพ แก้นิ่ว เป็นยารักษาโรคเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขับรอบเดือน ขับตกขาว ใช้ด้านนอกทาแก้อาการปวดบวมตามข้อ
ตะไคร้หอม
ตะไคร้ สรรพคุณ
ลักษณะ
ลำต้นเป็นข้อๆใบรูปขอบขนานปลายแหลม ใบยาวกว่าตะไคร้บ้าน ลักษณะของใบกว้าง 5-20 มิลลิเมตร ยาวโดยประมาณ 50-100 เซนติเมตร แผ่นใบแคบ ยาว แล้วก็นุ่มกว่าตะไคร้บ้าน มีสีเขียว ผิวเกลี้ยง แล้วก็มีกลิ่นหอมสดชื่นเหม็นเบื่อ ก้านใบเป็นกาบทับกันแน่นสีเขียวคละเคล้าม่วงแดง รากฝอยแตกออกจากโคน ต้นและก็ใบมีกลิ่นแรงกระทั่งกินเป็นอาหารมิได้ ต้น มีรสปร่า ร้อนขม
[/b]
คุณประโยชน์
– ต้น : ใช้เป็นยาแก้ปากแตกระแหง แก้ริดสีดวงในปาก ขับลมในไส้ แก้แน่น ขับโลหิตเมนส์ มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบบีบตัว ไม่เหมาะสมกับสตรีตั้งท้อง เพราะถ้าหากทานเข้าไป อาจก่อให้แท้งได้
– ใบ : ใช้เป็นยาคุมกำเนิด ชำระล้างไส้ ไม่ให้เกิดซาง
– ราก : แก้ลมจิตรวาด หัวใจ กระวนกระวายใจ เพ้อเจ้อ
– ต้น : แก้ลมพานไส้ แก้ธาตุ แก้เลือดลมผิดปกติ
– น้ำมัน : ใช้ทาป้องกันยุง มีฤทธิ์ไล่แมลง และใช้รักษาโรคเห็บสุนัข
ตำราเรียนยาไทย : ใช้ เหง้า เป็นยาบีบมดลูก ทำให้แท้งบุตรได้ คนตั้งท้องห้ามกิน นอกเหนือจากนี้ยังคงใช้ขับเมนส์ ขับเยี่ยว ขับตกขาว ขับลมในไส้ แก้แน่น แก้แผลในปาก แก้ตานซางในลิ้นและปาก บำรุงไฟธาตุ แก้ไข้ แก้อาเจียน แก้ริดสีดวงตา แก้ธาตุ แก้เลือดลมผิดปกติ
เหง้า ใบ แล้วก็กาบ เอามากลั่นได้น้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นเครื่องหอม ยกตัวอย่างเช่น สบู่ หรือพ่นทาผิวหนังกันยุง แมลง ทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม แก้ริดสีดวงในปาก
คุณประโยช์จากน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้
– น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว มีชีวิตชีวา ทำให้กระปรี้กระเปร่า คลายเครียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาลักษณะของการปวดโรคข้ออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ
-น้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากใบตะไคร้ ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ ช่วยต่อต้านเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี และก็ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้
ข้อควรคำนึง
ตะไคร้มีฤทธิ์ที่จะช่วยขับเลือด ทำให้มดลูกบีบตัว ห้ามใช้กับหญิงตั้งท้องด้วยเหตุว่าอาจก่อให้แท้งได้
5  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เห็ดหลินจือ รักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือ?.. เมื่อ: สิงหาคม 07, 2018, 05:06:28 pm
[/b]
เห็ดหลินจื[/size][/b]
เห็ดหลินจือ รักษาโรคโรคมะเร็ง
อีกหนึ่งการค้นคว้าที่ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิผลของสารโพลีแซ็คคาไรค์ในเห็ดหลินจือของผู้ในคนไข้มะเร็งปอด จากการวิเคาะห์พบว่า สารดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วมีส่วนสำหรับการยัยยั้งรูปแบบการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
จากการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยเยอะแยะถึงประสิทธิผลทางการรักษาโรคโรคมะเร็งของเห็ดหลินจืออาจมีผลต่อการต้านการอักเสบในผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งปอดบางราย แม้กระนั้นยังคงไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์หรือการทดสอบด้านการแพทย์ที่ให้ข้อมูลเพียงพอที่ช่วยเหลือให้ใช้เห็ดหลินจือในการรักษาโรคมะเร็งอย่างเป็นทางการ
เมื่อพินิจพิจารณาเปรียบเทียบจากการรวบงานศึกษาวิจัยที่เรียนรู้ประสิทธิผลของ[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ
เพื่อรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ 373 คน แม้จะพบว่าผู้เจ็บป่วยสนองตอบต่อการรักษาด้วยเคมีบำบัดรักษาหรือรังสีบรรเทาก้าวหน้าขึ้นเมื่อรักษาร่วมกับการใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือ แต่ว่าเมื่อทดลองใช้เห็ดหลินจือเพียงอย่างเดียวกลับไม่มีประสิทธิผลในสำหรับในการทำให้โรคมะเร็งลดขนาดลงประการใด
นอกจากนี้ จาการทวนงานศึกษาค้นคว้าวิจัยพบว่ามีงานค้นคว้า 4 ชิ้นที่ส่งผลลัพธ์ส่งเสริมว่าเห็ดหลินจืออาจสัมพันธ์ต่อการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนไข้ให้ดียิ่งขึ้น และก็ในเวลาเดียวกัน ก็ส่งผลลัพธ์จากงานศึกษาเรียนรู้วิจัยหนึ่งที่แสดงถึงผลข้างคียงของเห็ดหลินจือ เป็นอาการคลื่นใส้แล้วก็นอนไม่หลับด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว ก็เลยอาจกล่าวได้ว่า สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์ทางคุณสมบัติรวมทั้งคุณประโยชน์ซึ่งมาจากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง การวิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงแค่การทดสอบในผู้ป่วยบางกลุ่มแค่นั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง ก็เลยยังคงเป็นเรื่องการค้นคว้าที่ควรทำงานทดสอบถัดไปเพื่อได้เห็นผลลัพ์ที่กระจ่างและมีคุณประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลและรักษาผู้เจ็บป่วยมะเร็งได้ในอนาคต
ภาวะต่อมลูกหมากโต รวมทั้งการเจ็บป่วยในระบบทางเท้าฉี่
มีกระบวนการทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดสอบในคนเจ็บเพศ 88 รายซึ่งมีอายุเกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะฉี่ขัดข้อง ข้างหลังการทดสอบกว่า 12 อาทิตย์ ผลลัพธ์ที่ได้คือ คนเจ็บต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ดียิ่งขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับการวัดปัญหาในระบบทางเท้าปัสวะของผู้ป่วยจากการตอบปัญหา กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากอะไร
ด้วยเหตุผลดังกล่าว การทดลองดังกล่าวมาแล้วข้างต้นก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่กระจ่างแจ้งพอเพียง จึงควรมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาหลังฐานที่เด่นชัดสำหรับในการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการดูแลและรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาด้านสุขภาพอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวเนื่อง
ลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลการทดสอบด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีคนป่วยโรคเบาหวานจำพวก 2 ร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่เป็นผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพพอเพียงจะสนับสนุนผลทางการรักษาเหล่านั้น และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับเพื่อการยืนยันด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเช่นกัน โดยหนึ่งในงานวิจัยพวกนั้น ได้แสดงถึงผลกระทบจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนเจ็บบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเสีย หรือท้องผูก
ดังนั้นควรต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงคุณภาพของเห็ดหลินจือในการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆกลุ่มนี้เพื่อคุ้มครองและการดูแลรักษาโรคเส้นโลหิตหัวใจต่อไป รวมถึงให้ได้การแจ่มกระจ่างชัดดเจนในด้านดังกล่าวมาแล้วข้างต้นมากขึ้น อันเป็นผลดีต่อแนวทางการรักษาคุ้มครองโรคหลอดเลือดหัวใจและก็อาการต่างๆที่เกี่ยวโยงถัดไปในอนาคต
