Advertisement
wartscaring รักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ ป้องกัน ยารักษาหายได้ ไม่ตาย
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดหูด
โรคหูดหงอนไกยารักษาหูดหงอนไก่ โรคนี้ส่วนใหญ่มาจากเพศสัมพันธ์
ถุงยาง ช่วยได้แน่ ถ้าใช้ถูกวิธีอย่างไรก็ดี ถุงยางยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยมากได้อย่างดีเยี่ยม แค่เพียงจำต้องใช้ให้ถูกแนวทาง
ควรจะเลือกขนาดของถุงยางให้เหมาะสมกับขนาดของอวัยวะสืบพันธุ์ของคุณสุภาพบุรุษ ถ้าหากยังไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องใช้ขนาดไหน ให้ลองซื้อมาให้หลายๆขนาด แล้วดูความแน่นสำหรับเพื่อการใส่
ไม่สมควรสวมถุงยางเกิน 2 ชิ้นต่อการใช้ 1 ครั้ง เนื่องจากอาจจะทำให้ถุงยางอนามัยเสียดสีกันกระทั่งขาดได้ง่าย
ควรที่จะใช้ถุงยางอนามัย 1 ครั้งต่อ 1 ชิ้น ให้เสร็จให้ทิ้งเลย ห้ามเก็บมาใช้ต่อ
สามารถใช้สารหล่อลื่นทาเคลือบด้านนอกถุงยาง เพื่อการสอดเป็นไปได้โดยง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ควรที่จะทำการเลือกใช้ชนิดเจล ไม่ควรเลือกใช้แบบเป็นน้ำมัน ด้วยเหตุว่าอาจททำให้ถุงยางอนามัยเสีย หรือฉีกขาดได้
ควรรูดอากาศออกมาจากกระเปาะของถุงยางอนามัยให้หมดก่อนสวม เนื่องจากว่าอากาศด้านในถุงยางอาจก่อให้ถุงยางอนามัยแตก หรือขาดได้ง่ายยิ่งขึ้น
ข้างหลังทำกิจกรรมเสร็จเรียบร้อย ฝ่ายชายควรถอนอวัยวะเพศออกมาก่อนที่อวัยวะสืบพันธุ์จะอ่อนตัว ป้องกันถุงยางหลุดเข้าไปในช่องคลอดของฝ่ายหญิง
กามโรค หรือโรคติดต่อทางเพศสัมชนิด ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
อาการทางผิวหนังอะไรบ้างที่เข้าเกณฑ์ถูกสงสัย ว่ามีเหตุที่เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ หาคำตอบได้ที่นี่จ้ะ
1.หูดหงอนไก่
ติ่งเนื้องอกของผิวหนัง ที่เกิดจาก Human PApilloma Virus ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมประเภท
ไม่เพียงแค่เกิดพอดีของลับ ยังกำเนิดพอดีบริเวณลิ้น ในคอ
2. โรคหนองใน
โรคหนองในมีต้นเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โกโนเรีย
อาการในผู้ชายคือมีหนองออกมาจากปลายอวัยวะสืบพันธุ์
ส่วนในสตรีจะมีตกขาวขุ่น ปากมดลูกอักเสบ
3. เริมที่อวัยวะสืบพันธุ์
อาการจะเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำ แตกออกเป็นแผลแสบ
4. แผลที่อวัยวะเพศจาก โรคซิฟิลิส
แผลที่อวัยวะสืบพันธุ์จะเกิดขึ้นในสามอาทิตย์ข้างหลังติดโรค
5. ผมตกจากซิฟิลิส
มีสาเหตุมาจากโรคซิฟิลิสระยะที่สองเป็นด้านในสองเดือนแรกข้างหลังติดโรค
ลักษณะผมตกเป็นหย่อมราวกับมอดแทะ
6. ผื่นที่มือจากซิฟิลิส
เจอในซิฟิลิส ระยะลำดับที่สองเช่นเดียวกัน
โดยจะเป็นผื่นสีทองแดงมีสะเก็ด ที่มือเท้า
7.หูดข้าวสุก
เป็นตุ่มขาวขุ่นมีรอยบุบตรงกลางคล้ายสะดือ
8.แผลริมอ่อน
ข้างหลังมีการเสี่ยง ไม่เกินสองอาทิตย์
จะกำเนิดตุ่ม แตกเป็นแผลตูดแผลเลอะเทอะ
9.ฝีมะม่วง
