Advertisement
wartscaring รักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ ป้องกัน ยารักษาหายได้ ไม่ตาย
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดหูด [url=http://wartscaring.blogspot.com/]โรคหูดหงอนไก
ยารักษาหูดหงอนไก
ถุงยาง ช่วยได้แน่ หากใช้ถูกทางอย่างไรก็แล้วแต่ ถุงยางยังช่วยคุ้มครองปกป้องโรคติดต่อทางเพศสมาคมส่วนมากได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแต่จำต้องใช้ให้ถูกแนวทาง
ควรที่จะเลือกขนาดของถุงยางให้เหมาะกับขนาดของอวัยวะเพศของคุณสุภาพบุรุษ ถ้าเกิดไม่มั่นใจว่าจะต้องใช้แค่ไหน ให้ลองซื้อมาให้หลายๆขนาด แล้วดูความแน่นสำหรับในการสวมใส่
ไม่ควรสวมถุงยางเกิน 2 ชิ้นต่อการใช้ 1 ครั้ง เพราะเหตุว่าอาจทำให้ถุงยางอนามัยเสียดสีกันจนถึงขาดได้ง่าย
ควรใช้ถุงยางอนามัย 1 ครั้งต่อ 1 ชิ้น ให้เสร็จให้ทิ้งเลย ห้ามเก็บมาใช้ต่อ
สามารถใช้สารหล่อลื่นทาเคลือบภายนอกถุงยางอนามัย เพื่อการใส่เป็นไปได้โดยง่ายมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระนั้นควรที่จะทำการเลือกใช้ประเภทเจล ไม่ควรเลือกใช้รูปแบบน้ำมัน เนื่องจากบางทีอาจททำให้ถุงยางทรุดโทรม หรือฉีกจนขาดได้
ควรจะรูดอากาศออกจากกระเปาะของถุงยางให้หมดก่อนสวม เนื่องจากว่าอากาศข้างในถุงยางอาจจะเป็นผลให้ถุงยางแตก หรือขาดได้ง่ายเพิ่มขึ้น
หลังทำกิจกรรมเสร็จเป็นระเบียบเรียบร้อย ฝ่ายชายควรจะถอนอวัยวะสืบพันธุ์ออกมาก่อนที่อวัยวะเพศจะอ่อนตัว ปกป้องถุงยางอนามัยหลุดเข้าไปในช่องคลอดของข้างหญิง
กามโรค หรือโรคติดต่อทางเพศสัมชนิด ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
อาการทางผิวหนังอะไรบ้างที่อยู่ในข่ายถูกสงสัย ว่ามีเหตุมาจากโรคติดต่อทางเพศสัมชนิด หาคำตอบเหมาะนี่จ้ะ
1.หูดหงอนไก่
ติ่งเนื้องอกของผิวหนัง ที่เกิดขึ้นจาก Human PApilloma Virus ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมจำพวก
ไม่เฉพาะแต่เกิดเหมาะอวัยวะเพศ ยังเกิดถึงที่เหมาะรอบๆลิ้น ในลำคอ
2. โรคหนองใน
โรคหนองในมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โกโนเรีย
อาการในผู้ชายเป็นมีหนองออกมาจากปลายอวัยวะสืบพันธุ์
ส่วนในหญิงจะมีตกขาวขุ่น ปากมดลูกอักเสบ
3. เริมที่อวัยวะสืบพันธุ์
อาการจะเป็นกรุ๊ปของตุ่มน้ำ แตกออกเป็นแผลแสบ
4. แผลที่อวัยวะเพศจาก โรคซิฟิลิส
แผลที่อวัยวะสืบพันธุ์จะเกิดขึ้นในสามสัปดาห์หลังติดโรค
5. ผมหล่นจากซิฟิลิส
เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากซิฟิลิสระยะที่สองเป็นภายในสองเดือนแรกหลังติดโรค
ลักษณะผมร่วงเป็นหย่อมเสมือนมอดแทะเล็ม
6. ผื่นที่มือจากโรคซิฟิลิส
เจอในโรคซิฟิลิส ระยะที่สองเช่นกัน
โดยจะเป็นผื่นสีทองแดงมีสะเก็ด ที่มือเท้า
7.หูดข้าวสุก
เป็นตุ่มขาวขุ่นมีรอยบุบตรงกลางเหมือนสะดือ
8.กามโรค
หลังมีการเสี่ยง ไม่เกินสองสัปดาห์
จะกำเนิดตุ่ม แตกเป็นแผลก้นแผลสกปรก
9.โรคฝีมะม่วง
มีต้นเหตุมาจากการตำหนิดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
กำเนิดเป็นฝีที่ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ
10 หูดที่ลิ้น
โรคติดต่อทางเพศชมรมสามารถกำเนิดอาการที่โพรงปากได้ในกรณีติดต่อจากแนวทางการทำ oral sex
โรคอะไรบ้างสามารถติดต่อได้ทางเพศ
-โรคเอดส์ ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องติดเชื้อโรคชุบมือเปิบ
-โรคหนองใน ผลกระทบดังเช่นว่าติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ติดโรคกระจายทั่วร่างกายเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อห่อหุ้มหัวใจอักเสบได้
-โรคหนองในเทียม เกิดการติดโรคที่อุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ตามมาได้
-โรคซิฟิลิส กำเนิดแผลที่อวัยวะเพศ ถ้าหากมิได้รับการดูแลรักษาระยะท้ายที่สุดกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคที่ศีรษะหัวใจ ระบบประสาทได้
-โรคแผลริมอ่อน เกิดเป็นแผล ก้อนหนอง แผล ท่อปัสสาวะแคบได้ เพื่อมองรูป
-ฝีมะม่วง กำเนิดเป็นแผลติดโรค ลุกลามมีหนองหนองอาจแตกออกเป็นท่อ ระบายหนองออกสู่ด้านนอก
-เริม เป็นแผลที่อวัยวะเพศเป็นๆหายๆไม่มีการรักษาที่หายขาด
-พยาธิช่องคลอด มีตกขาวเปลี่ยนไปจากปกติ ท่อฉี่อักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ
-ติดเชื้อโรคแบคทีเรียในช่องคลอด ตกขาวมีสีแล้วก็กลิ่นผิดปกติ
-โลน เป็นตุ่มคันจากตัวโลนบริเวณอวัยวะเพศ
-หูดหงอนไก่ กำเนิดเป็นก้อนหูดซึ่งข้างหลังการดูแลรักษายังสามารถกลายเป็นได้บ่อย เพิ่มโอกาสการเกิดโรคมะเร็งทวารหนัก มะเร็งปากมดลูก
-หูดข้าวสวย เกิดเม็ดก้อนหูดข้าวสุกรอบๆผิวหนังที่ติดเชื้อ สามารถแพร่ขยายในตนเองได้โดยการเกา
วิธีเบื้องต้น สำหรับ
การรักษาหูดด้วยตัวเอง สามารถทำได้เองที่บ้าน (เป็นวิธีการที่ยังไม่ได้รับการรับรอง)
- การกระตุ้นแอนติบอดี ด้วยการใช้ก้อนน้ำแข็งเช็ดรอบๆที่เป็นหูดกระทั่งรู้สึกชา จากนั้นให้ใช้เข็มฆ่าเชื้อจิ้มลงไปในหูดลึกๆหลายๆครั้ง ซึ่งวิธีแบบนี้จะเป็นการนำเชื้อไวรัสไปสู่กระแสเลือดเพื่อให้ร่างกายเพียรพยายามต่อสู้กับมัน ทำให้หูดหายไปได้สุดท้าย วิธีแบบนี้การนี้บางทีอาจได้ผลดีมากมายสำหรับบางบุคคล โดยยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่มีหูดไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากว่าการจิ้มหูดเพียงแต่ 1 ตุ่มบนร่างกายจะช่วยทำให้ร่างกายพบหูดตุ่มอื่นๆรวมทั้งตรงเข้าไปทำลายได้ในทันทีทันใด
- ทาวิตามินซี ให้ใช้วิตามินซี 1 เม็ดเอามาบดแล้วหยดน้ำลงไปเพื่อได้เป็นยาป้ายข้นๆแล้วหลังจากนั้นให้ป้ายยาลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งเอาไว้ในช่วงเวลากลางวัน รวมทั้งเมื่อถึงในช่วงเวลากลางคืนให้แกะออกเพื่อผิวได้หายใจ
- แอสไพริน ให้ใช้ยาแอสไพริน 2-3 เม็ดเอามาบดให้รอบคอบ หยดน้ำลงไปเล็กน้อย แล้วนำยาที่ได้มาป้ายลงบนหูด แล้วให้นำปลาสเตอร์จำพวกติดแน่นมาปิดทับทิ้งไว้ 1 คืน (ในยาแอสไพรินจะมีกรดซาลิไซลิกที่ช่วยกัดหูดได้)