ปริมาณที่เหมาะสมในการบริโรคเห็ดหลินจืออย่างแน่ชัด เนื่องประสิทธิผลรวมทั้งผลข้างคียงจากการบริโภค เพราะฉะนั้น ลูกค้า ควรศึกษาค้นคว้าเนื้อหาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และก็ขอคำแนะนำหมอหรือเภสัชกรก่อนจะมีการบริโรค เนื่องจากว่าหากแม้เห็ดหลินจือในแต่ละรูปแบบจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่ว่าสารเคมีรวมทั้งส่วนประต่างบางทีอาจส่งผลใกล้กันที่ทำให้เป็นอันตรายต่อสภาพร่างกายได้เช่นกัน
[/b]
โดยทั่วไป ปริมาณการบริโภคเห็ดหลินจือ/วันได้แก่
-เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่สมควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
-ผงสารสกัดเห็ดหลินจือ ไม่สมควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม
-สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1 มิลลิลิตร/วัน
ความปลอดภัยสำหรับในการบริโภคเห็ดหลินจือ
แม้จะมีการพิสูจน์ถึงคุณประโยชน์ในบางด้านที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้จากการบริโภคเห็ดหลินจือ แม้กระนั้นคนซื้อก็ควรศึกษาค้นคว้าเนื้อหาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ แล้วก็ขอความเห็นแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการบริโภค โดยเฉพาะ ควรระมัดระวังในด้านปริมาณรวมทั้งแบบอย่างเห็ดหลินจือที่บริโภค ด้วยเหตุว่าบางทีอาจเกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้ในวันหลัง
โดยข้อควรไตร่ตรองสำหรับการบริโภคเห็ดหลินจือยกตัวอย่างเช่น
ผู้ซื้อทั่วไป.......
-ควรบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนที่พอดิบพอดี
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ปี อาจจะเป็นผลให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ปี อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
-การบริโภคสารสกัดเห็ดหลินจืออาจก่อเกิดผลข้างเคียงได้ อาทิเช่น ปากแห้ง คอแห้งผาก คันจมูก เลือดกำเดาไหล ท้องไส้ปั่นป่วน ถ่ายเป็นเลือด
-การดื่มไวนเห็ดหลินจือ[/url]อาจนำไปสู่ผลข้างเคียงเป็นอาการผื่นคัน
-การดมหายใจเอาเซลล์ขยายพันธุ์ หรือ สปอร์ (Spores) ของเห็ดหลินจือเข้าไปอาจส่งผลให้กำเนิดอาการแพ้
ผู้ที่พึงระวังสำหรับเพื่อการบริโภคเป็นพิษ
คนที่ครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ยังไม่มีการรับรองผลข้างเคียงที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้ในกรุ๊ปผู้บริโภคนี้แต่ผู้ที่ตั้งครรภ์รวมทั้งคนที่กำลังให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเห็ดหลินจือ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพของตนเองและก็ลูกน้อย
ผู้ที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก อาจเพิ่มการเสี่ยงในการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนเจ็บบางรายที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด เพราะฉะนั้น เพื่อลดความเสี่ยง ผู้เจ็บป่วยควรหยุดบริโภคเห็ดหลินจือ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
คนที่มีปัญหาสุขภาพ
ความดันเลือดต่ำ เห็ดหลินจืออาจนำมาซึ่งการทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ด้วยเหตุนั้น คนไข้ภาวการณ์ความดันเลือดต่ำควรต้องหลบหลีกการบริโภคเห็ดหลินจือ
สภาวะเกล็ดเลือดต่ำ การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมากบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงในการเกิดภาวะมีเลือดออกในผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ด้วยเหตุนั้นคนไข้สภาวะเกล็ดเลือดต่ำจึงไม่ควรบริโภคเห็ดหลินจือ
สภาวะมีเลือดออกเปลี่ยนไปจากปกติ การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดภาวะมีเลือดออกในผู้ป่วยบางราย โดยยิ่งไปกว่านั้นในผู้ที่มีสภาวะเลือกออกไม่ดีเหมือนปกติอยู่แล้ว http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ
6  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ขิง มีคุณสมบัติในการช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง เมื่อ: สิงหาคม 04, 2018, 02:59:04 pm
[/b]
ขิ[/size][/b]
ถึงแม้ว่าขิงจะเป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ทำกับข้าวและมีสรรพคุณสำหรับเพื่อการรักษาโรค ถึงแม้ว่าขิงจะมีกลิ่นฉุนแล้วก็มีรสชาติเผ็ดร้อน เลยทำให้ไม่ถูกปากผู้คนจำนวนมากนั้น แต่ขิงก็เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ปรุงอาหารและมีคุณประโยชน์รักษาโรค พวกเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าสมุนไพรดีๆอย่างขิงนั้นเป็นประโยชน์และก็โทษอะไรที่เราคาดไม่ถึงบ้าง
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากขิง
+ ลดอาการท้องอืดถ้าคุณรู้สึกท้องอืดหรือของกินไม่ย่อยให้จิบชาน้ำขิงหรือรับประทานขิงสดจะทำให้คุณเข้าใจกันดีขึ้น หรือถ้าหากคุณเกิดอาการท้องอืดที่เกิดขึ้นจากด้านการกินถั่วละก็ คราวหน้าทดลองฝานถั่วบางๆลงไปในอาหารที่มีถั่ว โน่นก็จะช่วยลดของกินท้องอืดได้เช่นเดียวกันจ้ะ เพราะขิงนั้นเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน สามารถช่วยขับลม และก็กระตุ้นรูปแบบการทำงานของไส้ทำให้ อาการท้องอืดทุเลาลงได้
+ ช่วยทุเลาอาการไมเกรน
จากการศึกษาเล่าเรียน
พบว่า การกินขิงในขณะที่อาการไมเกรนใกล้กำเริบนั้น จะช่วยให้ความเจ็บจากอาการไมเกรนลดลงได้ เพราะว่าขิงจะไปช่วยสกัดการฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ นอกเหนือจากนี้ยังมีการศึกษาเล่าเรียนอื่น บอกให้เห็นอีกว่าขิงสามารถช่วยรักษาอาการไขข้ออักเสบ โดยพบว่าผู้ที่มีอาการของโรคข้อหัวเข่าเสื่อมหรือโรครูมาตอยด์มีอาการน้อยลงเมื่อบริโภคขิงผงบ่อยๆทุกเมื่อเชื่อวัน
คุณประโยช์จากขิง แล้วก็โทษที่คุณอาจไม่ได้นึกฝัน
+ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
 ขิงมีคุณสมบัติสำหรับในการช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยมีการเรียนพบว่าขิงช่วยให้เซลล์ของมะเร็งภายในรังไข่ตาย เนื่องจากว่าในขิงมีสารเคมีธรรมชาติที่ไปช่วยกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอรเรส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ก็เลยช่วยคุ้มครองโรคมะเร็งได้ ยิ่งกว่านั้นยังเจออีกว่าสินค้าอาหารเสริมที่มีขิงเป็นส่วนประกอบยังช่วยลดอาการอักเสบในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
+ ช่วยทุเลาอาการอาเจียน
 [url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87][url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิง
[/url]สามารถทุเลาอาการอ้วกได้ โดยชาวเอเชียนั้นชอบใช้ขิงสำหรับการช่วยบรรเทาอาการเมารถ หรือเมาเรือ นอกนั้นยังมีหลายการเล่าเรียนพบว่าขิงสามารถช่วยคุ้มครองรวมทั้งบรรเทาอาการอ้วกภายหลังจากการผ่าตัดและยังช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และก็อ้วกในคนป่วยโรคมะเร็งที่เข้ารับเคมีบำบัดรักษาได้อีกด้วย
+ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
 มีการเรียนใหม่พบว่า ขิงผงนั้นสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นกับคนไข้โรคเบาหวานประเภทที่ 2 แต่ก็ควรที่จะขอคำแนะนำหมอก่อนกินขิงร่วมกับยา เพราะขิงบางทีอาจทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษาได้ และก็ควรจะติดตามผลระดับน้ำตาลอย่างสนิทสนม เนื่องจากว่าถ้ารับประทานขิงมากเกินไปก็อาจจะก่อให้ระดับอินซูลินลดลงมากจนเกินความจำเป็นจนถึงอยู่ในจุดอันตรายได้
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากขิง และโทษที่คุณอาจคาดไม่ถึง
ขิงดอง สรรพคุณดีก็มีนะ รู้ยัง?