มีต้นเหตุที่เกิดจากการต่อว่าดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อทางเพศสมาคม
กำเนิดเป็นฝีที่ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ
10 หูดที่ลิ้น
โรคติดต่อทางเพศสมาคมสามารถเกิดอาการที่ช่องปากได้ในกรณีติดต่อจากแนวทางการทำ oral sex
โรคอะไรบ้างสามารถติดต่อได้ทางเพศ
-โรคภูมิคุมกันบกพร่อง ทำให้ภูมิคุ้มกันผิดพลาดติดเชื้อฉวยโอกาส
-โรคหนองใน ผลกระทบดังเช่นว่าติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ติดเชื้อโรคกระจายทั่วร่างกายเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อห่อหุ้มหัวใจอักเสบได้
-โรคหนองในเทียม มีการติดเชื้อที่อุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ตามมาได้
-โรคซิฟิลิส กำเนิดแผลที่อวัยวะเพศ ถ้าหากไม่ได้รับการดูแลและรักษาระยะท้ายที่สุดส่งผลให้เกิดโรคที่หัวใจ ระบบประสาทได้
-แผลริมอ่อน เกิดเป็นแผล ก้อนหนอง แผลเป็น ท่อฉี่แคบได้ เพื่อดูรูป
-ฝีมะม่วง กำเนิดเป็นแผลติดเชื้อ ลุกลามมีหนองหนองอาจแตกออกเป็นท่อ ระบายหนองออกสู่ข้างนอก
-เริม เป็นแผลที่ของลับเป็นๆหายๆไม่มีการดูแลรักษาที่หายสนิท
-พยาธิช่องคลอด มีตกขาวไม่ปกติ ท่อเยี่ยวอักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ
-ติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ตกขาวมีสีแล้วก็กลิ่นผิดปกติ
-โลน เป็นตุ่มคันจากตัวโลนบริเวณของลับ
-หูดหงอนไก่ เกิดเป็นก้อนหูดซึ่งหลังการดูแลรักษายังสามารถกลายเป็นได้หลายครั้ง เพิ่มโอกาสการเกิดโรคมะเร็งทวารหนัก โรคมะเร็งปากมดลูก
-หูดข้าวสวย กำเนิดเม็ดก้อนหูดข้าวสุกรอบๆผิวหนังที่ติดโรค สามารถแพร่กระจายในตนเองได้โดยการเกา
วิธีเบื้องต้น สำหรับ
การรักษาหูดด้วยตัวเอง สามารถทำได้เองที่บ้าน (เป็นวิธีการที่ยังไม่ได้รับการรับรอง)
- การกระตุ้นแอนติบอดี ด้วยการใช้ก้อนน้ำแข็งเช็ดบริเวณที่เป็นหูดกระทั่งรู้สึกชา แล้วหลังจากนั้นให้ใช้เข็มทำลายเชื้อจิ้มลงไปในหูดลึกๆหลายๆครั้ง ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการนำเชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อให้ร่างกายเพียรพยายามต่อสู้กับมัน ทำให้หูดหายไปได้ท้ายที่สุด แนวทางนี้การนี้อาจได้ผลลัพธ์ที่ดีมากสำหรับบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีหูดไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากว่าการจิ้มหูดเพียงแค่ 1 ตุ่มบนร่างกายจะช่วยให้ร่างกายเจอหูดตุ่มอื่นๆและก็ตรงเข้าไปทำลายได้ในทันทีทันใด
- ทาวิตามินซี ให้ใช้วิตามินซี 1 เม็ดเอามาบดแล้วหยดน้ำลงไปเพื่อได้เป็นยาป้ายข้นๆแล้วต่อจากนั้นให้ทายาลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งเอาไว้ในช่วงเวลากลางวัน และเมื่อถึงในช่วงกลางคืนให้แกะออกเพื่อให้ผิวได้หายใจ
- แอสไพริน ให้ใช้ยาแอสไพริน 2-3 เม็ดนำมาบดอย่างละเอียด หยดน้ำลงไปนิดหน่อย แล้วนำยาที่ได้มาป้ายลงบนหูด หลังจากนั้นให้นำปลาสเตอร์ประเภทติดแน่นมาปิดทับทิ้งเอาไว้ 1 คืน (ในยาแอสไพรินจะมีกรดซาลิไซลิกที่ช่วยกัดหูดได้)