- เบตาดีน ให้ทาเบตาดีนลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งเอาไว้ตรงเวลา 1-2 วัน แล้วต่อจากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนแปลงปลาสเตอร์ยา
- ยาสีฟัน ให้ป้ายยาสีฟันลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ยาชนิดติดแน่น ทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน โดยให้ทำใหม่ไปเรื่อยๆจนกว่าหูดหายไป
- น้ำมันวิตามินอี ให้ฉีกแคปซูลวิตามินอีแล้วเช็ดน้ำมันลงบนหูดเพียงนิดหน่อย แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ในช่วงเวลาเช้า และแกะออกในค่ำคืนเพื่อให้ผิวได้หายใจ
- น้ำมันละหุ่ง ให้ทาน้ำมันละหุ่งลงบนหูดโดยใช้สำลีก้านวันละ 2 ครั้ง ซึ่งกรดในน้ำมันละหุ่งจะสามารถกัดกร่อนหูดได้ รวมทั้งใช้ได้ผลในด้านดีกับหูดที่มีขนาดเล็กแบนบนบริเวณใบหน้าหรือหลังมือ
หนทรีออยล์ ให้ทาทีทรีออยล์ลงบนหูดในจำนวนนิดหน่อย แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ โดยให้ทำขั้นต่ำเป็นเวลา 3 อาทิตย์ - น้ำมะนาว ให้บีบน้ำมะนาวลงบนหูด แล้วนำหอมใหญ่สดสับมาวางทับไว้ ให้ทำแบบนี้โดยประมาณ 30 นาที วันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 อาทิตย์
- เปลือกของพืชตระกูลส้ม ให้ปอกเปลือกมะนาวหรือเลมอนบางๆจนได้ขนาดใหญ่กว่าหูดบางส่วน แล้วปิดทับลงบนหูดโดยใช้ปลาสเตอร์ชนิดติดแน่นหรือเทปกาวแปะไว้อีกที แล้วให้เปลี่ยนเปลือกใหม่ทุกวี่ทุกวัน หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ หูดก็จะหลุดออกมา
แคร์รอคอยต ให้นำสนใจรอตมาหั่นเป็นชิ้นๆขูดสนใจรอตจนได้เนื้อละเอียด แล้วเติมน้ำมันมะกอกลงไปพอให้เป็นยาป้าย แล้วนำมาทาลงบนหูด 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 30 นาที โดยให้ทำแบบนี้ติดต่อกันตรงเวลา 2-3 อาทิตย์ - มะเดื่อ ให้นำมะเดื่อมาบดแล้วป้ายลงบนหูดทิ้งเอาไว้ราว 30 นาที โดยให้ทำเช่นนี้วันแล้ววันเล่า ตรงเวลา 2-3 อาทิตย์
- ใบโหระพา ให้ใช้ใบโหระพาสดนำมาบดแล้วปิดทับลงบนหูด โดยใช้เทปปิดแผลจำพวกกันน้ำพันเอาไว้ ให้ทำแบบนี้ทุกวี่ทุกวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ แล้วสารฆ่าเชื้อโรคเชื้อไวรัสในใบโหระพาจะช่วยฆ่าหูดให้ท่านเอง
- เปลือกกล้วย ให้ใช้ภายในของเปลือกกล้วยถูรอบๆที่เป็นหูดเป็นประจำ เนื่องจากโพแทสเซียมในกล้วยบางทีอาจช่วยทำให้หูดหายได้เร็วเพิ่มขึ้น หรืออีกแนวทางหนึ่งอาจนำเปลือกกล้วยมาตัดให้มีขนาดเล็กกว่าเทป เอาด้านในของเปลือกกล้วยปิดทับลงบนหูด และหลังจากนั้นก็ค่อยนำเทปผ้ามาปิด ปล่อยทิ้งเอาไว้ตรงเวลา 1 วัน โดยให้ทำเช่นนี้ทุกวี่ทุกวันจนกระทั่งหูดจะหายไป
- เบกกิ้งโซดา ให้ผสมผงฟูหรือเบกกิ้งโซดาและก็น้ำมันละหุ่งเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อครีม ต่อจากนั้นให้เอามาทาลงบนหูดในตอนกลางคืนโดยใช้ปลาสเตอร์ยาปิดเอาไว้ แล้วจึงแกะปลาสเตอร์ออกในตอนเช้าวันถัดไป แนวทางแบบนี้สามารถทำอีกครั้งได้เรื่อยตามความเหมาะสม
- แอปเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์ (Apple Cider Vinegar – ACV) ให้ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล แล้วนำสำลีก้อนขนาดพอให้ปิดหูดได้จุ่มน้ำส้มสายชู แล้วต่อจากนั้นให้ปิดด้วยปลาสเตอร์ยาทิ้งเอาไว้ 1 คืน โปรดจดจำไว้ว่า วิธีนี้อาจจะทำให้รู้สึกแสบได้ จะต้องแปลงสำลีทุกๆวัน แล้วก็แปะไว้ทุกคืน ต่อไปหนึ่งอาทิตย์เม็ดหูดจะเริ่มหลุดลอกออก
- จุ่มหูดลงไปในน้ำสับปะรด เพราะว่าในน้ำสับปะรดจะมีโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่ช่วยละลายหูดได้
- น้ำหล่อเลี้ยงจากต้นแดนดิไลออน (Dandelion) ให้เลือกต้นแดนดิไลออนสดๆมาหนึ่งต้น หักก้านออกเป็น 2 ท่อนแล้วก็ใช้น้ำหล่อเลี้ยงสีขาวขุ่นที่ไหลซึมออกมาจากก้านทาลงบนหูด โดยให้ทำแบบนี้วันละ 3-4 ครั้ง แล้วต่อจากนั้นให้ใช้หินภูเขาไฟมาขูดเพื่อเอาชั้นผิวที่ตายแล้วออก โดยให้ทำโดยตลอดจวบจนกระทั่งหูดหายไป
- น้ำร้อน เป็นแนวทางฐานรากโดยการจุ่มรอบๆที่เป็นหูดลงในน้ำที่ร้อนจัดๆซึ่งความร้อนจะทำให้หูดนุ่มขึ้นและอาจช่วยฆ่าเชื้อโรคไวรัสได้ แต่ควรระวังอย่าให้น้ำร้อนเกินกระทั่งลวกเท้า (แนะนำว่าอุณหภูมิของน้ำควรต่ำลงมากยิ่งกว่า 60 องศาเซลเซียส)
- น้ำร้อนและหินภูเขาไฟ ให้แช่หูดลงในน้ำร้อนตราบจนกระทั่งหูดเริ่มนุ่ม แล้วใช้หินภูเขาไฟหยาบสำหรับผลัดเซลล์ผิวขัดรอบๆหูดกระทั่งเจอชั้นผิวจริง จุ่มสำลีก้านลงในน้ำยาฟอกแล้วนำมาแตะบนหัวหูดประมาณ 15 นาที (อาจแสบบ้างบางส่วน) เสร็จแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- น้ำร้อนและก็เกลือทะเล ให้แช่บริเวณที่เป็นหูดลงในน้ำเกลืออุ่นๆตรงเวลา 10-15 นาที เพื่อให้หูดนุ่มขึ้น ต่อจากนั้นให้ขูดเอาชั้นผิวที่ตายแล้วบนหูดออกไปโดยใช้ตะไบเล็บหรือหินภูเขาไฟ ก็เลยนำเกลือทะเลเม็ดใหญ่มาถู แปะปลาสเตอร์ยาหรือเทปทับลงไปเพื่อให้เม็ดเกลือยังอยู่กับที่ และรอเปลี่ยนแปลงปลาสเตอร์ยาใหม่ภายหลังอาบน้ำ เสร็จแล้วให้ล้างมือให้สะอาดเพื่อคุ้มครองปกป้องการแพร่ไปของเชื้อหูด
- ทานอาหารที่ช่วยสร้างเสริมภูมิต้านทาน ตัวอย่างเช่น กระเทียม มันเทศ เมล็ดทานตะวัน ขนมปังโฮลเกรน ข้าว ฯลฯ
- กินกระเทียมจำพวกแคปซูล โดยให้รับประทานวันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันหลายสัปดาห์ แล้วหูดจะเริ่มหลุดออกในตอน 1-2 อาทิตย์แรก แต่ให้ทานถัดไปโดยตลอดกระทั่งหูดจะหายหมด รวมทั้งให้นำน้ำมันกระเทียมมาทาทับบริเวณที่เป็นหูดราว 1-2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 1 เดือน
ผลข้างเคียงของโรคหูดหงอนไก่- เว้นแต่ลักษณะของรอยโรคที่ไม่น่ามองแล้ว ในการติดโรคไวรัสสายพันธุ์ร้ายแรง ได้แก่ สายพันธุ์ 16, 18 ยังอาจส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งในระบบขยายพันธุ์และก็โรคมะเร็งทวารหนักได้ด้วย ส่วนผลข้างเคียงอื่นๆก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของรอยโรค ดังเช่นว่า อาจมีเลือดออกหลังร่วมเพศ ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการมีหูดข้างในปากมดลูก