 เราอาจจะเคยทราบกันมาว่าการกินของดองไม่ใช้เรื่องดีสำหรับสุขภาพ แต่ว่าจะต้องขอนอกจากไว้สำหรับขิงดองจ้ะ เพราะในความเป็นจริงแล้วหากแม้ขิงดองจะเป็นของกินที่ผ่านการดองด้วยน้ำส้มสายชู แต่เรื่องสรรพคุณ แล้วก็คุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ ขิ[/b]ดองก็มีดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าขิงสดๆเลยล่ะจ้ะ ซึ่งคุณประโยชน์ซึ่งมาจากขิงดองมีดังนี้
* ช่วยแก้อาการเมาเรือ เมารถ และก็อาการแพ้ท้อง
[url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]

เพราะเหตุว่าขิงดองเป็นของกินที่มีกลิ่นแรงทั้งยังมีรสชาติเผ็ดอมเปรี้ยว เลยทำให้แปลงเป็นของกินที่เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะอาการเมาเรือ เมารถ แล้วก็สตรีที่กำลังตั้งท้อง ซึ่งชอบมีอาการแพ้ท้อง เอาไว้รับประทานในช่วงเวลาที่รู้สึกอาเจียน เพราะจะช่วยบรรเทาอาการได้จ้ะ ไม่ต้องพึ่งยาแก้เมา หรือยาแก้แพ้ท้อง ทดลองใช้ขิงดองมองนี่ล่ะค่ะ เด็ด !
* ช่วยล้างปากเวลากินอาหาร
 สำหรับผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยที่สงสัยว่าทำไมเวลาไปทานอาหารประเทศญี่ปุ่นแล้วบนจานอาหารประเทศญี่ปุ่นจะมีขิงดอง คำตอบก็คือขิงดองพวกนั้นมีไว้รับประทานล้างปากจ้ะ โดยส่วนใหญ่สำหรับการรับประทานอาหารประเทศญี่ปุ่น จะรับประทานขิงดองตามเข้าไปภายหลังกินอาหารจานนั้นหมดแล้ว เพื่อไม่ให้รสอาหารจานเดิมติดอยู่ในปากกระทั่งทำให้รู้สึกมันรวมทั้งรับประทานจานต่อไปไม่ไหว ทั้งยังทำให้ลิ้มรสของกินจานต่อไปได้อย่างมากอีกด้วย
* โซเดียมต่ำ
 ขิงดองจะมีรสจัด แม้กระนั้นน่าแปลกที่ขิงดองเป็นของกินที่มีโซเดียมต่ำมากเมื่อเทียบกับอาหารดองจำพวกอื่นๆเมื่อเอามารับประทานและทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวลหรือกลุ้มใจกับปริมาณโซเดียม ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความดันโลหิตสูงลงไปได้อีกเยอะเลย
คุณประโยช์จากขิง แล้วก็โทษที่คุณอาจคาดไม่ถึง
ข้อควรพิจารณาในการทานขิง
- อาจจะส่งผลให้เกิดภาวะเข้าแทรกสำหรับเพื่อการตั้งครรภ์ได้
 มีบางการศึกษาพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนในการตั้งท้องและการแท้ง แม้กระนั้นสำหรับในการมีท้องรายอื่นๆนั้นไม่พบว่าการรับประทานขิงจะก่อให้กำเนิดอาการพวกนั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอาเจียนจากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ดังนั้นคุณควรไปขอคำแนะนำหมอก่อนจะที่ใช้ขิงในการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตนเองจ้ะ
- นำมาซึ่งการก่อให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้
 ขิเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน หากรับประทานเข้าไปในจำนวนที่มากก็จะสามารถเยื่อบุด้านในโพรงปากเกิดการอักเสบจนถึงเป็นอาการร้อนในได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวไม่สมควรรับประทานขิงมากเกินความจำเป็นจ้ะ
- ยั้งการแข็งตัวของเลือด
 การศึกษาหนึ่งในออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีคุณประโยชน์ในการต้านทานการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถาบันสุขภาพของประเทศออสเตรเลียได้ออกคำเตือนให้งดเว้นการกินขิงตอนที่ใช้ยาละายลิ่มเลือดเพราะเหตุว่าจะมีผลให้เกิดการเสี่ยงสำหรับในการกำเนิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดออกได้ โดยเหตุนั้นหากคุณมีลักษณะเลือดออกผิดปกติหรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีกเลี่ยงการกินขิงจ้ะฃ [url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/
[/b]
7  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ขิง เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 03, 2018, 03:00:40 pm
[/b]
ขิ[/size][/b]
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’เจอะ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในตระกูขิง
(ZINGIBERACEAE)[/size][/b]
ขิง จัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายในหลายๆด้าน เพราะเหตุว่าอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ที่มีความหมายอย่างมากต่อสภาพร่างกายของพวกเรา เป็นต้นว่า วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยเยอะแยะอีกด้วย ซึ่งประโยช์จากขิงนั้น เราสามารถนำมาใช้ได้หลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น รวมทั้งผลก็ได้ทั้งหมด
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอด
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจำนวนไม่ใช่น้อย ช่วยชะลอความแก่และก็ชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยในการคุ้มครองปกป้อง ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง ต้านทานการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ช่วยลดผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้สำหรับการรักษาโรคมะเร็ง ด้วยเหตุนี้ควรจะรับประทานขิงควบคู่ไปกับการดูแลและรักษาโรคมะเร็งจะส่งผลดี