- เบตาดีน ให้ทาเบตาดีนลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งเอาไว้ตรงเวลา 1-2 วัน จากนั้นจึงค่อยแปลงปลาสเตอร์ยา
- ยาสีฟัน ให้ป้ายยาสีฟันลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ยาชนิดติดแน่น ทิ้งไว้ราว 1 คืน โดยให้ทำอีกครั้งไปเรื่อยๆจนถึงหูดหายไป
- น้ำมันวิตามินอี ให้ฉีกแคปซูลวิตามินอีแล้วเช็ดน้ำมันลงบนหูดเพียงนิดหน่อย แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ในตอนเวลาเช้า แล้วก็แกะออกในยามค่ำคืนเพื่อผิวได้หายใจ
- น้ำมันละหุ่ง ให้ทาน้ำมันละหุ่งลงบนหูดโดยใช้สำลีก้านวันละ 2 ครั้ง ซึ่งกรดในน้ำมันละหุ่งจะสามารถกัดกร่อนหูดได้ และก็ใช้ได้ผลในด้านดีกับหูดที่มีขนาดเล็กแบนบนบริเวณใบหน้าหรือหลังมือ
คราวทรีออยล์ ให้ทาคราวทรีออยล์ลงบนหูดในจำนวนบางส่วน แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ โดยให้ทำอย่างน้อยตรงเวลา 3 สัปดาห์ - น้ำมะนาว ให้บีบน้ำมะนาวลงบนหูด แล้วนำหอมใหญ่สดสับมาวางทับไว้ ให้ทำเช่นนี้ราวๆ 30 นาที วันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันตรงเวลา 2-3 สัปดาห์
- เปลือกของพืชเครือญาติส้ม ให้ปอกเปลือกมะนาวหรือเลมอนบางๆจนได้ขนาดใหญ่กว่าหูดบางส่วน แล้วปิดทับลงบนหูดโดยใช้ปลาสเตอร์ชนิดติดแน่นหรือเทปกาวติดไว้อีกครั้ง แล้วให้เปลี่ยนเปลือกใหม่วันแล้ววันเล่า หลังจากนั้นราวๆ 1 อาทิตย์ หูดก็จะหลุดออกมา
สนใจรอคอยต ให้นำแคร์รอตมาหั่นเป็นชิ้นๆขูดห่วงใยรอตจนได้เนื้อละเอียด แล้วเติมน้ำมันมะกอกลงไปพอให้เป็นยาป้าย ต่อจากนั้นเอามาทาลงบนหูด 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 30 นาที โดยให้ทำเช่นนี้ติดต่อกันตรงเวลา 2-3 สัปดาห์ - มะเดื่อ ให้นำมะเดื่อมาบดแล้วป้ายลงบนหูดทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที โดยให้ทำแบบนี้ทุกวี่ทุกวัน ตรงเวลา 2-3 อาทิตย์
- ใบโหระพา ให้ใช้ใบโหระพาสดนำมาบดแล้วปิดทับลงบนหูด โดยใช้เทปปิดแผลจำพวกกันน้ำพันเอาไว้ ให้ทำแบบนี้ทุกๆวันเป็นเวลา 1 อาทิตย์ แล้วสารทำลายเชื้อไวรัสในใบโหระพาจะช่วยฆ่าหูดให้คุณเอง
- เปลือกกล้วย ให้ใช้ด้านในของเปลือกกล้วยเช็ดบริเวณที่เป็นหูดเสมอๆ ด้วยเหตุว่าโพแทสเซียมในกล้วยอาจช่วยให้หูดหายได้เร็วยิ่งขึ้น หรืออีกวิธีหนึ่งบางทีอาจนำเปลือกกล้วยมาตัดให้มีขนาดเล็กกว่าเทป เอาข้างในของเปลือกกล้วยปิดทับลงบนหูด แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำเทปผ้ามาปิด ปล่อยทิ้งเอาไว้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง โดยให้ทำเช่นนี้ทุกวี่วันจนกว่าหูดจะหายไป
- เบกกิ้งโซดา ให้ผสมผงฟูหรือเบกกิ้งโซดารวมทั้งน้ำมันละหุ่งเข้าด้วยกันจนถึงเป็นเนื้อครีม แล้วต่อจากนั้นให้เอามาทาลงบนหูดในช่วงเวลาค่ำคืนโดยใช้ปลาสเตอร์ยาปิดเอาไว้ แล้วจึงแกะปลาสเตอร์ออกในยามเช้าวันต่อไป แนวทางแบบนี้สามารถทำอีกครั้งได้เรื่อยตามความเหมาะสม
- แอปเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์ (Apple Cider Vinegar – ACV) ให้ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล แล้วนำสำลีก้อนขนาดพอให้ปิดหูดได้จุ่มในน้ำส้มสายยก แล้วหลังจากนั้นให้ปิดด้วยปลาสเตอร์ยาทิ้งเอาไว้ 1 คืน โปรดจดจำไว้ว่า แนวทางนี้อาจก่อให้รู้สึกแสบได้ จะต้องเปลี่ยนสำลีทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วก็แปะไว้ทุกคืน หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์เม็ดหูดจะเริ่มหลุดลอกออก
- จุ่มหูดลงไปในน้ำสับปะรด เนื่องจากในน้ำสับปะรดจะมีเอนไซม์ที่ช่วยละลายหูดได้
- น้ำเลี้ยงจากต้นดินแดนดิไลออน (Dandelion) ให้เลือกต้นแดนดิไลออนใหม่ๆมาหนึ่งต้น หักก้านออกเป็น 2 ท่อนแล้วใช้น้ำเลี้ยงสีขาวขุ่นที่ไหลซึมออกมาจากก้านทาลงบนหูด โดยให้ทำเช่นนี้วันละ 3-4 ครั้ง จากนั้นให้ใช้หินภูเขาไฟมาขูดเพื่อเอาชั้นผิวที่ตายแล้วออก โดยให้ทำโดยตลอดจนกว่าหูดหายไป
- น้ำร้อน เป็นวิธีรากฐานโดยการจุ่มรอบๆที่เป็นหูดลงในน้ำที่ร้อนมากๆซึ่งความร้อนจะก่อให้หูดนุ่มขึ้นแล้วก็อาจช่วยฆ่าเชื้อโรคไวรัสได้ แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำร้อนเกินจนลวกเท้า (แนะนำว่าอุณหภูมิของน้ำควรน้อยกว่า 60 องศาเซลเซียส)
- น้ำร้อนและหินภูเขาไฟ ให้แช่หูดลงในน้ำร้อนตราบจนกระทั่งหูดเริ่มนุ่ม แล้วใช้หินภูเขาไฟหยาบสำหรับผลัดเซลล์ผิวขัดบริเวณหูดจนถึงพบชั้นผิวจริง จุ่มสำลีก้านลงในน้ำยาฟอกขาวแล้วนำมาแตะบนหัวหูดราวๆ 15 นาที (อาจแสบบ้างน้อย) เสร็จแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- น้ำร้อนแล้วก็เกลือทะเล ให้แช่บริเวณที่เป็นหูดลงในน้ำเกลืออุ่นๆเป็นเวลา 10-15 นาที เพื่อให้หูดนุ่มขึ้น ต่อจากนั้นให้ขูดเอาชั้นผิวที่ตายแล้วบนหูดออกไปโดยใช้ตะไบเล็บหรือหินภูเขาไฟ จึงนำเกลือทะเลเม็ดใหญ่มาเช็ด แปะปลาสเตอร์ยาหรือเทปทับลงไปเพื่อให้เม็ดเกลือยังอยู่กับที่ แล้วก็รอแปลงปลาสเตอร์ยาใหม่หลังจากอาบน้ำ เสร็จแล้วให้ล้างมือให้สะอาดเพื่อคุ้มครองปกป้องการแพร่ไปของเชื้อหูด
- ทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ตัวอย่างเช่น กระเทียม มัน เม็ดทานตะวัน ขนมปังโฮลเกรน ข้าว อื่นๆอีกมากมาย
- รับประทานกระเทียมชนิดแคปซูล โดยให้รับประทานวันละ 2 ครั้ง ต่อเนื่องกันนับเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แล้วหูดจะเริ่มหลุดออกในตอน 1-2 สัปดาห์แรก แม้กระนั้นให้ทานต่อไปอย่างสม่ำเสมอกระทั่งหูดจะหายหมด รวมทั้งให้นำน้ำมันกระเทียมมาทาทับรอบๆที่เป็นหูดประมาณ 1-2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 1 เดือน
ผลข้างเคียงของโรคหูดหงอนไก่- เว้นเสียแต่ลักษณะของรอยโรคที่ไม่น่ามองแล้ว สำหรับการติดเชื้อเชื้อไวรัสสายพันธุ์รุนแรง เช่น สายพันธุ์ 16, 18 ยังอาจจะทำให้เกิดโรคมะเร็งในระบบสืบพันธุ์รวมทั้งโรคมะเร็งทวารหนักได้ด้วย ส่วนผลกระทบอื่นๆก็ขึ้นกับตำแหน่งของรอยโรค ได้แก่ อาจมีเลือดออกข้างหลังมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการมีหูดภายในปากมดลูก
- ในหญิงตั้งครรภ์ หูดหงอนไก่อาจโตขึ้นจนกระทั่งขัดขวางคลอดกระทั่งทำให้เด็กคลอดออกมาตรากตรำ หรือเชื้ออาจเข้าไปในปากหรือคอของเด็กในขณะคลอด นำไปสู่หูดในกล่องเสียงซึ่งมีลักษณะอาการนานับประการ ตั้งแต่เสียงแหบไปจนกระทั่งมีการอุดกั้นของกล่องเสียง ทำให้เด็กออกเสียงหรือหายใจไม่ได้
- ในกรุ๊ปชายรักชายจะเจอหูดหงอนไก่รอบทวารหนักหรือในทวารหนักได้มากกว่าคนทั่วไป ซึ่งการรักษาในตำแหน่งดังกล่าวข้างต้นจะทำได้ยากมาก เนื่องจากว่าไม่ว่าจะใช้ยาหรือใช้แนวทางการผ่าตัด หูดหงอนไก่ก็มักจะเกิดซ้ำได้บ่อยครั้ง การได้รับการดูแลและรักษาหลายทีจึงอาจส่งผลให้กำเนิดทวารหนักตีบรวมทั้งมีปัญหาสำหรับการถ่ายตามมาได้ ส่วนก้อนที่อยู่ลึกเข้าไปในทวารหนักบางทีอาจโตมากกระทั่งทำให้คนป่วยมีอาการท้องผูก ในบางครั้งอาจมีเลือดออกหรือบิดขั้วจนจะต้องผ่าตัดฉุกเฉินหรือจำเป็นต้องสูดดมยาสลบ นอกจากนั้นยังพบมากการตำหนิดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 ร่วมด้วยอยู่เป็นประจำซึ่งจะสมาคมกับการเกิดโรคมะเร็งทวารหนักได้
- กำเนิดหูดหงอนไก่ที่ดินเดินหายใจ (Recurrent Respiratory Papillomatosis – RRP)เป็นตั้งแต่โพรงจมูกลงไปจนถึงถุงลมในปอด พบมากได้มากที่สุดที่กล่องเสียง ทำให้ผู้ป่วยมีลักษณะเสียงแหบหรือมีการอุดกั้นทางเดินหายใจจนเสียชีวิตได้ ในเด็กมักมีต้นเหตุมาจากการติดเชื้อจากแม่ในระหว่างการคลอดจากที่กล่าวมา ส่วนในคนแก่มักพบว่าเกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ทางโพรงปาก แม้ภาวการณ์นี้จะเป็นสภาวะที่พบได้นานๆครั้ง (เจอได้ประมาณ 1-4 ต่อประชากร 100,000 คน) แต่ว่าแม้กำเนิดแล้วจะสร้างความทรมาณแสนสาหัสต่อคนป่วยอย่างมาก
- อีกทั้งเรื่องการรักษาที่เรื้อรังและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอย่างมหาศาล ด้วยเหตุว่าในคนแก่มักจะลงเอยด้วยการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของก้อนหูดเพื่อช่วยเรื่องทางเดินหายใจ ซึ่งการผ่าตัดแบบงี้จะทำเป็นยากมากตั้งแต่แนวทางการดมยาสลบ ที่คนป่วยอาจขาดอากาศหายใจได้เป็นบางช่วง นอกเหนือจากนี้ตามธรรมชาติแล้วรอยโรคก็มักจะกระจัดกระจายไปทั่ว ก็เลยทำให้ไม่อาจจะกำจัดออกหมดได้ข้างในครั้งเดียว และบางทีอาจจะต้องได้รับการผ่าตัดมากยิ่งกว่า 5 ครั้งในชีวิต ส่วนในเด็กมักจำเป็นที่จะต้องได้รับการผ่าตัดโดยเฉลี่ย 4.4 ครั้งต่อปี รวมแล้วโดยประมาณ 19.7 ครั้งในช่วงชีวิต ก็เลยทำให้มีการเกิดผลกระทบตามมาเป็นแผลเป็น ได้ผลสำเร็จทำให้หลอดลมตีบรวมทั้งหายใจได้ลำบากในระยะยาว
ต้องการสั่งซื้อยา ปรึกษาแนะนำบอกต่อ เบอร์ 092-9899456 คุณนิธิพล#หูดหงอนไก่ #ขาย
ยารักษาหูด #หมอเสนอแนะ #แพทย์ช่วยได้ #เป็นความลับ #ไม่บอก
Tags : โรคหูดหงอนไก่