- ในหญิงมีครรภ์ หูดหงอนไก่อาจโตขึ้นจนถึงขัดขวางคลอดจนทำให้เด็กคลอดออกมาลำบาก หรือเชื้ออาจเข้าไปในปากหรือคอของเด็กในขณะคลอด ก่อให้เกิดหูดในกล่องเสียงซึ่งมีลักษณะนาๆประการ ตั้งแต่เสียงแหบไปจนถึงมีการอุดกั้นของกล่องเสียง ทำให้เด็กออกเสียงหรือหายใจมิได้
- ในกรุ๊ปชายรักชายจะพบหูดหงอนไก่รอบทวารหนักหรือในทวารหนักได้มากกว่าคนทั่วๆไป ซึ่งการรักษาในตำแหน่งดังที่กล่าวมาข้างต้นจะทำได้ยากมาก เพราะไม่ว่าจะใช้ยาหรือใช้กรรมวิธีการผ่าตัด หูดหงอนไก่ก็มักจะเกิดซ้ำได้บ่อยมาก การได้รับการดูแลรักษาหลายครั้งก็เลยอาจจะส่งผลให้กำเนิดทวารหนักตีบและมีปัญหาในการขับถ่ายตามมาได้ ส่วนก้อนที่อยู่ลึกเข้าไปในทวารหนักอาจโตมากมายจนถึงทำให้คนเจ็บมีลักษณะอาการท้องผูก ในบางครั้งอาจมีเลือดออกหรือบิดขั้วจนถึงจะต้องผ่าตัดเร่งด่วนหรือต้องสูดดมยาสลบ ยิ่งไปกว่านี้ยังมักพบการตำหนิดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 ร่วมด้วยอยู่เสมอๆซึ่งจะชมรมกับการเกิดโรคมะเร็งทวารหนักได้
- กำเนิดหูดหงอนไก่ที่ทางเดินหายใจ (Recurrent Respiratory Papillomatosis – RRP)หมายถึงตั้งแต่โพรงจมูกลงไปจนกระทั่งถุงลมในปอด พบได้มากได้มากที่สุดที่กล่องเสียง ทำให้คนไข้มีอาการเสียงแหบหรือเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจกระทั่งเสียชีวิตได้ ในเด็กมักมีต้นเหตุที่เกิดจากการต่อว่าดเชื้อจากแม่ในระหว่างการคลอดตามที่กล่าวมา ส่วนในผู้ใหญ่พบมากว่าเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องปาก หากแม้ภาวการณ์นี้จะเป็นภาวการณ์ที่พบได้ไม่บ่อย (พบได้ประมาณ 1-4 ต่อประชาชน 100,000 คน) แม้กระนั้นถ้าหากกำเนิดแล้วจะสร้างความปวดร้าวทรมาณต่อคนเจ็บเป็นอันมาก
- ทั้งประเด็นการรักษาที่เรื้อรังและค่าใช้สอยที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย เพราะว่าในผู้ใหญ่มักจะลงเอยด้วยการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของก้อนหูดเพื่อช่วยเรื่องทางเท้าหายใจ ซึ่งการผ่าตัดอย่างนี้จะทำเป็นยากมากมายตั้งแต่กระบวนการสูดดมยาสลบ ที่ผู้ป่วยบางทีอาจขาดอากาศหายใจได้เป็นบางช่วง นอกเหนือจากนี้ตามธรรมชาติแล้วรอยโรคก็มักจะกระจัดกระจายไปทั่ว ก็เลยทำให้ไม่สามารถกำจัดออกหมดได้ภายในครั้งเดียว รวมทั้งอาจต้องได้รับการผ่าตัดมากยิ่งกว่า 5 ครั้งในชีวิต ส่วนในเด็กมักจะต้องได้รับการผ่าตัดโดยเฉลี่ย 4.4 ครั้งต่อปี รวมแล้วราวๆ 19.7 ครั้งในช่วงชีวิต จึงนำมาซึ่งการก่อให้เกิดผลกระทบตามมาคือรอยแผล เป็นผลทำให้หลอดลมตีบรวมทั้งหายใจได้ทุกข์ยากลำบากในระยะยาว
ต้องการสั่งซื้อยา ปรึกษาแนะนำบอกต่อ เบอร์ 092-9899456 คุณนิธิพล#หูดหงอนไก่ #ขายยารักษาหูด #แพทย์แนะนำ #แพทย์ช่วยได้ #เป็นความลับ #ไม่บอก
Tags : ยารักษาหูด