ขิ มีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และช่วยสำหรับในการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นสดๆเอามาตีให้แหลกประมาณ 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำดื่ม
ช่วยลดความอ้วน ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากไส้ แล้วปลดปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะและก็ไมเกรน ด้วยการกินน้ำขิงบ่อยๆ
ช่วยลดความต้องการของผู้ติดสิ่งเสพติดลงได้
แก้ตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วนำมากิน
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำดื่ม
ช่วยบำรุงรักษาหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยบรรเทาอาการโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจหม่นหมอง (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับมารดาข้างหลังคลอดลูก ด้วยการรับประทานไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดโดยประมาณ 1 องคุลีเอามาต้มกับน้ำกิน ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้กินเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงนมของมารดา (ผล)
ช่วยให้นอนได้อย่างสบาย
การรับประทานขิงจะช่วยทำให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ราวๆครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วนำมาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยทุเลาอาการได้
ช่วยแก้หวัด บรรเทาอาการไอ ทุเลาหวัดจับเสมหะ ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือหน่อยเดียว
ละอองน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในผู้ป่วยที่มีอาการติดยาสลบหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการใช้ขิงสดเอามาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำกิน (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
ช่วยแก้ไขปัญหาผมหล่น หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟจนอุ่น แล้วเอามาตำให้แหลก เอามาพอกรอบๆที่มีผมตก วันละ 2 ครั้งจนกระทั่งอาการดียิ่งขึ้น หรืออีกแนวทางก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันมะกอกแล้วนำมาหมักผม นวดให้ทั่วศีรษะราว 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมตกได้เช่นเดียวกัน แถมยังช่วยให้ผมสวย แข็งแรง มีความนิ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยทำนุบำรุงสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา และก็ใช้แก้อาการตามัว (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาเฉอะแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้ง เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอยุ่ย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาทุบอย่างรอบคอบคั่วกับน้ำสารส้มจนกระทั่งไหม้เกรียม แล้วบดจนถึงเป็นผุยผง ต่อจากนั้นเอามาพอกบริเวณฟันที่ปวดแก้เสลด เสมหะขาวเหลวปริมาณมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาภาวะน้ำลายมากมาย อาเจียนเป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นและก็เกลือเล็กน้อย นำมาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยทำนุบำรุงฟันและคุ้มครองการเกิดฟันผุ
ช่วยดับกลิ่นจั๊กกะแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาทุบให้แหลก แล้วเอามาคั้นเอาน้ำมาทารักแร้เสมอๆ จะช่วยขจัดคราบกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำจนถึงแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งบางส่วน คนจะกว่าจะเข้ากันแล้วเอามาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดราวๆ 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลแดง เอามาตำจนเข้ากัน แล้วรับประทาน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการอ้วก (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดประมาณ 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ เอามาทุบให้แตกแล้วต้มกับน้ำดื่ม
ช่วยลดการคลื่นไส้อาเจียนจากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงตั้งท้องไม่ควรกินหลายครั้งจนถึงเกินไป)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาตีพอแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้ออาหาร
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดในช่วงก่อนหรือหลังรอบเดือน ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วโดยประมาณ 30 กรัมมาต้มกับน้ำกินบ่อยๆ
ช่วยสำหรับในการย่อยอาหารได้อย่างมีคุณภาพ (ดอก)
ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะ ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยสำหรับการขับถ่าย และก็ช่วยในเรื่องของระบบลำไส้ให้ดำเนินงานได้อย่างเป็นปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกลำไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วเอามาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดฉี่ (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาฉี่รดที่นอนในคนไข้ที่มีสภาวะหยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว (ใบ)
[url=http://www.disthai.com/]ขิง
ช่วยรักษาอาการปวดข้อตามร่างกายด้วยการรับประทานขิงสดบ่อยๆ
มีฤทธิ์ช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
แก้ปัญหาหนังที่มือลอกเป็นขุย ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วเอามาแช่เหล้า 1 ถ้วยชา ทิ้งเอาไว้ 24 ชั่วโมง แล้วนำแผ่นขิงมาเช็ดรอบๆดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ววันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมรอบๆข้างหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว นำมาเผาเปลือกนอกจนเป็นถ่าน คอยเฉือนถ่านที่ผิวนอกออกไปเรื่อยแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูเอามาทาบริเวณที่เป็นแผลซึ่งถ้าหากว่าถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆนำมาวางทับรอบๆที่ถูกกัดจะช่วยทุเลาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง เป็นต้น ช่วยคุ้มครองการแพ้อาหารทะเลจนถึงเกิดผื่นคัน ผื่นคัน หรือของกินช็อกคุณประโยชน์ของขิง
ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกรอบๆแผล เพื่อคุ้มครองป้องกันการอักเสบและก็การเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันหืนในน้ำมันได้
ในด้านการปรุงอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสอาหารได้เป็นอย่างดี และสามารถช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารก้าวหน้าอีกด้วย
ในด้านความสวยสดงดงามนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนเพิ่มขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วเอามานวดบริเวณต้นขา ตูด หรือบริเวณที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความขรุขระของผิวได้อีกด้วย
สินค้าจากขิงนั้นนำมาดัดแปลงได้หลายประเภท ได้แก่ บัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว ฯลฯ
[/b]
กระบวนการทำน้ำขิง
วิธีทำน้ำขิงวิธีการทำน้ำขิงขั้นตอนแรกให้จัดเตรียมส่วนผสมดังต่อไปนี้ ขิงแก่ 1 โล / น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง / น้ำสะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด เอามาตีให้แตก แล้วเอามาใส่เอาไว้ภายในหม้อต้ม เพิ่มเติมน้ำที่สะอาดลงไป ยกขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มจนน้ำเดือดแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยเบาไฟลง เคี่ยวโดยประมาณ 20 นาทีกระทั่งน้ำขิงละลายออกมาจนหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วยกลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เพิ่มน้ำตาลทรายแดงลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามความปรารถนา) แล้วคนจนเข้ากัน
เป็นระเบียบเรียบร้อยและก็สามารถนำมากินได้ โดยนำมาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้เช่นกัน แต่ควรจะเติมน้ำตาลมากกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากเกินไป เพราะมีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่ควรใช้ปริมาณที่เข้มข้นจนกระทั่งเกินความจำเป็น เนื่องจากว่าจะมีอันตรายต่อสภาพทางด้านร่างกายได้ เพราะจะไปยับยั้งการบีบตัวของลำไส้ จนถึงทำให้ไส้หยุดการบีบตัว ฉะนั้นควรคั้นในปริมาณน้อยๆหรือดื่มจนเกิดความเคยชินก่อน
พวกเรามักจะรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นของกินที่นิยมประยุกต์ใช้ในการปรุงอาหารรวมทั้งทำเครื่องดื่ม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการบำบัดรักษาโรคต่างๆได้สารพัน ถือว่าเป็นตัวช่วยสำหรับในการรักษาโรคได้อย่างยิ่งจริงๆ แต่ว่าดังนี้พวกเราก็ไม่ควรจะหวังพึ่งสรรพคุณของขิงเพียงอย่างเดียวสำหรับการบำบัดรักษาโรค ควรจะทำอันอื่นหรือดูแลสุขภาพของพวกเราร่วมด้วยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีนักแล
พวกเรามักนิยมใช้ขิงแก่ เพราะเหตุว่ายิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน จึงมีสรรพคุณทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน และก็ยังมีใยอาหารเยอะขึ้นตามไปด้วย แต่ว่าเนื่องมาจากขิงมีรสเผ็ด มีคุณลักษณะอุ่น ก็เลยไม่เหมาะกับคนที่มีความร้อนภายในร่างกายอยู่แล้ว เช่นผู้ที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกช่วงเวลาค่ำคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากกว่าธรรมดา แต่ถ้าจะกินควรระมัดระวังเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/[/b]
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย